Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 413

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 413

413: ต้นหลิว
ในห้องโดยสารเครื่องบินนั้นเงียบ มีเพียงเสียงทางานของเครื่องจักรเท่านั้น
มองผ่านหน้าต่างเล็ก ๆ ออกไป ท้องฟ้าสีฟ้ากระจ่างและยังมีปุยเมฆขาวอยู่ที่ด้านล่าง
“ศาสตราจารย์ฟาง ในอีกครึ่งชั่วโมงพวกเราก็จะไปถึงเมืองชางไห่!”
ที่ด้านข้างเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง เหล่าหลี่ เขาหัวเราะขณะพูด “นั่นเป็นบ้านเกิดของศาสตราจารย์ฟางใช่ไหม?”
“ใช่ครับ… ผ่านมาหลายปีมากแล้วตั้งแต่ตอนนั้น!”
ฟางหยวนนั้นอยู่ในชุดกาวน์ที่ใช้ในห้องทดลอง สวมแว่นตา และยังมีบุคลิกเหมือนพวกนักศึกษา ไม่มีใครสามารถเชื่อมโยงเขาเข้ากับเทพสายฟ้า หัวหน้าหน่วยมังกรได้
นี่เป็นกลเม็ดโบราณของผู้มีวิทยายุทธ์ที่ผ่านการฝึกตน ใช้กล้ามเนื้อและพลังภายในเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเอง นี่ไม่ใช่เรื่องยากสาหรับฟางหยวน
ส่วนฐานะศาสตราจารย์ของเขาน่ะเหรอ? ตั้งแต่ออกแบบกาไลกักปิศาจได้สาเร็จ ฟางหยวนก็ได้รับการรับรองฐานะให้เป็นศาสตราจารย์คนหนึ่งอย่างไม่มีข้อคัดค้าน
ตอนนี้ เขามองไกลออกไปนอกหน้าต่างและเหม่อลอยคิดไปไกล
‘ศาสตราจารย์ฟางกาลังคิดถึงบ้านเกิดของตัวเองอยู่ใช่ไหมนะ?’
เหล่าเพื่อนร่วมงานมองเขาแล้วยิ้มอย่างเป็นมิตรและไม่ไปขัดจังหวะความคิดของฟางหยวน
พวกเขาไม่รู้เลยว่า อันที่จริงแล้วฟางหยวนกาลังอ่านหน้าต่างสถานะของตัวเองอยู่
“ชื่อ: ฟางหยวน
พลังกาย: 3.5
พลังลมปราณ: 9.9
พลังเวทย์: 9.9
สายวิชา: ???
การฝึกตน: ???
วิทยายุทธ์: [คาถาฝึกพลังธาตุ (ระดับ 3 (99 ใน 100 ส่วน)]
ทักษะ: [การรักษา (ระดับ 3)], [การดูแลพืช (ระดับ 5)], [เนตรเพลิงสีทอง (ระดับ 1)]”
‘ความก้าวหน้านี้ข้าเพิ่งได้รับมาหลังจากสังหารร่างสิงสู่ของหม่าคุนหยวนและการดูดซับพลังวิญญาณจากเทือกเขาชิงเฟิงนั้นยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว…’
เห็นแล้วฟางหยวนก็พึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยความสามารถพิเศษ ค่าสถานะคงที่ ของเขา และยังร่างกายอันแข็งแกร่ง เขาเกือบจะเรียกได้ว่าไร้จากัดแล้วในโลกนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถคิดภาพได้
หลังจากเอาขีดจากัดของร่างกายของเขาออกไปแล้วค่อย ๆ กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้ เขาก็สามารถเพิ่มระดับการฝึกตนของเขาได้ตราบใดที่มีพลังให้ดูดซับ!
‘น่าเสียดาย… เทือกเขาชิงเฟิงส่วนใหญ่นั้นอยู่ภายใต้อานาจของเทพแห่งเต๋าและดังนั้นจึงใช้การไม่ได้… หวังว่าเมืองชางไห่จะไม่ทาให้ข้าผิดหวัง…’
“ฝุบ! ฝุบ!”
เครื่องบินบินผ่านหมู่เมฆและลดระดับลงจอด ที่ขอบฟ้า มีสนามบินขนาดใหญ่ปราฏขึ้น
ฟางหยวนและเพื่อนร่วมงานทยอยลงจากเครื่องบินและผู้คนกลุ่มหนึ่งก็ตรงเข้ามาหาพวกเขาอย่างเร่งร้อน คนที่นากลุ่มมานั้นเป็นทหารวัยกลางคนในเครื่องแบบ “สวัสดีทุกท่าน ผมเป็นผู้รับผิดชอบที่นี่ชื่ออู๋เถี่ย พวกเรามารออยู่สักพักแล้ว!”
“สวัสดีครับ!”
ฟางหยวนยื่นมือออกไป “พวกเราพานักพฤกษศาสตร์ที่เก่งที่สุดจากที่ฐานมาด้วยและหวังว่าพวกเราจะช่วยแก้ไขสถานการณ์ได้!”
“คุณคือ… สหายฟางหยวน! ยอดเยี่ยมมากเลย!”
อู๋เถี่ยนั้นเดิมยังสงสัยอยู่หลังจากเห็นรูปลักษณ์อ่อนเยาว์ของฟางหยวนเดินนากลุ่มนักวิทยาศาสตร์ออกมา แต่ว่า หลังจากพบว่าคนผู้นี้คือฟางหยวนเขาก็ดีใจมาก “เยี่ยมไปเลย… เมืองของพวกเราในที่สุดก็ปลอดภัยแล้ว!”
“โอ้? ถึงขนาดนั้นเลยหรือ?”
ฟางหยวนขยับแว่น “ไปขึ้นรถกันเถอะ แล้วค่อยเล่าให้พวกเราฟังระหว่างทาง”
“บรึ้น!”
รถทหารคารามอย่างมีชีวิตชีวาแล้วทั้งสิบคันก็แล่นไปบนถนนอย่างเป็นระเบียบ
พวกเขาอยู่ที่รอบนอกของเมืองชางไห่ หลังจากผ่านไปสิบนาที เงาของเมืองก็ปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้าและฟางหยวนก็มองเห็นตึกหน้าตาคุ้นเคยหลายตึก
ในเวลาเดียวกัน เจ้าต้าหนิวที่มาด้วยก็ร้องออกมา
นี่เป็นเพราะหมอกที่ค่อย ๆ แผ่ออกมา กลืนกินเมืองไปเกือบครึ่ง
“นี่ก็คือพลังของต้นหลิวพันปีงั้นหรือ?”
ฟางหยวนหลับตาลง เขาสัมผัสได้ถึงหยาดพลังจานวนมหาศาลที่รวมตัวกันอยู่รอบเมืองหมุนวนเป็นเกลียว
ที่ตรงกลางหมอกขาว มีเงาของต้นไม้สีเขียวหยกปกคลุมท้องฟ้าไปครึ่งหนึ่ง มันเต็มไปด้วยพลังและชีวิต
“ถูกต้องแล้ว… หลังจากปรากฏการณ์ครั้งที่สอง นอกจากการปรากฏตัวของผู้วิวัฒน์ที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงและกลายพันธุ์ของพืชตามธรรมชาติ…”
อู๋เถี่ยนั้นมีสีหน้าไม่ดีนัก “สัตว์บางตัวยังปรับตัวได้ดีกว่าพวกเราในด้านการดูดซับพลังวิญญาณ… แน่นอนว่า ผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือธรรมชาติ!”
หลังจากปรากฏการณ์ครั้งที่สอง ก็ดูเหมือนจะมีผืนดินอันมหัศจรรย์ปรากฏขึ้นบนผืนโลก
บางบริเวณนั้นเป็นอันตรายอยู่แต่เดิมแล้ว เมื่อมีการเพิ่มขึ้นของหยาดพลัง พวกมันก็กลายไปเป็นบริเวณที่อันตรายยิ่งกว่าเดิมที่สมควรหลีกเลี่ยงด้วยประการทั้งปวง
บริเวณอื่นนั้นเพิ่งอันตรายขึ้นมาหลังจากปรากฏการณ์ครั้งที่สอง ตั้งแต่นั้นมา ผืนดินเหล่านั้นก็เริ่มแผ่กระจายออกไปมากขึ้น
โชคร้ายที่หนึ่งในผืนดินเช่นนั้นกลับอยู่ใจกลางเมือง
“มันคือหมายเลข M-95 เป็นต้นหลิว แต่เดิมเป็นต้นไม้เก่าแก่อยู่ในสวนสาธารณะทางเหนือของเมืองชางไห่ และก็ว่ากันว่ามันอยู่มานานกว่าพันปีแล้ว หลังจากการสืบสวนก็พบว่าก่อนหน้านี้มันแห้งตายไปแล้ว แต่ว่าหลังจากปรากฏการณ์ครั้งแรก ต้นไม้ก็เริ่มฟื้นตัวและมีชีวิตชีวาขึ้นมา ดังนั้น มันจึงยังไม่ถูกย้ายออกจากสวนและยังดูเป็นปกติมาก ใครจะไปคิดว่าหลังจากปรากฏการณ์ครั้งที่สอง ต้นหลิวนี่จะเริ่มเติบใหญ่ขึ้นอีก?
ภายในระยะเวลาสั้น ๆ รากของมันก็แผ่ไปทั่วทั้งสวนสาธารณะทางเหนือนี่ แล้วมันก็เริ่มปล่อยหมอกหนาซึ่งไม่สลายไปไหนออกมา ในหมอก ยังมีสารที่มีฤทธิ์ทาให้มึนเมาและหมอกก็ปกคลุมไปครึ่งหนึ่งของเมือง…”
“ก่อนหน้านี้ พวกเราส่งคนเข้าไปด้วยหวังว่าทาลายต้นหลิวลงได้ แต่ว่าความพยายามของพวกเราก็ไร้ผลและกระทั่งผู้วิวัฒน์ที่ใช้ไฟได้ก็ไม่สามารถทาอะไรมันได้… จนถึงตอนนี้ พวกเราก็เคลื่อนย้ายผู้คนกว่าสามแสนคนออกจากบ้านเรือนแถบนี้ ต้นหลิวนี่ทาลายล้างเศรษฐกิจและทรัพย์สินของพวกเรามากเกินกว่าจะคานวณได้แล้ว!”
อู๋เถี่ยมีสีหน้าไม่ดีนักขณะบอกทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับสถานการณ์นี้ออกมา “พวกเราสงสัยว่าต้นหลิวนี่จะมีความคิดเป็นของตัวเองและกิ่งก้านของมันก็ราวกับเป็นมือซึ่งสามารถเคลื่อนไหวได้ ทาให้มันยิ่งยากที่จะทาลาย…”
“ผมเข้าใจแล้ว!”
ฟางหยวนพยักหน้า “ตอนที่พวกเราไปถึงที่ฐาน พวกเราจะเริ่มเก็บข้อมูล! ถ้าพวกเราก็ยังทาไม่สาเร็จ พวกเราก็ต้องใช้แผนการสุดท้าย!”
“…”
อู๋เถี่ยยังเงียบอยู่ ในดวงตาแฝงแววเจ็บปวด
แผนการสุดท้ายย่อมต้องเป็นการระเบิดที่นี่ทิ้ง กาจัดการมีอยู่ของต้นหลิวนี่ไป!
ถ้าแผนการสุดท้ายถูกใช้ออกมา ทั้งเมืองชางไห่ก็จะถูกทาลายเช่นกัน นี่เป็นผลลัพธ์ที่ไม่มีใครอยากเห็น
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ปัญหาของผู้อพยพนับแสนคนที่เกิดจากการระเบิดเมืองทิ้งก็ต้องจัดการหรือไม่อย่างนั้นก็จะเกิดปัญหาสังคมใหญ่หลวง
ดังนั้น พวกเขาต้องแก้ปัญหาที่เกิดจากต้นหลิวพันปีให้ได้!
ถ้าไม่เพราะอย่างนี้ ซีเหมินเจียนย่อมไม่ส่งสมบัติล้าค่าที่สุดของเขา ฟางหยวน มาที่นี่
หลังจากขับไประยะหนึ่ง ค่ายทหารขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าฟางหยวนและพวก กระโจมสีเขียวขนาดใหญ่เรียงเป็นแถวอยู่ในค่าย ทาให้ทั้งบริเวณดูเป็นระเบียบ
ที่ด้านนอกค่าย มีรั้วลวดหนามล้อมเอาไว้และยังมีป้ายสีแดงติดเอาไว้ทั่ว
“อาจารย์ฟาง…”
หลังจากลงจากรถแล้ว อู๋เถี่ยก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไว้ได้ “หัวหน้าสานัก ซีเหมินเจียน สัญญาว่าจะส่งกาลังเสริมมาให้พวกเรา แล้วหน่วยมังกรที่เต็มไปด้วยคนเก่ง ๆ อยู่ที่ไหนกัน? พวกเขาอยู่ที่ไหนเหรอ?”
“คุณต้องรู้นะว่าสารมอมเมานั่นมันมีฤทธิ์ร้ายแรงมาก ต่อให้พวกเราสวมใส่เสื้อผ้าที่สามารถต้านพิษเอาไว้ได้พวกเราก็ไม่สามารถทนได้เกินสิบนาที มีแค่ผู้วิวัฒน์เท่านั้นที่สามารถต่อสู้ได้ในหมอกนั่น!”
เมื่อคิดถึงว่าพวกเขาได้รู้คุณสมบัติของหมอกนั่นมาได้อย่างไร ดวงตาของอู๋เถี่ยก็เริ่มแดงขึ้น มันเป็นบทเรียนอันเจ็บปวดสาหรับพวกเขา
“ไม่ต้องห่วง หน่วยมังกรออกเดินทางมาแล้ว แต่ว่า เทพสายฟ้าน่ะชอบเดินทางคนเดียวและไม่ได้อยู่กับพวกเราตอนนี้!”
ฟางหยวนยิ้ม
“ค่อยยังชั่ว…”
ดวงตาของอู๋เถี่ยเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
เบื้องบนคนไหน ๆ ก็ไม่รู้สึกสบายใจได้เมื่อลูกน้องของตนต้องออกปฏิบัติการและลงมือทาสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
เพราะว่าเป็นคนที่เก็บความรู้สึกได้ดี เขาจึงสงบท่าทีได้อย่างรวดเร็วและไม่ได้เผยความไม่พึงใจอะไรออกมา “ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ผมก็หวังว่าพวกเขาจะยังปลอดภัย ที่รอบ ๆ ค่ายทหารนี่ ผมตรวจเจอร่องรอยของสายลับจากสหพันธ์อินทรีทองด้วยนะ!”
“สถานการณ์อันจาเพาะเช่นนี้ย่อมมีความน่าสนใจพอที่จะดึงดูดพวกเขามาที่นี่…”
ฟางหยวนถอนหายใจก่อนที่จะบอกให้เจ้าต้าหนิวและเยี่ยอิงจื่อเปิดสัมภาระและเริ่มประกอบอุปกรณ์มากมาย
“ผมต้องเข้าไปใกล้ ๆ กับหมอกขาวนั่นและตั้งพื้นที่ตรวจสอบความเข้มข้นของหยาดพลังที่นั่น!”
ฟางหยวนดึงหน้ากากกันพิษออกมาและสวมมัน
“อืม ผมจะส่งคนไปช่วยคุณ!”
อู๋เถี่ยประทับใจการตัดสินใจเด็ดเดี่ยวของฟางหยวนและการที่เขาเต็มใจเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อการวิจัย

ฟางหยวน เจ้าต้าหนิว และทหารกลุ่มหนึ่งเข้าสู่เมืองชางไห่อย่างรวดเร็วและตอนนี้ก็อยู่บนถนนสายหลัก
“เฮ่ย…”
เจ้าต้าหนิวมองถนนที่ว่างเปล่าและหนังสือพิมพ์ขาดรุ่งริ่งปลิวไปตามสายลมแล้วก็เริ่มรู้สึกถึงอารมณ์มากมายเต็มไปหมด
อย่างไรเสีย เขาก็ต่างไปจากฟางหยวน และไม่ได้มีโอกาสไปศึกษาเล่าเรียนที่ต่างเมือง เขาเติบโตมาที่นี่และดังนั้นจึงมีความรู้สึกต่าง ๆ ต่อเมืองนี้มาก
ตอนนี้เมื่อเขาได้เห็นภาพอันร้างไร้ซึ่งชีวิตชีวาแล้วเขาก็รู้สึกเศร้าในใจ
“ที่นี่ทาให้ฉันขนลุก!”
เยี่ยอิงจื่อถือปืนเอาไว้กระชับและกวาดตามองรอบ ๆ อย่างตื่นตัวเต็มที่
เธอไม่เคยคิดเลยว่าเมืองที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งชีวิตจะทาให้เธอรู้สึกหวาดกลัวได้
“นี่เป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรเสีย พวกเราก็มักจะเอามันไปเทียบกับที่เมืองหลวง!”
ฟางหยวนเดินไปตามตรอกแล้วหมอกขาวชั้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา มันแตกต่างจากหมอกของจ้าวแห่งฝัน มันดูจางกว่า เปล่งรัศมีอันตรายออกมา
“ศาสตราจารย์ ระวังด้วย คุณสมบัติในการมอมเมาของหมอกนี่รุนแรงมากและยังดูเหมือนจะมีอันตรายอื่น ๆ อยู่ในหมอกนี่อีก!”
ที่ด้านข้างเขาคือทหารกลุ่มหนึ่งสวมชุดป้องกันสารเคมีและหน้ากากกันพิษ น้าเสียงดูวิตกกังวลอย่างยิ่ง
“ไม่ต้องห่วง ผมเข้าใจดี!”
เพื่อความปลอดภัย ฟางหยวนและเยี่ยอิงจื่อก็สวมหน้ากากกันพิษ มีแค่เจ้าต้าหนิวที่ไม่ต้องการการป้องกันใด ๆ และยังดูไม่สะเทือนกับหมอกตรงหน้า ทาให้คนอื่น ๆ รอบ ๆ เขารู้สึกอิจฉา
“ที่นี่… ที่นี่ใช้การได้ ลงมือติดตั้งได้!”
ฟางหยวนวางตะแกรงเหล็กลงบนพื้นและสร้างพื้นที่ของตัวเอง
เย่ยอิงจื่อและเจ้าต้าหนิวตรงเข้าไปช่วยเขา พวกเขาดูมีประสบการณ์ และไม่นาน เครื่องมือที่คล้ายเรดาร์อันเล็ก ๆ ก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้น และตัวรับสัญญาณหน้าตาเหมือนกะทะก็หันไปทางหมอกสีขาว
“รีบระบุตาแหน่ง! ลงมือทันทีที่ความเข้มข้นของหยาดพลังถูกตรวจสอบสาเร็จ!”
ฟางหยวนมองที่หน้าจอเรดาร์ขณะเริ่มอ่านตัวเลขออกมา “อืม… มีหยาดพลังที่อ่านค่าได้เท่ากับสิบ น่าจะเป็นกิ่งก้านหรือราก ตามมันไป… เจอแล้ว!”
“ตรวจสอบให้แน่ใจว่านี่เป็นลาต้นของต้นหลิว!”
“ตรู๊ด! ตรู๊ดดด!”
มีการสั่นอยู่ในหมอกราวกับบางอย่างถูกตรวจพบ
จากนั้นอุปกรณ์ก็เริ่มส่งเสียงร้องแหลม
“อืม ค่าที่อ่านได้ถึง 999 มากกว่าที่พวกเราจะสามารถตรวจพบได้! ยืนยัน…”
ฟางหยวนประกาศออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง “นี่เป็นภัยระดับอันตราย และพลังการทาลายล้างของมันก็เหนือกว่าที่พวกเราเคยเผชิญที่เขาชิงเฟิง!”

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ