Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 400

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 400

400: เวทย์ผูกปฐพี
กลางดึก
เมืองใหญ่ตกอยู่ในความเงียบยกเว้นเสาไฟฟ้าริมทางที่ยังเปล่งแสงสีส้มอบอุ่น
ในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง หน้าต่างแง้มเอาไว้
“อืม… การแกะสลักละเอียดลออ… และยังกลิ่นหอมสดชื่น…”
โทมัสลูบรูปสลักพระศรีอาริยเมตไตรยในมือและวิจารณ์ “ประเทศจีน… ช่างเป็นสถานที่อันน่ามหัศจรรย์ ฉันเชื่อว่าผู้พยากรณ์จะต้องสนใจสถานที่แห่งนี้…”
หลังจากชื่นชมอยู่อีกครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็เก็บรูปสลักไม้เข้าตู้นิรภัยก่อนที่จะดึงขวดกระเบื้องอีกใบออกมา “กายานนี้ก็ด้วย… ไนท์ เธอจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้อย่างไร?”
“ขอโทษจริง ๆ ค่ะคุณโทมัส ฉันเพียงแค่คิดอยากจะช่วยให้คุณได้ข้อเสนอที่ดีที่สุดเท่านั้นเองค่ะ!”
ไนท์โค้งตัวลงต่า
“เธอรู้ไว้นะ… ฉันเกลียดมากเวลาที่ลูกน้องคิดเองเออเอง ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายนะ!”
โทมัสลูบหน้าผากตัวเอง “ตอนนี้… ออกไปได้แล้ว! ฉันจะนอนแล้ว!”
“ค่ะ คุณโทมัส ฝันดีนะคะ!”
ไนท์โค้งตัวลงอีกครั้งแล้วขอตัวออกมา
เห็นเธอออกจากห้องไปแล้วโทมันก็ขมวดคิ้ว ตอนแรกเขาแค่อยากได้ล่ามภาษาจีนสักคนเท่านั้น บริษัทคิดอะไรอยู่ถึงส่งคนแบบนี้มา? ถ้าไม่เพราะหน้าตาน่ารักของเธอละก็ เขาคงไล่เธอออกตอนนั้นเลย
“เจ้าโง่ผิวขาว! กล้าสั่งให้ฉันทานั่นทานี่!”
หลังจากกลับมาที่ห้องของตัวเอง เสียงของไนท์ก็เปลี่ยนไปเป็นเคียดแค้น หน้าผากของเธอเป็นเป็นสีดาและยังมีประกายสีแดงในดวงตา “มันเป็นของวิเศษ! รูปสลักนั่นต้องเป็นของวิเศษ! มันเป็นของฉัน! ของฉัน!”
ตอนที่เธอพึมพาออกมา เสียงของเธอก็เปลี่ยนเป็นแหบแห้งราวกับเป็นอีกคนที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง มันเป็นภาพที่น่าขนลุกที่ทาให้คนที่ได้เห็นตกใจได้
“เหอเหอ… แล้วก็ไอ้คนจีนน่ารังเกียจนั่นก็ด้วย มันกล้าดีอย่างไรมาทาให้ฉันผู้เป็นสายเลือดผู้ใช้หยินหยางอันสูงส่งระคายตา! ฉันจะจัดการมันให้ตายตกไปด้วยตัวฉันเอง!”
ไนท์หัวเราะเสียงน่ากลัวและดึงกล่องหนังสีดาใบหนึ่งออกมาจากตู้เก็บของ
กล่องหนังนั้นถูกล็อกเอาไว้ เมื่อเปิดออก ก็เห็นว่าด้านในนั้นมีแผ่นยันต์และขวดหลายใบที่ดูลึกลับ เช่นเดียวกับสมุดสีดาเล่มหนึ่ง
ไนท์ลูบปลายนิ้วขาวของตนเองผ่านของในกล่องและในที่สุดก็หยิบขวดสีม่วงที่มีคอขวดยาวใบหนึ่งขึ้นมา เมื่อเปิดออกก็มีกลิ่นเหม็นของเลือดที่ผสานไปกับกลิ่นหอมประหลาดลอยออกมา
“เหอเหอ…”
ใบหน้าที่เดิมเป็นสีซีดของไนท์ตอนนี้นั้นแดงเรื่อด้วยความตื่นเต้น เธอดึงพู่กันสีม่วงด้ามหนึ่งออกมา จุ่มหมึกสีแดงเลือดจากในขวดแล้วเริ่มวาดยันต์รูปห้าเหลี่ยมลงบนแผ่นกระดาษ
“บ้าชะมัด… การรบกวนในโลกนี้ช่างรุนแรงเกินไปแล้ว!”
ตอนที่เธอวาด มีหลายครั้งที่พู่กันต้องชะงักไป เธอดึงมีดเล่มหนึ่งออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแล้วกรีดเปิดแผลที่แขนของตัวเองทุกครั้งที่พู่กันชะงัก เลือดสด ๆ หยดลงบนกระดาษ
น่าแปลก ทุกครั้งที่เธอหยดเลือดสด ๆ ของตัวเองลงไป พู่กันก็สามารถขยับได้อีกครั้ง และในที่สุดเธอก็สามารถตวัดเส้นสุดท้ายสาเร็จอย่างยากลาบากยิ่งนัก
“ในฐานะของไนท์แห่งผืนดิน ฉันขออัญเชิญร่างวิญญาณที่ทอดอยู่ระหว่างนรกและความจริง… ออกมา เทพเจ้าของฉัน!”
เธอประกบมือเข้าด้วยกันแล้วแสงไฟในห้องของเธอก็สลัวลง
บนพื้น ปรากฏยันต์รูปห้าเหลี่ยมเปล่งแสงสีม่วงอ่อนจาง มุมทั้งห้าปรากฏลูกบอลเพลิงสีขาวลุกโพลงอยู่
“ฮู่! ฮู่….”
สายลมที่ดูชั่วร้ายพัดผ่านไปและยังมีเสียงร้องเบา ๆ อยู่ในกระแสลมนั้นด้วย

ในห้องของโทมัส
สายลมกลางคืนพัดโชย เงาร่างสีดาคล่องแคล่วร่างหนึ่งปีนขึ้นไปที่หน้าต่างของเขา มันจัดการเปิดหน้าต่างออกโดยเจ้าของห้องไม่รู้ตัว
ราวกับแมวดาอันว่องไว เงาร่างนั่นเริ่มปรายตามองเพื่อสารวจห้อง “สมบัติล้าค่าของปรมาจารย์จะมาตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร… น่าเสียดายที่ฉันอุตส่าห์ดารงชีวิตอย่างซื่อตรง แต่ตอนนี้ ฉันคงต้องทาตัวเป็นโจรแล้ว… เอ๋?”
ด้วยประสาทสัมผัสของเขา เขาหาตู้นิรภัยจนเจอ มองไปที่ล็อกแบบใช้รหัสแล้วเขาก็คิดหนัก
“นั่นใครน่ะ?”
นักพรตเต๋าชรากระโดดออกจากบริเวณตู้เซฟแล้วก็ตัวแข็งไป เขามองเห็นประตูห้องนอนค่อย ๆ เปิดออกช้า ๆ
“โทมัน… ไม่ เขาถูกสิง!”
โทมัสนั้นอยู่ในสภาพประหลาดราวกับครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ เขามีสีหน้าน่ากลัวและยังดูเหมือนกาลังเดินละเมอ
เขาเดินตรงไปที่ตู้เซฟแล้วอย่างคุ้นเคย เขาใส่รหัสแล้วก็มีเสียง ‘แกร็ก’ ล็อกของตู้นิรภัยที่เป็นปัญหาสาหรับนักพรตเต๋าก็เปิดออก
กลิ่นหอมจางลอยอวลเต็มห้องเมื่อรูปสลักพระศรีอาริยเมตไตรยปรากฏขึ้น เงินหลายปึกถูกเรียงเอาไว้รอบรูปสลักอย่างเป็นระเปียบ
“ในฐานะนักพรตเต๋า ข้าไม่ได้ต้องการเงิน ข้าแค่มาเอาของวิเศษเท่านั้น!”
นักพรตเต๋าชรายื่นมือออกไปและรูปสลักพระศรีอาริยเมตไตรยก็มาตกอยู่ในมือเขา
“อ๋าว! อ๋าววว!”
เมื่อเห็นอย่างนั้น ดวงตาของโทมัสก็เริ่มมีประกายสีเขียว เขากระโจนเข้าใส่นักพรตเต๋าชราราวกับเป็นผีดิบ
“ฮึ่ม! แค่เวทย์ควบคุมร่างบทเล็ก ๆ… แกยังกล้าเอามาอวดโอ่ต่อหน้าฉัน!”
โดยไม่ต้องคิดซ้าสอง นักพรตเต๋าชราดึงยันต์สีเหลืองแผ่นหนึ่งออกมาแล้วแปะไปบนหน้าผากของโทมัส
“ปัง!”
ประกายสีเหลืองเรืองรอง ชายชาวต่างชาติยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหวขณะที่หมอกสีเทาเริ่มหนีออกมาจากศีรษะของเขา
“นายท่าน!”
ในที่สุดความวุ่นวายทั้งหมดในห้องก็ดึงดูดความสนใจของผู้คุ้มกันที่ด้านนอก หลังจากเคาะประตูสองสามครั้ง ผู้คุ้มกันร่างใหญ่สองคนก็บุกเข้ามา “แกเป็นใคร!”
“ยิ่งแก่ตัว ฉันก็ยิ่งโชคร้าย! ไป!”
นักพรตเต๋าชราลงมือ
ด้วยดวงเนตรวิญญาณของนักพรตเต๋าชรา หมอกสีเทาเริ่มรวมตัวกัน เกิดเป็นเงามายากระกระโจนเข้าใส่เขา
ช่างเป็นเวทย์ผูกปฐพีที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความกระหายที่จะแก้แค้น
ตอนนี้ มันถูกอัญเชิญออกมาแล้ว ในเมื่อมันอยู่ในบริเวณที่โทมัสตาย มันจึงยังมีพลังเหนือธรรมชาติอยู่และยังแทบจะเรียกได้ว่าไร้พ่าย ต่อให้มันได้ถูกทาลายไปบ้าง มันก็ยังฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว
ทว่า นักพรตเต๋าชราเองก็ไม่ได้ช้า เมื่อเวทย์ผูกปฐพีพุ่งเข้าใส่เขา เขาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นที่แผ่ไปทั่วร่างและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก
“แกกล้าทาร้ายนายท่าน! เรียกกาลังเสริม!”
ผู้คุ้มกันทั้งสองคนกระโจนเข้ามาแล้วใช้วิทยายุทธ์ที่พื้นฐานที่สุดกดนักพรตเอาไว้กับพื้น “จ็อบสัน ฉันจับตัวเขาได้แล้ว!”
‘ฉันเคยสู้กับพวกทักษะกระจอกพวกนี้มากว่าสามสิบปีแล้ววันนี้ฉันก็ถูกหนึ่งในพวกมันจับตัวได้จนได้!’
นักพรตเต๋าชราหมดปัญญาขณะที่ผู้คุ้มกันอีกคนตะโกนแล้วรีบไปหาปุ่มเปิดไฟ
เมื่อคิดถึงการถูกส่งเข้าคุกไปเหมือนโจรและผู้บุกรุกคนหนึ่งทาให้นักพรตคิดถึงความตายมากขึ้น
“ฉัวะ!”
ในตอนนี้เอง แสงไฟกราดไปทั่วห้องก่อนที่จะดับไป ทาให้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ!”
“กระแสไฟถูกตัด!”
“บัดซบ!”
“เรียกตารวจ แล้วไปหาไฟฉายมา!”

ทั้งโรงแรมวุ่นวายขึ้นมาทันที ไฟฉายหลายอันส่องสว่างขึ้นอย่างรวดเร็วสาดไปทั่วห้อง
“หืม? เกิดอะไรขึ้น?”
ในอีกห้องหนึ่ง ไนท์แห่งผืนดินตัวสั่น เชือกป่านในมือของเธอเริ่มไหม้ไปโดยไม่มีสาเหตุ เป็นสัญญาณเตือนถึงอันตรายที่กาลังเข้ามาใกล้
“ซู่! ซู่!”
จิ้งจอกสีขาวดวงตาแดงก่าปรากฏตัวขึ้น
“มีคนล่วงล้าเข้ามาในเขตยันต์ของข้า?”
ไนท์หรี่ตา “ถ้าไม่ใช่นักพรตเต๋าผู้นั้นจะเป็นใครได้อีก?!”
“ฝุบ!”
ในความมืด มีแสงสีเงินวาบขึ้นหลายสาย
“ซู่! ซู่!”
จิ้งจอกขาวร้องและร่างวิญญาณของมันก็สั่น
“แกเป็นใครกันแน่?”
ไนท์รีบถอย ที่ปลายหางตา เธอมองเห็นเงาสีดาเงาหนึ่งกาลังตรงเข้ามา และยังมีเสียงลั่นดังมาจากเงาร่างนั้นและมันก็เหวี่ยงหมัดเข้าใส่ไนท์ มีเสียงคารามน่ากลัวของเสือและสิงโต
“จอมยุทธ์ระดับสูง?”
เธอหลบหมัดอย่างคล่องแคล่วและเตะขาที่มียาพิษเคลือบไว้ออกไปเงียบ ๆ
“ปัง!”
โชคร้ายสาหรับเธอ เงาร่างสีดานั้นเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว มือซ้ายของมันกรีดลงด้านล่าง
“แกรบ!”
เสียงกระดูกหักดังชัดเจนแล้วไนท์ก็หน้าซีดลงก่อนจะล้มลงกับพื้น “เปิดพลัง?”
“ปัง!”
หมัดอีกข้างกระแทกเข้าที่หน้าของเธอแล้วจมูกของเธอก็มีเลือดกาเดาไหล เธอหมดสติไปในทันที
“ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง! รูปสลักเดียว ข้าสามารถดึงดูดทั้งผู้ใช้หยินหยางและนักพรตเต๋าอีกคนได้ เป็นการค้าที่ดีนัก!”
ฟางหยวนยิ้มแล้วเก็บเข็มเงินลงไป ค้นไปทั่วกล่องหนังแล้วก็หงุดหงิด “ไม่มีของดีอะไรเลย ของที่มีค่าเดียวน่าจะเป็นสมุดนั่นที่ข้าอาจจะหาแหล่งที่มาได้!”
โดยไม่ลังเล เขาหยิบสมุดขึ้นมาและถูลบยันต์ห้าเหลี่ยมออกด้วยปลายเท้า
ในอีกห้อง
เวทย์ผูกปฐพีเริ่มสูญเสียพลังและสลายไปช้า ๆ
นักพรตเต๋าคารามและแสงสีทองก็พุ่งออกจากดวงตาของเขา ผู้คุ้มกันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองนั้นไม่ได้กดคนผู้หนึ่งลงกับพื้น แต่ว่าเป็นกระทิงตัวหนึ่ง!
“ปัง!”
ด้วยแรงมหาศาล ผู้คุ้มกันปลิวออกไป แค่พริบตาเดียว นักพรตเต๋าชราก็หนีออกทางหน้าต่างไปอย่างรวดเร็วแล้วหายไปจากถนน
แน่นอนว่า ความวุ่นวายในโรงแรมนี้ไม่ใช่เรื่องของฟางหยวน
“เอาละ… เธอตามฉันมาสักพักแล้ว เผยตัวออกมาให้ฉันเห็นว่าเธอเป็นใครดีหรือไม่!”
นักพรตเต๋าชราผลุบเข้าออกจากถนนและในที่สุดก็เข้าไปในสวนแห่งหนึ่งก่อนที่จะหยุดอยู่ข้างทะเลสาบที่มีไฟส่องสว่าง
“ใครจะคิด… ว่าฉันจะเจอเข้ากับผู้ฝึกตนคนอื่นในเมืองและผู้ฝึกตนคนนั้นยังปล้นโรงแรมด้วย! เหอเหอ…”
ฟางหยวนเดินออกมาจากในเงา รูปลักษณ์เยาว์วัยของเขาทาให้นักพรตเต๋าตกใจ
ถึงตอนนี้ รูปลักษณ์ของนักพรตเต๋าเองก็เผยออกมาใต้แสงจันทร์
เขามีเครื่องหน้าที่ดูดี จมูกยกสันสูงคิ้วเรียวยาว ริมฝีปากบางและแว่นกรอบดา เขาดูเหมือนบัณฑิตสักคนมากกว่า
ไม่ว่าฟางหยวนจะมองอย่างไร นักพรตเต๋าก็ทาให้เขานึกถึงครูซึ่งสอนวิชารัฐศาสตร์อยู่ในมหาวิทยาลัยเท่านั้น และยังไม่มีส่วนไหนที่ดูเหมือนนักพรตเต๋าเลย
“ผมกั๋วจิง ขอบคุณสาหรับความช่วยเหลือ!”
กั๋วจิงทาความเคารพแบบโบราณ
แน่นอนว่า ถ้าไม่เพราะแว่นที่แตกไปแล้วกับจมูกบวมโตของเขา เขาก็พอจะดูเหมือนผู้ฝึกตนระดับสูงอยู่บ้าง
“ไม่เป็นไร! ผมฟางหยวน…”
ฟางหยวนโบกมือ “รูปสลักพระศรีอาริยเมตไตรยในมือคุณถูกซื้อมาจากร้านของผม…”
“อะไรนะ?”
ทันทีที่เขาได้ยินที่ฟางหยวนพูด ปากของกั๋วจิงก็อ้าค้าง เขาพูดต่อด้วยรอยยิ้มละอาย “ผมเข้าใจแล้ว ผมวู่วามเกินไป เฮ่ย… นายน้อยผู้นี้ เหตุใดคุณถึงขายของชิ้นนี้ให้กับชาวต่างชาติกัน?”
ฟางหยวนจะพูดได้หรือว่าเขาขายมันเพื่อล่อกั๋วจิงออกมา?
ฟางหยวนกลอกตาและพูดด้วยน้าเสียงเหมือนถูกปรามาส “ก็ผมไม่มีเงินนี่!!”
มันเป็นเหตุผลที่หนักแน่นและยังไม่มีเหตุผลให้กั๋วจิงต้องสงสัยเขา ทาให้กั๋วจิงก็พูดไม่ออกไปด้วย

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ