Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 385

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 385

385: ช่วยเหลือ
“เจ้าคนชั่วช้า!”
ฮั่นจิงเฟยโมโหขึ้นมาเมื่อพวกเขาลามปามไปถึงน้องสาวของตน เขาตวัดฝ่ามือตัวเองที่เป็นสีแดงเพลิงออกไป
นี่คือฝ่ามืออสนียิ่งใหญ่ของตระกูลฮั่นซึ่งเป็นเคล็ดวิชาอันทรงพลัง ผู้ที่ฝึกวิชานี้นั้นสามารถบรรลุสู่อู่จงได้โดยไม่มีปัญหาและยังมีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุสู่ขอบเขตเปิดชีพจรได้ด้วย
แน่นอนว่า ถึงฮั่นจิงเฟยจะหุนหันพลันแล่น แต่เขาก็ไม่ได้โง่ ตอนที่เขาคารามออกไป เขาก็ได้บอกใบ้ให้คนรับใช้ของเขาที่ข้างนอกนั้นกลับตระกูลไปขอความช่วยเหลือก่อนที่จะลงมือต่อสู้กับสองพี่น้องนี่แล้ว
“ฟ้าผ่านั้นประกอบด้วยพลังของสายฟ้าและเปลวเพลิง! ฝ่ามืออสนีของเจ้านี้มีเพียงแค่พลังของไฟ ขณะที่พลังของสายฟ้ายังไม่กระทั่งจะก่อตัวและเจ้ายังกล้าทาให้ตนเองอับอายด้วยวิชาฝีมือครึ่ง ๆ กลาง ๆ หรือ?”
ชายหนุ่มชุดเขียวหัวเราะเยาะแล้วเหยียดมือขวาออกมาเช่นกัน “ลองดูวิชาหยกปริศนาของข้า!”
เขาเหยียดแขนออก ผิวของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นผิวกระจ่างราวกับหยก มันดูงดงามราวสลักขึ้นจากก้อนหยก ชายหนุ่มชุดเขียวนั้นตั้งใจอวดโอ่จึงส่งพลังกว่าเก้าส่วนออกไปเพื่อสาแดงวิชา เขาต้องการให้ฮั่นจิงเฟยพ่ายแพ้
ขณะฟางหยวนมองเหตุการณ์พลิกผัน คิ้วของเขาก็ขมวดนิด ๆ
ชายหนุ่มชุดเขียวช่างชั่วร้าย ถ้าไม่มีใครห้ามเขาไว้ ฮั่นจิงเฟยคงได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่
“ปัง!”
สองฝ่ามือกระทบกันและสามารถรู้สึกถึงพลังของทั้งคู่ได้
เสียงสาลักดังมาขณะที่หนึ่งในสองคนนั้นปลิวถอยหลังไปกระแทกเข้ากับกาแพง สุราและอาหารหลายจานหกใส่ตัวเขา เขาได้รับบาดเจ็บและยังร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
“เอ๋?”
ม่านตาของชายหนุ่มในชุดน้าเงินหดลงขณะจอกสุราในมือถูกบีบแตก “ศิษย์น้อง?”
เขาวิ่งตรงไปข้างตัวชายหนุ่มชุดเขียวและเห็นศิษย์น้องของตัวเองร้องครางอย่างเจ็บปวดและกุมมือขวาของตัวเองเอาไว้ กระดูกแขนของเขาบางส่วนหักและทิ่มออกมาขณะเลือดยังคงไหลอยู่ตลอด มันเหมือนกับแขนของเขานั้นถูกสัตว์ร้ายสักตัวบดขยี้
“ศิษย์พี่…”
น้าตาไหลจากดวงตาของชายหนุ่มชุดเขียวขณะเขาพูดปนสะอื้น “ฝ่า… ฝ่ามือของเขามันประหลาดมาก! ท่านต้องแก้แค้นให้ข้านะ!”
“เจ้าวางใจได้!”
มือของชายหนุ่มชุดเขียวกาแขนของศิษย์น้องของตนไว้แน่นแล้วใช้ความเร็วดุจสายฟ้าจัดกระดูกกลับ เสียงจัดกระดูกลั่นออกมา ดวงตาของชายหนุ่มชุดเขียวกลอกกลับแล้วหมดสติไป
มือของชายหนุ่มชุดน้าเงินไม่หยุดขยับขณะใส่ยาวิเศษบนแผลของเขาและพันแผลเอาไว้ ด้วยความไวในการขยับมือ เห็นได้ชัดว่าเขามีประสบการณ์ในการทาแผลสูงทีเดียว
ครู่ต่อมา ชายหนุ่มชุดสีน้าเงินก็ลุกขึ้นยืนมองไปที่ฮั่นจิงเฟย เขามีสีหน้าจริงจังอย่างที่ไม่เคยปรากฏบนใบหน้ามาก่อนขณะพูด “ข้า หลานเฟยหงจากสานักหยกลึกลับ คารวะพี่ฮั่น ศิษย์น้องของข้านั้นพูดจาอวดดีเกินไปและยังไม่สุภาพไปบ้าง แต่เหตุใดท่านต้องลงมือหนักหน่วงเช่นนี้ด้วย?”
ชายหนุ่มชุดน้าเงินตอนนี้มองฮั่นจิงเฟยเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่งาฝีมือเอาไว้ ในใจเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
นอกจากนี้ กระทั่งตัวเขาเองยังไม่รู้เลยว่าฮั่นจิงเฟยจะมีวิทยายุทธ์สูงถึงเพียงนี้ หมายความว่าฮั่นจิงเฟยนั้นมีความสามารถมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้
“ข้า…”
ฮั่นจิงเฟยยังอึ้งอยู่และยืนอยู่ที่เดิม “ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น..”
“เดี๋ยวก่อนนะ พวกเขาสองคนอาจจะไม่ได้เก่งกาจอย่างที่ข้าคิดเอาไว้ ตอนที่เขาป่นไม้เป็นผงได้นั้นอาจจะเป็นเล่ห์กลอันใดสักอย่าง…”
ขณะที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจเขา ฮั่นจิงเฟยก็รู้สึกกล้าขึ้นมาและตะโกนใส่สองคนนั้น “ฮึ่ม! เจ้าโจรกระจอกทั้งสองกล้าเข้ามาอวดโอ่อย่างน่าละอายในเมืองสี่ธาตุแต่กลับไม่รู้จักดูว่าผู้ใดเป็นผู้ดูแลที่นี่อยู่! ข้าก็เพียงสอนบทเรียนพวกเจ้าสักหน่อยเท่านั้น!”
“ได้!”
หลานเฟยหงสูดลมหายใจยาวและดวงตาเป็นประกาย “พี่ฮั่นก็ช่วยสั่งสอนผู้น้อยอีกสักกระบวนท่าได้หรือไม่?”
“หึ! เจ้าก็ยังกล้าอวดดีอยู่อีก…”
ฮั่นจิงเฟยแค่นเสียง แต่ทันใดนั้น เขาก็เบิกตากลมกว้างปากอ้าค้างเป็นคางคก
เป็นเพราะว่า ที่ตรงหน้าเขานั้น หลานเฟยหงปล่อยกระบวนท่าออกมาอย่างเงียบเชียบ ที่รอบตัวหลานเฟยหงนั้นมีแสงสีเขียวเป็นประกายและยังเปลี่ยนไปอยู่ในรูปกระบองหยกที่เขากาเอาไว้แน่นในมือ
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ปลดปล่อยความน่ากลัวออกมาอย่างต่อเนื่องราวกับท่วมถึงฟ้า
“ปลดปล่อยพลังธาตุ? ปล่อยพลังธาตุออกจากร่างกาย? เขาเป็น… อู่จง…”
ฮั่นหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากอย่างตกใจ
นางเคยเห็นการปลดปล่อยพลังและความน่าหวาดกลัวเช่นนี้เพียงครั้งเดียวจากร่างของท่านปู่ซึ่งเป็นอู่จง
“นี่… นี่ไม่จริง… แต่ว่าพวกต้มตุ๋นนั้นไม่สามารถเลียนแบบอู่จงได้! เป็นไปได้ไหมว่าเขาพูดความจริง…”
ฮั่นจิงเฟยรู้สึกขมในปากราวกับดื่มสุรารสแรงลงไปและเกือบจะพูดไม่ออก
ฮั่นจิงเฟยนั้นเพิ่งบรรลุระดับสี่ประตูสวรรค์และเพิ่งสร้างหยินและหยาง เขากระทั่งยังไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูดินหรือว่าสร้างพลังธาตุก่อกาเนิดได้ด้วยซ้า และดังนั้น อู่จงย่อมจัดการกับเขาได้ง่ายราวปอกกล้วย!
“ลงมือเถิด!”
ที่ตรงข้ามเขา หลานเฟยหงดูจะไม่เชื่อว่าฮั่นจิงเฟยนั้นเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์อ่อนแอและมองเขาเป็นคนที่เสแสร้งเพื่อฉวยโอกาสเอาเปรียบ
สายตาของฮั่นจิงเฟยเข้มขึ้นขณะคิด “จนถึงตอนนี้ ข้าก็ยังไม่สามารถตรวจจับสิ่งผิดปกติจากร่างเขาได้ เคล็ดวิชาลับของเขาย่อมต้องทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง! ข้าจะประมาทมิได้!”
เพราะคิดเช่นนี้ หลานจิงเฟยจึงขยับมือท่วงท่าแปลกประหลาดและเผยเคล็ดวิชาอันเป็นที่ภาคภูมิออกมา “กระบวนท่าแปดเมฆา!”
ทันใดนั้น ฮั่นจิงเฟยก็เห็นอู่จงผู้นั้นพุ่งตรงมาหาเขาพร้อมกับสองมือเปลี่ยนพลังธาตุเป็นกระบองหยก เงาของกระบองหยกทั้งสองนั้นสะท้อนพลังอันไร้จากัดของมันออกมา
ยิ่งไปกว่านั้น ความคิดอันร้ายกาจหนึ่งก็แทรกซึมเข้ามาในใจเขาทาให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้และยืนนิ่งอยู่ราวกับกระต่ายตัวจ้อยเผชิญหน้ากับเสือร้าย
“ท่านพี่!”
ภายใต้เงาของกระบองหยก มีเพียงเสียงเด็กสาวกรีดร้องอย่างหวาดกลัวดังมา
“ตูม!”
ทันใดนั้น เสียงระเบิดดังขึ้นและพลังธาตุที่ปลดปล่อยออกมาก็สลายไปในทันที ฮั่นจิงเฟยยืนอยู่กับที่และมองไปที่นิ้วมือของตนอย่างประหลาดใจ
ที่ตรงข้ามกับเขา หลานเฟยหงมองรูเลือดที่บนหน้าอกของตัวเองและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
เมื่อครู่นี้ ฮั่นจิงเฟยผู้นั้นที่ไม่มีความสามารถโต้ตอบได้ด้วยซ้าจู่ ๆ ก็ยกมือขึ้นและยิงปราณดาบที่ทาลายเงาของกระบองหยกและยังทิ้งรูเลือดนี่เอาไว้บนหน้าอกของหลานเฟยหง
“ปราณดาบอันทรงพลังยิ่งนัก! ข้ายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว!”
หลานเฟยหงหัวเราะออกมาอย่างฝืดฝืนก่อนที่สีหน้าเกลียดชังจะปรากฏขึ้น “เพียงแต่วิธีการที่ท่านลงมือนั้น… ช่างไร้คุณธรรมเกินไป…”
“ขะ… ข้าทาอันใด? ข้าไม่รู้ด้วยซ้าว่าเกิดอะไรขึ้น…”
ฮั่นจิงเฟยน้าตาจะไหลแล้ว
เขาเองก็กลัวเหมือนกันตอนที่มือของเขาถูกยกขึ้นแล้วปล่อยปราณดาบออกไปเมื่อครู่นี้
“ฮึ่ม! วิทยายุทธ์ของข้าด้อยกว่าของท่าน! ยังมีอันใดต้องพูดอีก?”
หลานเฟยหงทิ้งสายตาลงต่าและเห็นผู้คนมากมายมาถึงที่ด้านนอกแล้ว ที่นาคนทั้งกลุ่มมานั้นเป็นผู้อาวุโสร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งที่ไว้เครายาวและมีท่าทางภูมิฐาน
“ใครมันกล้าทาร้ายหลานข้า?”
“หึ!”
หลานเฟยหงกัดฟันแน่นและอุ้มศิษย์น้องในชุดเขียวของเขาขึ้นมาด้วยมือข้างเดียวขณะทะลวงผ่านหน้าต่างออกไปพร้อมกัน เขากระโดดออกจากเหลาอาหารและพุ่งตัวหายไปราวกับเป็นนกตัวหนึ่ง
“วิชาตัวเบาอันยอดเยี่ยม! เป็นอู่จงผู้หนึ่งจริง ๆ!”
ผู้อาวุโสแห่งตระกูลฮั่นเข้าไปในเหลาอาหารและตบเบา ๆ ที่ใบหน้าของฮั่นจิงเฟย “หลานข้า… ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ปู่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครกล้าทาอันใดเจ้าแล้ว!”
“ท่านปู่!”
ฮั่นหลิงเอ๋อร์ดึงแขนเสื้อท่านปู่ฮั่นและพูด “ผู้อื่นไม่ได้รังแกพวกเรา เป็นพี่ใหญ่รังแกผู้อื่นแล้ว!”
“เอ๋?”
ดวงตาของท่านปู่ฮั่นเบิกกว้างทันที “ถึงแม้ว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะยังเยาว์แต่เขาเป็นอู่จงอย่างแน่นอนไม่ผิด! พวกเจ้ารังแกเขาได้หรือ?”
“ท่านปู่… ข้าทาไปแล้ว!”
ฮั่นจิงเฟยมีสีหน้าน่าเกลียดยิ่งกว่าสีหน้าอยากร้องไห้เดิมเสียอีกและพูด “พวกเขาอ้างว่ามาจากสานักหยกลึกลับ และยังถูกข้าทุบตี! ข้า… ข้านาปัญหามาให้ตระกูลฮั่นแล้ว!”
“สานักหยกลึกลับ? หนึ่งในสานักใหญ่ในทะเลสาบเยี่ย? สานักหยกลึกลับที่มีอู่จงระดับเปิดชีพจบเป็นเจ้าสานักน่ะหรือ?”
ท่านปู่ฮั่นแทบจะสาลักตายเมื่อได้ยินที่หลานพูด ดวงตาเบิกกลมกว้างและมองไปรอบ ๆ
นอกจากท่านปู่ฮั่นจะชรากว่าและเฉลียวฉลาดกว่า เขายังมีประสบการณ์ในโลกใบนี้มากกว่าหลานของเขา เขารู้ว่าหากฮั่นจิงเฟยต้องสู้กับอู่จงผุ้หนึ่ง เขาย่อมพ่ายแพ้อย่างง่ายดายนอกเสียจากว่าจะมีผู้ให้ความช่วยเหลืออยู่อย่างลับ ๆ
เหลาอาหารแห่งนี้นั้นพังเละเทะและลูกค้าล้วนเผ่นกระเจิงออกไปด้วยกลัวจะเผชิญกับเรื่องราวแล้ว เหลือเพียงเถ้าแก่และลูกจ้างผู้หนึ่งแอบอยู่ที่ตรงมุม
นอกจากนั้นแล้วก็เป็นโต๊ะตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่อย่างปกติสุขไร้รอยขีดข่วน ลูกค้าที่โต๊ะตัวนั้นยังคงร่าสุราอย่างมีความสุขซึ่งเป็นที่แปลกตาเทียบกับสภาพแวดล้อมรอบด้าน
“คารวะสหาย!”
ท่านปู่ฮั่นเดินตรงไปและคารวะลงแก่ชายหนุ่มขณะประเมินเขาด้วยสายตา
ชายหนุ่มผู้นี้ยังเยาว์วัยมากและดูจะอายุราวยี่สิบปีเท่านั้น แต่ว่า คิ้วเข้มพาดเฉียงราวดาบ ดวงตาเป็นประกายดุจดารา และยังดูสงบนิ่งเหนือธรรมดา เขาสวมใส่เสื้อผ้าเหมือนผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป เขายังเงยหน้าขึ้นนิด ๆ เผยให้เห็นรอยยิ้มกว้างขณะเอ่ยทักทาย “ในเมื่อท่านก็มาแล้ว เหตุใดไม่ดื่มกับข้าสักจอกเล่า ผู้อาวุโส!”
“ย่อมได้!”
ขณะที่ท่านปู่ฮั่นพยายามตรวจสอบ เขากลับไม่สามารถตรวจรู้ระดับการฝึกตนของชายหนุ่มผู้นี้ได้และรู้สึกไม่สบายใจนัก ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังนั่งลงและยกจอกสุราขึ้น “ข้า ฮั่นเซียวเทียน คารวะท่านหนึ่งจอก! ข้าขอทราบนามของท่านได้หรือไม่?”
“พวกเราพบกันเพราะโชคชะตา เหตุใดจึงต้องถามว่าเคยพบกันมาก่อนหรือไม่…”
ฟางหยวนยิ้ม “ข้ามีฉายาว่าดาบคลั่ง ต้องขออภัยด้วยที่ข้าได้ทาการสั่งสอนบทเรียนแก่เด็กหนุ่มสองคนนั่นที่จองหองยิ่งนัก!”
“อื้ม!”
ฮั่นเซียวเทียนมีสีหน้าเข้าใจ
ฮั่นจิงเฟยและฮั่นหลิงเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฮั่นเซียวเทียนในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าที่ตรงหน้านี้คือผู้มีพระคุณของพวกเขา ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยยังวนเวียนอยู่ที่ฟางหยวนเพื่อประเมินเขา
โดยเฉพาะฮั่นหลิงเอ๋อร์ที่ใบหน้าแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย
“โอ้! ดูเหมือนว่าการมีใบหน้าหล่อเหลานั้นก็เป็นข้อได้เปรียบบางประการสินะ!” ฟางหยวนคิดกับตนเอง
ฟางหยวนรู้สึกพูดไม่ออกเมื่อเห็นภาพตรงหน้าและยกมือขึ้นลูบแก้มตนเอง
ฟางหยวนนั้นเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตน เขาปรับให้รูปร่างหน้าตาของตนเองเข้ากันได้กับรสนิยมความงามขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าของเขาในตอนนี้นั้นดีกว่าใบหน้าแท้จริงของเขาเล็กน้อยและยังเรียกได้ว่าเป็นเด็กหนุ่มรูปงามทีเดียว
“เพราะพี่น้องคู่นี้ยังดูเป็นคนดีและข้าก็คิดว่าชะตาคงนาพาพวกเรามาพบกันทาให้ข้าตัดสินใจช่วยเขารับมือกับการถูกรังแกสักหน่อย!”
“ขอบพระคุณท่านมาก…”
ฮั่นเซียวเทียนยิ่งพูดไม่ออกกว่าเดิม
เดิมทีนี่เป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ ที่หลานของเขาจะได้เรียนรู้บทเรียนหลังจากการพ่ายแพ้ แต่ว่า เพราะสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นความช่วยเหลือจากฟางหยวนแล้ว ตอนนี้พวกเขากลับล่วงเกินสานักหยกลึกลับเข้าแล้ว! เป็นความโชคร้ายอย่างแท้จริงของตระกูลฮั่น
“ช่วยพวกเขาอันใดกัน!” ฮั่นเซียวเทียนคิด
ในใจฮั่นเซียวเทียนนั้น เขากระวนกระวายและร้อนรนอย่างที่สุด
แต่ถึงอย่างไร ในเมื่อพวกเขาก็ได้ล่วงเกินสานักหยกลึกลับไปแล้ว พวกเขาย่อมไม่สามารถล่วงเกินผู้อื่นอีกได้ ฮั่นเซียวเทียนยังคงเค้นรอยยิ้มออกมาและมีท่าทางยินดี
“เอาละ ในเมื่อเรื่องคราวนี้เกิดเพราะข้า ข้าก็จะจัดการมันให้เอง!”
ฟางหยวนนั้นทาตามความตั้งใจสาเร็จเกินครึ่งแล้วและก็พูดต่ออย่างกล้าหาญ “ข้าเพิ่งสาเร็จวิชาและลงจากเขามา และข้ากาลังต้องการทดสอบวิชาของข้าอยู่ทีเดียว! หากสานักหยกลึกลับมาหาเรื่องพวกเจ้าอีกครั้ง ข้าจะจัดการพวกมันเอง!”
“ข้ากาลังรอให้เจ้าพูดเช่นนี้อยู่ทีเดียว!” ฮั่นเซียวเทียนคิด
ดวงตาของฮั่นเซียวเทียนเป็นประกายขึ้นมาและไม่สามารถเก็บงารอยยิ้มเอาไว้ได้และขอบคุณฟางหยวนเป็นอย่างมาก เขากระทั่งเชื้อเชิญฟางหยวนให้พักอยู่กับตระกูลฮั่น
“ข้า… จะรบกวนพวกท่านได้อย่างไรกัน!”
ฟางหยวนทาท่าปฏิเสธคาเชื้อเชิญที่ฮั่นเซียวเทียนเค้นทุกหยาดหยดออกมาเพื่อให้ฟางหยวนยอมรับคาเชิญ

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ