Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 409

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 409

409: ป่วย
เวิ่นซินเจีย
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ… เจ้านายของพวกเราไม่อยู่จริง ๆ! กายานเปิดชีพจรก็เลยหมดแล้วน่ะค่ะ…”
ทั้งติงชิวอวี้และเจ้าหลี่หงยิ้มขณะส่งลูกค้าคนสุดท้ายของพวกเธอกลับออกไป พวกเธอได้มอง ‘มัดจา’ ที่ลูกค้าคนนั้นดึงดันที่จะทิ้งเอาไว้ พวกเธอก็ได้แต่ฝืนยิ้มออกมา
“เธอ… ฉันว่ากองนี้มันมีเงินอย่างน้อยก็หมื่นหนึ่งได้!”
ติงชิวอวี้นับเงินและก็รู้สึกหมดคาจะพูด “นายน้อยเป็นคนที่มีความสามารถ ไม่อยากเชื่อว่ากายานเปิดชีพจรที่เขาทาขึ้นมาจะขายดีขนาดนี้! ฉันว่าพวกเราคงไม่ได้เงินเท่านี้จากการขายของโบราณ?”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้น!”
เจ้าหลี่หงนั้นก็เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเหมือนกัน เธอยิ้มซน ๆ ออกมาพลางพูด “ถ้าพี่หาผู้ชายแบบนายน้อยได้ละก็ พี่ก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้วในชีวิตนี้… พี่ติง พี่ต้องพยายามเข้านะ!”
“เจ้าเด็กนี่ ทาเหมือนไม่รู้เรื่องฉันงั้นแหละ…”
ติงชิวอวี้กลอกตาและพูดต่อ “ช่วงหลังนี้เฉินป๋อมีท่าทางประหลาดไปหมดเลย เขาเอาแต่ว่าพูดว่าอยากจะฝ่าระดับไปให้สูงขึ้นกว่านี้ เหมือนเขา
ถูกอะไรสิงแน่ะ… เขายังถามหากายานเปิดชีพจรจากฉันแล้วก็เตรียมจะซื้อสักชุดหนึ่งด้วย!”
“ช่วงหลังมานี้เกิดเรื่องประหลาด ๆ เยอะมากเลยแหละ!”
สีหน้าของเจ้าหลี่หงเปลี่ยนเป็นลึกลับและพูดต่อ “มีข่าวลือว่ามีคนเห็นผีที่ถนนด้านหลังมหาวิทยาลัยของเราด้วยนะ!”
“ใช่ แล้วยังไฟไหม้ที่ถนนตะวันตกที่สองด้วย มีคนสาบานเลยนะว่าเห็นเทพแห่งไฟ…”
“แล้วก็นะ มีคนเห็นเรื่องประหลาดที่เจดีย์เก่าที่ทางตะวันตกของเมืองกับบ่อราชามังกรที่ทางตะวันออกของเมืองด้วย… นี่ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ เลย โลกกาลังเปลี่ยนไป ฉันว่าจะไปที่วัดนายพลบนเขาชิงเฟิงขอยันต์ขับไล่ปิศาจสักแผ่นดีกว่า!”

เจ้าหลี่หงยกนิ้วขึ้นมานับเรื่องประหลาดที่ได้พบเจอ
“คุณหนูเจ้า ได้โปรดเถอะ… เธอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยสมัยใหม่นะ ทาไมเธอสมองของเธอถึงได้งมงายแล้วยังเต็มไปด้วยเรื่องไร้สาระอย่างนี้?”
ติงชิวอวี้กลอกตาและถามอย่างสงสัย “เอ๋? วัดนายพลบนเขาชิงเฟิง ชื่อนี้ฟังคุ้น ๆ…”
“เดิมทีมันก็เป็นวัดธรรมดา ๆ แต่ว่าช่วงหลังมานี้ ฉันได้ยินว่ามีนักพรตเต๋าอาวุโสคนใหม่อยู่ที่นั่น เขาเก่งมากนะ! เขาสามารถดูลายมือ สะเดาะเคราะห์ แล้วถ้าพี่ขอลูกชาย พี่ก็จะได้ลูกชายแหละ!”
“แค่ก แค่ก…”
ติงชิวอวี้พูดไม่ออกยิ่งกว่าเดิม “ขอลูก? นั่นดูเหมือนจะเป็นหน้าที่ของเทพแห่งความสมบูรณ์มากกว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับชื่อวัดนายพลเลยนะ?”
“ชื่อจะเกี่ยวข้องไหมก็ไม่สาคัญ ตราบใดที่มันได้ผล… ลองคิดดู นายน้อยจากไปตั้งนานแล้วและพวกเรายังไม่ได้ข่าวเขาเลย พวกเราควรจะไปขอพรให้เขาปลอดภัย! ถ้าเกิดว่านายน้อยเจอกับอันตรายอะไรเข้าล่ะ? อย่างน้อยที่สุดพวกเราก็ยังสามารถเผากระดาษเงินกระดาษทองให้เขาได้…”
ขณะที่เจ้าหลี่หงมองติงชิวอวี้อย่างสะเทือนใจนิด ๆ เธอก็โน้มน้าวอีกคนทันที
“นั่นก็จริง… พวกเราค่อยหาเวลาไปด้วยกันสักวัน ฉันได้ยินมาว่าทิวทัศน์บนเขาชิงเฟิงก็ไม่เลวเลย!”
ในที่สุดติวชิวอวี้ก็เปลี่ยนใจ
“แค่ก แค่ก… ผมยังไม่ตายเสียหน่อย จะเผากระดาษเงินกระดาษทองให้ผมทาไม?”
ฟางหยวนก้าวเท้าเข้ามาในร้านใบหน้าบิดเบี้ยว
เขาไม่พอใจมากที่ได้ยินถ้อยคาเหล่านั้นทันทีที่กลับมาที่เมืองหลวง
“คุณยังอยู่ดีนี่นานายน้อย! ดีจังเลย!”
ติงชิวอวี้เดินตรงเข้ามาเหมือนอยากจะดูฟางหยวนให้แน่ใจ แต่ว่า จู่ ๆ เธอก็เห็นเยี่ยอิงจื่อและเจ้าต้าหนิวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาแล้วก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมา “สองคนนี้คือ…”
“ผู้คุ้มกันของผมเอง!”
ฟางหยวนเกาหัว “เจ้าต้าหนิว กับเยี่ยอิงจื่อ!”
“ว้าว! เจ้านาย คุณรวยมากจริง ๆ นั่นแหละ! คุณมีผู้คุ้มกันด้วย เหมือนในหนังเลย…”
ดวงตาของเจ้าหลี่หงลุกวาบ เธอไม่ได้สนใจเยี่ยอิงจื่อเลยสักนิด กลับกัน เธอสนใจในเจ้าต้าหนิวมาก ดวงตาของเธอเอาแต่มองไปที่เจ้าต้าหนิว
‘หากข้าบอกว่านี่เป็นผู้คุ้มกันเพียงสองคนที่พวกเธอเห็นและข้ายังมีอีกแปดคนซ่อนตัวอยู่รอบ ๆ ตัวข้า ข้าสงสัยนักว่าพวกเธอจะมีสีหน้าอย่างไร…’ ฟางหยวนคิดกับตัวเองเงียบ ๆ
จากนั้นฟางหยวนก็สงสัย “ทาไมพวกคุณสองคนถึงยังอยู่ที่นี่ล่ะ?”
“อ้อ เป็นเพราะว่าการค้าของร้านในช่วงหลังมานี้ดีเกินไปน่ะสิคะ! พวกเขาสนใจกายานเปิดชีพจรกันค่ะ!”
ติงชิวอวี้ดึงสมุดบัญชีออกมา ”เจ้านาย กายานที่มีอยู่ถูกขายออกไปหมดแล้วค่ะ! ตอนนี้มีลูกค้าต้องการซื้อในราคาตาลึงละหนึ่งพันเหรียญ! เขายังวางเงินหลายหมื่นเอาไว้เป็นมัดจาด้วย!”
“อ่า เหนื่อยพวกคุณแล้ว! คุณแบ่งเงินบางส่วนไปก็ได้นะ เป็นค่าตอบแทนพิเศษจากผม!” ฟางหยวนพูดอย่างไม่สนใจเรื่องเงิน
ผู้คนทุกวันนี้ทั้งบริสุทธิ์ทั้งซื่อสัตย์
ถ้าเป็นอาณาจักรก่อนหน้านี้ของฟางหยวน เมื่อเจ้านายหายตัวไปหลายเดือนและยังมีเงินทิ้งไว้อีกตั้งมาก สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่ใช่แบบนี้แน่นอน
แน่นอนว่า ผู้หญิงทั้งสองคนนี้นับว่าโชคดีแล้วที่ไม่ได้มีความละโมบในเงินเหล่านี้
ไม่อย่างนั้น ที่ข้างตัวฟางหยวน กองกาลังที่มีเยี่ยอิงจื่อเป็นตัวแทนย่อมต้องสั่งสอนบทเรียนดี ๆ ให้กับพวกเธอเป็นแน่
‘ดูเหมือนว่าเหล่าผู้ฝึกตนจะค้นพบประโยชน์ของกายานเปิดชีพจรของข้าเข้าแล้ว…’ ฟางหยวนคิด
เมื่อมีการสนับสนุนจากประเทศ ฟางหยวนจึงไม่สนใจในคนเหล่านี้แล้ว
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเราจะหยุดขายกายานเปิดชีพจรและไม่รับเงินมัดจาอีก ส่วนพวกที่รับเงินไว้แล้วก็นับว่าเป็นโชคดีของพวกเขาไป! ผมจะให้คนเอาของมาให้!”
ฟางหยวนมองไปรอบ ๆ และรู้สึกดีใจมากที่ร้านดาเนินไปได้ด้วยดี จากนั้นเขาก็ออกจากร้านมา
ระหว่างทาง เยี่ยอิงจื่อขอตัวออกไปครู่สั้น ๆ ก่อนที่จะกลับมาแจ้ง “ผู้พันฟาง พวกเราตรวจดูที่รอบ ๆ ร้านเวิ่นซินเจียของคุณแล้วและพบ
ร่องรอยการปฏิบัติการของพวกสายลับ ยืนยันได้ว่าลูกค้าอย่างน้อยครึ่งหนึ่งที่ซื้อกายานเปิดชีพจรไปนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ระดับมันสมองจากประเทศอื่น… แล้วก็ อีกครึ่งหนึ่งน่าจะเป็นพวกผู้มีวิชาแถว ๆ นี้! ความสัมพันธ์ทางสังคมซับซ้อนมาก!”
“ผมรู้แล้ว เพราะอย่างนั้นนี่จึงเป็นครั้งสุดท้าย!”
ฟางหยวนกลับไปที่บ้านมีลานแบบจีนของตัวเองและขอให้เจ้าต้าหนิวเก็บสมุนไพรที่โตเต็มที่แล้วและส่งพวกมันไปที่เวิ่นซินเจีย จากนั้นฟางหยวนก็เตรียมไปเยี่ยมเยียนเพื่อน ๆ ของเขาทีละคนเพื่อตอบแทนน้าใจ
เหอเทียนหมิงย่อมเป็นคนแรก อาจารย์เหอนั้นพอรู้คร่าว ๆ ว่าฟางหยวนไปที่ไหนทาอะไรและเมื่อได้พบเขาก็ดีใจมาก เอ่ยให้กาลังใจและอวยพรฟางหยวนอยู่หลายคา
หลังจากฟางหยวนได้รู้ว่าเด็กที่มีพรสวรรค์จากในห้องเรียนหลายคนได้งานแล้ว ฟางหยวนก็ไม่ถามเพิ่มและขอตัวออกไปที่บ้านของศาสตราจารย์เถียน
บ้านตระกูลเถียนนั้นอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยซีจิงและเป็นบ้านมีลานแบบจีนขนาดย่อมเช่นกัน
ฟางหยวนเคยมาที่บ้านหลังนี้ครึ่งหนึ่งแล้วและดังนั้นจึงรู้ทาง
เช่นเคย เยี่ยอิงจื่อเป็นคนเข้าไปเคาะประตู
“นั่นใคร?” คุณยายคนหนึ่งเดินออกมาแล้วถาม
“ผมเองครับ!”
ฟางหยวนเดินขึ้นหน้าไปสองก้าว “ผมมาขอพบศาสตราจารย์เถียนครับ!”
“เสี่ยวฟาง!”
ทันทีที่ภรรยาของศาสตราจารย์เถียนเห็นฟางหยวน เธอก็ยิ้มฝืนออกมาแล้วพูด “เธอมาผิดเวลาแล้ว สามีของฉันอยู่ที่โรงพยาบาล เฮ่ย… ฉันกาลังจะออกไปจากบ้านนี้ก่อนเธอมานี่เอง”
“เอ๋? เกิดอะไรขึ้น?”
ฟางหยวนขมวดคิ้ว
“เฮ่ย… หลานสาวที่น่าสงสารของฉันน่ะสิ…”
ดวงตาของเธอเริ่มแดงเรื่อขึ้นทันทีและเธอก็สะอื้น
ฟางหยวนเหลือบมองเยี่ยอิงจื่อและเธอก็เข้าไปประคองคุณยายเข้าไปในบ้านทันที
“เกิดเรื่องขึ้นกับเถียนอ้าย!”
ฟางหยวนหรี่ตาลงเล็กน้อยและภาพของเด็กสาวที่กระตือรือร้นคนหนึ่งก็ปรากฏในสายตาของเขา
เธออายุมากกว่าฟางหยวนสองปีและยังเรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย เธอเป็นแก้วตาดวงใจของครอบครัวศาสตราจารย์เถียน
เพราะอย่างนั้น ศาสตราจารย์เถียนยังเคยพยายามให้ฟางหยวนออกเดทกับหลานสาวของตนด้วยซ้า แต่ว่าฟางหยวนปฏิเสธอย่างหนักแน่นไปเสียก่อน
“โรงพยาบาลไหนครับ ผมจะไปเยี่ยม!”
ตอนนี้เมื่อพวกเขาประสบกับปัญหา ฟางหยวนย่อมต้องทาอะไรสักอย่าง เขาไปที่โรงพยาบาลทันที
“ศาสตราจารย์เถียน!”
“ฟางหยวน!”
ในห้องพักผู้ป่วย ฟางหยวนก็เห็นศาสตราจารย์เถียนและคนในครอบครัวของเขา
ศาสตราจารย์เถียนนั้นเคยเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่ตอนนี้เขากลับผ่ายผอมจนเหลือแต่กระดูก มันเหมือนกับเขาแก่ขึ้นเป็นสิบปี ดวงตาของเขาสว่างวาบขึ้นเมื่อเห็นฟางหยวนและรีบร้องเรียก “เร็ว มาดูหลานสาวฉันหน่อย!”
“คุณเถียน…”
ที่ด้านข้างเขา หมอสองคนกาลังแจ้งข่าวอย่างจนปัญญา “หลานสาวของคุณมีปัญหาทางด้านจิตใจ ผลการตรวจทางกายทุกอย่างปกติเป็นที่สุด!”
“คุณหมอซู!”
ในตอนนี้เอง หมอหญิงอีกคนก็มองฟางหยวน เธอดูจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้และกระซิบกับหมออีกคน
จากนั้นคุณหมอซูผู้นั้นก็มองฟางหยวนอย่างประหลาดใจและหยุดสิ่งที่กาลังทาอยู่
“ปัญหากับจิตใจ?”
ฟางหยวนเดินตรงเข้าไปและเปิดเปลือกตาเถียนอ้ายดู ตอนที่เขามองไปที่ม่านตาของเธอ เขาก็พูด “อืม… จริงด้วย ดูเหมือนภาวะจิตใจไม่ตอบสนอง! เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!”
“สามวันก่อน! เธอเป็นอย่างนี้ตั้งแต่กลับมาจากเขาชิงเฟิง!”
ศาสตราจารย์เถียนเค้นรอยยิ้มขึ้นมาบนหน้า “มันเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ถ้าไม่เพราะฉันรู้เคล็ดสิบสามเข็มของเธอ ฉันเกรงว่าคงได้ลาจากเธอไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น…”
“เขาชิงเฟิงอีกแล้ว!”
ฟางหยวนปรายตามองไปและเยี่ยอิงจื่อก็ออกไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับที่นั่นทันที
“ผมจะลองดู!”
ฟางหยวนคว้าเข็มขึ้นมาแล้วปักไปที่จุดฝังเข็มบริเวณขมับของเถียนอ้าย
“แค่กแค่ก… คุณหมอฟาง ถึงแม้ว่าผมจะชื่นชมในความรู้ใหม่ ๆ ที่คุณค้นพบในแพทย์แผนจีน แต่…” คุณหมอซูที่อยู่ด้านข้างกระแอมและต้องการพูดต่อแต่ว่าทันใดนั้น ม่านตาของเขาก็ขยายอย่างประหลาดใจ
ที่บนเตียง เถียนอ้ายที่นอนหมดสติอยู่ในตอนแรกจู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้นแล้วมองไปรอบ ๆ เธอดูงุนงงและถาม ”ที่นี่… ที่ไหน?”
“อะ… อะไรกัน! นี่มันไม่เป็นวิทยาศาสตร์เลย!”
คุณหมอซูพูดแทบไม่เป็นคา ”เป็นไปไม่ได้…”
คุณหมอซูทุ่มเทความพยายามทุกอย่างและตรวจสอบทุกทางเท่าที่ทาได้ แต่เขาก็ยังไม่สามารถรักษาโรคประหลาดนี้ได้ แต่ว่า ฟางหยวนกลับจัดการมันได้ด้วยเข็มเล่มเดียว?
นี่ราวกับโลกของคุณหมอซูพลิกกลับและมุมมองโลกก่อนหน้านี้ของเขาพังครืนลง!
“หลานปู่!”
“ลูก!”
ศาสตราจารย์เถียนและครอบครัวกลั้นน้าตาไว้ไม่ได้และขอบคุณฟางหยวนซ้า ๆ
ฟางหยวนขอตัวออกจากห้องพักผู้ป่วยอย่างสุภาพ เขามีรอยยิ้มที่ไม่นับว่าเป็นรอยยิ้มแล้วถาม “คุณเจออะไรไหม?”
“ค่ะ!”
เยี่ยอิงจื่อลดเสียงลงทันที “วัดนายพลที่บนเขาชิงเฟิงนั้นถูกสร้างมาก่อนที่ประเทศของเราจะก่อตั้งขึ้น มันถูกทาลายไปครั้งหนึ่งและถูกสร้างขึ้นมาใหม่หลังจากนั้น นักบวชที่ประจาอยู่ที่นั่นตอนนี้ชื่อหม่าคุนหยวน และเขาก็ไม่ได้ขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการ… ก่อนหน้านั้น ทุกอย่างก็ปกติดี แต่ว่าหลังจากปีใหม่มา ก็มีเรื่องประหลาดและข่าวเรื่องเวทมนต์เกี่ยวกับวัดนั่น และยังมีข่าวลือว่าเขาเป็นผู้วิเศษ…”
“นอกจากนี้ พวกเรายังได้ตรวจสอบโรงพยาบาลในเมืองหลวงและพบเด็กสาววัยรุ่นอีกหกคนที่มีอาการป่วยเหมือนเถียนอ้าย ทุกคนเคยไปที่เขาชิงเฟิงมาก่อนเหมือนกัน…”
“หึหึ…”
ฟางหยวนยังมีท่าทางสงบนิ่งและเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะหัวเราะเสียงเย็นเยือก “ดูเหมือนว่าจะมีพวกผีหัววัวและงูเจ้าปรากฏตัวขึ้นจริง ๆ สินะ!”

ในวัดนายพล เขาชิงเฟิง
วัดนั้นไม่ได้ใหญ่โตและยังดูเก่าคร่า ที่หน้าวัด มีแท่นบูชาที่ตั้งรูปเทพสงครามนายพลชิงเฟิงที่ดูดุร้ายเอาไว้
ในเวลาเดียวกัน บ้านที่ด้านหลังวัด
ในห้องลับ นักบวชเต๋าผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิวางมือเอาไว้บนหน้าขา เขามองไปที่ธงเล็ก ๆ เจ็ดผืนที่ตรงหน้าตัวเองและมีสีหน้ายินดีปรากฏ “ท่าน
บรรพบุรุษ อานวยพรและปกป้องข้า! ข้ามีความหวังแล้ว! ตราบใดที่ข้าสามารถฝึกซวนหยินเจ็ดธงปิศาจสาเร็จ… พลังของข้าก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง! เอ๋? ใครมันกล้าทาลายสะกดของข้ากัน?”
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที และบรรยากาศก็เปลี่ยนไปเป็นเลวร้าย
เสียง ‘ปัง’ ดังมาขณะที่ธงสีดาที่เดิมอยู่ในข่ายมนต์ระเบิดออกกะทันหันแล้วเริ่มไหม้ลามโดยไม่มีลมพัด…

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ