Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 388

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 388

388: ค่ายกลฟ้า
หลังจากนั้นหลายวัน ก็มีข่าวน่าตกใจมาจากเมืองสี่ธาตุุ
สานักฉาที่มากอิทธิพลและเย่อหยิ่งถูกกวาดล้าง เหล่าศิษย์ล้วนหนีตายไปหมด ไม่มีใครกล้าหาญพอที่จะอยู่สู้ต่อ
ยิ่งไปกว่านั้น กระทั่งเจ้าสานักผู้เก่งกาจของพวกเขาที่เป็นถึงอู่จงก็ยังหายตัวไป ไม่รู้ว่าเขาตายไปแล้วหรืออย่างไร และสานักอันทรงพลังและทรงอิทธิพลอื่น ๆ ในเมืองสี่ธาตุก็เริ่มกังวลและแสดงตนสนับสนุนตระกูลฮั่นและแสดงความภักดีแก้ไขความไม่แน่วแน่ก่อนหน้านี้ของพวกตน
แต่ว่า ข่าวอันน่าตระหนกนี้กลับไม่นับเป็นกระไรเลยเมื่อเทียบกับการสลายสานักหยกลึกลับซึ่งเป็นหนึ่งในสามสานักอันทรงพลังของทะเลสาบเยี่ย
ตามที่สานักหยกลึกลับเปิดเผย เมื่อหลายวันก่อน มีผู้มีฝีมือลึกลับผู้หนึ่งไปเยี่ยมเยียนที่สานัก ผู้อาวุโสของสานักหยกลึกลับภายใต้การนาของเจ้าสานัก พวกเขาล้วนไม่ใช่คู่มือผู้ฝึกยุทธ์ลึกลับผู้นั้น ดังนั้น พวกเขาทั้งหมดจึงถูกบังคับให้สาบานว่าจะปิดสานักและจะไม่ใช้ชื่อสานักหยกลึกลับอีกตลอดไป
อันที่จริง ตระกูลฮั่นรู้ว่านี่เป็นการสร้างเรื่องขึ้นมาของสานักหลังจากรู้ว่าเจ้าสานักของตนถูกสังหารไป
พอไม่มีอู่จงขอบเขตเปิดชีพจรเป็นผู้นา เมื่อคิดถึงทรัพยากรที่สานักหยกลึกลับครอบครองอยู่ พวกเขาย่อมดึงดูดความสนใจต่าง ๆ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหากับศิษย์ทั้งหมดของสานัก
ผู้อาวุโสฮั่นนั้นเป็นผู้มีประสบการณ์ เขารู้ว่าเขาควรจะฉวยโอกาสนี้ทาให้สานักหยกลึกลับวุ่นวายขึ้นกว่าเดิม แต่เขากลับยิ่งเก็บตัวเงียบขณะเริ่มปล่อยมือจากการปกครองเมืองสี่ธาตุ เริ่มต้นแผนการที่จะย้ายไปอยู่อย่างสันโดษขึ้น
อย่างไรเสีย ปัญหาขึ้นอยู่กับเวลา ถ้าเขาดึงดูดความสนใจมากเกินไป ตระกูลย่อมต้องมีปัญหาพุ่งเข้ามาใส่
ถ้าเขาย้ายตระกูล ไปอยู่อย่างสันโดษ ต่อให้ทหารจะบุกเข้ามาในเมือง ตระกูลฮั่นก็ยังคงอยู่อย่างปลอดภัยและคงอยู่ไปได้ชั่วลูกหลาน แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังเป็นคาว่าถ้าอยู่

ในตอนที่อานาจในเมืองสี่ธาตุกาลังถูกเปลี่ยนมือ ฟางหยวนก็ออกจากรัฐเยี่ยมาแล้ว
ตอนที่เขาเดินทางอยู่นั้น เขาก็เริ่มวิเคราะห์หยกที่เขาได้รับมาจากตระกูลของท่านอาจารย์ของเขา
“อาจารย์สอนข้าทุกอย่างที่สอนได้แล้ว ในหยกชิ้นนี้นั้นทิ้งเอาไว้ให้ตระกูลของท่านเอง ท่านไม่เพียงบันทึกค่ายกลดาบแปดประตูเอาไว้แต่ยังมีข้อมูลลับเกี่ยวกับราชสานักและองครักษ์มังกรซ่อนด้วย… เขาคิดว่าข้อมูล
พวกนี้นั้นไม่มีประโยชน์แก่ข้าแต่เป็นประโยชน์แก่ตระกูล แต่ว่า เขาไม่เคยคิดว่ามันจะยากลาบากมากสาหรับจ้าวแห่งฝันที่จะคงอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ…”
ฟางหยวนถอนหายใจ “อย่างไรเสีย หลังจากนี้ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว”
เขาสอนพิธีชงชาสมาธิแก่ฮั่นหลิงเอ๋อ และยังทิ้งชาชาระจิตเอาไว้ให้นางด้วย
เมื่อคิดถึงจานวนใบชาที่เขามอบให้นางเอาไว้ ถ้าตระกูลนี้โชคดีพอ หนึ่งในพวกเขาย่อมสามารถก้าวสู่หนทางการเป็นจ้าวแห่งฝันได้! ต่อให้มันเป็นไปไม่ได้ พวกเขาก็ยังอาจจะเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ได้
นี่เป็นโอกาสให้ตระกูลของพวกเขารุ่งเรืองขึ้นอีกครั้ง
สาหรับฟางหยวน ในเมื่อคนของตระกูลฮั่นนั้นไม่ใช่ทายาทสายตรงของอาจารย์เจว๋ซิน พวกเขาก็นับว่าโชคดีมากพอแล้วที่ได้ครอบครองสิ่งเหล่านี้
ฟางหยวนปล่อยวางความกังวลของตนลงและเดินทางต่อ
“ข้ายังมีเวลาเหลืออีกราว ๆ หกเดือน ในช่วงเวลานี้ ข้าสามารถเพิ่มระดับการฝึกตนของข้าด้วยการข้ามฝันอีกสักครั้ง…”
ถึงแม้ว่าเขาจะบรรลุร่างสวรรค์แท้จริงและมีคุณสมบัติจะเข้าสู่สนามรบ ฟางหยวนก็ยังต้องการความมั่นใจมากกว่านี้เพื่อให้สามารถรับมือกับผู้ทรงพลังรวมถึงปราชญ์และมีโอกาสที่จะได้ประโยชน์จากคนพวกนั้น
ดังนั้น เขาจะขาดความสามารถเช่นนั้นไปไม่ได้
เส้นทางการฝึกวิทยายุทธ์ของเขานั้นมาสุดทางแล้ว แต่ว่า นอกจากราชครูหลายคนที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้ผ่านพลังแห่งฟ้าของต้าเฉียน ก็ยังไม่มีร่างสวรรค์แท้จริงคนใหม่ปรากฏขึ้น
ฟางหยวนรู้ว่าเขาสู้คนพวกนั้นไม่ได้ ดังนั้น เขาจึงหันเหความสนใจไปในการฝึกตนด้านอื่น
การข้ามฝันเพื่อเพิ่มพลังของเขาในฐานะจ้าวแห่งฝันจึงกลายมาเป็นเรื่องสาคัญลาดับแรก ๆ
“ตาแหน่งของอาณาจักรเหล่านั้นที่เต็มไปด้วยแหล่งพลังล้วนอยู่กับเหล่าผู้เก่งกาจของสานักอันทรงอิทธิพล ข้าไม่มีหนทางได้รับมันมาจากพวกเขาเป็นแน่… ข้อยกเว้นเดียวก็คืออาณาจักรโบราณ!”
ฟางหยวนรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
เขาได้ลองพยายามในอาณาจักรนี้มาก่อนแล้วและยังต้องผิดหวัง
ถึงแม้ว่าอาณาจักรนี้จะไม่ได้กีดกันเขา แต่ทั้งอาณาจักรก็ดูจะตกลงไปสู่ความวุ่นวายอันลึกลับ เมื่อคิดถึงว่ามันกาลังเกิดการเปลี่ยนแปลงใดสักอย่าง
ความรู้สึกว่าเวลาในอาณาจักรโบราณไม่คงตัวทาให้ฟางหยวนสงสัยว่าหากเขาเข้าไปในนั้นอีกครั้ง มันก็เป็นไปได้ที่หนึ่งวันในอาณาจักรโบราณอาจจะเท่ากับเวลาเป็นปีในต้าเฉียน! ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็จะสูญเสียโอกาสในการฝึกตนทั้งในต้าเฉียนและอาณาจักรโบราณ
“แต่ว่า ในฐานะผู้ฝึกตนบรรณที่เจ็ด ระดับการเข้าถึงของข้านั้นค่อนข้างสูง ข้าน่าจะได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษใดสักอย่างใช่หรือไม่?”
เมื่อคิดได้อย่างนี้ ฟางหยวนก็สรุปออกมาได้ ไม่นาน เขาก็เข้าสู่อาณาจักรแห่งฝันและค้นหาอาณาจักรที่เหมาะสมจากในคลังข้อมูลของสมาพันธ์แห่งอาณาจักร

ที่รัฐกลาง เมืองอิงโช่ว
เมืองนี้คือประตูทิศเหนือของรัฐกลาง ด้วยความได้เปรียบในด้านภูมิประเทศของหุบเขาอิงโช่ว กบฏสือหลงถูกว่าสองหมื่นจึงถูกกักเอาไว้ที่อ่าวด้านนอกรัฐ
ในตอนนี้ ทั้งเมืองกลายเป็นเหมือนป้อมปราการ พร้อมที่จะเข้าร่วมสงคราม กาแพงเมืองส่องประกายพลังวิญญาณออกมา อักขระเวทย์ระยิบระยับและยังมีปืนใหญ่พลังเวทย์กับธนูเวทย์ที่พร้อมยิงออกมา
“หัวหน้า!”
หัวหน้าทั้งสองจากองครักษ์มังกรซ่อนนั่งอยู่ในสิ่งก่อสร้างหลังหนึ่งขณะเจตจานงเวทย์อันแข็งแกร่งของพวกเขากวาดไปทั่วเมืองอย่างต่อเนื่อง
องครักษ์มังกรซ่อนหลายคนเข้ามาข้างในและคารวะลง “ตามที่ท่านหัวหน้าได้เตือนเอาไว้ พวกเราพบจุดซ่อนตัวของพวกกบฏระหว่างการ
เดินลาดตระเวนในวันนี้! พวกมันมาจากลัทธิบัวสวรรค์และพวกเราก็สังหารพวกมันทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว”
“อืม…”
ผู้ทรงพลังผู้หนึ่งที่น่าจะอยู่ที่ระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ดพยักหน้าก่อนจะมองไปรอบ ๆ ห้อง “คนเหล่านั้นเป็นเพียงทหารเล็ก ๆ เท่านั้น สิ่งที่สาคัญที่สุดในการสังหารพวกกบฏก็คือพลังในการต่อสู้ของเจ้า!”
“ฮึ่ม สือหลงถูนั้นเป็นที่ชื่นชอบขององค์ราชาและครั้งหนึ่งยังเคยเป็นทหารองครักษ์ ใครจะคิดว่าเขาจะทรยศ!”
ทันทีที่องครักษ์มังกรซ่อนผู้หนึ่งได้ยินที่หัวหน้าพูด เขาก็กัดฟันแล้วออกความเห็น
สือหลงถูนั้นเดิมเป็นคนรัฐเกา ตอนเยาว์วัยเขาโดดเด่นและยังเป็นที่รู้จักในหมู่บ้าน เมื่อเติบโตขึ้นมา เขาก็ได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและเข้ามาอยู่ในกองทัพ เพราะความสาเร็จในสงครามของเขา เขาจึงได้รับความชื่นชอบจากองค์ราชาและหน้าที่การงานก็ราบรื่นยิ่งนัก
เมื่อราชาองค์ถัดมา ราชาจ้าวหมิง ขึ้นครองบัลลังก์ สือหลงถูก็ได้เลื่อนขึ้นไปเป็นผู้ปกครองรัฐโจว ไม่มีใครคิดว่าคนผู้นี้จะทรยศราชสานักได้
“ไม่มีผลลัพธ์อื่นแล้ว… พวกเราสืบตระกูลของเขาย้อนกลับไปสามชั่วคนและเข้าใจตระกูลสือมากขึ้น… เดิมทีพวกเขาก็เป็นสายลับจากลัทธิบัวสวรรค์ สือหลงถูนั้นเป็นร่างสถิตของผู้อาวุโสจากลัทธิบัวสวรรค์ เขา
ผนึกความทรงจาของตนเองเอาไว้และดังนั้นจึงไม่ถูกตรวจจับได้ ตอนนี้ เขาถึงเพิ่งลงมือ…”
สายลับเหล่านี้ทาอะไรได้มากมาย และดังนั้น จึงมีพวกเขาอยู่เพียงไม่มาก แต่ว่า หากพวกเขาสักคนสามารถไต่เต้าขึ้นตาแหน่งสูง ๆ ได้ พวกเขาย่อมนับเป็นอันตรายใหญ่หลวง
“จางจิ้นจากทางใต้และอู่เยว่จากรัฐหยงนั้นไม่มีอันใดให้ต้องหวาดกลัว แต่ว่าสือหลงถูนั้นนับเป็นปัญหาจริง ๆ อย่างไร ผู้ใต้บัญชาของเขาก็ล้วนอยู่ในกองทัพ!”
หัวหน้าอีกคนถอนหายใจ
ตั้งแต่โบราณมาแล้ว ชาวนาล้วนถูกเกณฑ์มาเป็นทหารแนวหน้า แต่ว่า พวกเขามีอาหารและอาวุธไม่เพียงพอและยังไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างเหมาะสม
เมื่อเผชิญกับทหารเช่นนั้น ทางราชสานักย่อมสามารถใช้ทหารหนึ่งพันรับมือพวกเขาหนึ่งหมื่นได้! หรืออาจจะหนึ่งแสน!
มีแค่กองทัพที่มีทรัพยากร มีระเบียบวินัยและได้รับการฝึกฝนมาจึงจะสามารถคุกคามราชสานักได้
ในอาณาจักรต้าเฉียน ความแตกต่างในด้านคุณภาพของทหารนั้นมากนัก
จะมีประชาชนธรรมดาสักกี่คนที่มีโอกาสได้เป็นอู่จง นักรบศักดิ์สิทธิ์ หรือกระทั่งจ้าวแห่งฝัน?
ดังนั้น ผู้ที่มีพลังก็มักจะมีพลังอานาจมากมาย และชาวบ้านทั่วไป ต่อให้ก่อกบฏก็ย่อมไม่มีความหวัง
หากเป็นภัยธรรมชาติหรือว่าการคุกคามจากกบฏ หัวหน้าของแต่ละพื้นที่ที่มีระดับการฝึกตนสูงย่อมสามารถควบคุมพื้นที่เอาไว้ไม่ว่ากบฏจากชาวนาจะมีกันมากเท่าใด
ถึงแม้ว่าในต้าเฉียนจะดูเหมือนมีการก่อกบฏมากมาย แต่หากองครักษ์มังกรซ่อนลงมือแล้วละก็ ส่วนใหญ่ย่อมถูกจัดการไปและคืนสู่ความสงบสุขได้ภายในเวลาแค่เดือนเดียว!
ต่อให้พวกเขาต้องรับมือกับทหารสองหมื่นที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ก็ยังใช้องครักษ์มังกรซ่อนเพียงสองคนในการกาจัดทั้งหมดออกไป
โชคร้าย กบฏครั้งนี้นั้นมีจ้าวแห่งฝันคอยปกป้อง นั่นย่อมเป็นสิ่งที่น่ากังวลที่สุดแล้ว
หัวหน้าของทั้งสองฝ่ายนั้นมีข้อตกลงที่ไม่ได้พูดออกมาให้ชัดเจนว่าจะไม่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้งนี้และจะอาศัยเพียงแค่กองทัพของแต่ละฝ่ายเท่านั้นในการหาข้อสรุปสุดท้าย
เมื่อคิดถึงสถานการณ์ตอนนี้ของต้าเฉียน นี่ย่อมเป็นการดิ้นรนของพวกเขาเพื่อให้ทั้งอาณาจักรอยู่ภายใต้การควบคุม
“ในเมืองอิงโช่ว พวกเรามีทหารแค่ห้าหมื่น จะรักษาเมืองเอาไว้สักครึ่งปีย่อมไม่ใช่ปัญหา!”
หัวหน้าอีกคนตอบ “หัวหน้าใหญ่บอกมาแล้วว่าพวกเราจะได้ความดีความชอบหากสามารถรักษาที่นี่เอาไว้ได้ครึ่งปี!”
“ถัดจากเมืองอิงโช่วก็จะเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ หากพวกเราไม่สามารถป้องกันเมืองเอาไว้ได้ กบฏก็จะเดินทางไปเมืองอวี้ได้อย่างราบรื่น…”
หัวหน้าอีกคนเริ่มส่ายหน้า “หรือว่าท่านหัวหน้าตั้งใจจะถ่วงทุกอย่างออกไปครึ่งปีเพื่อเปลี่ยนสถานการณ์? ยาก! ยาก! ยากนัก ข้าพูดเลย!!!”
“ห้าสานักยิ่งใหญ่นั้นร่ายค่ายกลทาลายหกพิภพเพื่อขัดขวางปราณแห่งผืนดินสาเร็จแล้ว พลังของต้าเฉียนย่อมค่อย ๆ อ่อนแอลงช้า ๆ แต่ว่า นั่นไม่ใช่วิถีชะตาที่ควรเป็นและทุกอย่างยังอาจเปลี่ยนแปลงได้!”
หัวหน้าทั้งสองคนแลกเปลี่ยนสายตากัน ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา

เมืองอวี้ ซึ่งเป็นเมืองหลวง
ภายในเมือง เหล่าผู้ทรงพลังล้วนอยู่ภายใต้การควบคุม สิ่งก่อสร้างใหญ่โตและชีพจรมังกรที่นี่ก็ยังเป็นปกติ เป็นเมืองที่ดูแข็งแกร่งที่สุดบนโลกต้าเฉียนนี้
“แค่ก แค่ก…”
ในมุมหนึ่งของเมือง นักพรตเต๋าชราผู้หนึ่งกระแอมไอ ผ้าเช็ดหน้ามีเลือดเปรอะเปื้อน “ศัตรูนั้นได้รับการสนับสนุนจากจ้าวแห่งฝันหลายคน
และพวกเขาก็ขัดขวางชะตาของโลกนี้ ข้าทาอะไรไม่ได้นอกจากลงมือผลักดันให้มันหลุดออกจากการควบคุม ถ้าทาได้ พวกเราก็จะไม่สามารถคาดเดาอันใดได้อีก แต่ศัตรูก็หมดหวังเช่นกัน…”
สงครามใหญ่ครั้งนี้นั้นเริ่มต้นเมื่อนานมาแล้ว
ทั้งสองฝ่ายต่างรบกวนชะตาของอีกฝ่าย ส่งผลให้ชะตาของอาณาจักรหลุดออกจากการควบคุมไป กระทั่งนักทานายฝันที่เก่งกาจก็ยังไม่สามารถทานายได้และคาทานายที่ได้ก็มักจะไม่ถูกต้อง
ถึงอย่างนั้น ผลลัพธ์ของการที่ฟางหยวนได้รับมรดกของปราชญ์ฉางหลีและยังได้เป็นถึงร่างสวรรค์แท้จริงก็ได้รับการทานายมานับครั้งไม่ถ้วนซึ่งเปิดเผยความตั้งใจที่แท้จริงของฟางหยวน
“ดีมาก นั่นเพียงพอแล้ว ขอบคุณสาหรับความพยายามของท่าน ที่เหลือให้ข้าจัดการเอง!”
ที่ข้าง ๆ นักพรตเต๋าชราคือหัวหน้าใหญ่ขององครักษ์มังกรซ่อนที่กาลังพูดด้วยน้าเสียงต่า ๆ
“แค่ก แค่ก… ข้าคงอยู่ได้อีกไม่นาน มันรักษาไม่ได้แล้ว…ไม่ต้องพูดอันใดแล้ว ท่านจะกดดันน้อยลงหากมีผู้ช่วยเหลือคนใหม่สักคน…”
นักพรตเต๋าชราช่างโฮ่วยิ้มและมองดูรอบ ๆ
เขาอยู่ในที่ใดสักแห่งที่คล้ายเป็นแท่นบูชา มันดูเก่าแก่และยังสร้างขึ้นด้วยก้องอิฐหลากสี มันสูงกว่าสามสิบจั้ง มีโครงสร้างใหญ่โต และยังมีเครื่องบูชาเตรียมเอาไว้แล้ว
“อืม อย่างนั้นก็ได้…”
หัวหน้าองครักษ์มังกรซ่อนจุดไฟเผาเครื่องบูชาแล้วโยนหินหยกก้อนหนึ่งและกระดองเต่าทานายเข้าไปในเปลวไฟ ควันสีเขียวเริ่มลอยเต็มอากาศ ปกคลุมท้องฟ้า
“มังกรดินนั้นถูกกบฏจัดการได้เพราะว่ามันนอนอยู่ใต้ดิน… ค่ายกลทาลายหกพิภพก็สมบูรณ์แล้ว พวกเราไม่สามารถหยุดการก่อตัวของมันได้แล้ว สิ่งเดียวที่พวกเราสามารถทาได้ก็คือสร้างค่ายกลที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากันมารับมือกับมัน ศัตรูใช้ค่ายกลดิน อย่างนั้นพวกเราจะสร้างค่ายกลฟ้า!”
เจตนารมย์ของสวรรค์นั้นมองไม่เห็นและยังสัมผัสไม่ได้ ดังนั้น ค่ายกลที่สร้างขึ้นย่อมไม่มีจุดอ่อนให้เห็น
ก่อนหน้านี้ มันเป็นเรื่องเหลวไหลที่หัวหน้าองครักษ์มังกรซ่อนจะสร้างค่ายกลฟ้าได้
ตอนนี้ ทุกอย่างต่างไปแล้ว
ช่างโฮ่วสัมผัสได้ว่าจิตวิญญาณของต้าเฉียนนั้นสนับสนุนพวกเขา!
และนั่นก็จะเป็นรากฐานให้แก่ค่ายกลฟ้า!

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ