406: ลอบสังหาร
ในฐานทัพใต้ดินแห่งหนึ่ง
โทรศัพท์มีสายเรียกเข้าดังไม่หยุดและกระทั่งในวันปีใหม่นี้ เจ้าหน้าที่ทุกคนตั้งแต่ระดับบนถึงระดับล่างล้วนอยู่กันพร้อมหน้า
ที่ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาดูเหมือนจะกาลังวุ่นวายเสียยิ่งกว่าวันปกติ
“รายงาน! มีข่าวจากหลายสถานที่พบตัวตนผิดปกติ!”
“มีมนุษย์เพลิงปรากฏตัวที่ในเมืองเกอถาน ทาให้เกิดเพลิงไหม้เป็นวงกว้างและตอนนี้มีผู้เสียชีวิตยี่สิบสามคนแล้ว…”
“ชาวเมืองเฮยเหอรายงานว่าพบมนุษย์น้าแข็งเดินอยู่บนผิวน้าได้…”
“ตารวจจากเมืองชางไห่จับกุมฆาตกรสังหารหมู่ที่มีผิวหนังแข็งเป็นหินได้ เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยทั้งที่เป็นการต่อสู้ด้วยตัวคนเดียว เขาสังหารคนไปหนึ่งคนและทาให้อีกสิบสามคนได้รับบาดเจ็บ…”
…
ข่าวการพบเรื่องผิดปกติหลั่งไหลเข้ามาทาให้ทุกคนรู้สึกมือไม้ปั่นป่วน
ในสานักงานใหญ่ ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งขมวดคิ้วขณะจ้องไปที่หน้าจอตรงหน้าตัวเอง
บนหน้าจอมีชายหนุ่มที่ดูธรรมดาผู้หนึ่งเริ่มยกมือขึ้นกุมรอบคอตัวเองแล้วกระอักไออย่างรุนแรง
“แค่ก!”
ลูกไฟพุ่งออกมาจากปากของเขาราวกับเขาเป็นมังกรพ่นไฟ
ชายวัยกลางคนนิ่งงันไป สีหน้าเรียบเฉย เขามองไปที่หน้าจออื่น ๆ อย่างช้า ๆ ในที่สุด เขาก็ตัวแข็งทื่ออยู่บนเก้าอี้แล้วเริ่มอ่านวิทยานิพนธ์ฉบับคัดลอกที่วางอยู่บนโต๊ะ
“ก่อนการมาถึงของดาวหางราชาวิญญาณ จะมีการแผ่พลังวิญญาณออกมาในระดับสูงสี่ครั้ง ผมจะเรียกมันว่าปรากฏการณ์!”
“ในปี 994 สงครามโลกเริ่มต้นขึ้นและนั่นคือปรากฏการณ์ครั้งแรก!”
“ปรากฏการณ์ครั้งที่สองจะเกิดขึ้นในปี 1004 ที่กาลังจะมาถึงและนาเอาการเปลี่ยนแปลงมากมายมาสู่มนุษย์ รวมถึงปราณของชีวิตเองด้วย… มันไม่ใช่แค่การเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายอย่างเรียบง่าย แต่ยังมีการใช้พลังได้หลากหลายขึ้น…”
…
ขณะที่ชายวัยกลางคนอ่านวิทยานิพนธ์เล่มนั้น เขาก็มีสีหน้าจริงจังและอ่านทุกตัวอักษรอย่างละเอียด
หลังจากนั้นเป็นนาน เขาก็ดูเหมือนจะหลุดออกจากภวังค์ขณะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาจากโต๊ะ “… ถูกต้อง! ฉันเอง! ฉันขอสั่งพวกคุณ! รีบไปดูแลนักวิทยาศาสตร์ผู้นี้เอาไว้! ไม่ว่าจะต้องทาอย่างไร! ไปเดี๋ยวนี้! แล้วก็… เก็บข้อมูลในวิทยานิพนธ์นี้ปิดผนึกและระวังห้ามให้ถูกขโมยหรือว่ารั่วไหลออกไป ทุกอย่างในวิทยานิพนธ์เล่มนี้ถูกจัดระดับความสาคัญสูงสุดแล้ว!”
หลังจากส่งคาสั่งลงไป เขาก็วางสายและกดฝ่ามือกับหน้าผากอย่างตึงเครียด “บ้าชะมัด… ข้อมูลพวกนี้ถูกเก็บไม่ทันเวลา ฉันแน่ใจว่าต้องมีบางส่วนเล็ดลอดออกไป… เจ้าพวกนั้นก็ชักช้านักเวลาต้องทางาน…”
อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าบรรดาลูกน้องของตัวเองนั้นคิดว่าวิทยานิพนธ์เล่มนี้เป็นเรื่องตลก หากไม่ใช่ผู้อานวยการโจวรายงานมา วิทยานิพนธ์เล่มนี้คงไม่ตกมาถึงมือเขา
ถึงตอนนี้ ในที่สุดชายวัยกลางคนก็ยิ้มออก “เหล่าโจว… เขาก็ยังมีพรสวรรค์ในการตามหาเหล่าผู้มีพรสวรรค์อยู่ดี”
…
กลางดึก ยากนักที่จะได้รับความสงบ
“บึ้ก!”
ในบ้านมีลานแบบจีนที่ดูธรรมดา ๆ หลังหนึ่ง แสงไฟสลัวส่องอยู่ทั้งสี่มุมบ้าน
นี่เป็นรูปแบบหนึ่งของระบบป้องกัน มันจะส่งเสียงเตือนทันทีที่มีคนเดินผ่าน
คู่สามีภรรยาวัยกลางคนคู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่นี่แต่ว่านั่นเป็นแค่ฉากหน้าเท่านั้น ในห้องใต้ดิน เจ้าของบ้านกาลังใช้แว่นสายตายาวของตัวเองตรวจดูวิทยานิพนธ์ที่ในมือของเขา เขามีสีหน้าเกรี้ยวกราดแต่ชื่นชม “มีคนทานายเรื่องนี้ออกมาได้อย่างไร? อัจฉริยะนัก… คุณฟาง ทาไมคุณถึงไม่ใช่คนชาติเดียวกับพวกเรากันนะ!”
กระทั่งในทวีปกลาง ประเทศจีนก็มีคู่แข่งมากมาย
ถึงแม้ว่าจะอาศัยอยู่อย่างเงียบสงบ ประเทศนี้ก็ยังแข็งแกร่งอยู่
“ผู้อานวยการ พวกเราควรจะทาอย่างไรต่อไป?”
ผู้หญิงคนหนึ่งยืนตัวตรงและยังมีท่าทางนอบน้อม ถ้าฟางหยวนอยู่ที่นี่ เขาก็คงพบว่าตนเองรู้จักผู้หญิงคนนี้ เธอคือล่ามของโทมัส– ไนท์แห่งผืนดิน
“มันสายเกินไปแล้วที่จะชักชวนเขาเข้ามา!”
ผู้อานวยการลูบคิ้วและเผยสีหน้าชั่วร้าย “ให้สายลับทั้งหมดของพวกเราไปเชิญเขามาที่ประเทศของเรา…”
“พวกเรา… พวกเราต้องทาถึงอย่างนี้เลยหรือ?”
ไนท์ตัวสั่น นี่หมายความว่าการเตรียมการทั้งหมดของพวกตนในเมืองหลวงนั้นจะสูญเปล่าไปเลย
“เขา… มีค่าพอ เขาจะเป็นความหวังให้ประเทศเราสามารถรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้ง ทุกคนมีหน้าที่เสียสละตัวเองเพื่อประเทศชาติ ฉันเองก็สามารถสละชีวิตได้โดยไม่ลังเล!”
ชายวัยกลางคนแย้งออกมา
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ!”
ไนท์คุกเข่าลงคานับ “กรุณาชี้แนะฉันด้วยค่ะ!”
“ไม่! เธอกับ ‘ไนติงเกล’ อื่น ๆ จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานพรุ่งนี้ ตรงกันข้าม… ฉันต้องการให้พวกเธอเตรียมการลอบสังหาร ถ้าแผนการของพวกเราล้มเหลว พวกเธอจะเป็นแผนการสารอง!”
ผู้อานวยการวัยกลางคนมีท่าทางจริงจัง “หากจาเป็นพวกเราจะกาจัดชายหนุ่มคนนั้นหรือคนที่รอบตัวเขาที่รู้ข้อมูลสาคัญนี้ ต่อให้พวกเราต้องทุ่มเทแค่ไหนก็ต้องทาให้ภารกิจนี้สาเร็จ!”
“ขอให้ประเทศของเราดารงอยู่สืบไป!”
เปลวไฟแห่งความมุ่งมั่นลุกโชนในดวงตาของไนท์
…
“ทั้งคืนมีแต่เสียงรถตารวจ ดูเหมือนว่าเมื่อคืนนี้เมืองนี้จะไม่สงบสุขนัก…”
ฟางหยวนลุกขึ้นนั่งบนเตียงและเหยียดร่าง
การวิวัฒนาการนามาซึ่งการเพิ่มขึ้นของหยาดพลังนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะควบคุมได้
ผู้วิวัฒน์โดยกาเนิดเหล่านั้นไม่สามารถควบคุมตนเองได้และจึงก่อเรื่องวุ่นวายขึ้น นี่เป็นปัญหาของอาณาจักรนี้!
ถ้าที่นี่มีอินเตอร์เนต หัวข้อข่าวคงจะเต็มไปด้วยข่าวเกี่ยวกับผู้วิวัฒน์เหล่านี้แล้ว
นี่ไม่ใช่การแข็งแกร่งขึ้นธรรมดา แต่ว่ามีการพัฒนาของความสามารถใหม่ ๆ ขึ้นมาโดยสมบูรณ์
กระทั่งในยุคสมัยนี้ ความเร็วของการส่งต่อข้อมูลก็เรียกได้ว่าเร็วเป็นอย่างยิ่งแล้ว ในยุคที่มีการวิวัฒนาการไปอย่างรวดเร็ว มันย่อมเป็นไม่ได้ที่จะปิดข่าวเอาไว้
‘แต่ว่า…’
ฟางหยวนเปิดประตูแล้วมองไปที่คนด้านนอก “พวกคุณตั้งใจจะทาอะไร?”
“สหายฟางหยวน!”
ทหารหญิงในเครื่องแบบคนหนึ่งทาวันทยหัตถ์ให้ฟางหยวนและยื่นเอกสารชุดหนึ่งให้เขา “คุณได้รับมอบหมายงานแล้ว กรุณาตามพวกเรามา!”
“…นักวิจัยศูนย์วิจัยมนุษย์เหนือธรรมชาติ…”
ฟางหยวนมองพวกเขาแล้วรู้สึกพูดไม่ออก “เอาละ… ถึงแม้ว่าพวกคุณจะไม่ดาเนินการผ่านมหาวิทยาลัยและส่งเอกสารนี่มาให้ผมโดยตรง ผมก็ยังคงต้องขอบคุณคุณอยู่ดี แต่ว่า ทาไมพวกคุณไม่กลับไปกันก่อนล่ะ? ผมเพิ่งตื่นแล้วก็ยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟันเลย…”
“พวกเราสามารถจัดการเรื่องพวกนี้ได้ในระหว่างทาง! ฉันชื่อเยี่ยอิงจื่อ ฉันมีหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยของคุณ!”
เยี่ยอิงจื่อพูดด้วยน้าเสียงเข้มงวดอีกครั้ง “มีอย่างอื่นที่คุณยังต้องเก็บอีกไหม?”
“เสื้อผ้าของผม”
“พวกเราต้อง… ทาขนาดนี้เลยเหรอ?” ฟางหยวนนั้นรู้คาตอบอยู่แล้วแต่ก็อดถามออกไปไม่ได้
“ใช่แล้ว สหายฟางหยวน คุณไม่เหมือนเดิมแล้วนะตอนนี้ มันสมองของคุณนับเป็นสมบัติล้าค่าของประเทศ และดังนั้น ความปลอดภัยของคุณเองจึงมีความสาคัญเป็นอย่างยิ่ง!”
เยี่ยอิงจื่อรีบเรียกทหารอีกหลายคนเข้าไปช่วยฟางหยวนเก็บของ เธอรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “เอกสารพวกนี้พวกเราต้องนาไปด้วยหรือไม่?”
“ไม่ต้อง ทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว!”
ฟางหยวนเคาะเบา ๆ ที่ศีรษะตัวเองแล้วเดินออกจากบ้านพัก
บนถนนที่ด้านนอกมีรถทหารขนาดเล็กหกคันจอดอยู่และยังติดตั้งปืนกลเล็งมาทางพวกเขาอย่างเงียบกริบ
“…”
เห็นอย่างนี้แล้วฟางหยวนก็ฝืนยิ้มออกมา “พวกคุณรออยู่ที่นี่ทั้งคืนเลยเหรอ?”
“สองชั่วโมงสามสิบเจ็ดนาที!”
“เอาละ… ดูเหมือนว่าผมคงจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้วในอนาคต!”
ฟางหยวนยักไหล่ “คุณป้าจากคณะกรรมการหมู่บ้านต้องคิดว่าผมเป็นผู้ร้ายที่เป็นอันตรายมากแน่ ๆ ถึงได้มีทหารตั้งหลายคนมาตามจับตัวผมในวันปีใหม่!”
“ถ้าคุณคิดว่านั่นเป็นปัญหา อย่างนั้นพวกเราสามารถอธิบายแก่คณะกรรมการหมู่บ้าน…”
“ช่างมันเถิด!”
ฟางหยวนปีนขึ้นรถที่จอดอยู่ตรงกลาง
รถคันนี้นั้นสร้างขึ้นอย่างพิเศษ หน้าต่างที่ด้านหลังนั้นถูกทาสีไว้ทึบไม่สามารถมองผ่านเข้ามาได้
“ฉันต้องขออภัยด้วย… นี่เป็นคาสั่งด่วนจากสานักงานใหญ่!”
เยี่ยอิงจื่อนั่งลงข้าง ๆ ฟางหยวน กลิ่นหอมลอยอวลอยู่ในรถขณะที่เธอดึงกระเป๋าหลายใบออกมา “นี่เป็นอาหารเช้าของคุณ…”
“โอ้ ขอบคุณมาก!”
ฟางหยวนเปิดกระเป๋าออกเห็นแป้งทอด เสี่ยวหลงเปา และยังมีเนื้อลาย่าง เป็นอาหารเช้าพื้นฐานที่เขาคุ้นเคย
ขณะที่เขากินอาหารเช้า เขาก็รู้สึกถึงความคุ้นเคยซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนัก
ด้วยอานาจของประเทศแล้ว เขาย่อมไม่สามารถปิดบังพื้นเพของตัวเองและพวกเขาย่อมสามารถหาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับตัวเขาได้ กระทั่งอาหารเช้าที่เขาชอบ
“พวกเรากาลังจะไปที่ไหนกัน?”
“ฐานวิจัย!”
“พวกเราต้องรักษาความปลอดภัยกันระดับนี้เลยหรือ? พวกเราไม่ได้ทาเกินไปหรอกหรือ?”
“นี่เป็นการปฏิบัติตามคาสั่งของสานักงานใหญ่ ดังนั้นพวกเราไม่ได้ทาเกินไปอย่างแน่นอน!”
…
หลังจากกินอิ่มแล้ว ฟางหยวนก็สอบถามเพิ่มเติมและเริ่มเข้าใจมากขึ้นถึงภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของตัวเองตอนนี้
รถทหารแล่นไปอย่างสงบ ถึงแม้ว่าฟางหยวนจะไม่สามารถมองเห็นที่ด้านนอกรอบ ๆ ได้ชัดเจนนัก เขาก็รู้ว่าตอนนี้เขาออกจากเมืองมาแล้วและอยู่ในเขตชนบท
“ครืน!”
ทันใดนั้น ก็เกิดการระเบิดและเปลวไฟก็ลุกโพลงที่ด้านหน้า
การระเบิดครั้งใหญ่ทาลายแถวอันเป็นระเบียบของรถทหารที่ขับมาและยังทาให้รถคันที่ฟางหยวนนั่งอยู่พลิกคว่า
“แต่ก แต่ก! แต่ก แต่ก!”
ท่ามกลางเสียงปืนรัว ฟางหยวนและเยี่ยอิงจื่อปีนออกมาแล้วถูกล้อมไปด้วยเลือดและเปลวเพลิง
พวกเขาอยู่ในที่โล่งกว้างและยังมีทหารที่เหลือตั้งตัวเองเป็นเกราะล้อมรอบฟางหยวนเอาไว้
เงาร่างมายาของศัตรูปรากฏขึ้นจากทุกทิศทาง ร่วมกับเสียงคารามของสัตว์ร้ายบางชนิด สุนัขสีดาตัวขนาดเท่ากระทิงพุ่งเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวอะไร
“นี่เป็นการลอบสังหาร!”
จากในหูฟังของเธอ เธอเพิ่งได้รับข้อมูลของการลอบสังหารครั้งนี้ สีหน้าของเยี่ยอิงจื่อเปลี่ยนไป เธอกัดฟัน ดึงปืนออกจากข้างเอว อีกมือจับฟางหยวนเอาไว้แล้วเปลี่ยนตาแหน่งของเธออย่างช้า ๆ
“ปืนกลของศัตรูร้ายกาจมากและดูเหมือนจะถูกควบคุมโดยผู้ใช้ตุ๊กตาจากประเทศญี่ปุ่น… บ้าจริง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองทาอะไรอยู่กันแน่? ทาไมถึงได้ปล่อยให้มีสายลับอันตรายอย่างนี้เข้ามาในประเทศของเราได้?”
เยี่ยอิงจื่อจับตัวฟางหยวนเอาไว้แล้วถอย
“ในที่สุดพวกเราก็ได้พบกับ… พลังของอาวุธที่ใช้ดินปืน…”
ฟางหยวนนั้นคล่องแคล่วมากและยังสามารถให้ความสนใจกับสิ่งรอบตัวได้
“อานาจปืน… ถ้าพวกเราอยู่ในพื้นที่ที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ เสียหน่อยพวกเราก็จะยังมีโอกาสหนีโดยการใช้คาถา แต่ว่าอยู่กันซึ่งหน้าอย่างนี้พวกเราก็จะถูกยิงและตัวพรุนไปด้วยกระสุนปืน!”
“ไป!”
เยี่ยอิงจื่อเองก็รู้ว่าพวกตนกาลังเสียเปรียบและนาฟางหยวนไปหลบในป่า “นี่เป็นถิ่นของพวกเรา กาลังเสริมจะมาถึงในไม่ช้า สหายฟางหยวน?”
“อืม ผมไม่เป็นไร!”
ฟางหยวนตบหน้าตัวเองเบา ๆ เหมือนตัวเองเป็นคนทั่วไปที่กาลังตื่นตกใจ
แต่ว่า เขาจับสังเกตเยี่ยอิงจื่อที่มีสีหน้ามุ่งมั่น เขาสงสัยว่าเธอจะเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อเขาไหมหากเขาถูกชิงตัวไป