Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 399

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 399

399: จับตามอง
“พวกเรามาฉลองให้กับนักกีฬาระดับชาติของพวกเรา หลิวเฟยที่คว้าเหรียญทองได้อีกครั้งและยังทาลายสถิติโลกด้วยพร้อมกัน…”
“เมื่อวานนี้ ผู้ว่าการเมืองมาเยี่ยมเยือนมหาวิทยาลัยของพวกเราและยังกล่าวสุนทรพจน์ให้กาลังใจนักศึกษาและอาจารย์ทั้งหมดของมหาวิทยาลัย…”
“ต่อไป เชิญรับฟังบทเพลง…”

เสียงหวานใสของผู้หญิงคนหนึ่งดังผ่านลาโพงในมหาวิทยาลัย
ฟางหยวนนอนอยู่บนสนามหญ้าและหรี่ตา
“เฮ้… ฉันได้ยินมาว่านายยื่นสอบจบแล้ว!”
เมื่อหันหน้าไป เขาก็พบว่าเป็นหลินซิงมายืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าไม่ยินดีนัก
“ใช่…”
หลังจากได้รู้จักกันมาระยะหนึ่ง ฟางหยวนก็รู้ว่าหลินซิงนั้นไม่ได้เป็นพวกเย่อหยิ่งแต่แค่มนุษยสัมพันธ์ไม่ดีเท่านั้น
“น่าเสียดาย…”
หลินซิงล้มตัวนอนบนสนามหญ้าด้วยและนิ่งไป
“อย่าคิดมากเกินไปเลย ถึงนายจะไม่เคยเอาชนะฉันได้เลยระหว่างเรียน แต่นายอาจจะทาได้ตอนที่พวกเราออกไปทางานที่ข้างนอก…”
ฟางหยวนหัวเราะ
มาคิดดูแล้ว นักศึกษาในมหาวิทยาลัยซีจิงก็ช่างโชคร้าย
ถึงจะคิดว่าตนเองนั้นฉลาด แต่ในมหาวิทยาลัยก็เต็มไปด้วยผู้ที่มีพรสวรรค์! ยังมีผู้อื่นที่ฉลาดกว่าคนที่ฉลาดที่สุด! สาหรับคนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง นี่ก็นับถูกตีแสกหน้าด้วยความผิดหวังครั้งใหญ่
“ไอ้บ้าหลงตัวเอง…”
หลินซิงกลอกตาแล้วลุกหนีไป
“ฟางหยวน… ทาไมนายยังอยู่ที่นี่อีก!”
ซุนเจี้ยนพุ่งตัวเข้ามาในสนามหญ้า “รีบกลับไปที่ร้านของนายได้แล้ว มีคนอยากซื้อสมบัติล้าค่าของนาย!”
“โอ้!”
ฟางหยวนลุกขึ้นอย่างเกียจคร้านแล้วบิดขี้เกียจ
“ทาไมนายถึงได้ใจเย็นนักฮะ?”
ซุนเจี้ยนอึ้งไป “นั่นเป็นการค้าขายราคาสามแสนเหรียญนะ!”
“ก็แล้วจะให้ผมทายังไง?”
ฟางหยวนตอบด้วยน้าเสียงสงบ “พี่วิ่งมาตลอดทางถึงที่นี่เลยเหรอ? พี่ตื่นเต้นเกินไปแล้ว พี่ต้องสงบใจให้ได้นะไม่ว่าจะเกิดอะไรใหญ่โตแค่ไหน”
“ฉัน… ฉันพยายามใจเย็นแล้ว แต่ว่านั่นมันสามแสนเหรียญนะ! แค่คิดก็ทาให้ฉันตัวสั่นแล้ว…”
เสียงของซุนเจี้ยนสั่นขณะพูด
“เอาละ ผมจะไปเดี๋ยวนี้!”
ฟางหยวนส่ายหน้าแล้วไปเป่าเชินซื่อกับซุนเจี้ยน
เวิ่นซินเจียที่เดิมว่างเปล่าของเขาตอนนี้ถูกคนกลุ่มใหญ่รุมล้อม ทางเข้าร้านแน่นขนัด ผู้คนส่วนใหญ่มามุงดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“หลบหน่อย ๆ เจ้าของที่นี่มาแล้ว!”
ซุนเจี้ยนเปิดทางให้ฟางหยวน หลายคนที่จาได้ว่าเขาเป็นเจ้าของร้านก็เปิดทางให้โดยอัตโนมัติ
“เจ้านาย คุณมาแล้ว!”
ติงชิวอวี้วิ่งมาหาฟางหยวน “คนต่างชาติคนนี้มาที่นี่แล้วก็ชอบใจรูปสลักพระศรีอาริยเมตไตรยเข้า เขารบเร้าจะขอซื้อ!”
“ฉันรู้แล้ว ลาบากคุณแล้ว!”
ฟางหยวนเข้าไปในร้านและสังเกตเห็นชาวต่างชาติผมสีบลอนด์คนหนึ่งกาลังใช้แว่นขยาย เขาสวมถุงมือสีขาวเอาไว้และตรวจดูรูปสลักพระศรีอาริยเมตไตรยอย่างจริงจัง
ที่ด้านหลังเขา มีผู้คุ้มกันในชุดเครื่องแบบอย่างตะวันตกสีดาสองคน และยังมีล่ามผู้หญิงอีกคนด้วย
บังเอิญว่าเฉินป๋อก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน ตอนนี้เขารับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของที่นี่ขณะจ้องไปที่ผู้คุ้มกันสองคนนั้น
เขาต้องระวัง! ถ้ารูปสลักไม้นี่แตกหรือว่าถูกขโมยไป เพื่อนสาวของเขาคงไม่สามารถจ่ายค่าชดเชยไหว ดังนั้น เขาจึงต้องเอาตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้อง
ในเวิ่นซินเจีย ฟางหยวนเตรียมเก้าอี้ไม้และนั่งลง จากนั้นติงชิวอวี้ก็ยกน้าชามาให้เขา
ชายชราชาวต่างชาติผู้นั้นสังเกตเห็นฟางหยวนและพึมพาบางอย่างกับล่าม
“คุณโทมัสถามว่า คุณเป็นเจ้าของร้านนี้ใช่ไหม? เขาต้องการคุยกับเจ้าของตัวจริงของรูปสลักนี้”
ล่ามสาวแปลคาพูดคาต่อ แต่โครงสร้างประโยคของเธอก็ยังกระด้างและดูเธอจะไม่ใช่คนที่นี่
‘ชาวจีนที่เติบโตที่ต่างประเทศ? หรือว่าเป็นชาวผิวเหลืองชาติอื่น?’
ฟางหยวนหรี่ตาแล้วรอบด้านก็กลายเป็นโปร่งใสและดูเป็นมายา
ทุกคนดูปกติยกเว้นเฉินป๋อที่มีรัศมีอ่อนจางแผ่ออกมาบ่งบอกว่าเขามีการฝึกตนระดับเปิดพลัง
ร่างของล่ามผู้หญิงคนนั้นก็ปกติ แต่ว่า มีเส้นสีดาอยู่รอบตัวของเธอและใบหน้าเปี่ยมชีวิตชีวาก็เริ่มซีดเขียว หมอกสีดารวมตัวกันอยู่แถวหน้าผากของเธอ
‘จากมุมมองของผู้ฝึกตน ผู้หญิงคนนี้อาจจะอาศัยอยู่กับปิศาจชั่วร้ายหรือไม่ก็ตัวเธอเองฝึกฝนวิชาชั่วร้าย…’
ล่ามหญิงคนนั้นก้มหน้าต่าและพึมพาภาษาต่างประเทศกับเจ้านายของเธอ จากนั้นเธอก็ยิ้ม “คุณโชคดีนะ คุณโทมัสบอกว่ายินดีจ่ายสองแสนหยวนเพื่อรูปสลักพระศรีอารยเมตไตรยของคุณ”
“โอ้!”
ฟางหยวนยกนิ้วขึ้นแคะหูสีหน้าสงสัย “ทาไมผมถึงได้ยินว่าข้อเสนอสูงสุดของเขาคือห้าหมื่นเหรียญล่ะ?”
เหรียญนั้นเป็นอัตราการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ จานวนที่คุณโทมัสยินดีจ่ายนั้นเทียบได้กับห้าแสนหยวน
แน่นอนว่า ราคาของรูปสลักนี้ยังสามารถสูงกว่านี้ได้อีกในตลาดมืด
“แค่ก…”
ล่ามหญิงคนนั้นลาสัก “คุณเข้าใจภาษาของพวกเรา?”
“อืม… ก็ได้เรียนมาบ้างน่ะ!”
ฟางหยวนแสยะยิ้มเห็นฟันขาว ขณะตอบกลับด้วยภาษาต่างประเทศอย่างคล่องแคล่ว
แน่นอนว่า ตอนนี้ล่ามหญิงคนนั้นอยากจะฆ่าเขาให้ตายอย่างน่าสยดสยอง
“คุณสุภาพบุรุษ คุณทาให้ผมประหลาดใจ! คุณเคยไปเรียนที่ต่างประเทศมาก่อนเหรอ?”
คุณโทมัสตกใจที่ได้ยินภาษากลางของสหพันธรัฐที่คล่องแคล่วถึงเพียงนี้ในประเทศจีนและยังสงสัยว่าฟางหยวนนั้นเติบโตจากประเทศของเขาด้วยซ้า
“ไม่ ผมเพียงแค่เรียนมาจากครูที่มาจากสหพันธ์อินทรีทอง…”
ฟางหยวนโบกมือ “คุณโทมัส โชคร้ายที่คุณได้เผยข้อเสนอที่ดีที่สุดของคุณให้ผมแล้ว แต่ว่า ราคาของผมเปลี่ยนไปเป็นห้าหมื่นเหรียญแล้วเช่นกัน อีกอย่าง ผู้ช่วยของคุณก็ลดข้อเสนอของคุณลงตั้งครึ่งด้วย!”
ได้ยินอย่างนี้แล้วใบหน้าของล่ามหญิงก็เปลี่ยนเป็นทะมึนและสายตาเกรี้ยวกราดของเธอก็ตวัดมาราวกับจะแผดเผาฟางหยวนให้ได้
“เหอเหอ… คุณไนท์เพียงแค่พูดเล่นเท่านั้น! อย่างไรผมก็จะตกลงที่ห้าหมื่นเหรียญอยู่ดี!”
โทมัสยิ้มและมองไปที่ล่ามของตน จากนั้นเขาก็สั่งให้ผู้คุ้มกันนากระเป๋าใบหนึ่งเข้ามา เขาเปิดกระเป๋าหยิบเงินหลายปึกออกมา เขารู้แต่ว่าต้องได้รูปสลักนี้มาให้ได้ เขามองไปที่กายานที่จุดไว้ด้านหนึ่งจากนั้นก็พูดออกมาอีกครั้ง “ประเทศจีนนี้ช่างน่าประหลาดใจนัก ดูอย่างกายานนั้นสิ… ฉันว่ากลิ่นมันคล้ายกับกลิ่นที่ผู้ชี้นาทางวิญญาณของประเทศฉันใช้เลย กลิ่นที่สามารถช่วยสงบจิตใจได้”
“อย่างนั้นหรือ?”
เมื่อคิดดูแล้ว ฟางหยวนก็รู้สึกใจกระตุก หลังจากได้คุยกับโทมัส เขาก็มอบกายานเปิดชีพจรให้เขาหนึ่งขวด
“ฮ่าฮ่า… ฉันต้องขอตัวก่อนแล้วละ!”
มองฝูงชนที่แออัดมากขึ้นที่หน้าร้านโทมัสก็ลุกขึ้นยืนแล้วเผยรอยยิ้มประหลาด “ฟาง เธอเป็นเด็กมีพรสวรรค์ เราคงได้พบกันอีกครั้ง!”
“ค่อยพบกัน!”
ฟางหยวนนั่งอยู่ที่เก้าอี้ขณะที่โทมัสใช้ไม้เท้าพยุงตัวเดินกลับออกไป ตอนที่เขาเดินออกไป เขาก็ถูกบรรดาเจ้าของร้านอื่น ๆ ที่กาลังอยากขายของเข้ามารุมล้อม
ไม่น่าเชื่อว่าฟางหยวนกลับไม่ได้รีดไถเศรษฐีผู้นี้!
ตอนที่คุณไนท์ของตัวกลับ สายตาของเธอมองฟางหยวนอย่างมุ่งร้าย
“ปิดร้านเถอะ!”
เห็นสีหน้าละโมบของบรรดาเจ้าของร้านที่รุมล้อมโทมัสอยู่ฟางหยวนก็ส่ายหน้า “เฉินป๋อ อยู่กับซุนเจี้ยนก่อน”
“เหอเหอ…”
หลังจากปิดร้าน ซุนเจี้ยนก็จ้องมองเงินหลายปึกบนโต๊ะก่อนจะมองฟางหยวนอย่างสงสัย “รุ่นน้อง นายไปเรียนภาษาของพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ได้ยินแค่ไม่กี่ทีผมก็เข้าใจภาษานี้แล้ว เป็นเรื่องธรรมดาน่ะ!”
ฟางหยวนมีสีหน้าราวกับบอกว่า ก็เขาเป็นเด็กอัจฉริยะ แล้วจะทาอะไรก็ได้ตามที่อยากทา ซึ่งทาให้เฉินป๋อดูหดหู่ลงไป
พวกเขาล้วนเป็นนักศึกษาระดับหัวกะทิของเมืองถึงได้สามารถเข้ามหาวิทยาลัยซีจิงได้ แต่ว่า พวกเขาก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยก็หนึ่งหรือสองเดือนถึงจะเรียนรู้ภาษาใหม่ได้ตั้งแต่ต้น
แต่เจ้าเด็กตรงหน้าพวกเขานี่กลับทาได้เหมือนกันเพียงแค่เข้าเรียนไม่กี่ครั้งและยังเก่งกว่าล่ามเสียอีก
ถึงทุกคนจะรู้ว่าในสังคมมีพวกที่มีพรสวรรค์ที่ทาให้คนอื่น ๆ ต้องสงสัยในการมีตัวตนของตัวเอง แต่เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าเด็กที่มีพรสวรรค์อย่างนั้นแล้วก็อดรู้สึกกลัวไม่ได้
“เอาละ แบ่งกาไรกันดีกว่า นี่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นการเรียกร้องความยุติธรรมให้ประเทศเราแหละนะ!”
ฟางหยวนยิ้มแล้วแบ่งเงินปึกหนึ่งออกเป็น 4 ส่วน ส่งแต่ละส่วนให้ติงชิวอวี้ เฉินป๋อและซุนเจี้ยน “ขอบคุณสาหรับความช่วยเหลือวันนี้ นี่เป็นสิ่งตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ!”
“นี่…”
แต่ละกองมีอย่างน้อยก็หนึ่งพันเหรียญและซุนเจี้ยนก็ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“นายน้อย… ฉันจะรับเงินของคุณไว้ได้ยังไง?”
ติงชิวอวี้รีบตอบ
“นี่เป็นค่าตอบแทนพิเศษต่อความสามารถของคุณ! ในเมื่อนี่เป็นค่าตอบแทนพิเศษ ก็รับไปเถอะ!”
ฟางหยวนส่งเงินทั้งปึกใส่มือเธอ “พวกคุณสองคนก็ด้วย รับเงินนี่ไปเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ! ตอนนี้ผมนับได้ว่าเป็นเศรษฐีคนหนึ่งแล้วนะ!”
“ใช่… เทียบกับนายแล้ว พวกเราก็จนมากจริง ๆ แหละ!”
ซุนเจี้ยนเต็มไปด้วยความเสียดาย
ถ้าเพียงแต่เขารู้ว่าการขายของเก่าจะทากาไรได้ขนาดนี้ เขาก็คงเลือกเรียนด้านโบราณคดีแล้ว

ตกกลางคืน
ฟางหยวนพลิกตัวข้ามกาแพงแล้วออกจากมหาวิทยาลัยไปอย่างคล่องแคล่วราวกับแมวสักตัว เขายิ้มกว้างให้ตัวเอง
ฟางหยวนนั้นทาบางอย่างเอาไว้กับรูปสลักพระศรีอาริยเมตไตรย ทาให้มันมีร่องรอยให้ติดตามได้
ไม่อย่างนั้นทาไมฟางหยวนถึงได้กล้าวางสมบัติล้าค่าอย่างนั้นเอาไว้ลวก ๆ ในร้านที่มีผู้ดูแลเพียงคนเดียวล่ะ?
“ยังมีคนจับตาดูอยู่หรอกเหรอ? ท่าทางของข้ามันผิดปกติหรืออย่างไร?”
เขาพลิกตัวข้ามกาแพงอีกแห่งหนึ่ง ข้ามตรอกเล็ก ๆ แล้วยกกระเบื้องหลังคาชิ้นหนึ่งขึ้น จากนั้น เขาก็สังเกตเห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเอนตัวแนบหน้าต่างด้านนอก จับตามองประตูบ้านฟางหยวนอยู่
แต่ว่า เขาดูเหนื่อยและเบื่อหน่าย อ้าปากหาวอย่างต่อเนื่อง
‘อย่างไรข้าก็เป็นเพียงนักศึกษาคนหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่ฆาตกรชั่วร้าย ข้ายังไม่ได้เผยความสามารถพิเศษออกไปและดังนั้นมันจะไม่ใช่เรื่องเสียเปล่าที่ให้ทหารจากกองกาลังพิเศษมาจับตาดูข้าหรือ คนผู้นี้มาจากที่ใดกันนะ?’
พอคิดแล้ว ฟางหยวนก็ดีดนิ้วแล้วผงแป้งกลุ่มหนึ่งก็กระจายเข้าไปในบ้าน
ชายร่างใหญ่เริ่มปิดเปลือกตาหนาหนักลง ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็เริ่มเอนตัวพิงกาแพงแล้วกรนเสียงดังลั่น
ทั้งหมดใช้เพียงผงยานอนหลับนิดเดียวเท่านั้น
หลังจากจัดการกับคนที่จับตามองอยู่แล้วฟางหยวนก็ไปถึงที่ร้านของตัวเอง เขาสูดลมหายใจสั้น ๆ แล้วก็จับกลิ่นชัดเจนกลิ่นหนึ่งได้
“เพื่อนตัวน้อย ต้องพึ่งพวกเจ้าแล้วตอนนี้!”
ฟางหยวนเปิดกระปุกไม้ไผ่กระปุกหนึ่งออก ปล่อยผึ้งหลายตัวออกมา
ผึ้งพวกนี้ขนาดใหญ่กว่าผึ้งทั่วไปและยังมีท่าทีงงงวยในทีแรก หลังจากนั้นครู่เดียว พวกมันก็ราวกับตั้งเป้าหมายได้แล้วบินออกไปเป็นฝูง มุ่งหน้าไปในทิศทางหนึ่ง
“ได้ผล!”
ฟางหยวนรีบตามหลังผึ้งพวกนั้นไปด้วยท่าทางตื่นเต้น

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ