389: อาณาจักรใหม่
“ตูม!”
เดิมทีมันเป็นท้องฟ้ากว้างใหญ่ไร้เมฆ แต่ว่า จู่ ๆ ก็ปรากฏเมฆก้อนหนึ่งขึ้น
ทันใดนั้น สายฟ้าก็ตวัดข้ามท้องฟ้า
ครู่ต่อมาในทิศทางที่มุุ่งสู่รัฐกลาง ปรากฏวงแสงสีเหลืองส่องประกายสว่างราวกับจะทะลุผ่านท้องฟ้าขึ้น เมฆดากระจายออกไปในทันทีเผยให้เห็นท้องฟ้าสีฟ้ากระจ่าง
“เอ๋?”
ฟางหยวนมองไปทางท้องฟ้าและที่มุมปากก็ยกขึ้นอย่างรู้สึกขา “ความรู้สึกนี้… นี่คือความคิดบ้า ๆ ที่มีพูดถึงอยู่ในมรดกของปราชญ์ฉางหลี ค่ายกลตาข่ายสวรรค์เก้าชั้นฟ้า? ข้าไม่อยากเชื่อว่าเหล่าราชวงศ์ต้าเฉียนจะเด็ดขาดถึงเพียงนี้…”
เหตุผลที่ฟางหยวนแน่ใจว่าเป็นเพราะพวกเขาก็เพราะว่าเขารู้ดีว่าเพื่อตั้งค่ายกลนี้ ระดับการฝึกตนของจ้าวแห่งฝันนั้นเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่สาคัญที่สุดยังคงเป็นชะตาสวรรค์ชื่นชอบผู้ร่ายค่ายกลหรือไม่
เห็นได้ชัดเจนว่าจ้าวแห่งฝันของห้าสานักยิ่งใหญ่นั้นต้องนับว่าตนเองโชคดีแล้วที่ไม่ต้องเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ ดังนั้น มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยังได้รับความช่วยเหลือจากพลังชะตานี้!
เพราะฉะนั้น นอกไปจากราชสานักแล้วย่อมไม่มีความเป็นไปได้อื่น!
“เมื่อค่ายกลนี้ถูกตั้งขึ้นแล้ว มันก็จะโอบล้อมทั้งโลกต้าเฉียนเอาไว้ราวกับแผ่นฟ้า น่ากลัวนัก…”
ฟางหยวนขมวดคิ้วและร่างของเขาก็รู้สึกไม่สบายนิด ๆ
ภายใต้ท้องฟ้า เขารู้สึกไม่สบายใจราวกับตนเองถูกสอดแนมอยู่
“มีเพียงแค่ดวงตาแห่งค่ายกลที่ถูกตั้งขึ้นในตอนนี้งั้นหรือ? ถึงแม้ว่าการเริ่มต้นจะยากเสมอ แต่เมื่อมีดวงตาสวรรค์เป็นรากฐาน มันย่อมส่งเสริมและสร้างทั้งค่ายกลขึ้นมา มันน่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยที่สุดก็ครึ่งปี…”
ฟางหยวนค่อย ๆ พิจารณา “พลังของค่ายกลในระยะนี้นั้นยังไม่ถึงสามหรือสี่ส่วนของค่ายกลที่สมบูรณ์แล้วเท่านั้น! แต่ว่ามันก็ยังน่าหวาดกลัวยิ่ง…”
ฟางหยวนรู้อย่างชัดเจน เมื่อค่ายกลตาข่ายสวรรค์เก้าชั้นฟ้าถูกสร้างขึ้น ต้าเฉียนย่อมจะใช้พลังแห่งฟ้าได้และรวมถึงการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ด้วย พวกเขาอาจจะปล่อยให้จ้าวแห่งฝันจากห้าสานักยิ่งใหญ่ถูกสายฟ้าฟาดทุกวันเลยก็ยังได้
“ค่ายกลหกพิภพเก้าชั้นฟ้าเดิมเป็นปราชญ์ฉางหลีได้มา ตอนนี้เมื่อค่ายกลคู่นี้ถูกร่าย ก็ดูเหมือนว่าราชสานักก็ไม่ได้มีแต่คนโง่ พวกเขายังวางแผนตอบโต้กลับเอาไว้อยู่!”
พูดตามตรง แผนการของจ้าวแห่งฝันของห้าสานักยิ่งใหญ่นั้นไม่ได้เป็นลางดีแก่ฟางหยวน
แหล่งที่มาของพลังของจ้าวแห่งฝันนั้นยังไม่แน่ชัดและผู้ทรงพลังระดับสวรรค์สูงสุดหลายคนก็ยังหามันไม่พบ ถึงแม้ว่าปราชญ์ฉางหลีจะมีเงื่อนงาอยู่บ้าง แต่ใครจะแน่ใจได้ว่ามันจะสาเร็จ?
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อทรัพยากรธรรมชาติส่วนใหญ่ของต้าเฉียนถูกใช้เป็นเครื่องสังเวย ทั้งโลกต้าเฉียนย่อมต้องประสบกับภาวะเสื่อมถอยอย่างรุนแรง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้พินาศไปในทันที แต่ก็จะค่อย ๆ ถดถอยลงและพังทลายไปในที่สุด ต่อให้กระบวนการนี้จะใช้เวลานับล้านปี แต่มันก็ยังนับเป็นบาปที่คนของโลกนี้ต่อต้านโลกของตนเอง
“นอกจากนี้… ต่อให้พบแหล่งพลังของจ้าวแห่งฝัน มันจะเป็นอะไรที่สามารถ ‘ครอบครอง’ ได้จริงหรือ?”
ฟางหยวนนั้นกังขาในเรื่องนี้มาก
ฟางหยวนรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่โลกใดสักแห่งจะแผ่และมอบพลังแก่จ้าวแห่งฝันได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหมายรวมถึงการอนุญาตให้พวกเขาสร้างวัตถุต่าง ๆ ขึ้นมาได้ด้วย มันจะเป็นสิ่งที่สามารถใช้งานได้เรื่อย ๆ อย่างไม่มีวันหมดจริง ๆ น่ะหรือ? และยังเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นไม่ใช่ของตนเองอีกด้วย?
“นี่ดูไม่สมเหตุสมผลเกินไป… แต่ว่า จ้าวแห่งฝันล้วนเชื่อว่าจะมีสวรรค์เช่นนั้นอยู่จริง ๆ! สถานที่ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและจุดจบ! แหล่งที่มาของเหล่าอมตะชน?”
เมื่อความกังวลเริ่มปรากฏบนใบหน้าฟางหยวน จู่ ๆ เขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “น่าเสียดายนัก ต่อให้ข้าเป็นร่างสวรรค์แท้จริง ข้าก็ยังคงเป็นแค่แมลงตัวเล็ก ๆ ในสายตาของจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์สูงสุดคนอื่น ๆ ข้าไม่สามารถชี้นาแนวทางแก่เหล่าจ้าวแห่งฝันและชี้ทางที่โลกควรเป็นไป…”
เทือกเขาสมาพันธ์แห่งอาณาจักร อาณาจักรแห่งฝัน
ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นที่ในหอกว้างและหรูหราที่มีการตกแต่งไม่ได้ด้อยไปกว่าที่พักของเหล่าผู้อาวุโสโดยตรง
“นี่ก็เป็นหนึ่งในประโยชน์ที่สิทธิ์การเข้าถึงของข้าเพิ่มขึ้นมาเป็นบรรณที่เจ็ด!”
ฟางหยวนนั้นไม่ได้รู้สึกพรั่นพรึงใดเลย เขาตรงไปที่เก้าอี้หินตัวประธานแล้วนั่งลงไป มือทั้งสองวางไว้บนที่พักแขน เชื่อมต่อความคิดเข้ากับป้ายหินของสมาพันธ์แห่งอาณาจักรทันที “ค้นหา… อาณาจักรเพื่อข้ามฝัน!”
“ฝุบ!”
ราวกับมีแผ่นกระดานถูกดึงลงมา ข้อมูลของอาณาจักรกว่าสิบแห่งปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
ที่ด้านบนสุดนั้นเป็นอาณาจักรโบราณที่ทาสัญลักษณ์ด้วยอักขระสีแดงซึ่งหมายความว่ามันอันตรายเป็นอย่างยิ่ง
“สัมปชัญญะของอาณาจักรนี้ห้ามจ้าวแห่งฝันเข้าไปในนั้น โอกาสที่จะข้ามฝันได้สาเร็จนั้นเป็นเพียงหนึ่งในหมื่นเท่านั้น อาณาจักรเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสับสนวุ่นวาย การไหลของเวลานั้นก็ปั่นป่วนเป็นอย่างยิ่ง อันตรายเป็นที่สุด!”
ฟางหยวนแตะที่ตัวเลือกเบา ๆ และข้อมูลมากมายก็ปรากฏขึ้น “ไม่อยากเชื่อว่าจะยังสามารถค้นพบภารกิจของอาณาจักรนี้ได้ และยังประกาศโดยบรรพชนผู้นั้น? เหอเหอ… ปราชญ์ไม่ยอมแพ้จริง ๆ สินะ!”
“ในโลกนี้ มีผู้ทรงคุณธรรมคือปราชญ์ และผู้ไร้ศีลธรรมเป็นโจร”
โดยไม่รู้ตัว ฟางหยวนคิดถึงคาพูดนั้นขึ้นมา
ฟางหยวนรู้ความอันตรายของอาณาจักรโบราณแต่ไม่ได้แสดงสีหน้าใดออกมา ต่อให้เขาอยู่ในอาณาจักรแห่งฝัน แต่ว่ามันก็ไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด
“โลกนี้เคยน่าตื่นตา แต่ตอนนี้ การไหลของเวลานั้นประหลาดเกินไป! ข้าคงไม่เลือกที่นี่!”
ฟางหยวนส่ายหน้าและขยับนิ้วต่อ จากนั้นเขาก็เห็นอาณาจักรอื่น ๆ ปรากฏขึ้นบนกระดาน
“อาณาจักรน้าแข็ง…”
“อาณาจักรกิ้งก่าไฟ…”
“อาณาจักรไม้ใหญ่…”
“หึหึ… แหล่งทรัพยากรธรรมชาติของอาณาจักรเหล่านี้นั้นไม่ได้แข็งแกร่งมากและสิ่งที่เหลืออยู่ก็เป็นเพียงเศษเดนเท่านั้น…”
ขณะฟางหยวนอ่านตัวเลือกมากมาย เขาก็ส่ายหน้าไปเรื่อย ๆ
“ตอนนี้ มันจะดีที่สุดหากข้าพบอาณาจักรที่เต็มไปด้วยแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่แข็งแกร่งและการไหลของเวลาอันเหมาะสม… น่าเสียดาย มีเพียงแค่เหล่าผู้อาวุโสที่ทรงพลังเหล่านั้นที่จะมีตาแหน่งของอาณาจักรเช่นนั้นเอาไว้ให้ตนเองค่อย ๆ เก็บเกี่ยวประโยชน์จากที่นั่น มันคงนับเป็นสมบัติส่วนตัวและย่อมไม่ปล่อยมือง่าย ๆ! เหมือนที่ข้าได้รับตาแหน่งของอาณาจักรวารีมาเมื่อครั้งก่อน…”
ขณะที่ฟางหยวนกาลังคิด เขาก็ค้นหาต่อและถอนหายใจ
“เอ๋… ข้าควรจะเลือกอาณาจักรแห่งจินตนาการตะวันตกนี่! พลังแห่งฟ้าแข็งแกร่งมากทีเดียวและข้ายังมีเวลามากพอด้วย! แล้วก็ มันดูน่าสนใจทีเดียว!”
ในที่สุดฟางหยวนก็แตะนิ้วเพื่อเลือก
“ติ๊ง!”
ทันใดนั้นก็มีตัวเลือกใหม่ปรากฏขึ้นที่ท้ายกระดาน
“เอ๋? นี่เป็นอาณาจักรที่ถูกเพิ่มเข้ามาล่าสุด?”
ฟางหยวนประหลาดใจ ไม่เพียงแค่แหล่งทรัพยากรที่อาณาจักรนี้จะยังแข็งแกร่งมาก มันยังถูกทาสัญลักษณ์ไว้ด้วยสีแดงซึ่งหมายความถึงอันตรายในระดับหนึ่ง
“‘อาณาจักรต้นอันดับสาม ทรัพยากรธรรมชาติหนาแน่น ส่วนใหญ่เป็นมนุษย์ครอบครอง การไหลของเวลา– สามวันในต้าเฉียนเท่ากับหนึ่งปีในอาณาจักรต้นอันดับสาม…’ ยอดเยี่ยมมาก! เหมาะสมที่สุด!”
เมื่ออ่านโดยตลอดแล้วดวงตาของฟางหยวนก็ลุกวาว
อาณาจักรนี้น่าสนใจมากและยังเป็นอาณาจักรที่ปรากฏขึ้นล่าสุด ซึ่งหมายความว่าระดับการถูกแสวงหาผลประโยชน์ไปยังไม่สูงมากนัก ดังนั้น ยังต้องมีผลประโยชน์มากมายให้เก็บเกี่ยว
“คนแรกที่พบอาณาจักรนี้คือผู้อาวุโสจี๋อิน… มันน่าจะเคยเป็นสมบัติส่วนตัวของผู้อาวุโสจี๋อินมาก่อน แต่ตอนนี้นางปล่อยให้ผู้อื่นเข้าถึงได้…”
เมื่อฟางหยวนอ่านต่อไปเขาก็ตกใจที่เห็นเช่นนี้
ถึงแม้ว่าการมอบตาแหน่งของอาณาจักรให้แก่สมาพันธ์จะได้รับรางวัลมหาศาลตอบแทน แต่ผู้อาวุโสผู้ทรงพลังเหล่านั้นก็น้อยที่จะทานอกเสียจากว่าจะมีสถานการณ์พิเศษ อาจจะเพราะอาณาจักรถูกเก็บเกี่ยวไปจนหมดแล้วหรือว่ามันยากเกินไปและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมปล่อยมือ
สถานการณ์ของผู้อาวุโสจี๋อินน่าจะเป็นอย่างหลังแล้ว
“อาณาจักรต้นอันดับสามนั้นมีแหล่งทรัพยากรทรงพลังซึ่งด้อยกว่าอาณาจักรโบราณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ว่า กฏแห่งอาณาจักรนั้นเข้มงวดยิ่งนัก พลังใด ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับโลกนั้นจะถูกจากัดไว้อย่างแน่นหนา รวมถึงพลังธาตุของผู้ฝึกยุทธ์ จ้าวแห่งฝันที่เข้าไปในโลกนั้นจะมีระดับการฝึกตนเป็นศูนย์… และยังมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในอาณาจักรเมื่อเร็ว ๆ นี้ แนะนาให้จ้าวแห่งฝันต้องมีระดับสวรรค์มายาขั้นที่สี่ขึ้นไปเท่านั้นก่อนจะเข้าไปสารวจในอาณาจักรแห่งนี้”
คาอธิบายนี้ทาให้ฟางหยวนตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของอาณาจักรนี้
อาณาจักรนี้เป็นปฏิปักษ์กับพลังที่ไม่ใช่ของอาณาจักร
กระทั่งจ้าวแห่งฝันที่เข้าสู่อาณาจักรนี้ยังไม่สามารถคงระดับการฝึกตนของตนเอาไว้ได้แม้แต่ส่วนเดียว
นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าพลังแห่งฟ้าที่นั่นจะเข้มข้น พลังธาตุในอาณาจักรนั้นก็ยังขาดแคลนเป็นอย่างยิ่ง ผู้ฝึกตนไม่ว่าเส้นทางใดก็ยังรู้สึกว่ายากที่จะประสบความสาเร็จใดได้ในอาณาจักรนี้ ต่อให้พวกเขาทาสาเร็จ ก็ใช่ว่าจะสามารถบดขยี้ผู้ฝึกตนเส้นทางอื่นได้โดยง่าย
“อาณาจักรนี้…”
ฟางหยวนนึกสงสัเกี่ยวกับอาณาจักรนี้และไม่เข้าไปในทันที กลับกัน เขาเลือกที่จะติดต่อผู้อาวุโสจี๋อินอย่างระมัดระวัง “คารวะ
ผู้อาวุโสจี๋อิน อาณาจักรต้นอันดับสามนี้เคยเป็นสมบัติส่วนตัวของท่านใช่หรือไม่?”
หลังจากได้พบปะกับเหล่าผู้อาวุโสของสมาพันธ์แห่งอาณาจักรมาก่อน ฟางหยวนจึงมีข้อมูลการติดต่อของผู้อาวุโสอีกหกคน เขาจึงสามารถส่งข้อความถึงพวกเขาได้โดยตรงอย่างรวดเร็วผ่านป้ายประจาตัว
และด้วยสถานะของเขา ฟางหยวนจึงได้รับการตอบกลับจากพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“ใช่!”
ผู้อาวุโสจี๋อินตอบกลับมาเกือบจะทันที “ฟางหยวน เจ้าสนใจอาณาจักรนั้นงั้นรึ?”
“ขอรับ อาณาจักรนี้ดูจะยังไม่ถูกค้นพบโดยสมบูรณ์ นั่นหมายความว่ายังมีประโยชน์ให้เก็บเกี่ยวอีกมาก!”
ฟางหยวนตาเป็นประกาย
“จากประสบการณ์ของข้า ข้าสามารถมอบคาเตือนให้เจ้าได้บ้าง อาณาจักรนั้นดาเนินอยู่ในยุค ‘การใช้ไอน้า’ ซึ่งยากที่จะได้รับอิทธิพลจากพลังภายนอก แน่นอนว่า ยังมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงหลัง การกลับมาของพลังลึกลับที่สะดุดความสงสัยของข้า แต่น่าเสียดาย ร่างของข้าในอาณาจักรนั้นเติบโตช้าเกินไปและถูกตัวตนลึกลับที่เพิ่งถือกาเนิดของอาณาจักรนั้นบดขยี้…”
มีความเย็นชาบางอย่างอยู่ในน้าเสียงของผู้อาวุโสจี๋อินซึ่งทาให้ฟางหยวนเข้าใจว่าเหตุใดนางจึงปล่อยอาณาจักรนั้นลงมาในรายชื่อในตอนนี้
หลังจากตายไปครั้งหนึ่งด้วยฝีมือของผู้มีพลังแท้จริง มันย่อมสร้างความเสียหายแก่จ้าวแห่งฝันผู้นั้นมาก
ขณะที่สงครามใหญ่กาลังจะเกิดขึ้น ผู้อาวุโสจี๋อินไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยอาณาจักรนั้นให้แก่สมาพันธ์แห่งอาณาจักรเพื่อแลกเปลี่ยนกับทรัพยากรจานวนมากเพื่อฟื้นฟูตัวเอง
ไม่อย่างนั้น ครึ่งปีให้หลัง หากนางถูกพบว่ามีบาดแผลใหญ่อยู่บนร่าง นางย่อมกลายเป็นเป้าหมายและอาจจะถึงแก่ความตาย
“ขอบคุณท่านมากผู้อาวุโสจี๋อิน แต่ข้ายังอยากจะลองดู!”
ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้นอยู่เงียบ ๆ
นี่เป็นอาณาจักรที่เจริญแล้วอาณาจักรแรกที่จ้าวแห่งฝันค้นพบ มันย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าเหตุใดพวกเขาจึงจนปัญญาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกฏของอาณาจักรนั้น
แต่ฟางหยวนนั้นต่างออกไป!
ด้วยความทรงจาถึงชีวิตก่อนหน้าของเขา เขาย่อมอาศัยอยู่ในอาณาจักรนั้นได้อย่างราบรื่น เขาน่าจะรู้สึกสบายกว่าเมื่อเทียบกับจ้าวแห่งฝัน่อื่น ๆ และดังนั้น มันจึงยังมีพื้นที่ให้เขาแสดงความสามารถของตัวเองได้
“ตามใจเจ้า…” ผู้อาวุโสจี๋อินตอบกลับมาอย่างเย็นชาและตัดการส่งข้อความไปทันที
“เช่นนั้นก็โลกนี้แหละ!”
ฟางหยวนเก็บป้ายประจาตัวลงไปแล้วกาหมัดแน่นขณะคิด “นี่เป็นอาณาจักรที่สร้างมาเพื่อข้าโดยเฉพาะ… แล้วก็ ไม่มีใครสามารถเก็บเกี่ยวจากมันได้มาก่อน แหล่งพลังธรรมชาติย่อมแข็งแกร่งมาก…”
“ถ้าอย่างนั้น พลังลึกลับที่เพิ่งตื่นขึ้นมาในโลกนั้นคืออะไรกัน?”
ถึงแม้ว่าเขาจะยังสงสัยหลายอย่าง เขาก็ไม่ลังเลที่จะใช้แต้มภารกิจของตัวเองแลกเปลี่ยนกับตาแหน่งของอาณาจักรนี้้
“คราวนี้ ข้าไม่ต้องทาภารกิจใด ข้าสามารถสารวจได้อย่างอิสระตามที่ข้าต้องการ!”
…
โลกต้าเฉียน
“ตูม!”
ในถ้าแห่งหนึ่งกลางป่าลึก
ฟางหยวนทุบหินใหญ่หลายก้อนด้วยหมัดแล้วผนึกทางเข้าถ้าเอาไว้
ทันใดนั้น ค่ายกลเล็ก ๆ ที่สามารถผนึกรัศมีพลังได้ก็ถูกร่ายออกมา
“ข้าวิ่งวุ่นไปมาทั้งวันและเลือกสถานที่ที่มีพลังธาตุหล่อเลี้ยงเบาบาง ข้าไม่รู้ด้วยซ้าว่าตอนนี้ข้าอยู่ที่ไหน และยังค่ายกลผนึกนี้ โอกาสที่ร่างจริงของข้าจะถูกพบนั้นต่ามาก..”
จากนั้นฟางหยวนก็ดึงเอาวัตถุดิบหายากจานวนมากออกมาตั้งค่ายกล
“อาณาจักรนั้นอยู่ไกลจากต้าเฉียนมาก ต่อให้ข้าข้ามฝันด้วยวิธีการระบุตาแหน่งอาณาจักรของปราชญ์ฉางหลี ข้าก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากภายนอกอยู่!”
ครู่ต่อมา ภายในค่ายกล ฟางหยวนนั่งขัดสมาธิดวงตาทั้งคู่ปิดสนิท เขาดีดนิ้วออกไปแล้วค่ายกลก็เริ่มทางาน
ขณะที่ลาแสงหมุนวน ช่องว่างที่ตรงหน้าเขาก็บิดตัวแล้วพายุหมุนสีดาก็เกิดขึ้น
จิตวิญญาณแท้จริงของเขาลอยออกมาจากร่างแล้วเข้าไปในพายุหมุนลึกลับสีดาก่อนที่ทุกอย่างจะหายวับไปสิ้น…