414: กาฝาก
เมื่อมียอดมนุษย์ระดับอันตรายได้ ธรรมชาติก็ย่อมมีภัยระดับอันตรายได้เช่นกัน
สิ่งนี้ที่ทาลายเมือง ส่งผลกระทบต่อคนนับแสนและยังไม่สามารถกาจัดได้ยกเว้นจะใช้ระเบิดรุนแรงย่อมนับเป็นภัยธรรมชาติระดับอันตราย
“ต้นหลิวนี้ไม่รู้วิธีการซ่อนเร้นตัวเอง… ถ้ามันยังคงอยู่ในระยะก่อนหน้านี้และรอคอยให้เกิดปรากฏการณ์ครั้งที่สาม… มันย่อมยกระดับตัวเองเป็นระดับหายนะได้! มนุษยชาติคงไม่สามารถทาอันใดมันได้เลย”
ภัยธรรมชาติระดับอันตรายนั้นส่งผลกระทบกับพื้นที่เดียว ในขณะที่รัศมีของภัยธรรมชาติระดับหายนะนั้นอาจจะเป็นทั้งประเทศหรือทั้งกระทั่งทั้งอาณาจักรได้!
“ซ่า! ซ่า!”
“ซ่า! ซ่า!”
ทันใดนั้น เครื่องมือที่ก็ชี้ไปทางหมอกขาวแล้วก็ส่งเสียงดังเสียดหูขึ้นในสภาพแวดล้อมอันเงียบเชียบ
“ต้นหลิว? มันรู้แล้วว่าพวกเรากาลังตรวจสอบมัน ถอย!”
ฟางหยวนเก็บอุปกรณ์อย่างรวดเร็วและเป็นคนแรกที่วิ่งหนีออกไป
อย่างไรเสีย คาสั่งที่หน่วยนี้ได้รับก็คือดูแลความปลอดภัยของฟางหยวนด้วยชีวิตของพวกตน ถ้าฟางหยวนไม่หนีออกไปก่อน ก็ไม่มีคนใดในพวกเขาสามารถหนีออกไปได้ยกเว้นว่าจะต้องการหนีทหาร
“ถอย! ถอย!”
หัวหน้าหน่วยที่ข้างตัวเขาดึงปืนออกมา เสียงของเขาดูหวาดกลัวขณะพูด “ผมขอกาลังเสริมจากสานักงานใหญ่แล้ว พวกเขาจะมาถึงในไม่ช้า!”
“ตูม!”
ที่ใกล้ ๆ ริมพื้นที่หมอกสีขาว ถนนปูนระเบิดออกแล้วรอยแตกราวใยแมงมุมมากมายก็ก่อตัวขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น รอยแตกยังขยายออกไปเรื่อย ๆ ราวกับตะขาบสีดา รอยแตกพุ่งไปทิศทางที่ฟางหยวนและคนอื่น ๆ อยู่
“ตูม! ตูม! ตูม!”
พื้นดินยังคงระเบิดออกเรื่อย ๆ และเงาสีดาขนาดมหึมาก็ผุดขึ้นจากรอยแตก มันดูเหมือนแส้ยาวที่ตวัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง
“อึ้ก!”
ขณะที่พื้นที่สั่นสะเทือน ทหารหลายคนที่หลบไม่เร็วพอก็ถูกบดขยี้เป็นชิ้น ๆ
นอกจากนี้ ยังเหมือนกับว่าเงาสีดานั้นมีชีวิตเมื่อมันเอาแต่ลงมือไปทางทหารที่ยังเหลืออยู่
“รากของต้นหลิว? มันแผ่มาได้ถึงที่นี่เลยรึ? ไม่… ไม่มีทาง นี่เป็นแค่… ร่างกาฝาก!”
ดวงตาฟางหยวนเป็นประกายและเขาก็ตะโกน “ต้าหนิว! ไป!”
“ฮ่า!”
ร่างของเจ้าต้าหนิวขยายขึ้นและผิวหนังของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นสีเขียวเหมือนก้อนหิน เขายื่นแขนทั้งสองออกไปข้างหน้าแล้วคว้ามันเอาไว้
“พลั่ก!”
รากที่ราวกับแส้เหล็กกระแทกเข้ากับแขนของต้าหนิวเกิดเสียงทึบดังลั่นเหมือนกระทบเข้ากับบางอย่างที่แน่นหนัก
“ได้แล้ว!” เจ้าต้าหนิวคารามอย่างดีใจและจากนั้นเขาก็ดึงมันถอยหลังมาเรื่อย ๆ
“ครืน!”
พื้นนูนสูงขึ้นเกิดเป็นเนินขนาดใหญ่ และยังมีเสียงลั่นดังมาจากที่ด้านในราวกับมีสัตว์มีชีวิตสักตัวอยู่ในนั้น
รากฝอยที่ใกล้ ๆ ก็ราวกับถูกท้าทายไปด้วยและมันก็ปล่อยทหารคนอื่น ๆ ทันทีแล้วมุ่งมาที่เจ้าต้าหนิว
“พลั่ก! ผัวะ!”
ถึงแม้ว่ารากฝอยจะสามารถระเบิดพื้นและบดกระดูกได้ แต่มันก็ทาอะไรเจ้าต้าหนิวไม่ได้ เมื่อมันกระแทกเข้ากับร่างของเขา ผิวของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีขาวอยู่ครู่หนึ่งเท่านั้น ไม่มีรอยหรือว่าบาดแผลใด ๆ บนนั้น
“ฮ่าฮ่า… ออกมา!”
เจ้าต้าหนิวหัวเราะ เส้นเลือดบนแขนของเขาปูดนูนขึ้นเมื่อเขาถ่ายทอดพลังเข้าไป
“ปัง!”
พื้นที่นูนขึ้นระเบิดออกแล้วสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาดก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน
“จี๊ด จี๊ด! จี๊ด!”
สิ่งมีชีวิตนั้นดูคล้ายกับหนูสีขาวตัวยักษ์ที่เกือบจะใหญ่กว่าวัว ขนสีขาวหิมะของมันมีประกายสีเทาแฝงอยู่และยังมีรากฝอยจานวนมากงอกออกมาจากใต้ผิวของมัน มันน่าสะอิดสะเอียนและน่ากลัวจริง ๆ
“นี่… ทาไมมันถึงดูเหมือนมันเป็นปรสิตแบบหนึ่ง!”
ฟางหยวนลูบคาง “นอกจากรากฝอยเหล่านี้จะเป็นสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์… หรือว่าต้นหลิวมีสปอร์? ไม่… มันดูเหมือน… เกสรของต้นหลิว!”
“ศาสตราจารย์ฟาง ระวัง!”
มีน้าเสียงตื่นตระหนกดังออกมาจากอุปกรณ์สื่อสาร “นั่นเป็นร่างปรสิตกลายพันธุ์ของต้นหลิว! จากการตรวจสอบและวิจัยของพวกเรา มัน
น่าจะติดเชื้อจากดอกสีขาวของต้นหลิว… ตราบใดที่สิ่งมีชีวิตติดปรสิตชนิดนี้ มันก็จะกลายเป็นอาวุธชีวภาพที่น่ากลัวในทันที!”
“ใช่จริง ๆ ด้วย มันคือเกสรของหลิวนั่น!”
ในดวงตาฟางหยวน เกสรจานวนมหาศาลปกคลุมอยู่ทั้งร่างของหนูยักษ์ตัวนี้
นอกจากนี้ เกสรนี้ยังปกคลุมรากฝอยและดูราวกับเป็นหนอนแมลงคลานไปทางเจ้าต้าหนิว
“เผามัน!”
ทหารในหน่วยในที่สุดก็รู้สึกตัวขึ้น พวกเขาดึงเอาระเบิดเพลิงหลายลูกออกมาแล้วเริ่มเผารากพวกนั้น
“เผา!”
ภายใต้เปลวไฟที่ลุกโหม เกสรจานวนมหาศาลก็ติดไฟขึ้นพร้อม ๆ กัน รากบิดไปมาและกรีดร้อง รอยไหม้เป็นปื้นปรากฏขึ้นตลอดความยาวพร้อมกับของเหลวจานวนมากซึมออกมา
“ฉัวะ!”
หนูยักษ์สีขาวจู่ ๆ ก็หลุดออกมาจากรากฝอยของมันและพยายามมุมกลับลงไปในพื้นดินเมื่อเห็นว่าสถานการณ์นั้นไม่เป็นผลดีกับตัวมันเอง
“โจมตี!”
“ปุ! ปุ! ปุ! ปุ!”
แต่ว่า ในเวลาเดียวกัน ปืนนับสิบก็ลั่นไกและกระสุนก็กระแทกเข้ากับร่างของหนูในพริบตา บนร่างของมันปรากฏรูมากมายพรุนเป็นรังผึ้ง
“ตายไหม?”
ฟางหยวนเดินตรงเข้าไปช้า ๆ และคิด “โดยปกติแล้ว ปรสิตพวกนี้อย่างมากที่สุดก็เป็นการกลายพันธุ์ระดับมนุษย์และกว่าแปดส่วนก็ไม่สามารถประมือกับข้าได้ แต่ว่า หากต้องรับมือกับการกลายพันธุ์ระดับภูติผี ต่อให้ค่าสถานะของข้าไม่ถูกจากัด ก็ยังเป็นปัญหาในการรับมือกับพวกมันอยู่บ้าง!”
“ศาสตราจารย์ สิ่งมีชีวิตตัวนั้นอันตรายมาก! ต่อให้ร่างปรสิตของมันตายไปแล้ว ก็ยังมีจุลชีพที่เหมือนกันอีกจานวนมหาศาลอยู่ในร่างของมัน!”
ทหารคนหนึ่งรีบพุ่งเข้าไปหยุดฟางหยวนเอาไว้ทันที
“ไม่เป็นไร…”
ฟางหยวนดึงปากคีบอันหนึ่งออกมาเริ่มตรวจดูภายในแอ่งเลือดของหนูนั่น จากนั้นเขาก็คีบเกสรของต้นหลิวออกมา
มันเป็นเส้นบาง ๆ ราวกับเส้นผมและยังบิดตัวไปมาราวกับมีชีวิต
“เมื่อการติดเชื้อกระจายไป มันก็ยากที่จะจัดการกับมันมากกว่าจัดการกับต้นหลิว… แต่ว่า ดูเหมือนว่าจะมีข้อจากัดอยู่บ้าง…” ฟางหยวนมองหมอกสีขาวและเริ่มวิเคราะห์
“ศาสตราจารย์! กาลังเสริมมาถึงแล้วและพวกเขาต้องการพาพวกเรากลับไปทันที!”
เยี่ยอิงจื่อก้าวเข้ามา
“โอ้ ไปกันเถอะ!”
ฟางหยวนเก็บเกสรเส้นบาง ๆ ลงในหลอดทดลอง จากนั้นเขาก็หันไปมองด้านหนึ่งและมองไปที่จุดหนึ่งก่อนที่ในที่สุดจะหันหลังกลับแล้วกลับออกไป
หลังจากพวกเขากลับออกไปแล้ว หมอกสีขาวก็ม้วนตัวและในไม่ช้าก็สงบลง
บนดาดฟ้าสิ่งก่อสร้างที่ใกล้ ๆ บริเวณนั้น มีเงาสีดาหลายเงาปรากฏขึ้น “น่าเสียดาย… ถ้าพวกเขาเข้าไปลึกอีกนิดหนึ่ง ก็จะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสาหรับพวกเราแล้ว!”
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย ศาสตราจารย์ฟางหยวนนั้นเป็นนักวิจัยผู้กลายพันธุ์ที่สาคัญที่สุดของประเทศจีน เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะปล่อยให้เขาตกอยู่ในอันตราย!” ผู้หญิงที่ดูสง่างามคนหนึ่งที่ด้านข้างหัวเราะ
เธอมีรูปร่างงดงามและยังอยู่ในชุดหนังสีดาที่เผยส่วนโค้งส่วนเว้าอันน่าหลงใหลออกมา เธอมีผมสีบลอนด์ดวงตาสีฟ้าที่สาวงามในแบบตะวันตกในอุดมคติต้องมี จากนั้นเธอก็พูดต่อ “แทนที่จะแอบลงมือ ทาไมไม่ให้ฉันลองดูเสียหน่อยล่ะ… นักวิทยาศาสตร์ของประเทศจีน ฉันสนใจมาก!”
“นาริสซ่า เธอนี่มันแมงมุมแม่ม่ายดาจริง ๆ! ทาไมในหัวของเธอถึงเต็มไปด้วยเรื่องแบบนั้น… ที่พวกเราต้องการก็คือสมองของเขา ไม่ใช่ศพ!” หนุ่มผมบลอนด์ร่างสูงที่ข้างตัวเธอตอบ
นาริสซ่าผู้นี้เป็นผู้กลายพันธุ์รูปแบบที่ประหลาดมาก เธอสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายของเธอได้ด้วยการดูดซับพลังชีวิตของผู้ชาย และเธอเองก็ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในสหพันธ์อินทรีทองไปแล้ว
เมื่อพลังชีวิตของคนผู้หนึ่งถูกดูดซับออกไป มันก็ยากที่เขาจะอยู่รอดได้ต่อให้เป็นผู้วิวัฒน์ก็ตาม
ถ้าเพื่อนในหน่วยของเธอไม่รู้ว่าความสามารถของเธอคือการกินพลังชีวิตนั้นมีขีดจากัดคือต้องการทาผ่านวิธีอันจาเพาะ ก็คงไม่มีผู้ชายคนไหนยินดีอยู่ร่วมหน่วยกับเธอ
“ฉันรู้น่า!”
นาริสซ่าแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากหนาอวบอิ่มของตัวเอง ทาให้ผู้ชายที่อยู่ตรงนั้นรู้สึกว่าบางตาแหน่งบนร่างของตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
“เอาละ ภารกิจนี้ของพวกเรามีจุดมุ่งหมายสามข้อ ข้อแรกก็คือตรวจสอบความสามารถของต้นหลิวต้นนี้และประเมินความอันตรายของมัน! ข้อที่สองก็คือจับตามองความสามารถของผู้วิวัฒน์ในประเทศจีน! จุดมุ่งหมายข้อที่สามก็คือศาสตราจารย์ฟางหยวนผู้นี้!” หัวหน้าหน่วย
อธิบายอย่างช้า ๆ เมื่อหัวหน้าหน่วยจริงจังขึ้นมา กระทั่งนาริสซ่าก็ยังไม่กล้าโต้แย้ง
“นอกจากนี้… ช่วงนี้ พวกเรายังต้องการความช่วยเหลือจากขุมพลังอื่น!”
“วิ้ง! วิ้ง!”
ที่เหนือดาดฟ้า นกกระเรียนกระดาษสองตัวปรากฏขึ้น จากนั้นมันก็ระเบิดออกในทันทีและกลายเป็นคนสองคนที่นั่งคุกเข่าและโค้งตัวลง “คารวะสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน!”
ทั้งสองคนนี้ดูเป็นสาวสมัยโราณ พวกเขาพอกแป้งหนาบนใบหน้าและมีริมฝีปากสีแดงสด พวกเธอยังสวมเสื้อผ้าสีสันสดใสและบางเบา
“กระดาษชิกิงามิของญี่ปุ่น?”
นาริสซ่ายิ้มและพูด “จริงเสียด้วย กลุ่มคนพวกนี้ชอบปิดบังตัวเองและทาเรื่องต่าง ๆ ไม่ตรงไปตรงมา!”
“ในเมื่อร่างกายจริงของพวกเราไม่ได้อยู่แถวนั้น พวกเราจึงเพียงสามารถพบพวกท่านด้วยวิธีการเช่นนี้ ต้องขออภัยด้วย!”
ชิกิงามิทั้งสองนั้นแตะสามนิ้วลงกับพื้นแล้วโค้งตัวลงอีกครั้ง “แล้วก็… ฟางหยวนคือเป้าหมายหลักของพวกเราในครั้งนี้และพวกเราก็หวังว่าพวกท่านจะยินยอมให้กับความปรารถนาเล็กน้อยของพวกเรา พวกเราจะร่วมมือกับพวกท่านอย่างเต็มที่ในทุกทาง!”
“เป้าหมายของพวกคุณคือฟางหยวน?”
หัวหน้าหน่วยยิ้มอย่างเฉยชา “ไม่ว่านักวิทยาศาสตร์จะเก่งกาจเพียงใด แต่หากไม่มีอุปกรณ์ที่ดีที่สุดและเพื่อนร่วมวิจัย เขาก็ไม่นับเป็นอะไรได้… สหพันธ์อินทรีทองของพวกเรานั้นเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีล้ายุค! เป้าหมายหลักของพวกเราในครั้งนี้ยังรวมไปถึงเทพแห่งสายฟ้าด้วย! เขาเป็นผู้วิวัฒน์ระดับหายนะและคงไม่มัวเสียเวลาของตัวเองอยู่ที่นี่เป็นแน่… ความสามารถของเขาจะได้ใช้งานอย่างเต็มที่ที่สุดก็เมื่อเขามาอยู่กับพวกเราที่สหพันธ์อินทรีทอง!”
“เข้าใจแล้ว พวกเราจะช่วยเหลือพวกคุณอย่างเต็มที่!”
พอชิกิงามิทั้งสองพูด ร่างกายของพวกเธอก็เริ่มไหม้ขึ้นจากด้านล่างและกลายไปเป็นขี้เถ้าสองกองในครู่ถัดมา
“เป็นการใช้งานที่ประหลาดจัง… ดูเหมือนว่าผู้มีวิชาวิเศษที่ทวีปกลางและทวีปตะวันออกนั้นก็น่าสนใจอยู่เหมือนกัน…”
ผู้วิวัฒน์คนหนึ่งเดินออกไปดูที่กองเถ้าบนพื้น ดวงตาของเขาจู่ ๆ ก็เปล่งประกายกระหายเลือดออกมาขณะพูด “ฉันสงสัยว่าเลือดของพวกเขาจะมีรสชาติแบบไหน…”
“แจ็กซ์! มันต้องมีโอกาสสิ!”
เสียงของหัวหน้าหน่วยนั้นช่างมั่นคงและเต็มไปด้วยหนักแน่นเหมือนหินแกรนิตเก่าแก่ “ในโลกนี้ มีแค่พลังที่ทาลายทุกอย่างได้!”
…
บรรยากาศในห้องประชุมในฐานทัพใหญ่นั้นทั้งตึงเครียดและเคร่งขรึม
การนาเสนอและผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลที่แสดงอยู่นั้นสะท้อนความสิ้นหวังของพวกเขา
“โดยสรุปแล้ว… พวกเราสามารถระบุได้ว่าต้นหลิวปิศาจนี่นั้นอยู่ที่ระดับบนของระดับอันตราย! และยังมีความเป็นไปได้ที่มันอาจจะขยับสู่ระดับหายนะได้ในอนาคต!”
ฟางหยวนเก็บปากกาแสงที่ใช้ในการนาเสนอลงไปแล้วพูดต่อ “เกี่ยวกับวิธีการสู้กับมันที่ใช้ได้ผล… ศาสตราจารย์เฉิน!”
“อะแฮ่ม…”
ศาตราจารย์ชรากระแอมหลายครั้งและเริ่มนาเสนอ “ผมได้สร้างแบบจาลองชีวิตของมันขึ้นมาแล้ว ตามที่ระบุ กระทั่งจรวดนาวิถีก็อาจจะทาได้อย่างมากที่สุดก็ทาให้มันบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถกาจัดมันไปได้อย่างสมบูรณ์ มันต้องจับคู่เข้ากับระเบิดนาปาล์ม… แต่ว่า มลพิษที่จะเกิดขึ้นนั้นไม่สามารถประเมินได้…”
“ดังนั้น วิธีการที่ดีที่สุดในการทาลายมันน่าจะเป็นการส่งทหารกลุ่มหนึ่งเข้าไปวางระเบิดและระเบิดนาปาล์มจานวนมากที่ใจกลางของต้นหลิวนั่น วิธีการนี้จะสามารถทาลายต้นไม้และยังปกป้องทั้งเมืองเอาไว้ได้!”
สีหน้าของอู๋เถี่ยเปลี่ยนไปขณะถาม “เทพแห่งสายฟ้าจะมาถึงเมื่อไหร่?”
“คืนนี้!”
“ดูเหมือนว่า… นี่จะเป็นวิธีการเดียวที่เรามีเท่านั้น?”
ใบหน้าของอู๋เถี่ยเผือดซีดลงราวกับเขามีอายุเพิ่มขึ้นอีกสิบปี จากนั้นเขาก็พึมพาบอกเลิกการประชุม
“ผมต้องเตรียมการวิจัยอย่างละเอียด อย่าให้ใครเข้ามารบกวนผม!”
ฟางหยวนร้องขอห้องทดลองเป็นข้ออ้างให้เทพแห่งสายฟ้าปรากฏขึ้นในภายหลัง
ตราบใดที่เขาได้รับความร่วมมือจากเยี่ยอิงจื่อและเจ้าต้าหนิว เขาก็ยังสามารถเล่นละครบนนี้ต่อไปได้
TL note: ชิกิงามิ: เป็นเวทย์อัญเชิญแบบหนึ่งที่องเมียวจิในตานานของญี่ปุ่นใช้ในการต่อสู้ มักสร้างขึ้นจากกระดาษหรือเครื่องรางชิ้นเล็ก ๆ ที่อัญเชิญดวงวิญญาณเข้าไปสถิตเอาไว้ก่อนจะเรียกใช้
ระเบิดนาปาล์ม: Napalm เป็นระเบิดที่เกิดจากการทาปฏิกริยาเคมี ให้ความร้อนสูงมากและแผ่เป็นวงกว้าง