395: ค้าขายของเก่า
“ฟู่! ฟู่!”
รถไฟมาถึงสถานีที่เมืองหลวงอย่างช้า ๆ พร้อมกับเสียงเครื่องจักรไอน้าและควันขาวพวยพุ่ง
เมื่อประตูรถไฟเปิดออก ทะเลสีเขียวและเทาก็ท่วมไปทั้งตู้รถไฟ ผู้โดยสารจานวนมากลากสัมภาระและกระเป๋าเบียดตัวไปที่ทางออก
ที่ด้านนอกสถานีรถไฟนั้นพลุกพล่าน มีร้านค้าขายของกินเล่นและแผนที่มากมาย คนขายของหาบเร่เอ่ยชักชวนผู้โดยสารแต่ละคนอย่างกระตือรือร้น มีสาเนียงเสียงภาษาถิ่นจากหลากหลายพื้นที่ ทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
ฟางหยวนที่มีกระเป๋าสะพายหลังเพียงใบเดียวและยังดูเป็นเด็กคนหนึ่ง เมื่อเขาเห็นภาพอึกทึกเบื้องหน้าก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อยและรู้สึกว่าตัวเองไม่เข้ากับบรรยากาศเช่นนี้
เพียงครู่เดียวเขาก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดคลุมแบบทหารตัวใหญ่และผ้าพันคอสีแดงชูแผ่นกระดานแผ่นหนึ่งขึ้นมาแล้วเดินมาทางเขา
“คุณคือนักเรียนฟางหยวนใช่ไหม?”
ชายหนุ่มคนนั้นแนะนาตัวเองอย่างอบอุุ่น “ผมชื่อซุนเจี้ยน เป็นนักศึกษาของศาสตราจารย์เหอ!”
“สวัสดีครับ!”
ฟางหยวนจับมือกับเขา แล้วจู่ ๆ ใบหน้าของซุนเจี้ยนก็เปลี่ยนเป็นประหลาดใจเล็กน้อย “คุณมาที่นี่คนเดียวเหรอ? สัมภาระอื่น ๆ ของคุณอยู่ไหนล่ะ?”
“มีแค่นี้แหละ ไปกันเถอะ!” ฟางหยวนตอบขณะตบกระเป๋าสะพายของตัวเองเบา ๆ
“โอ้ ดีเลย! ยังมีนักศึกษาคนอื่นด้วยนะ เขามาถึงที่นี่ก่อนหน้านี้แล้ว!”
ซุนเจี้ยนนั้นเป็นมิตรมาก จากนั้นเขาก็พาฟางหยวนไปที่รถจี๊ปสีเขียวที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถ
“เมืองหลวงน่ะใหญ่มาก แล้วก็มีที่สนุก ๆ ให้ไปเพียงเลย! พอพวกคุณทุกคนคุ้นเคยกับที่นี่แล้วผมจะพาพวกคุณไปดูรอบ ๆ!”
“ขอบคุณมาก!”
ฟางหยวนนั่งที่นั่งเบาะหลังและมองเด็กอีกคนนั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างประเมิน
เด็กคนนั้นผิวซีดอย่างไม่ปกติ เขาผอมมาก ใบหน้าเย็นชาราวกับไม่ต้องการให้ใครมาใกล้ชิดสนิทสนมด้วย
“หวัดดี ฉันชื่อฟางหยวน!”
ฟางหยวนยื่นมือออกไป
“หลินซิง!”
หลินซิงยแขนกอดอกและมีสีหน้า ‘ฉันไม่อยากคุย’
“หลินซิงมีทักษะการใช้เครื่องมือที่ดีมาก! เครื่องจักรที่เขาปรับปรุงได้รับรางวัลชนะเลิศระดับชาติเลยนะ!” ซุนเจี้ยนเสริมอย่างร่าเริง
“อืม… ข้าเดาว่าพวกอัจฉริยะก็คงจะหยิ่งแบบนี้แหละ!” ฟางหยวนคิดกับตัวเองพลางกลอกตา
จากนั้นฟางหยวนก็เริ่มมองออกไปที่สิ่งก่อสร้างและทิวทัศน์ด้านนอก
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีตึกสูงระฟ้าแบบสมัยใหม่ แต่ก็ยังคงมีเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของบ้านแบบจีนที่มีมีลานกลางบ้านผสานกับอาคารคอนกรีต
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงครึ่ง รถจี๊ปก็ขับเข้าไปในมหาวิทยาลัยซีจิง สถานศึกษาอันดับหนึ่งของประเทศจีน
เพราะเป็นช่วงเปิดเทอมใหม่พอดี จึงเห็นนักศึกษามากมายกาลังวุุ่นวายกับข้าวของของตัวเองอยู่ในเขตสถานศึกษาสวยงามแห่งนี้
“พวกเราถึงแล้ว!”
รถจี๊ปจอดใต้หอพักแห่งหนึ่ง เมื่อฟางหยวนและหลินซิงลงจากรถ พวกเขาก็ได้รับการต้อนรับจากเหอเทียนหมิง “หอพักเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว มันเป็นแบบสองห้องนอน! ในเมื่อพวกเธอยังเด็กอยู่ ทางมหาวิทยาลัยจึงยกเว้นการฝึกทหารให้! แล้วฉันก็จะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาประจาชั้นของพวกเธอ”
“สวัสดีครับอาจารย์เหอ!”
ฟางหยวนทักทายเหอเทียนหมิงทันทีหลังจากลงจากรถ
“ยินดีที่พวกเธอทั้งคู่มาที่นี่นะ! ช่วงหลายวันนี้ยังไม่มีเรียน พวกเธอสามารถใช้เวลาช่วงนี้ทาความคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ไปก่อน!”
เหอเทียนหมิงส่งคูปองอาหารและเงินจานวนหนึ่งให้และพูดต่อ “พวกเธอทั้งคู่ดูแลตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ฉันหวังว่าพวกเธอก็จะรักษาวินัยดี ๆ นั้นเอาไว้ได้เมื่ออยู่ที่นี่! อย่าให้การสนับสนุนจากทางมหาวิทยาลัยเสียเปล่า!”
“ครับ!”
ฟางหยวนสัญญาอย่างจริงจังขณะที่หลินซิงไม่สนใจซึ่งทาให้เหอเทียนหมิงรู้สึกพูดไม่ออก ในสายตาของฟางหยวน หลินซิงก็แค่เด็กหัวรั้นคนหนึ่งเท่านั้น
“แล้วก็ โดยเทคนิคแล้ว ชั้นเรียนเด็กผู้มีพรสวรรค์ของพวกเธอในปีแรกจะยังไม่แบ่งออกเป็นคณะ พวกเธอจะต้องเข้าเรียนชั้นเรียนประวัติศาสตร์ด้วยกันเพื่อสร้างพื้นฐาน! สาหรับฟางหยวน ฉันไปคุยกับพวกเขาแล้ว และเธอจะได้รับอนุญาตให้เข้าเรียนในชั้นเรียนของคณะชีววิทยาและคณะแพทย์!”
“ขอบคุณครับ!”
ถ้าไม่เพราะเงื่อนไขพวกนี้ ฟางหยวนก็คงไม่มาที่นี่
ตั้งแต่นี้ไป ฟางหยวนก็จะเรียนรู้เป็นเวลาสองปี สร้างพื้นฐานความรู้ของเขาให้สมบูรณ์ก่อนที่จะลงมือขั้นต่อไปให้ผู้อื่นต้องประหลาดใจ
…
อย่างแรกเลย พวกเขาไปที่โรงอาหารเพื่อกินข้าวด้วยกัน ขณะที่เหอเทียนหมิงมีเรื่องด่วนที่ต้องไปดูดังนั้นจึงขอตัวกลับไปก่อน
ฟางหยวนกัดซาลาเปาคาโตแล้วกินก๋วยเตี๋ยวหมูทั้งชามลงไปหมดอย่างรวดเร็ว ความเจริญอาหารและรูปลักษณ์อย่างเด็ก ๆ ของเขาดึงดูดสายตารุ่นพี่หลายคน
ในขณะที่หลินซิงนั้นแอบอยู่ตรงมุมราวกับอายที่จะต้องอยู่ร่วมกับฟางหยวน
ฟางหยวนกินซาลาเปาลูกสุดท้ายของตัวเองแล้วลูบท้องที่อิ่มตึงและมองไปทางหลินซิง “นายอยากไปเดินดูรอบ ๆ ไหม?”
“ไม่!”
หลินซิงเดินออกไปทันที สีหน้าเย็นชา
“เฮ่ย… เด็ก ๆ ควรจะร่าเริงและยิ้มให้มาก ๆ สิ…”
ฟางหยวนถอนหายใจอย่างจนใจเหมือนชายชราสักคนทาให้ซุนเจี้ยนหัวเราะ “ฟางหยวน นายก็อายุแค่สิบห้าเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
ตอนที่ซุนเจี้ยนพูด ในสายตาก็ปรากฏร่องรอยสงสาร “…แล้วก็ นายไม่ได้กินอาหารดี ๆ เลยใช่ไหมเนี่ย? ไม่ต้องห่วงนะ นักศึกษมหาวิทยาลัยหลายคนที่เพิ่งเข้ามาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน เดี๋ยวนายก็ชินกับมันไปเอง!”
“ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้ได้รับการดูแลไม่ดีหรือว่าถูกทารุณกรรมหรอกน่า…” ฟางหยวนคิดกับตัวเองขณะแอบกลอกตา
จากนั้นฟางหยวนก็เปลี่ยนเรื่องคุยไปเป็นเรื่องการไปดูรอบ ๆ
“ฮ่าฮ่า.. ฟางหยวน นายกระตือรือร้นมากจริง ๆ นายอยากไปดูที่ไหนล่ะ?” ซุนเจี้ยนประหลาดใจเล็กน้อยแล้วถาม
“ผมได้ยินมาว่าที่นี่มีตลาดขายของเก่าสามแห่ง! หลิวหลี่ฉางกับผานเจียหยวนสองที่นี้เอาไว้ก่อน พวกเราไปดูที่เป่าเชินซื่อกันก่อน!”
ฟางหยวนเช็ดปาก
“โอ้ ไม่คิดว่านายจะสนใจของเก่าด้วย! นายสนใจเรียนเอกโบราณคดีด้วยเหรอ?” ซุนเจี้ยนยิ้ม
“ผมแค่ได้ยินมาว่าที่นั่นครึกครื้นมากและในเมื่อรถจี๊ปยังไม่ต้องรีบเอาไปคืนพวกเราก็ควรจะใช้งานมันให้เต็มที่… ต้องรบกวนรุ่นพี่แล้ว! คืนนี้เดี๋ยวผมจะเลี้ยงหม้อไฟเนื้อแกะพี่นะ!”
“ดีเลย!” ซุนเจี้ยนเห็นด้วย
เป่าเชินซื่อนั้นเดิมเป็นวัดของนิกายเซนที่มีชื่อเสียง หลังจากก่อตั้งประเทศจีนขึ้นมา วัดก็ได้รับการบูรณะและตอนนี้ไม่เพียงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงแล้ว ยังมีร้านขายของมากมายด้วย
ถึงแม้ว่าจะของเก่าเพียงไม่มาก และยังมีของปลอมมากมาย แต่บรรยากาศที่รอบ ๆ นี่ก็ดีมากเช่นกัน
เมื่อฟางหยวนไปถึง เขาก็เห็นต้นไม้ใหญ่มากมายทาให้มีร่มเงาและเห็นผู้คนหลายกลุ่มเดินไปตามทางเดินในสวนด้านใน และยังมีร้านค้าเล็กใหญ่นับร้อยร้านขายของทุกอย่างตั้งแต่ของหายากจนถึงของแปลก ๆ ได้ยินเสียงพูดคุยด้วยสาเนียงภาษาต่างถิ่นจากทั่วประเทศดังมา
“พวกเราแค่มาดู ๆ ใช่ไหมคราวนี้… เอ๋? ฟางหยวน นายสนใจจะซื้อจริง ๆ เหรอ?”
หลังจากที่ซุนเจี้ยนถอนหายใจ เขาก็เห็นฟางหยวนนั่งยอง ๆ อยู่ที่หน้าร้านหนึ่งแล้วพลิกของที่วางขายไปมา ฟางหยวนดูสนใจของชิ้นนั้นมาก
“อื้อ… นี่น่าสนใจมากเลย!”
ฟางหยวนหยิบตุ๊กตากระเบื้องตัวหนึ่งขึ้นมา บนใบหน้ามีรอยยิ้มประหลาด
ตุ๊กตากระเบื้องตัวนี้มีหัวใหญ่เท้ากลมซึ่งคล้ายกับตุ๊กตาล้มลุก มันตกแต่งด้วยสีน้ามันสดใสและยังดูธรรมดา ซุนเจี้ยนนั้นบอกได้โดยง่ายว่ามันไม่ใช่ของโบราณแน่นอน แต่ว่าเป็นตุ๊กตาที่เอาไว้หลอกเด็ก
แต่ว่า พอเขาเห็นฟางหยวนสนใจมันมากเขาก็พูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง
“สหาย นายรสนิยมดีมาก บรรพบุรุษของผมเคยอาศัยอยู่ในวังในราชวงศ์ก่อน… นี่…”
เจ้าของร้านพูดอย่างลื่นไหลและเริ่มโน้มน้าวฟางหยวนทันทีที่เห็นเขาเข้ามาที่ร้านของตน เขาพยายามโน้มน้าวฟางหยวนต่ออีก “นี่เป็นของที่
พวกขุนนางเมื่อก่อนเคยเล่นเชียวนะ มันเหมือนกันเลย! แล้วถ้าซื้อไปเป็นคู่ก็จะยิ่งเล่นได้สนุกนะ!”
“ผมขายให้คุณสิบเหรียญก็พอ!”
“ฝันไปเถอะ!” ซุนเจี้ยนทนไม่ไหวแล้ว “ถ้านายไปที่แถบโรงงานทางตะวันตก นายจ่ายสิบเหรียญซื้อได้เป็นคันรถเลยนะ!”
“ฮ่าฮ่า!”
เมื่อเจ้าของร้านเจอกับคนที่รู้ราคาจริง ๆ เขาก็หัวเราะแล้วแย้งออกมา “มันไม่เหมือนกันน่า! ไม่เหมือน! ของผมเนี่ยสร้างด้วยเครื่องจักรพิเศษ! ดูสีสิ มันมีส่วนผสมของพวก… สารเคมี ตั้งมาก!”
“อะไรนะ!”
ซุนเจี้ยนอดหัวเราะไม่ได้เมื่อได้ยินแต่ก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมา
ความคิดที่ว่าของที่ผลิตโดยเครื่องจักรดีกว่าของทาด้วยมือและยังความคิดในการใส่สารเคมีลงไปนั้นแปลว่ามันเป็นของดีช่างโง่งมอย่างน่าตลกและน่าหัวเราะเยาะ แต่มันก็ทาให้ซุนเจี้ยนรู้สึกพ่ายแพ้
ฟางหยวนเองก็อดหัวเราะไม่ได้เหมือนกัน “ช่างเถอะ ผมจะเอาสามตัว! แล้วก็จะจ่ายคุณสามเหรียญเป็นไง?”
ดวงตาฟางหยวนเป็นประกายและเขาก็เลือกตุ๊กตาสามตัวอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าตุ๊กตาพวกนี้จะดูเรียบง่ายและฝีมือหยาบ แต่ระหว่างคิ้วของพวกมันกลับเปล่งประกายเสน่ห์ประหลาดออกมาซึ่งหมายความว่ามัน
เป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตขึ้นมาจากแบบพิมพ์เครื่องจักรแต่ว่าต้องเป็นงานทามืออย่างแน่นอน
“สามเหรียญถูกเกินไป…”
สีหน้าเจ้าของร้านเปลี่ยนไปเล็กน้อย “นี่เป็นมรดกจากบรรพบุรุษของผม…”
“เดี๋ยวก่อนนะ ไม่ใช่ว่านายบอกว่ามันผลิตโดยเครื่องจักรเหรอ?”
ซุนเจี้ยนดึงฟางหยวนขึ้นมาและพูด “ช่างมันเหอะ ไปร้านอื่นกัน!”
“อ๋า… เดี๋ยวก่อนสิ!”
เจ้าของร้านรีบตะโกนออกมา “ช่างเหอะ ๆ วันนี้ผมจะยอมตาบอดหูหนวกหน่อยก็ได้ สามเหรียญก็สามเหรียญ!”
“สามเหรียญก็ยังแพงไปแล้ว!”
ฟางหยวนก็ยังลังเลอยู่เล็กน้อยแล้วเขาก็สุ่มหยิบตาราโบราณเล่มหนึ่งขึ้นมา “ผมชอบอ่านหนังสือ ดังนั้นถ้าคุณเพิ่มเล่มนี้ด้วย ผมจะยอมซื้อที่สามเหรียญ!”
“ตกลง!”
เจ้าของร้านชาเลืองมองหนังสือแวบหนึ่งและเห็นหนังสือเก่า ๆ สีออกเหลืองและยังมีรูเต็มไปหมด หนังสือนั่นดูไม่น่าสนใจเลยเมื่อเทียบกับของอื่น ๆ ที่เขาวางขายอยุู่ นอกจากนี้ ปกเองก็เต็มไปด้วยฝุ่นและกว่าครึ่งอ่านไม่ออกด้วยซ้า ดังนั้นเจ้าของร้านจึงตกลงอย่างรวดเร็ว
“เฮ่ย… ฟางหยวน นายสิ้นเปลืองเกินไปแล้ว”
ในเมื่อฟางหยวนใช้เงินของตัวเอง ซุนเจี้ยนจึงไม่มีอะไรให้ต้องพูดนอกจากถอนหายใจ
“เงินซื้อความสุขไม่ได้น่า! ผมจะเลี้ยงหม้อไฟพี่เอง!”
ฟางหยวนเก็บรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ขณะมองตุ๊กตากระเบื้องอย่างละเอียด
ด้วยเนตรเพลิงสีทองของเขา มันก็ง่ายมากที่เขาจะเจอขุมทรัพย์เล้ก ๆ
ถึงแม้ว่าตุ๊กตาพวกนี้ภายนอกจะดูธรรมดา แต่ว่าด้านในกลับมีของมีค่าอยู่ เขามองเห็นไม้กฤษณาหลายชิ้น และยังอัญมณีอยู่ในตุ๊กตาพวกนี้
ฟางหยวนน่าจะทาเงินได้พอสมควรด้วยราคาตลาดตอนนี้
อย่างไรฟางหยวนก็เพิ่งเริ่มต้นการฝึกตน เขาต้องหารายได้พิเศษเพื่อรองรับการใช้จ่ายของตนเอง
หนังสือโบราณในกระเป๋าของเขายิ่งน่าประหลาดใจกว่า
“หนังสือเก่าเล่มนี้กลับมีหน้าลับอยู่ด้านใน… นอกจากนี้ จากตัวอักษรที่ด้านนอกยังซ่อนพลังเวทย์เอาไว้ มันไม่ธรรมดาเลย… แค่นี้ข้าก็ยืนยันได้เป็นส่วนใหญ่ว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในต้องเกี่ยวข้องกับการฝึกตนในอดีต ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านจะไม่ได้โกหก บรรพบุรุษของเขาน่าจะเคยอยู่ในวังมาก่อนและยังได้รับของดี ๆ หลายอย่างจากที่นั่น…”
ฟางหยวนหันกลับไปมองตึกใหญ่ของเป่าเชิงซื่อและจู่ ๆ ก็สงสัย “ไม่ต้องพูดถึงที่อื่นที่เหลือ… เพียงแค่ที่นี่ก็คุ้มที่จะลงทุนแล้ว! ด้วยพลังดวง
เนตรของข้า ต่อไปข้าน่าจะได้กาไรมากทีเดียว! แก้ปัญหาเรื่องทรัพยากรที่ข้าต้องใช้ในการฝึกตนได้แล้ว…”