411: จับกุม
“รายงาน เป้าหมายเข้าไปในวัดนายพลแล้ว! สิบนาทีผ่านไปแล้วและยังไม่มีการเคลื่อนไหว!
“ได้รับข้อความจากเยี่ยอิงจื่อ การเจรจาล้มเหลว! เตรียมตัว!”
“จาเอาไว้ว่า สิ่งที่สาคัญที่สุดของภารกิจครั้งนี้ก็คือดูแลความปลอดภัยของบุคคลผู้นั้น…”
…
ที่ด้านนอกวัดนายพล
เกิดความวุ่นวายเล็กน้อยที่หลายจุด มือปืนซุ่มยิงตั้งศูนย์เล็งไปที่วัดนายพลและยังมีกองกาลังติดอาวุธเตรียมตัวบุกเข้าไปในวัดได้ทุกเมื่อ
“ตูม!”
แต่จู่ ๆ มันก็เหมือนมีคนโยนระเบิดมือเข้าไปในวัด มีแสงสว่างวาบครั้งใหญ่ ทั้งวัดระเบิดออก กาแพงถล่มลงมา
เกิดควันประหลาดเป็นรูปโดม เยี่ยอิงจื่อและคนอื่น ๆ นั้นอยู่ด้านหลังฟางหยวนและพวกเขาทั้งหมดก็ปลอดภัยดี
แต่ว่า หม่าคุนหยวนที่อยู่ตรงข้ามนั้นเละเทะ ผมเผ้าของเขายุ่งเหยิง และเขาก็กระอักเลือดออกมาขณะพูด “วิชาเต๋า? ฉันไม่เชื่อ… ทาไมถึงมีคนในโลกนี้ที่มีวิชาเต๋าเหนือกว่าฉัน!”
หม่าคุนหยวนลุกขึ้นยืนตรงหน้ารูปปั้น
แล้วก็ มีบางอย่างน่าประหลาด ขณะที่รอบด้านถูกทาลาย รูปปั้นเทพกลับไม่ได้รับผลกระทบเลยสักนิด ดวงตาไร้อารมณ์ของมันยังคงมองลงมาด้านล่าง
“น่าเสียดายที่แกเลือกมาที่นี่! ฮ่าฮ่า…”
หม่าคุนหยวนหัวเราะเสียงลั่น “ต่อให้ระดับการฝึกตนของแกสูงกว่าฉัน แต่ด้วยการสนับสนุนจากเทพเจ้า เทือกเขาชิงเฟิงนี้เป็นอาณาเขตของฉัน! ตายซะ!”
“วิ้ง! วิ้ง!”
ถึงแม้จะเป็นเวลากลางวันแสก ๆ พวกเขาก็ยังมองเห็นแสงสีทองแผ่ออกมาจากรูปปั้นเทพเจ้าด้วยตาตัวเอง แสงสีทองนั้นมีสีดาแผงอยู่ และพวกมันก็เข้าไปในร่างของหม่าคุนหยวน
แล้วมันก็เหมือนกับหม่าคุนหยวนได้กินยาวิเศษรักษาสารพัด เขากลับมามีพลังงานเต็มเปี่ยมในพริบตา
“อย่างที่คิด… ไม่มีเทพเจ้าอะไรหรอก… ก็แค่การผสมผสานใช้พลังอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว…”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฟางหยวนก็ถอนหายใจเบา ๆ “แกบีบคั้นให้ตัวเองฝึกวิชาเทพแห่งเต๋าด้วยร่างกายมนุษย์ แกเสียสติไปเพราะความคิดที่อยากจะได้เป็นเทพเจ้าในสักวันหนึ่งหรือไง?”
“แกจะไปรู้อะไร? สานักของฉันนั้นมีวิชาลับทุกแขนง พวกเขาไม่ใช่อะไรที่แกจะสามารถเข้าใจได้หรอก!”
หม่าคุนหยวนหัวเราะแล้วธงเล็ก ๆ หกผืนก็ปรากฎขึ้นบนฝ่ามือของเขา “ซวนหยินเจ็ดธงปิศาจ ตายซะ!”
“ครืน!”
ลาแสงสีเขียวเข้มหกสายปรากฏขึ้นแล้วก่อตัวเป็นข่ายมนต์ที่ล้อมรอบฟางหยวนกับคนอื่น ๆ กักพวกเขาไว้ด้านใน
“เล็งเป้าหมายได้แล้ว ยิง!”
ถึงแม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจะน่าตระหนกและทาให้จิตใจหวาดผวา แต่กลุ่มลอบสังหารก็ยังต้องทาภารกิจตัวเองให้สาเร็จขณะยิงกระสุนไปที่หม่าคุนหยวน
“ปัง!”
หลังจากกระสุนหนึ่งนัด นักบวชหม่าหลบไปด้านข้างเล็กน้อยและไม่ถูกกระสุนเลยสักนิด เขากระทั่งหันไปหาปากกระบอกปืนพร้อมรอยยิ้มเหยียดหยามและคารามออกมา “บนยอดเขาชิงเฟิง ข้าคือ… เทพเจ้า!”
“เจ้าโง่!”
“ตูม!”
บนฟ้า มีเมฆมาเกาะกลุ่มกันและสายฟ้าก็ตวัดลงมา
ธงทั้งหกผืนของข่ายมนต์ขาดรุ่งริ่งและไม่สามารถทนรับสายฟ้าได้แล้วกลายเป็นเถ้าไปในทันที
“แกคิดว่าแกสามารถฆ่าฉันได้ด้วยพลังของ ‘เทพเจ้า’ พิกลพิการที่แกดูดซับมาแล้วยังข่ายมนต์ง่อย ๆ ของแกอีก? น่าขา!”
ฟางหยวนยกมือขวาขึ้นแล้วพูดต่อ “พลังล้าค่านามาซึ่งการเพิ่มขึ้นของหยาดพลังคือพลังจากฟ้าและดิน! พลัง ‘เทพเจ้า’ กระจอก ๆ ของแกน่ะเทียบไม่ได้หรอกนะ!”
“สายฟ้าจากสวรรค์เบื้องบน ฟังคาสั่งของข้า! เปลี่ยนไปเป็นดาบวิเศษและลงทัณฑ์ปิศาจชั่วร้ายนั่นเสีย!”
ขณะที่มือของฟางหยวนเคลื่อนไหว สายฟ้าที่บนฟ้าก็ถูกดึงมารวมกัน เมื่อพวกมันรวมตัวกันก็เปลี่ยนไปเป็นดาบวิเศษเล่มยักษ์ที่มีแสงสีม่วงน่าเกรงขามแลบปลาบ
พริบตาเดียว ทุกคนรวมทั้งหม่าคุนหยวนก็ตะลึงงันไปเมื่อเห็นภาพนี้
สายฟ้าอันทรงพลังที่บนฟ้าสามารถควบคุมด้วยมือเดียวของคนผู้นี้?
“ตูม!”
ฟางหยวนไม่ลังเลและไม่ชะงักขณะชี้ตรงไปที่ที่หม่าคุนหยวนยืนอยู่
“ไม่!”
เส้นผมของนักบวชหม่าลุกชันและเขาก็ไม่เคยรู้สึกได้ว่าชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ มาก่อนเลยในชีวิตนี้ เขาคิดว่าคงตายแน่แล้ว หลังจากเขาร้องเสียงประหลาด เขาก็วิ่งออกไปข้างนอกทันทีด้วยความพยายามจะหนี
“ตูม!”
ไม่ว่าเขาจะวิ่งได้เร็วแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถหลบหนีสายฟ้าจากสวรรค์ที่พิโรธได้
แสงสีม่วงกระทบเข้ากับร่างของเขา และพื้นที่เขายืนอยู่ก็ระเบิดออก ทิ้งเอาไว้เพียงหลุมสีดามืดลึกถึงหนึ่งเมตร นักบวชหม่าหายวับไปในพริบตา
“น่ากลัวมาก…”
เยี่ยอิงจื่อเดินตรงไปแล้วผ่อนลมหายใจเย็นเฉียบ “ถ้ายอดมนุษย์ทุกคนเป็นเหมือนเขา ฉันก็นึกภาพไม่ออกแล้ว่าอนาคตของพวกเราจะเป็นอย่างไร!”
“ไม่ต้องห่วง ดูเหมือนว่า นักบวชหม่าผู้นี้จะเคยฝึกวิชามาก่อนในอดีต เขาบรรลุระดับได้จากการที่หยาดพลังเพิ่มสูงขึ้น ทั้งประเทศ หรือกระทั่งทั้งโลก ระดับการฝึกฝนของเขาก็น่าจะอยู่ในระดับยอดเยี่ยมซึ่งมีเพียงไม่กี่คน ไม่อย่างนั้นเขาจะกล้าตั้งสานักใกล้กับเมืองหลวงได้อย่างไร?”
จู่ ๆ ฟางหยวนก็ยิ้ม “แล้วก็… เรื่องนี้ยังไม่จบหรอกนะ!”
…
ในแผนกสูตินรีเวชของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
พร้อมกับเสียงร้องไห้ดังลั่น ชีวิตใหม่ชีวิตหนึ่งก็ถือกาเนิดขึ้นในโลกใบนี้
“เป็นเด็กผู้ชาย ยินดีด้วย!”
ทันใดนั้น พร้อม ๆ กับถ้อยคาแสดงความยินดีของพวกหมอ ก็มีเสียงมากมายดังมาจากที่ด้านนอกแผนก
เด็กทารกถูกตัดสายสะดือและจับอาบน้า เมื่อถูกห่อด้วยผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนหนึ่งแล้ว ดวงตาสีดาของเด็กทารกคนนี้กลับไม่มีแววของความไร้เดียงสา กลับกัน ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์และบ้าคลั่ง ‘บ้าชะมัด! มีไอ้บ้าที่มีพลังขนาดนั้นปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน! วิชาห้าสายฟ้าแห่งความเที่ยงธรรมนั่นราวกับทัณฑ์สวรรค์… โชคดี ข้ามีวิชาสละซากถือกาเนิดและยังทาได้สาเร็จ! แก้แค้นสิบปีไม่สาย… แกรอก่อนเถอะ…’
ถึงตอนนั้น เขาจะยังมีความกล้าพอที่จะสู้กับฟางหยวน ผู้ที่มีพลังที่สามารถทาลายทุกอย่างได้ด้วยเคล็ดวิชาสายฟ้าสวรรค์หรือเปล่านะ?
หัวใจของนักบวชชราสั่นระริกอย่างหวาดกลัว ขณะที่สมองของเด็กทารกนั้นไม่สามารถใช้ขบคิดได้มากเกินไป เขาหลับลึกไปในทันที
“หวัดดี หม่าคุนหยวนตัวน้อย ๆ!”
ตอนที่เด็กทารกคนนั้นลืมตาขึ้นอีกครั้ง ทั้งร่างของเขาก็สั่น ใบหน้าที่ราวกับปิศาจนั้นลอยอยู่เบื้องหน้าเขาแล้ว
นักบวชหม่าคร่าครวญอยู่ในใจแต่ก็ทาได้เพียงบังคับให้ตัวเองวางสีหน้าไร้เดียงสาขณะมองไปรอบ ๆ
อย่างไรเสีย เขาก็อยู่ในโรงพยาบาลที่มีคนมากมายห้อมล้อมอยู่ และคนเหล่านั้นก็ล้วนระแวดระวัง
“เลิกแสดงได้แล้ว! แกก็คือคนที่ฉันมองหา!”
ฟางหยวนกระแอมสองครั้งแล้วดึงเอาหมายจับแผ่นหนึ่งออกมา “ผู้ร้ายหม่าคุนหยวน คุณถูกจับข้อหากลับชาติมาเกิดอย่างผิด ๆ โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง! คุณมีสิทธิที่จะไม่พูด เพราะทุกคาพูดของคุณอาจจะใช้เป็นหลักฐานปรักปราคุณในศาลได้!”
“อุแว้!”
คราวนี้นักบวชหม่าร้องไห้เสียงลั่น เสียงร้องไห้ของเขานั้นเต็มไปด้วยความหดหู่
เขาอุตส่าห์กลับมาเกิดใหม่แล้ว พวกมันก็ยังไม่ปล่อยเขาไป!
“นาตัวเขาไป!”
ฟางหยวนยังกลั้นหัวเราะเอาไว้ “เขาไม่สามารถขัดขืนพวกเราได้อีกต่อไปแล้ว…”
“ไม่ต้องห่วง!”
ที่ด้านข้างฟางหยวน คนผู้หนึ่งที่ดูคล้ายเจ้าหน้าที่รัฐบาลยิ้มและพูด “ผมวางแผนการศึกษา 16 ปีสาหรับเขาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เริ่มตั้งแต่การศึกษาตามอุดมการณ์สาหรับเด็กทารก พวกเราจะพยายามปรับเปลี่ยนความคิดของเขา เขาอาจจะถูกใช้เป็นตัวอย่างสาหรับคดีอาชญากรรมอื่น ๆ ในอนาคต เขาน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่เดียว”
“ผมขอให้คุณทาสาเร็จ!”
จากนั้นฟางหยวนก็กลับไปที่ฐาน
ฟางหยวนได้รับการดูแลที่ต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัดในตอนนี้ หลายคนเข้ามารุมล้อมรอบตัวเขาและพาเขาไปส่งที่ห้องทางานของซีเหมินเจียน
“สหายฟางหยวน ดูเหมือนว่าทุก ๆ ครั้งที่พวกเราได้พบกัน คุณก็ทาให้ผมประหลาดใจได้เสมอเลย!”
ซีเหมินเจียนหัวเราะอย่างยินดี
“ผมเคยบอกแล้วเมื่อครั้งก่อน ว่าผมมีความสามารถในการป้องกันตัวเองอยู่บ้าง!”
ฟางหยวนยิ้มเจ้าเล่ห์
ก่อนหน้านี้ ฟางหยวนปิดบังความสามารถของตัวเองเอาไว้เพื่อให้ได้เข้ามาอยู่ในฐานที่สามารถเข้าถึงข้อมูลการวิจัยได้
แต่ตอนนี้ หลังจากผ่านมาระยะใหญ่ ด้วยระดับของฟางหยวนและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฐานะที่เขาได้รับจากการคิดค้นกาไลกักปิศาจสาเร็จ เขาก็สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนใหญ่ที่อยากจะเห็นได้แล้ว ดังนั้น เขาจึงไม่จาเป็นต้องเกรงอะไรแล้ว
อย่างไรเสีย สิ่งที่ฟางหยวนต้องการก็คือข้อมูลการทดลองขั้นพื้นฐานที่สุดจากกลุ่มตัวอย่างจานวนมาก
เมื่อมีสิ่งนี้แล้ว ฟางหยวนย่อมสามารถเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างอาณาจักรได้ดีขึ้นและสามารถพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ที่มีระดับสูงขึ้นที่เขาคิดเอาไว้ เช่นเดียวกับพัฒนาต้นแบบวิชาเวทย์ต่าง ๆ
ดังนั้น ฟางหยวนตอนนี้นั้นมีความสามารถเช่นนั้นแล้ว และยังมีวิชาควบคุมสายฟ้าและถอนรากถอนโคนศัตรูผู้ทรงพลังได้ด้วย
ถึงอย่างนั้น หากเป็นฟางหยวนที่เพิ่งเข้าสู่ฐานต้องรับมือกับหม่าคุนหยวน ฟางหยวนอาจจะเป็นฝ่ายที่ตายตกก็ได้
“แค่กแค่ก…”
ซีเหมินเจียนเกือบจะสาลักน้าลายตัวเอง “คุณยังจาเป็นต้องป้องกันตัวเองทั้งที่สามารถควบคุมสายฟ้าและลงโทษคนชั่วได้เนี่ยนะ?”
“เดิมที ผมก็สามารถปิดบังไว้ต่อไปได้ แต่ทาไมผมถึงเลือกที่จะเปิดเผยออกมาล่ะ?”
สีหน้าของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นจริงจัง “เพราะว่าผมไม่สามารถทนเห็นคนที่มีความสามารถพิเศษหรือว่าใช้เวทย์ได้ใช้พลังของตนเองทาผิดอย่างอิสระเสรีและยังนาเอาปัญหามาสู่โลกนี้!”
“อย่างนั้นเหรอ? ผมเข้าใจคุณผิดไปแล้ว!”
ซีเหมินเจียนลุกขึ้นแล้วโค้งตัวให้ฟางหยวนอย่างจริงจัง “ขอบคุณมาก! สหายฟางหยวน ขอบคุณสาหรับทุกอย่างที่คุณทาเพื่อพวกเรา!”
อันที่จริงแล้ว ตั้งแต่ฟางหยวนดึงดูดความสนใจมาที่ตัวเองมากขึ้น การตรวจสอบเกี่ยวกับตัวเขานั้นก็ไม่เคยถูกหยุดเอาไว้
มีผู้คนที่ได้รับคาสั่งเป็นพิเศษให้รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์รายละเอียดของเขา ทุกอย่างตั้งแต่เขายังเด็ก และทุกการกระทาที่ในสถาน
เลี้ยงเด็กกาพร้า พวกเขากระทั่งตั้งรูปแบบทางความคิดโดยมีเขาเป็นต้นแบบ
‘เป้าหมายไม่ได้มีความโน้มเอียงไปในทางต่อต้านสังคม เขาแค่รู้สึกไม่ปลอดภัยและยังเก่งในด้านปิดบังและปกป้องตัวเอง แต่ว่า เขาก็ไม่ได้รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าและบางครั้งยังยินดีที่จะช่วยเหลือคนพวกนั้น!
‘จากมุมมองนี้ เขาปิดบังตัวเองเอาไว้เพียงเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น คล้ายกับเจ้าต้าหนิว… ตอนนี้ เขากระทั่งยอมเสียสละเพื่อประเทศชาติเองด้วยซ้า’
‘เป็นสหายที่มีคุณธรรมคนหนึ่ง ไม่มีอะไรให้พวกเราต้องกังวล!’
สีหน้าของซีเหมินเจียนเปลี่ยนไปเป็นนุ่มนวลขึ้น “ก็แค่… คราวหน้าอย่างได้วู่วามอย่างนี้อีก! พวกเราสามารถส่งกองทัพไปทาลายเขาชิงเฟิงดีกว่าที่จะเห็นอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวคุณ!”
ฟางหยวนนั้นมีความสามารถพอที่จะได้เป็นหัวหน้าสานักผู้ทรงอานาจผู้หนึ่งได้ในอนาคต
นอกจากนี้ ความสามารถในด้านการวิจัยของเขายังโดดเด่นมาก เขาเป็นอัจฉริยะที่เก่งกาจและหาได้ยากจริง ๆ
“ครับ! ผมสัญญาว่าจะไม่ทาผิดพลาดแบบเดิมอีก!”
ฟางหยวนรับปาก
ฟางหยวนเป็นคนที่อาณาจักรนี้ต้องการ คนแบบที่จะทาไม่ทาให้เกิดความขัดแย้งด้านผลประโยชน์กับประเทศจีน
นอกจากนี้ รายละเอียดจริง ๆ ของพื้นเพของเขานั้นยังไม่เคยบอกเล่าให้ผู้อื่น นอกเหนือไปจากนั้น ทุกอย่างล้วนเปิดเผยได้ กระทั่งตาราชิงหนางจิง!
‘ข้าไม่ได้เขลาอย่างผู้อาวุโสจี๋อินที่จะตั้งตนเป็นฝ่ายตรงข้ามกับประเทศนี้ในสนามรบ!’ ฟางหยวนคิด
บันทึกเกี่ยวกับผู้อาวุโสจี๋อินยังมีเก็บเอาไว้ในศูนย์วิจัย ซึ่งฟางหยวนได้อ่านมาแล้วก่อนหน้านี้
ความสามารถของผู้อาวุโสจี๋อินเมื่อตอนนั้นเทียบได้กับความสามารถของฟางหยวนตอนนี้ และนั่นยังเป็นช่วงระหว่างปรากฏการณ์ครั้งแรกด้วย! ระหว่างช่วงเวลานั้น พลังเวทย์เบาบางมากและมันก็น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!
แต่แล้วอย่างไร? ผลลัพธ์ของถูกบีบให้เข้าสู่สงครามโลกและยังขัดแย้งกับประเทศมหาอานาจก็คือจรวดนาวิถีซึ่งทาลายนางจนสิ้นซาก
อดีตมีไว้ให้เรียนรู้ ฟางหยวนไม่ต้องการดาเนินรอยตามผู้อาวุโสจี๋อิน
คุณค่าของอาณาจักรนี้นั้นก็คือตัวอาณาจักรเอง!