Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 386

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 386

386: เชือดไก่
ถึงแม้ว่าตระกูลฮั่นจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองสี่ธาตุมาไม่ถึงสามสิบปี แต่มีฮั่นเซียวเทียนเป็นผู้อาวุโสผู้นาตระกูล ตระกูลของพวกเขาก็ดาเนินมาได้อย่างดี คฤหาสน์ของพวกเขานั้นกว้างขวางและมั่งคั่ง ก่อให้เกิดรัศมีแบบผู้มีอันจะกิน
“อรุณสวัสดิ์ท่านดาบคลั่ง!”
เช้าตรู่ ฟางหยวนเพิ่งตื่นและได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากสาวใช้วัยเยาว์แปดคน เมื่อเขาเดินออกไปที่สวนด้านนอก เขาก็เห็นฮั่นจิงเฟยและน้องสาวรออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว บนร่างของพวกเขามีเหงื่อผุดประปรายซึ่งหมายถึงว่าพวกเขาได้รออยู่ที่นี่มาชั่วเวลาหนึ่งแล้ว
ฮั่นจิงเฟยนั้นรู้สึกไม่สบายอยู่ข้างใน
ที่งานเลี้ยงรับรองเมื่อคืนนี้ ฟางหยวนมองเขาต่างออกไปและยังเอ่ยชมเขาอย่างเช่น “รูปร่างล่าสันมั่นคงและยังมีพรสวรรค์และชาญฉลาด” ซึ่งหมายความว่าเขาเหมาะสมที่จะฝึกวิชาดาบคลั่ง
เมื่อฮั่นเซียวเทียนได้ยินเช่นนั้น เขาก็พูดไม่ออกโดยสิ้นเชิงเพราะเขากระจ่างดีว่าหลานของตนนั้นเป็นคนแบบใด
แต่ในเวลาเช่นนั้น ด้วยจุดประสงค์หนึ่ง เขาจึงยังต้องปล่อยฮั่นจิงเฟยและน้องสาวใกล้ชิดกับฟางหยวนเอาไว้
“อันที่จริงแล้ว… ฮั่นเซียวเทียนผู้นี้เป็นหลานของอาจารย์ ดังนั้น ข้าจึงอาวุโสกว่าพี่น้องคู่นี้ถึงสองขั้น… แต่เพราะอะไรไม่รู้ ความอาวุโสของข้ากลับถูกลดลงถึงสองขั้นเช่นนี้! ช่างน่าเศร้าเสียจริง!” ฟางหยวนคิด
หลังจากฟางหยวนสังเกตดูเมื่อวานนี้ เขาก็ยืนยันได้เป็นส่วนใหญ่แล้วว่าตระกูลฮั่นนี้เป็นสาขาหนึ่งของตระกูลของอาจารย์ของเขา
พวกเขากระทั่งเปลี่ยนแซ่ เห็นได้ชัดเจนว่ากาลังหลบซ่อนจากปัญหาบางอย่างอยู่
“อืม ในเมื่อพวกเจ้าทั้งสองมาได้ก็ดีนัก!”
ฟางหยวนพยักหน้าและทาท่าเหมือนเหล่าผู้กล้าทั่วไป “ถึงแม้ว่าพวกเจ้าทั้งคู่พื้นฐานจะค่อนข้างธรรมดา แต่ก็ยังเหมาะสมที่จะเรียนรู้วิทยายุทธ์จากข้ารวมทั้งเคล็ดวิชาลับด้วย! หากพวกเจ้าทั้งสองขยันฝึก ต่อไปพวกเจ้าก็จะประสบความสาเร็จได้”
“อ่า… ได้โปรดสอนสั่งพวกเราด้วย อาจารย์!”
ฮั่นจิงเฟยนั้นสมองว่างเปล่าไปแล้ว เขาตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินที่ฟางหยวนพูด จนฮั่นหลิงเอ๋อร์ดึงแขนเสื้อเขา เขาถึงได้รู้สึกตัวแล้วหัวเราะแหะ ๆ ออกมาพลางเกาหัว “นั่นข้ายังต้องขออนุญาตจากท่านปู่ก่อน!”
“อืม! วิทยายุทธ์ของข้านั้นถ่ายทอดแก่ศิษย์เพียงคนเดียวในแต่ละชั่วอายุ และยังเป็นกฎพิเศษที่ต้องยึดถือด้วย!”
ฟางหยวนมองฮั่นหลิงเอ๋อและยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“อย่างไรหรือ?”
ฮั่นจิงเฟยถามอย่างสงสัยก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าดาบคลั่งผู้นี้นั้นเป็นผู้ฝึกตนโดดเดี่ยวและยังอาจเป็นคนจากสานักชั่วร้าย ซึ่งอธิบายถึงการจัดการกับเรื่องต่าง ๆ อย่างสุดโต่งของเขาได้ ดังนั้น ฮั่นจิงเฟยจึงรู้สึกหวาดกลัวอยู่ข้างใน
“วิชายุทธ์นี้ เพียงสามารถถ่ายทอดคนเดียวในแต่ละรุ่นเท่านั้น…”
ฟางหยวนส่ายหน้าและพูดต่อ “ก่อนหน้านี้ ข้าได้รับศิษย์เอาไว้แล้ว หากเจ้าต้องการเรียนรู้ ข้าก็จะกลับไปสังหารศิษย์ผู้นั้นก่อนจึงจะสามารถรับเจ้าเป็นศิษย์ได้!”
“เหอเหอ… ท่านพูดเล่นแล้ว…”
ความกลัวจู่โจมหัวใจของฮั่นจิงเฟยขณะที่เขายืนยันกับตัวเองเงียบ ๆ ในใจว่าฟางหยวนต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ผู้สามารถจากสานักชั่วร้าย ตอนนี้ เขาทาได้เพียงยิ้มกระอักกระอ่วนและปิดบังความคิดตนเองเอาไว้
“แต่แค่หนึ่งหรือสองกระบวนท่าย่อมไม่เป็นปัญหา! รับไว้…”
ฟางหยวนปลดดาบยาวจากเอวแล้วโยนออกไป
“ปัง!”
ดาบเล่มนี้นั้นซื้อสุ่ม ๆ มาจากริมถนนและยังเป็นดาบธรรมดาอย่างที่สุด แต่ว่า มันต่างออกไปแล้วในตอนนี้หลังจากฟางหยวนใช้มันฝึกอยู่ครั้งหนึ่งและลงประทับจิตของเขาเอาไว้โดยลับ
ฮั่นจิงเฟยนั้นแทบจะหยุดหายใจเพียงแค่กาด้ามดาบเอาไว้
คราบเลือดปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของเขาราวกับเขาได้มองเห็นภาพของยุคก่อนอารยธรรมที่เผ่านับร้อย ๆ สู้กันอยู่บนแผ่นดินกว้างใหญ่ นักรบเหล่านั้นกวัดแกว่งดาบยาวกรีดผ่านทุกอย่างขณะต่อสู้กับสัตว์ร้ายมากมายหลายชนิด
“ดาบนี้เรียกว่าดาบปิศาจ และเคล็ดวิชาของมันก็เรียกว่าเคล็ดดาบปิศาจ ดาบนี้สามารถสังหารเทพและยังกักวิญญาณของพวกเขาเอาไว้ แต่ละกระบวนท่านั้นไร้หัวใจ…”
ตอนที่เสียงต่าลึกและสงบของฟางหยวนดังเรื่อย ๆ ฮั่นจิงเฟยก็สะดุ้งและเหงื่อไหลชุ่มหน้าผาก
“เจ้าต้องจาเอาไว้ แก่นของวิชาดาบนี้ก็คือ ‘คนต้านดาบ’ มิใช่ ‘ดาบต้านคน’! ถ้าจิตใจของเขาไม่แข็งแกร่งพอ เจ้าย่อมถูกชักนาไปในทางผิดได้และจะไม่มีทางหวนกลับมาได้!”
อันที่จริงแล้ว เคล็ดสิบสองดาบปิศาจนี้เพียงแค่เรียกให้ล้อเลียนมากับหนึ่งในเคล็ดวิชาที่ฟางหยวนได้มาจากมรดกของพ่อมดร่วมกับวิทยายุทธ์โลกนี้
ถึงแม้ว่าวิชาดาบจะเหนือกว่ามาตรฐานเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแต่มันก็นับว่าร้ายกาจ แข็งแกร่งและยังผ่านการขัดเกลาจากประสบการณ์มากมาย รวมกับความบ้าคลั่งของดาบ ความสามารถของคนที่ใช้มันย่อมเพิ่มขึ้นมหาศาลและยังแฝงความหวังที่จะได้ขึ้นเป็นอู่จงในสักวันหนึ่งเอาไว้!
ดังนั้น เมื่อเห็นฮั่นจิงเฟยที่ใช้การไม่ได้ถึงเพียงนี้ ฟางหยวนก็คิดว่าจะต้องฝึกฝนเขาอย่างหนักเพื่อให้ประสบความสาเร็จได้
“พี่ใหญ่… ดาบปิศาจนี้ดูอันตรายมาก อย่าเรียนเลยดีไหม?”
ฮั่นหลิงเอ๋อร์ดึงแขนเสื้อฮั่นจิงเฟยและรู้สึกกลัวจนเกือบจะร้องไห้ออกมา
“ไม่เรียนเหรอ? ไม่มีทาง!”
ฮั่นจิงเฟยกัดฟัน เขาคิดถึงความรู้สึกของการได้ครอบครองโลกที่ได้รับในช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อครู่นี้ที่ทาให้เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะเรียน
นอกจากนี้ ฮั่นจิงเฟยยังรู้ว่าด้วยพรสวรรค์แต่กาเนิดของตนนั้น มีโอกาสเพียงแค่ห้าส่วนเท่านั้นที่เขาจะบรรลุระดับอู่จงได้ในชีวิตนี้
แต่ว่า หากเขามีดาบเล่มนี้ เขาสามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในระดับสี่ประตูสวรรค์ได้และโอกาสที่เขาจะบรรลุระดับอู่จงยังเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า!
ไม่มีอะไรให้ต้องพูดกันแล้ว ตัวเลือกนั้นชัดเจนแล้ว
“อืม ไม่เลว แต่ละกระบวนดาบไร้ความสานึกเสียใจ! ทุกครั้งที่เจ้าออกดาบ เจ้าต้องเรียกเลือดได้! เจ้าต้องจาเรื่องนี้ไว้ให้มั่น!”
ที่ในสวน ฟางหยวนนั่งอยู่ในศาลาเล็กดูฮั่นจิงเฟยฝึกวิชาดาบซ้า ๆ
ที่ตรงข้ามฟางหยวน ฮั่นหลิงเอ๋อร์กังวลมากแต่ก็บังคับให้ตัวเองรักษากริยาเอาไว้ขณะชงชาให้ฟางหยวน
นางชงชาได้อย่างชานาญและยังงดงาม และการชมดูนางชงชาก็ราวกับมองผีเสื้อกระพือปีก และยังทาให้ฟางหยวนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายคุ้นเคย
“ชาดี!”
เมื่อฟางหยวนดื่มชาลงไป รสชาติของชาก็อวลอยู่ในใจ ฟางหยวนนิ่งงันไปเล็กน้อยกับรสชาติของชานี้
ชาและทักษะของนางได้รับการถ่ายทอดมาในตระกูลซึ่งทาให้ฟางหยวนรู้สึกถึงความคล้ายคลึงกันเล็กน้อยระหว่างการชงชาของนางกับพิธีชงชาสมาธิ
หลังจากนิ่งไปนาน ในที่สุดฟางหยวนก็พูดขึ้นช้า ๆ “พื้นฐานของเจ้าดีทีเดียว เจ้าไม่ได้เรียนรู้วิทยายุทธ์ใด ข้ามีเคล็ดวิชาการรักษาและการชาระจิตใจที่สามารถสอนให้เจ้าได้ เมื่อเจ้าสาเร็จ ต่อให้พี่ชายของเจ้าเกิดคลั่งไปและเปลี่ยนเป็นชั่วร้าย เจ้าก็ยังสามารถรักษาเขาได้ เจ้าอยากเรียนหรือไม่?”
อันที่จริง ดาบปิศาจที่ฟางหยวนสอนให้นั้นเพียงแค่ดูน่ากลัวเท่านั้น มีดีแค่การสังหารและด้วยความสามารถของฮั่นจิงเฟย มันจึงยากเย็นเป็นอย่างยิ่งที่เขาจะกลายเป็นปิศาจไปได้
แต่อย่างไรแล้ว ฮั่นหลิงเอ๋อร์ก็ยังหวาดเกรงว่ามันจะเกิดขึ้นและพูดออกไปทันที “ข้าอยากเรียน!”
“ดี ดีมาก!”
ฟางหยวนพยักหน้า “แต่ก่อนหน้านั้น เจ้าต้องเรียนรู้วิธีการชงชาเสียก่อน!”
“ชงชา?”
จากสายตาของนาง เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวงุนงงไปเล็กน้อย
“ถูกต้อง…”
ฟางหยวนรู้สึกถึงอารมณ์ปั่นป่วนในใจตัวเอง ตอนนั้นอาจารย์เจว๋ซินยอมรับเขาเป็นศิษย์และตอนนี้เขาก็กาลังสอนทายาททั้งสองแห่งตระกูลเยี่ย และยังมีความรู้สึกถึงโชคชะตาอันประหลาดที่นาพาเรื่องราวเป็นเช่นนี้
“น่าเสียดาย หลังจากได้เจอสมาชิกตระกูลฮั่นเมื่อวานนี้ หลายคนไม่มีความสามารถในการฝึกตน หากช่วยเหลือหลายคนเกินไปจะนามาซึ่งปัญหามากกว่านี้ ทางที่ดีพวกเขาควรจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเฉกคนธรรมดา…”
ขณะที่ฟางหยวนนึกย้อนกลับไป ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้น

หลายวันต่อมา
ณ ที่แห่งหนึ่งในเมืองสี่ธาตุ
เจ้าสานักฉา ฉาลี่เฟย ถือลูกเหล็กกลมเอาไว้ในมือทั้งสองข้าง ดวงตามองตรงไปที่ผู้อาวุโสที่มาเยือน เขาถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านคือ?”
“ข้าคือเฉิงเมี่ยว!”
เฉิงเมี่ยวนั้นใส่ชุดสีขาวและมีกริยาที่ดูสง่างาม
ทันทีที่ฉาลี่เฟยได้ยินชื่อของเขา เขาก็ผงะถอยไปทันทีและคารวะลง “เป็นเจ้าสานักหยกลึกลับมาด้วยตนเอง ข้าขออภัยที่เสียมารยาท!”
“อืม เจ้าต้องการจัดการกับตระกูลฮั่น?”
เฉิงเมี่ยวสบตาฉาลี่เฟยและพลังระดับอู่จงขอบเขตเปิดชีพจรของเขาก็ราวกับหินก้อนใหญ่ทุ่มลงมา
“ถูกต้อง… ข้าเดาว่าท่านเองก็กาลังเตรียมตัวจัดการกับเขาเช่นกัน?”
ฉาลี่เฟยนั้นแอบยินดีอยู่แต่ก็ไม่ได้เผยออกมาที่สีหน้า ในฐานะเจ้าสานักที่ตั้งใจจะบดขยี้ตระกูลฮั่น เขาจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องราวใหญ่โตในเมืองสี่ธาตุได้อย่างไร? ฉาลี่เฟยนั้นรู้ชัดเจนเรื่องที่คนของสานักหยกลึกลับพ่ายแพ้แก่คนของตระกูลฮั่น
“ดีมาก เช่นนั้นก็ลงมือให้เร็วขึ้น! พวกเราจะไปเยือนพวกเขาด้วยตนเองพรุ่งนี้และข้าก็อยากจะเห็นว่าใครมันที่กล้าล่วงเกินสานักหยกลึกลับของข้า?”
สีหน้าเกรี้ยวกราดแวบผ่านใบหน้าเฉิงเมี่ยวไป
อย่างไร หลานเฟยหงก็เป็นศิษย์ที่เขาโปรดปรานที่สุด เฉินเมี่ยวโมโหมากตอนที่เห็นหลานเฟยหงกลับมาพร้อมกับอาการบาดเจ็บสาหัสโดยไร้เหตุผล
ฉาลี่เฟยยินดีนัก เมื่อมีอู่จงขอบเขตเปิดชีพจรเป็นผู้นาไป เขาย่อมมั่นใจมากขึ้นและรู้สึกวางใจได้ในทันที “ท่านวางใจได้เลย! คนของข้าเข้าไปแทรกซึมอยู่ในตระกูลฮั่นเรียบร้อยแล้วและพวกเราก็รู้ว่าคนผู้นั้นยังอยู่ในตระกูลฮั่น เขาไม่ได้ออกมาข้างนอกหลายวันแล้ว หมายความว่าเขายังอยู่ที่นั่นแน่นอน!”
“ดีมาก ข้าอยากจะเห็นคนที่กล้าล่วงเกินพวกเรา!”
บางทีเฉิงเมี่ยวอาจจะอาศัยอยู่ในรัฐที่ห่างไกลนานเกินไปจนกลายเป็นเย่อหยิ่งจองหองและหลงตัวเองเกินไปแล้ว
“ล่วงเกินเจ้า? เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใครกัน?”
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะของผู้เยาว์ก็ดังขึ้นจากที่ประตู
“นั่นใคร?”
ฉาลี่เฟยและเฉิงเมี่ยวตกใจ พวกเขาจู่ ๆ ก็เห็นประกายดาบวาบขึ้นแล้วศิษย์สานักฉาสองคนก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดขณะที่ประตูถูกพังทลายเป็นชิ้นในคราวเดียว เงาของชายคนหนึ่งในชุดสีดากวัดแกว่งดาบเดินเข้ามาช้า ๆ
“เอ๋? เจ้าคือ… ฮั่นจิงเฟยของตระกูลฮั่น?”
ดวงตาของฉาลี่เฟยกระตุกขณะมองยามสองคนที่นอนตายอยู่กับพื้น “เหตุใดเจ้าจึงดูราวกับเป็นคนละคนไปแล้ว?”
“หึ พวกเจ้าสองคนกาลังวางแผนร่วมมือกันทาลายตระกูลข้า ในเมื่อพวกเจ้าก็พบข้าแล้วตอนนี้ ข้าจะให้พวกเจ้าได้ลิ้มลองพลังของข้า!”
ฮั่นจิงเฟยกวัดแกว่งดาบของตนแล้วสายตาก็เปลี่ยนไป
แต่ว่า ที่ในใจเขา เขาอยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ได้ “อาจารย์ดาบคลั่ง… เลิกเล่นได้แล้วขอรับ!”
“ไม่ต้องห่วง ก็แค่ลงมือเท่านั้นเอง! ลองคิดดู ต่อให้ระดับการฝึกตนของเจ้าจะยังไม่ถึงขอบเขตการใช้พลังธาตุ เจ้าก็กาลังจะได้สังหารอู่จงสองคนแล้ววันนี้! แล้วก็ หนึ่งในนั้นยังอยู่ในขอบเขตเปิดชีพจรด้วย ชื่อของเจ้ากาลังจะเป็นที่รู้จักแล้ว!” เสียงนุ่มเบาก้องอยู่ในใจเขา
“ข้าไม่ต้องการมีชื่อเสียงเช่นนี้เสียหน่อย!” ฮั่นจิงเฟยคร่าครวญอยู่ในใจ
“เฮ่ย เจ้าหนุ่ม เจ้ามีวิทยายุทธ์สูงส่งทั้งที่อายุน้อยเพียงนี้ ดีมาก! ข้าคงประเมินเจ้าสูงเกินไปแล้วสินะ…”
ภายใต้การท้าทายของฟางหยวน ฮั่นจิงเฟยก็อดไม่ได้ที่จะพุ่งตัวออกไปพร้อมกับเคล็ดดาบปิศาจซึ่งครอบคลุมใส่ทั้งฉาลี่เฟยและเฉิงเมี่ยว
“ไม่จริง มีบางอย่างประหลาดไปในตัวเจ้าผู้นี้!”
เฉิงเมี่ยวถอยหลังไปหลายก้าวและรู้สึกได้ถึงความเหี้ยมโหดของดาบปิศาจ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว
“ข้าไม่สนใจว่ามีอะไรประหลาดหรือไม่ พวกเราทั้งคู่ล้วนเป็นอู่จง เขาก็แค่ไอ้กระจอกคนหนึ่งเท่านั้น!”
ฉาลี่เฟยคารามและตวัดแส้หนามเส้นยาวออกจากเอวราวกับเป็นงูใหญ่สักตัว “ทรายเหลืองไร้สิ้นสุด!”
“หยกสะเทือนฟ้าดิน!”
เฉิงเมี่ยวพยักหน้าและประกบมือทั้งสองข้างเข้าหากัน เขาปลดปล่อยพลังธาตุออกมาแล้วฝ่ามือของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นผนึกหยกขาวชิ้นสี่เหลี่ยมที่กระแทกเข้าหาฮั่นจิงเฟย
“อู่จงสองคนลงมือกับข้า ข้าตายแน่ ๆ! ช่วยข้าด้วยท่านอาจารย์!” ฮั่นจิงเฟยกลัวจนวิญญาณจะหลุดจากร่างและร้องโวยวายอยู่ในใจ
“อืม ดูให้ดี!” ความคิดของฟางหยวนตอบกลับมาและฮั่นจิงเฟยก็ขยับตัวทันทีตวัดดาบยาวของตัวเองออกไป ลาแสงดาบแยกออกแล้วก็เปลี่ยนไปเป็นนรกต้อนรับอู่จงทั้งสองทันที
“ฮู่ว! ฮู่ววว!”
พลังธาตุปริมาณมหาศาลจากฟ้าและดินมารวมกันและเปลี่ยนไปเป็นเงาสีดาของผีปิศาจที่คารามออกมาจากตัวดาบ
เพียงแค่ดาบเดียว วิญญาณร้ายเหล่านั้นก็พุ่งออกมาเพรียกหาเลือด!
“พลังธาตุ? มิใช่ว่าเจ้า…”
ภายใต้ลาแสงดาบ น้าเสียงหวาดผวาของเฉิงเมี่ยวดังมา เลือดสองสายผุดขึ้นพร้อมกัน
“ตูม! ตูม!”
ซากศพสองซากกระแทกลงกับพื้น ฮั่นจิงเฟยมองดาบยาวในมือและไม่อยากจะเชื่อว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่นี้ “อู่จงสองคนตายตกลงทั้งอย่างนี้เหรอ? ทาไมมันถึงง่ายยิ่งกว่าเชือดไก่สองตัวเสียอีก?”

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ