415: แทรกซึม
เรียบร้อยแล้ว!”
ฟางหยวนสวมชุดสีดาและมองเยี่ยอิงจื่อกับเจ้าต้าหนิว
มีแค่สองคนนี้ที่รู้ตัวจริงของเทพแห่งสายฟ้า
“ตามแผนการแล้ว ฉันจะทาลายต้นหลิวและพวกนายทั้งคู่ก็อยู่ที่นี่เป็นพยานให้ฉัน!”
“ครืน!”
ขณะพูด เขาก็เริ่มขยายตัวสูงขึ้นและเครื่องหน้าเริ่มเปลี่ยนไป ตอนนี้เขามีคิ้วคมเฉียงและมีจอนสีเทาสองข้างใบหน้า
หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง เขาเปลี่ยนจากนักวิทยาศาสตร์หนุ่มไปเป็นชายวัยกลางคนรูปงามคนหนึ่ง
“เข้าใจแล้วค่ะ!”
เยี่ยอิงจื่อรับคาแต่ว่าใบหน้าก็มีสีหน้าซับซ้อน
ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ได้เห็นฟางหยวนทาเช่นนี้ นางก็ยังคงตกตะลึงอยู่ดี
“ฝุบ!”
ฟางหยวนหายไปในสายลมพร้อมกับรอยยิ้ม
…
ที่ด้านนอกค่าย ในป่าลึก
“หัวหน้าของพวกเรายังมาไม่ถึงที่นี่อีกหรือ?”
ชายหนุ่มผมย้อมเป็นสีเหลืองสวมต่างหูท่าทางทะเล้นคนหนึ่งบ่นขึ้น
“ไฟกัลป์ นายกล้าพูดอย่างนั้นได้ยังไง…”
ตรงหน้าเขาเป็นสาวงามอายุราวสามสิบปีที่แผ่รัศมีอันเย้ายวนอย่างลึกลับออกมา
“หงเจี่ยเจีย พวกเราแค่พูดเล่นเท่านั้นเอง!”
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า ‘ไฟกัลป์’ ดูจะหวาดเกรงผู้หญิงคนนี้ขณะพยายามหาข้ออ้างให้กับสิ่งที่ตนเองพูดก่อนหน้านี้
“ดูเหล่ากั๋วสิ เขาอดทนกว่านายอีก!”
หงเจี่ยเจียพับขาลงนั่ง มองไปทางกั๋วจิงที่พลิกของวิเศษชิ้นหนึ่งในมือไปมาอยู่ “ฉันพูดถูกไหม?”
“เหอเหอ… หง เธอล้อฉันเล่นแล้ว!”
กั๋วจิงลุกขึ้นยืนแล้วสะบัดแขนขา “ฉันแกแล้วและก็เทียบกับพวกหนุ่มสาวอย่างพวกเธอไม่ได้หรอก!”
“วิชาเต๋าของคุณยังทาให้หัวหน้าของพวกเราอึ้งได้เลย คุณยังเป็นคนที่เขาเชิญเข้าหน่วยด้วยตัวเองด้วย แล้วคุณจะมีกลเม็ดแค่สองสามอย่างนั้นได้อย่างไร?”
ไฟกัลป์กลอกตา
พูดถึงเรื่องนี้แล้วกั๋วจิงก็รู้สึกหดหู่
เขาคิดถึงหน้าที่การงานในตอนแรกของเขาและยังแฝงตัวอยู่ในเมืองได้เป็นอย่างดี แต่ว่าวันหนึ่ง กลับมีเจ้าหน้าที่รัฐบาลมาเคาะประตูบ้านเขา
เขาไม่คิดจะสังหารเจ้าหน้าที่คนนั้นแล้วตั้งตนเป็นอริกับทั้งรัฐบาลเลยได้แต่ปล่อยให้พวกเขานาตนเองเข้าสู่หน่วยนี้
หลังจากถูกพาเข้ามาอยู่หน่วยมังกรอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จากนั้นเขาก็ได้รู้ว่าเป็นความตั้งใจของเทพแห่งสายฟ้าที่เลือกเขาเข้ามาและดังนั้นเขาจึงทาได้แค่ปล่อยให้มันเป็นไป
“หยุดคุยเรื่องฉันได้แล้ว…”
กั๋วจิงมองไฟกัลป์และหงเจี่ยเจียขณะดวงตาเป็นประกายขึ้น “ถึงแม้พวกเธอจะมีความสามารถพิเศษและแข็งแกร่งขึ้นหลังจากปรากฏการณ์ครั้งที่สอง วิธีการที่พวกเธอใช้ความสามารถพิเศษนั้นทาให้พรสวรรค์ตามธรรมชาติของพวกเธอสูญเปล่า… มาเป็นศิษย์ของฉันไหมล่ะ? เมื่อคิดถึงพื้นฐานและสมรรถภาพของพวกเธอ พวกเธอทั้งคู่มีโอกาสที่จะบรรลุสู่ระดับสูงที่สุดในตาราเต๋าเลยนะ!”
“น่าเบื่อน่า!”
ไฟกัลป์กลอกตา “ถ้าไปเป็นศิษย์คุณนะ ผมก็จะต้องนั่งมองรูปปั้นขี้เหร่ทั้งวันทั้งคืน ผมขี้เกียจเกินกว่าจะไปโรงเรียนด้วยซ้า คุณว่าผมจะเข้าร่วมกับคุณไหมล่ะ?”
“ถ้าอย่างนั้นทาไมไม่คิดถึงสหพันธ์อินทรีทองที่ทางตะวันตกล่ะ? กระบวนการเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายของพวกเขามันง่ายมากเลยนะ ทั้งหมดที่พวกเขาต้องทาก็คือกินยากับฉีดยา สะดวกมาก!”
ในเวลาเดียวกัน หงเจี่ยเจียก็ดึงตลับแป้งออกมาตบแป้งเพิ่ม
“เฮ่ย… ประทับจื่อชิงนี่เป็นมรดกล้าค่าหายาก ผู้มีวิชาตั้งมากไม่เคยมีกระทั่งโอกาสได้เห็น อย่าว่าแต่โอกาสที่จะเรียนรู้เลย…”
กั๋วจิงเผยใบหน้าเสียดายออกมา “กระทั่งหัวหน้าของพวกเราก็ยังขอดูวิชาของฉันและยังทาการวิเคราะห์…”
“ก็นั่นคือหัวหน้า ไม่ใช่พวกเรา!”
หงเจี่ยเจียยิ้ม “หัวหน้าเป็นอัจฉริยะ นอกจากนี้ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่เคยถูกบังคับให้ลองเรียนรู้วิชาเต๋าหรอกหรือ? ก็ยืนยันกันแล้วว่าไม่ใช่ผู้วิวัฒน์ทุกคนจะมีความสามารถในการฝึกวิชาเต๋า… ที่ดีที่สุดยังคงเป็นการทาตามสภาพร่างกายของตัวเองและปลุกความสามารถพิเศษที่เข้ากับตัวเองที่สุด นี่เป็นสิ่งที่ศาสตราจารย์ฟางพูดเอาไว้”
“เฮ่ย… เอ๋?”
กั๋วจิงถอนหายใจก่อนที่คิ้วจะขมวดและเรียกธงข่ายมนต์ซึ่งเป็นของเขาขึ้นมา “ข่ายมนต์ของฉันร้องเตือน หัวหน้าของพวกเราน่าจะมาถึงแล้ว!”
“ซี่!”
สายฟ้าเส้นหนึ่งตวัดลงมา ฟางหยวนในรูปลักษณ์ชายวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้น
“หัวหน้า!”
เห็นหัวหน้าของพวกตนมาถึงแล้ว กระทั่งเด็กหนุ่มท่าทางพยศก็ไม่กล้าแสดงความไม่เคารพออกมาและทักทายฟางหยวนอย่างเหมาะสม
เขาทาได้แค่แสดงความนอบน้อมออกไปให้มากเพราะว่าครั้งหนึ่งเคยถูกฟางหยวนสั่งสอนแล้ว
รหัสไฟกัลป์และหงเจี่ยเจียนั้นเป็นผู้ที่ก่อปัญหาให้กระทั่งกับซีเหมินเจียน เขาจึงส่งตัวทั้งสองคนนี้ให้ฟางหยวน
“อืม มีพวกเราอยู่ที่นี่แค่สี่คน พวกเราต้องทาภารกิจนี้ให้สาเร็จ!”
ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกายอย่างตื่นเต้น
เขารู้ว่าเขาต้องไปที่ต้นหลิวให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ถึงแม้ว่าทุกคนจะนับเขาเป็นผู้วิวัฒน์ระดับหายนะ แต่เขารู้ตัวเองดีที่สุดและรู้ว่าเขานั้นอย่างมากก็อยู่ที่ระดับภูติผีหรือระดับอันตรายเท่านั้น
ก่อนหน้านี้เขาปลดปล่อยพลังถึงเพียงนั้นได้ก็เพราะว่าการเผชิญหน้าครั้งนั้นเขาใช้ประโยชน์จากหยาดพลังที่เข้มข้นมากและเปลี่ยนมันไปเป็นคาถาเวทย์
‘ดังนั้น… หากกั๋วจิงบรรลุการฝึกตนระดับสูงที่สุดของประทับจื่อชิง เขาก็อาจจะรู้ได้ไม่มากก็น้อยว่าข้าไม่ใช่ผู้วิวัฒน์ แต่ว่าแค่รู้วิชาธาตุสายฟ้าเท่านั้น!’
ฟางหยวนหัวเราะกับตัวเอง
ไม่ว่าพลังจะมาจากที่ใด หากเขาสามารถใช้มันได้ มันก็นับว่าเป็นของเขา!
‘ต้นหลิวนี่ร้ายกาจมาก ไม่เพียงแค่มันเก็บหยาดพลังเอาไว้มหาศาล มันยังวางตัวอยู่บนชีพจรพลัง… ถ้าเป็นที่โลกต้าเฉียน มันย่อมต้องกลายไปเป็นถ้ามิติได้แน่นอน… ถ้าข้าสามารถดูดซับมันได้ทั้งหมด ข้าก็จะสามารถพัฒนาไปได้อีกหลายระดับในครั้งเดียว!’
นี่เป็นสิ่งที่เป็นไปได้เฉพาะกับฟางหยวนเพราะว่าเขามีความสามารถค่าสถานะคงที่ ดังนั้น เขาจึงสามารถดูดซับพลังและพัฒนาระดับการฝึกตนของตัวเองได้โดยง่าย
หากผู้อาวุโสจี๋อินมีความสามารถเช่นนี้ นางย่อมต้องครอบครองทั้งโลกนี้ได้และไม่จบลงที่การถูกระเบิดสังหารอย่างแน่นอน
“มีคุณอยู่ที่นี่พวกเราก็ไม่กังวลอะไรแล้วหัวหน้า!”
ไฟกัลป์พูดเสียงดัง
“ในการปฏิบัติการครั้งนี้ พวกเราจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม หลังจากไปพบกับพวกเจ้าหน้าที่ที่ฐาน พวกคุณก็เอาระเบิดติดตัวไป ส่วนผมจะรับมือกับพวกคนที่คอยจับตาดูอยู่!”
น้าเสียงเย็นเยียบของฟางหยวนนั้นแฝงความกระหายเลือดเอาไว้แล้วไฟกัลป์ก็ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
…
“สวัสดีทุกท่าน!”
ภายในค่าย
สมาชิกทั้งสี่ของหน่วยมังกรเผยตัวเองออกมา แล้วทั้งกลุ่มก็ได้รับคาเชิญจากอู๋เถี่ย
หลังจากยืนยันตัวตนของพวกเขาแล้วอู๋เถี่ยก็ถอนหายใจโล่งอก “อนาคตของเมืองชางไห่อยู่ในมือพวกคุณแล้ว!”
“ไม่ต้องห่วง พวกเราจะทาภารกิจนี้ให้สาเร็จ!”
ฟางหยวนหัวเราะแล้วตามอู๋เถี่ยกลับเข้าไปในค่าย
“นี่เป็นพิษผสมที่พัฒนาขึ้นโดยศาสตราจารย์ฟางกับผม มันน่าจะใช้การได้!”
ศาสตราจารย์เฉินเดินออกมาแล้วนาพวกเขาไปที่ห้องเก็บของขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
“แล้วก็ พวกเราทาระเบิดชนิดพิเศษและระเบิดนาปาล์มเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พวกคุณเอาไปด้วยได้เลย!”
“ดีมาก เตรียมยานพาหนะให้พวกเราด้วยแล้วพวกเราจะเริ่มลงมือเลย!”
ฟางหยวนตัดสินใจเด็ดขาด
“ครืน!”
ไม่นานหลังจากนั้น รถหลายคันก็ขับไปตามถนนเป็นแถว มุ่งตรงเข้าไปในหมอกที่ปกคลุมเมืองชางไห่
เมื่อหมอกหนาแน่นขึ้น การมองเห็นก็เริ่มแย่ลง
มีเสียงประหลาดดังออกมาจากรอบด้าน
“พวกคุณน่าจะรู้อยู่แล้วว่าสวนสาธารณะที่ต้นหลิวอยู่นั้นอยู่ตรงไหน… คราวนี้มีภารกิจแค่อย่างเดียวเท่านั้น ก็คือเอาระเบิดเข้าไปวางในเขตสวนสาธารณะให้ได้อย่างปลอดภัย!”
เจตจานงเวทย์ของฟางหยวนสั่นและพอสายฟ้าตวัดผ่าน เขาก็หายตัวไป
…
ในฐานแห่งหนึ่งที่ด้านนอกเมือง
ตรงจุดที่หน่วยมังกรเคยอยู่ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินไปที่โต๊ะแล้วหยิบแก้วใช้แล้วใบหนึ่งขึ้นมา
“แกกาลังจะทาอะไร?”
ทันใดนั้น ในกระโจมก็สว่างขึ้นแล้วอู๋เถี่ยวก็ยืนอยู่ที่ทางเข้าด้วยสีหน้าเข้มงวด “นี่เป็นของที่หน่วยมังกรใช้ แกคิดจะเก็บตัวอย่างทางชีวภาพของพวกเขาใช่ไหม?”
“เหอเหอ… น่าเบื่อชะมัด ทาไมฉันถึงถูกพบตัวเร็วขนาดนี้เนี่ย!”
เจ้าหน้าที่คนนั้นหัวเราะ เสียงกระดิ่งดังมาและทุกคนที่ได้ยินก็รู้สึกหวาดผวา
“ฉันเคยบอกไปแล้ว… พวกเราน่าจะโจมตีพวกเขาตรง ๆ เพื่อฉวยโอกาสที่ดีที่สุด… ตอนนี้กระทั่งเทพสายฟ้าก็ถูกกักเอาไว้ในหมอกแล้ว ทั้งฐานก็เต็มไปด้วยนักวิทยาศาสตร์ที่มีค่าพอให้จับตัวไว้!”
ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ยิ้มแล้วเปลี่ยนไปเป็นกระดาษบาง ๆ แผ่นหนึ่งที่เริ่มลุกไหม้ขึ้น
“ครืน!”
ที่ด้านนอก มีการระเบิดครั้งใหญ่ดังมาและยังมีเสียงกรีดร้อง “เรียกตารวจ! ฐานถูกบุกรุก!”
“เริ่มสงครามได้!”
อู๋เถี่ยแค่นเสียง “เรียกหน่วยมังกรกลับแล้วปกป้องนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ไว้ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!”
“รายงาน!”
ผู้ส่งข่าวคนหนึ่งตะโกนเข้ามาในโทรศัพท์และหลังจากนั้นครู่เดียวเขาก็หน้าซีด “การสื่อสารของพวกเรา… ถูกตัด!”
“พรึ่บ! พรึ่บ!”
มีเสียงกระพือปีกดังไปทั่วทุกแห่ง เมฆสีดาก้อนหนึ่งลอยอยู่เหนือค่ายและปกคลุมทั้งท้องฟ้าเอาไว้
ค้างคาวบินลงมาจากฟ้าแล้วก่อตัวเป็นรูปร่างของนาริสซ่า เหมือนนางแบบที่บนแคทวอล์ก ค้างคาวสีแดงตัวหนึ่งลงมาเกาะที่มือของเธอ “เหอเหอ… มีคนน้อยเพียงนี้เลย? ดูเหมือนจะน้อยเกินไป!”
“ผู้วิวัฒน์จากสหพันธ์อินทรีทอง?”
อู๋เถี่ยร้องออกมา แล้วร่างของเขาก็มีประกายสีทองปกคลุมราวกับกาลังจะเปลี่ยนร่างไปเป็นมนุษย์โลหะ
“ปัง! ปัง!”
จากนั้นก็มีเสียงปืนลั่นออกมานับไม่ถ้วนและเพียงแค่ครู่สั้น ๆ ก็ปรากฏรูเลือดอยู่บนร่างของนาริสซ่าเต็มไปหมด
“กระสุนปืน? น่าราคาญ!”
เธอยิ้มแล้วแสงสีแดงก็ปรากฏขึ้นบนร่างแล้วบาดแผลของเธอก็หายไปอย่างรวดเร็ว กระสุนนัดสุดท้ายถูกดันออกมาจากร่างกายของเธอ ผิวและประกายอันสมบูรณ์แบบของเธอคืนกลับมา
“การฟื้นฟูด้วยความเร็วสุดยอด?”
เปลือกตาอู๋เถี่ยกระตุก “ระดับอันตราย? อย่าหยุดยิง! ต่อให้เธอฟื้นฟูตัวเองได้ มันก็ต้องมีขีดจากัดที่เธอจะสามารถควบคุมได้อย่างแน่นอน!”
“ถูกต้อง… ถ้าพวกแกยิงฉันอีกสักหลาย ๆ ครั้งฉันก็คงไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองต่อได้แหละ!”
นาริสซ่าแลบลิ้นออกมาแล้วร่างของเธอก็ระเบิดออกเป็นค้างคาวจานวนนับไม่ถ้วนแล้วเริ่มกระจายตัวออกไป
“อ๊าก!”
มีเสียงกรีดร้องเมื่อทหารจานวนมากถูกค้างคาวกัดคอแล้วถูกสูบเลือดออกไปจนแห้ง
“นาริสซ่า เธอจะดูดเลือดพวกเขาไปทาไม? ยังไงพลังการฟื้นฟูของเธอมันก็ไม่เพิ่มไปกว่านี้แล้ว…”
เงาร่างที่ดูปุกปุยบุกเข้ามาในค่ายและเปลี่ยนไปเป็นมนุษย์หมาป่าตัวสูงกว่าสามเมตร ขนบนร่างของเขานั้นหนาจนกระสุนธรรมดาทาได้แค่ก่อประกายไฟเล็ก ๆ เมื่อถูกยิงเข้าใส่
มนุษย์หมาป่าหอนออกมาอย่างไม่พอใจ
“เหอเหอ… ถึงอย่างไร ฉันก็ไม่ปล่อยให้แกได้พวกเขาไปหรอก!”
เสียงของนาริสซ่าดังออกมาจากค้างคาวทุกตัวที่อยู่รอบ ๆ
“พวกแก… พวกแกทาอย่างนี้ไม่กลัวก่อสงครามขึ้นเหรอ?”
อู๋เถี่ยคว้าค้างคาวตัวหนึ่งกาไว้แน่นในมือ บดขยี้มันเป็นกองเลือดเนื้อหย่อมหนึ่ง
“ถึงพวกแกจะรู้ว่าพวกเราเป็นสายลับของสหพันธ์ สหพันธ์ก็ไม่มีทางยอมรับการมีอยู่ของพวกเรา…”
มนุษย์หมาป่าหอนและปรากฏท่าทางบ้าคลั่ง “นักวิทยาศาสตร์พวกนั้นอยู่ที่ไหน?!”