Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 424

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 424

424: ผู้ดัดโลหะ
“บ้า! นายมันบ้าไปแล้ว!”
ลูซี่ขึ้นรถไป ซีริลติดเครื่องยนต์สีหน้าว่างเปล่าแล้วเริ่มขับรถไปทางที่ตั้งของตระกูลรอธ เขาดูราวกับกาลังจะพังทลายลงไปแล้ว
“หนึ่งคนต่อกรกับตระกูลรอธเนี่ยนะ? ไม่มีใครที่จิตใจปกติคิดทาหรอก!”
“ก็ไม่แน่…”
ฟางหยวนดูใจเย็น แต่ก็ตื่นตัวมาก เขากวาดตามองถนนไปเรื่อย ๆ
ถ้าเขาคาดเดาไม่ผิด ซีริลนั้นคงไม่ได้มาคนเดียว มีสายลับอยู่ทุกมุม พวกเขาต้องเตรียมรับมือกับการโจมตีในทุกเมื่อ
“ยอมแพ้เถอะ! ถ้าพวกเรากลับตัวตอนนี้ พวกเราก็ยังสามารถรอดพ้นจากความเกรี้ยวกราดของสหพันธ์กับสมาคมคนชุดดาได้!”
ลูซี่พยายามอย่างที่สุดที่จะโน้มน้าวฟางหยวนเป็นครั้งสุดท้าย
“เป็นพวกเขาต่างหากที่ต้องกังวล!”
ฟางหยวนมองออกจากหน้าต่างไป รถยนต์สีดาเร่งความเร็วและมาถึงที่ชานเมืองไอวี่
ที่นี่คือที่ที่สามารถพบคฤหาสน์หลังใหญ่ ๆ ส่วนใหญ่ได้ แทบทุกหลังในบริเวณนี้ล้วนเป็นอาคารรูปทรงปราสาทสร้างอยู่บนผืนดินกว้างขวาง
กาแพงรอบ ๆ ปลูกไม้เลื้อยสีเขียวคลุมเอาไว้ทาให้รู้สึกคล้ายเป็นปราสาทยุคกลาง
“วี้หว่อ! วี้หว่อ!”
แค่ไม่นานก็มีเสียงสัญญาณบาดหูดังมาล่วงหน้าก่อนที่จะมีรถตารวจหลายคันตามหลังมา
มีเสียงนกหวีดดังมา
“รถที่ข้างหน้าจงฟัง! ขยับรถเข้าข้างทางเดี๋ยวนี้เพื่อให้เราทาการตรวจสอบ!”
จุดสีสว่างปรากฏขึ้นบนท้องฟ้ายามกลางคืน เป็นเฮลิคอปเตอร์ของตรวจ
“โอ๊ย! บ้าชะมัด… ทาไมตารวจของสหพันธ์ถึงรู้ตัวเร็วขนาดนี้!”
ลูซี่โมโห
“ฉันยังไม่ได้ทาร้ายคนธรรมดาเลยนะ!”
“เอาเถอะ… พวกเขาไม่ใช่คนที่อยากจะทาร้ายพวกเราหรอก!”
ฟางหยวนยักไหล่และแอบมองปราสาททรงยุโรปที่อยู่ไกล ๆ มันตั้งอยู่บนผืนดินที่ดูดีทีเดียว
“นั่นคือปราสาทรอธใช่ไหม? คลังสมบัติของอีริก?”
“ครับ… ท่าน! ตัวอีริกเองก็อยู่ที่นั่นด้วย!”
ซีริลขับรถอย่างแน่วแน่และตอบคาถามฟางหยวนด้วยน้าเสียงเรียบ ๆ
“โอ้… จะบอกว่าเขามั่นใจในตัวเองมาก หรือว่าโง่เง่ามากดี?”
ฟางหยวนยกมุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย
“พื้นที่ส่วนบุคคล ห้ามเข้า!”
ถึงตอนนี้ รถก็ไม่ได้สนใจป้ายเตือนนั่นและเร่งกาลังเต็มที่พุ่งเข้าไปในอาณาเขตของรอธ
“ควับ!”
แสงสว่างแสบตาส่องออกมาจากปราสาทและพุ่งขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็วทิ้งหางเป็นประกายยาวไว้เบื้องหลัง วิถีการโคจรดูจะถูกตั้งค่าเอาไว้ล่วงหน้า
“บ้าชะมัด! นั่น RPG!!”
ลูซี่กลั้นเสียงร้องเอาไว้ไม่ได้
“เหลย… พวกเรากาลังจะตายก็เพราะนายเลยนะ!”
“มันเป็นแค่บาซูก้าน่า!”
ฟางหยวนคว้าตัวเธอเอาไว้แล้วพุ่งออกจากรถ
“ตูม!”
วินาทีต่อมา ก็ปรากฏดอกไม้ไฟดอกใหญ่ขึ้นที่ด้านหลังเขา แรงระเบิดยังส่งไปถึงกระจกกันลมที่รอบรถตารวจให้แตกกระจาย
“ผู้ต้องสงสัยที่ด้านหน้านั่น! นั่งลงไป วางมือไว้หลังศีรษะ เดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นเราจะยิง!”
ตารวจของสหพันธ์รูปร่างท้วมกลุ่มหนึ่งตะโกนและยกปืนพกขึ้นเล็งมาทางพวกเขา
“นายจะไม่ทาร้ายคนธรรมดา?”
ลูซี่มองฟางหยวน
“ถ้าพวกเขาไม่ทาให้ฉันอารมณ์เสียก่อนน่ะนะ… น่าเสียดาย…”
ฟางหยวนยักไหล่และสะบัดมือขวาออกไป
“ปัง!”
พื้นดินแผ่นหนาราวกับกาแพงยกตัวสูงขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปหาพวกตารวจ
“ปัง! ปัง!”
เสียงปืนดังรัวแต่พวกเขาก็ไม่มีปัญญารับมือกับการโจมตีอันรุนแรงกว่ามากนี้ได้
พื้นดินแผ่นนั้นหล่นทับพวกเขา ก่อให้เกิดเสียงกรีดร้องราวกับถูกฝังทั้งเป็น
“พลังจิต… ทาอย่างนี้ได้ด้วยเหรอ?”
ลูซี่กลัวแทบตายเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
ทันใดนั้นเธอก็หลุดออกจากภวังค์
“เดี๋ยวนะ… ทาไมนายต้องช่วยฉันไว้ด้วย? นายกล้าขนาดปรากฏตัวต่อหน้าตารวจ พระเจ้า… ฉันไม่อยากโดยหมายจับนะ!”
“เธอไม่มีทางเลือกน่า!”
ฟางหยวนหัวเราะคิก
“ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ต้องคิดว่าสมาคมพิราบขาวของเธอเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับฉันอยู่แล้ว! โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ฉันเข้ามาในเขตปราสาทพร้อมกับผู้ที่มีความสามารถในการสะกดจิต…”
“ร้ายกาจ!”
ลูซี่จ้องหน้าเขา
“นายมันเป็นปิศาจจากทวีปกลาง!”
“ขอบคุณที่ชมนะ ฉันก็คงต้องยอมรับเอาไว้แม้จะไม่ชอบนัก!”
ที่หน้าปราสาท ฟางหยวนโบกมือ ประตูเหล็กบานใหญ่ทั้งสองบานหลุดออกจากบานพับและปลิวออกจากปราสาทไป ระหว่างนั้นก็ก่อให้เกินฝุ่นฟุ้งตลบขึ้น
“ก็แค่งานศิลปะชิ้นหนึ่ง… ไม่เห็นต้องทาขนาดนี้…”
ลูซี่อึ้งไป
“นายกาลังขัดแย้งกับคาสั่งของสหพันธ์นะ! ไม่… คาสั่งของทั้งโลก! ทาไมนายถึงทาอย่างนี้?”
“บางที… อาจจะเพราะว่ามันทาให้ฉันมีความสุข!”
ฟางหยวนเดินเข้าไปในอาณาเขตและทันใดนั้นก็พบหน่วยผู้คุ้มกันที่ดูได้รับการฝึกฝนกาลังวิ่งออกมารับมือกับเขา พวกเขาล้วนมีระดับสูงกว่า
ทหารระดับสูงและยังเป็นผู้วิวัฒน์กันทั้งหมด พวกเขายังแบกปืนกลมาด้วยแล้วเริ่มสาดกระสุนใส่ฟางหยวนและลูซี่
“ตั้กตั้กตั้กตั้กตั้ก!”
“ตั้กตั้กตั้กตั้กตั้ก!”
ความหนาแน่นของกระสุนทาให้มันดูเป็นไปไม่ได้ที่เป้าหมายจะหลบหนีนอกเสียจากว่าจะมีความสามารถในการเคลื่อนย้ายระยะไกล
ลูซี่จู่ ๆ ก็เห็นฟางหยวนผลักมือทั้งสองของเขาไปด้านหน้ากลางอากาศและทันใดนั้นก็มีโล่น้าโปร่งใสก่อตัวขึ้น
กระสุนสีทองแดงนับพันนัดกระทบเข้ากับโล่แต่ก็ทาได้แค่ทาให้โล่กระเพื่อมเล็กน้อย กระสุนถูกจับเอาไว้ในโล่เหมือนแมลงในตาข่ายและมันก็ลอยอยู่กลางอากาศอย่างน่าประหลาด
“กลับไป!”
ฟางหยวนพลิกกระสุนหนึ่งนัดเล็งไปที่ผู้คุ้มกันคนหนึ่ง
“ตูม!”
ผู้คุ้มกันคนนั้นล้มลงกับพื้น หน้าอกของเขาระเบิดออกเป็นหมอกสีแดง
“ตูม! ตูม!”
กระสุนมากมายถูกยิงกลับไปและยังมีความเร็วยิ่งกว่าตอนที่พวกมันหลุดออกมาจากปากกระบอกปืนเสียอีก ต้องเกิดการนองเลือดขึ้นแน่นอน
ลึกเข้าไปในปราสาท ในห้องนิรภัยห้องหนึ่ง ภาพเหตุการณ์นองเลือดถูกฉายขึ้นบนหลายหน้าจอ
“ตึ้ง!”
“บัดซบ”
ชายชราผมสีเงินคนหนึ่งกระแทกกาปั้นลงกับโต๊ะทางานของตน
เขาดูค่อนข้างสิ้นหวัง
อย่างไรเสีย เขาก็คิดว่าเงื่อนไขที่เขาเสนอไปนั้นยิ่งกว่าสมเหตุสมผล อันที่จริงเขายินดีประนีประนอมมากกว่านี้ด้วยซ้า เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะแสดงความบ้าคลั่งและยังถึงกับปฏิเสธการเจรจาทั้งหมด
“เขาคิดว่าตระกูลรอธนั้นไร้อานาจต่อรองหรืออย่างไร…”
ชายชราพึมพาพลางจุดบุหรี่ ใบหน้าของเขาดูทะมึนและจู่ ๆ ก็ตัดสินใจได้
“นี่คือการท้าทาย! เป็นการประกาศสงครามกับตระกูลรอธ พวกเราจะรับมือกับสงครามครั้งนี้ด้วยทุกอย่างที่พวกเรามี! ฉันสาบานด้วยเกียรติของตระกูลรอธ! วิลเลี่ยม!”
“นายท่าน!”
ผู้วิวัฒน์ที่ดูร่าเริงคนหนึ่งก้าวออกมาจากด้านหลังชายชรา
“จัดการเขาให้ฉัน!”
“ความปรารถนาของคุณคือประกาศิต แต่ว่าผมไม่คิดว่าผมจะสามารถรับมือกับเขาได้ด้วยตัวคนเดียว ผมเพียงสามารถป้องกันเอาไว้จนกว่าสิงโตทองบาร์ตันจะมาถึง แล้วก็… ยังมีเรื่องความปลอดภัยของนายท่านอีก!”
“แกไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น!”
อีริกยิ้มแสยะ
“ไม่มีใครทาร้ายฉันได้ที่นี่… ไม่มี!”
“ครับ!”
วิลเลี่ยมโค้งตัวลงแล้วออกจากห้องไป

ในปราสาท
ปราสาทอันสง่างามหลังหนึ่งจู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นสัตว์ร้ายชนิดหนึ่ง
กับดักและกลไกลับที่อยู่ทั่วไปทุกแห่งถูกเปิดใช้และทหารจานวนมากที่สู้กับฟางหยวนล้วนตายตกลง
ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่ใช่คู่มือของฟางหยวน แต่ความรุนแรงของสถานการณ์ก็ทาให้ลูซี่เหงื่อไหลชุ่ม
“นายยังไม่เสร็จอีกเหรอ? นายต้องการแค่ของนั่นไม่ใช่หรือไง?”
เธอมองฟางหยวนทาลายกาแพงด้วยการโบกมือครั้งเดียว และเห็นทหารล้วนถูกบดขยี้ภายใต้คอนกรีตที่ร่วงลงมา
เครื่องเรือนไม้เนื้อแดงก็ไม่รอดพ้นไปเหมือนกัน ทุกชิ้นล้วนถูกบดขยี้ไปพร้อม ๆ กับแจกันราคาแพงที่วางเอาไว้ด้านบน
ไม่เพียงแค่นั้น แต่เลือดจานวนมากจนน่าคลื่นไส้ก็สาดกระจายไปทั่วห้องโถง กระทั่งรูปวาดบนผนังก็ชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงเข้ม
“ทาลายทุกอย่างที่เดินผ่านเช่นนี้… นายไม่ได้ได้อะไรจากการทาแบบนี้เลยนะ…”
“สิ่งที่ฉันกาลังตามหานั้นอยู่ตรงไหนสักที่ลึกเข้าไปในปราสาทนี้แหละ!”
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายจ้า
จากรูปสลักของพระศรีอาริยเมตไตรย ฟางหยวนสามารถสัมผัสได้ว่ากุญแจอีกครึ่งหนึ่งนั้นอยู่ใกล้ ๆ นี้
“ในห้องนิรภัยใต้ดิน มีของชิ้นอื่นที่แผ่รังสีแม่เหล็กออกมาได้เช่นกัน… ดูเหมือนนักสะสมคนนี้จะมีความสามารถทีเดียว…”
ฟางหยวนหลับตา
“ตูม!”
เขาได้ยินเสียงลูซี่กรีดร้องขณะที่พื้นที่พวกเขายืนอยู่นั้นพังทลายลงและพวกเขาก็หล่นลงไปที่ชั้นด้านล่าง
“น่าสนใจ…”
วิลเลี่ยมเดินเข้าไปในห้องโถงที่พังเละเทะ เขาอยู่ในชุดเสื้อคลุมสีขาวมีดอกกุหลาบดอกหนึ่งกลัดอยู่ที่กระเป๋าเสื้อด้านหน้า เขาเริ่มปรบมือช้า ๆ
“พลังจิตแข็งแกร่งอะไรเช่นนี้… ผมคิดว่ากระทั่งรองผู้บัญชาการอันดับที่สองของสมาคมคนชุดดา เจ้าแห่งจินตนาการพิสดาร ก็อาจจะเอาชนะคุณไม่ได้! ให้ผมแนะนาตัวแล้วกัน… ผมคือวิลเลี่ยม นักดัดโลหะ… คุณเหลยจากทวีปกลาง ผมไม่อยากทาอันตรายคุณ แต่ว่าคุณทาให้ผมไม่มีทางเลือก!”
“แกก็คือผู้วิวัฒน์ขั้นที่สามที่รับใช้ตระกูลรอธงั้นเหรอ?”
ฟางหยวนขมวดคิ้ว
“นักดัดโลหะ วิลเลี่ยม!”
ลูซี่หวีดออกมาอีกครั้ง
“เขาคือหนึ่งในผู้วิวัฒน์ขั้นสามระดับสุดยอด เขากระทั่งรับมือกับหัวหน้าสมาคมพิราบขาวของพวกเราได้ โรเจอร์ มนุษย์น้าแข็งน่ะกระจอกกว่าวิลเลี่ยมคนนี้มาก!”
ระยะห่างระหว่างแต่ละขั้นนั้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวหากผู้วิวัฒน์อยากจะเลื่อนขั้นตัวเอง
ที่ขั้นที่สาม ผู้วิวัฒน์สามารถบดขยี้ระดับเริ่มต้นได้ราวกับบี้มดปลวก
หัวหน้าของสมาคมคนชุดดาครั้งหนึ่งเคยระงับเหตุวุ่นวายที่เกิดจากผู้วิวัฒน์ระดับสามสิบคนได้ด้วยมือข้างเดียว ผลก็คือ เขากลายเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นนักสู้ที่เก่งกาจที่สุดในสหพันธ์!
แน่นอนว่า ทั้งเขาและหัวหน้าสมาคมพิราบขาวนั้นยังไม่บรรลุสู่ขั้นที่สี่
ดังนั้น ในโลกของการทดลองเกี่ยวผู้วิวัฒน์ มันจึงกล่าวได้ว่าก่อนที่จะเกิดปรากฏการณ์ครั้งที่สาม ไม่มีผู้วิวัฒน์คนใดจะสามารถบรรลุขั้นที่สี่ได้ ถึงแม้ว่าจะมีข่าวลือมาจากทวีปกลางเกี่ยวเจ้าแห่งสายฟ้า พวกเขาก็ยังเชื่อในมุมมองของตัวเอง ว่ามันต้องไม่ผิดไปอย่างแน่นอน
อย่างไรเสีย ตัวฟางหยวนเองก็ยังอยู่แค่ขั้นที่สามและยังเพิ่งเลื่อนระดับขึ้นมาด้วย
แต่ว่าไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ เขาเป็นคนธรรมดาและย่อมต้องพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะยกระดับขึ้นมาที่ขั้นที่สาม
“ชู่ว!”
ตอนที่ลูซี่พูด วิลเลี่ยมก็ลงมือ
เขาโบกมือขวาอย่างไหลลื่น รอยยิ้มยังติดอยู่บนใบหน้า
“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
โลหะชิ้นใหญ่และเล็กพุ่งขึ้นจากกองซากปรักหักพังและถูกบับเข้าหากันจนเกิดเป็นลูกบอลเหล็กขนาดใหญ่
“ไม่เลว เขาตีความธาตุของตัวเองได้ดีทีเดียว!”
แต่ฟางหยวนรู้มากกว่านั้น
วิลเลี่ยมผู้นี้เปลี่ยนโลหะแต่ละชิ้นให้กลายเป็นอะตอมแล้วผสานพวกมันเข้าหากันด้วยหยาดพลัง ดังนั้นพวกมันจึงกลายเป็นของเหลวสาหรับเขาและยังเป็นอาวุธที่เปลี่ยนรูปไปมาได้
หากคนเช่นนี้ได้มีชีวิตอยู่ในทวีปกลางยุคโบราณ เขาก็คงจะกลายเป็นสุดยอดปิศาจผู้ควบคุมธาตุโลหะ!

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ