Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 425

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 425

425: คล้อยตาม
“การสามารถเปลี่ยนโครงสร้างเหล็กได้หมายถึงว่าเขาเข้าถึงแก่นของความสามารถพิเศษของตนเองได้และใกล้จะบรรลุเต็มทีแล้ว… โชคร้าย ที่เขาก็ยังจากัดวิถีธาตุเหล็กของตัวเองเอาไว้…”
ฟางหยวนส่ายหน้า
“ฝุบ!”
ตอนที่ฟางหยวนกาลังพิจารณาอยู่ วิลเลี่ยม ที่อยู่ตรงข้ามกับเขา ก็ลงมือแล้ว
“โผละ! โผละ!”
ลูกปัดโลหะที่น่ากลัวยิ่งกว่าปืนกลก็ยังถูกหยุดเอาไว้กลางอากาศด้วยโล่น้าเหมือนเดิม ลูกปัดโลหะทาให้ผิวน้ากระเพื่อมแต่สุดท้ายแล้วก็ยังไม่สามารถทะลวงผ่านเข้าไปได้อยู่ดี
“จริงด้วยสินะ… เหลย! คุณแข็งแกร่งมาก!”
วิลเลี่ยมมีท่าทางตื่นเต้นและพูดต่อ “ตั้งแต่ที่ผมสู้กับหัวหน้าสมาคมพิราบขาว มันก็นานมากแล้วที่ผมไม่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่ควรค่าอย่างคุณ… หวังว่าคุณจะไม่ทาให้ผมผิดหวัง!”
“ปึ้ด! ปึ้ด!”
ภายใต้การควบคุมของวิลเลี่ยม ลูกปัดโลหะจานวนมากหลุดออกมาแล้วก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทันที ลูกปัดโลหะเหล่านั้นงอกปลายแหลม
คมกริบและบิดตัวเป็นเข็มรูปเกลียว ลอยเข้าไปล้อมอยู่รอบ ๆ ตัวฟางหยวน
“ติ๊ง! ติ๊ง!”
ราวกับว่าพวกมันกาลังมองหาจุดอ่อน เข็มโลหะปรากฏขึ้นที่บนฟ้า บนพื้น และทุกทิศทางขณะพุ่งตัวรวดเร็วแสดงเจตจานงที่จะแทงทะลุผ่านม่านน้าของฟางหยวนให้ได้ ผิวของเข็มโลหะยังเปลี่ยนเป็นสีแดงส้มเพราะว่าเร็วในการเคลื่อนที่และการหมุนอย่างรวดเร็ว และยังก่อให้เกิดกลิ่นไหม้อันระคายเคืองด้วย
ตอนที่ลูซี่เห็น ม่านตาของเธอก็หดเข้าและเธอก็อดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้ฟางหยวนมากขึ้น
เธอรู้อย่างแน่ชัดว่าเหลยผู้ลึกลับผู้นี้นั้นคงไม่สามารถรับมือกับการโจมตีของเข็มโลหะเหล่านั้นได้ ผลลัพธ์คงคาดหวังไม่ได้มากนัก เธอคงจะกลายเป็นรังผึ้งพรุน ๆ หลังจากถูกเข็มพวกนั้นแทงทะลุและก็คงไม่มีโอกาสรอดแล้ว
“น่าเบื่อ… กลเก่า ๆ! พวกมันใช้กับฉันไม่ได้ผลหรอก!”
ฟางหยวนโอ่อย่างอวดดีราวกับตัวเองเป็นศัตรูทรงพลัง
ฟางหยวนโบกมือ
“ครืน!”
วิลเลี่ยมถูกพลิกแขวนกลับหัวด้วยแรงอันมองไม่เห็นและจากนั้นก็ถูกเหวี่ยงเข้ากระแทกกับกาแพงอิฐอย่างแรง
ภายใต้เสียงโครม กาแพงทั้งแผ่นถล่มลงมา
“ตุบ!”
ขณะที่ก้อนอิฐแตกกระจาย วิลเลี่ยมก็ถูกดึงไปอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ถูกฟาดเข้ากับระเบียง กาแพง และพื้นอย่างโหดเหี้ยม ราวกับมียักษ์ตัวหนึ่งคว้าจับขาเขาเอาไว้แล้วใช้เขาเป็นค้อน
“ปัง! โครม!”
เสียงกระแทกทาให้ลูซี่หดตัวและตัวสั่นด้วยความกลัว
แต่ว่า ทันใดนั้น เธอก็พบว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง “ถ้าฉันเป็นคนที่ถูกจับฟาดแรงขนาดนั้นฉันคงกลายเป็นเนื้อบดกองหนึ่งไปนานแล้ว…”
ครู่ต่อมา แรงที่มองไม่เห็นที่จับวิลเลี่ยมเอาไว้ก็ฟาดเขาเข้ากับมุมบันไดแหลม ๆ
“ติ๊ง!”
เสียงแหลมดังมาให้ได้ยิน ราวกับโลหะกระทบกัน
บันไดที่ทั้งแข็งแรงและมั่นคงที่สร้างขึ้นจากไม้เก่าแก่ถล่มลงไปทันที แต่ว่า วิลเลี่ยมกลับปัดฝุ่นบนร่างออกแล้วลุกขึ้นยืนช้า ๆ
ร่างกายของวิลเลี่ยมนั้นปกคลุมไปด้วยแผ่นโลหะชั้นหนึ่ง การป้องกันของเขานั้นเยี่ยมยอดมาก
“คล้ายกันมาก! ถ้าผมไม่เคยสู้กับเจ้าแห่งจินตนาการพิสดารของสมาคมคนชุดดามาก่อนผมก็คงไม่สามารถรับการโจมตีกะทันหันนี้ได้…”
ขณะที่วิลเลี่ยมนึกกลับไปอย่างหวาดกลัว แผ่นโลหะก็ยังคงแผ่อยู่รอบตัวเขา รวมทั้งบนคิ้ว ตา จมูก ปากและหู
ในฐานะผู้วิวัฒน์ขั้นที่สาม ร่างกายและความแข็งแรงของวิลเลี่ยมย่อมดีมาก การต้องกลั้นหายใจนั้นไม่ทาให้เขารู้สึกอะไร
แต่ว่า ครู่ต่อมาเขาก็ต้องตกใจ
รอบ ๆ ตัวฟางหยวน แผ่นไม้ ก้อนอิฐ และทุกสิ่งนั้นถูกบีบอัดเข้าหากันด้วยแรงที่มองไม่เห็นราวกับพวกมันถูกบีบอัดด้วยแรงกระทาหนักนับล้าน ๆ ตันเกิดเป็นวัตถุขนาดยักษ์ที่พุ่งเข้าใส่วิลเลี่ยม
“พลังจิตระดับนี้เชียวหรือ?”
ถึงแม้ว่าวิลเลี่ยมจะมีแผ่นโลหะปกป้องอยู่เขาก็ยังต้องวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
แรงมหาศาลขนาดนั้นย่อมทาให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสได้อย่างแน่นอนถ้ามันหล่นทับเขาขึ้นมา!
“เป็นไปไม่ได้… นี่เป็นพลังระดับเดียวกับหัวหน้าสมาคมพิราบขาว!”
ขณะที่วิลเลี่ยมพยายามหนีใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “ผู้วิวัฒน์ที่จู่ ๆ ก็โผล่ออกมาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?”
“ตูม!”
แต่ว่า เขาก็ไม่มีเวลาให้สงสัยเรื่องนั้นแล้ว
‘อิฐ’ ก้อนนั้นกระแทกเข้ากับประตูหน้าและขวางทุกอย่างเอาไว้ ผนึกทางหนีของเขา
“ตูม! ตูม!”
ทันใดนั้น ‘อิฐ’ อีกมากมายก็หล่นลงมาฝังวิลเลี่ยมทั้งเป็น
‘ช่างเป็นผู้ที่โชคดีอะไรอย่างนี้… ถ้าข้าไม่ต้องปิดบังตัวตนและปลอมตัวเป็นผู้วิวัฒน์ที่มีพลังพิเศษเป็นพลังจิต… แค่สายฟ้าเส้นเดียวก็ฆ่าแกได้แล้ว!’ ฟางหยวนคิด
ขณะที่ฟางหยวนคิดอย่างนั้นเงียบ ๆ เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงรัศมีพลังของวิลเลี่ยมที่รอบ ๆ อยู่ ฟางหยวนนั้นคร้านเกินกว่าจะสังหารเขาและดวงตาก็เปล่งประกาย “ขึ้น!”
“ครืน!”
พื้นดินยกสูงและดินจานวนมหาศาลก็ถูกขุดขึ้นมา หลังจากขุดลึกลึงไปไม่รู้เท่าไหร่ โกดังใต้ดินก็ปรากฏขึ้น
“ไม่ว่าห้องนิรภัยจะแข็งแรงแค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์ถ้าถูกขโมยไปทั้งห้อง!”
ฟางหยวนเอื้อมมือสองข้างออกไปแล้วร่ายเคล็ดขุดอุโมงค์ขึ้นอย่างเงียบ ๆ “ขึ้น!”
“แผ่นดินไหว!”
“แผ่นดินไหว!”
ที่ด้านนอก ตารวจมารวมตัวกันมากขึ้น พวกเขาจู่ ๆ ก็รู้สึกได้ถึงการสะเทือนของพื้นดินและตะโกนออกมา จากนั้นพวกเขาก็อพยพคนรับใช้ออกจากปราสาท
“ครืน!”
แค่พริบตาเดียวก็มีเสียงดังลั่นมาอีกครั้ง
ภายใต้การจับตามองของคนตั้งมาก ปราสาทโบราณที่เป็นสัญลักษณ์ของตระกูลรอธมานานก็ถล่มราบลงไปเกิดฝุ่นคลุ้งไปทั่วบริเวณ
ภายใต้ซากปรักหักพัง โกดังขนาดใหญ่ที่ทาขึ้นจากโลหะผสมสีทองก็ผุดขึ้นจากพื้น
“เคล้ง! เคล้ง!”
ฟางหยวนเดินไปตรงหน้าโกดังสีทองและยกประตูของโกดังออกอย่างง่ายดาย งานศิลปะล้าค่าหายากมากมายล้วนอยู่ในนั้น
“น่าสนใจ!”
ฟางหยวนเดินเข้าไปในโกดัง มือไพล่ไว้ที่ด้านหลัง เขาไม่สนใจทองคาแท่งและอัญมณีที่กองสูง มือขวาของเขาเอื้อมออกไปแล้วคว้าเอารูปสลักจากไม้กฤษณาที่ตรงมุมขึ้นมา
รูปสลักนั้นเป็นอสูรสามหัวหกแขน แต่ละใบหน้านั้นมีสีหน้าต่างกันไปดูมีชีวิตชีวามาก
ลูซี่ที่อยู่ข้าง ๆ ฟางหยวนก็มองและไม่ย้ายสายตาไปทางไหนอยู่เป็นนาน
“อืม… ของที่ด้านในโกดังนี้ล้วนล้าค่า…”
ฟางหยวนหลับตาลงแล้วขยับมือนิด ๆ ของอีกสองชิ้นจากในโกดังลอยเข้ามาในมือของเขา
ชิ้นหนึ่งนั้นเป็นรูปพิรามิดขณะที่อีกชิ้นนั้นเป็นคทาสีทองคาที่มีอัญมณีสีน้าเงินฝังอยู่ ผลึกสีน้าเงินนั้นมีขนาดราว ๆ กาปั้นเด็กทารก
“อัญมณีนี่… น่าสนใจ…”
ฟางหยวนแตะมันเบา ๆ แล้วบนใบหน้าก็มีรอยตื่นเต้น “ดูเหมือนว่าฉันจะสามารถใช้มันหาชีพจรพลังอื่น ๆ ได้…”
เหตุผลที่ฟางหยวนมาที่ตะวันตกก็เพื่อหาสถานที่คล้ายกับที่ต้นหลิวเพื่อดูดซับพลังของพวกมัน
“เจ้าหนุ่ม! วางของพวกนั้นลง!”
จู่ ๆ ประตูที่อีกด้านของโกดังก็เปิดออก อีริกพุ่งเข้ามาพร้อมปืนพกในมือ
“เอ๋? เงินสาคัญกว่าชีวิตหรือ? นั่นดูไม่นิสัยของผู้ดูแลกลุ่มการเงินใหญ่ ๆ เลยนะ?”
ฟางหยวนขมวดคิ้วและมองไปข้าง ๆ ตัว
“ปัง!”
ด้านหลังเขา นักดัดโลหะวิลเลี่ยมก็คลานออกมาจากซากปรักหักพังได้แล้ว แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง แต่ก็ล้วนเป็นการบาดเจ็บเพียงผิว ๆ เท่านั้น จากนั้นเขาก็พุ่งเข้ามาในโกดัง
แต่ว่า ฟางหยวนรู้อยู่แล้วว่าตาแก่ผิวขาวคนนี้นั้นไม่ได้คิดจะพึ่งพาวิลเลี่ยมผู้นี้
“ไม่! ไม่!”
อีริกกาปืนพกเอาไว้แน่นแล้วชี้ปากกระบอกปืนไปที่ฟางหยวนดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศกบางอย่าง “ตั้งแต่วินาทีที่แกบุกรุกเข้ามาในตระกูลรอธอันสูงส่ง ของสะสมพวกนี้ก็ไม่นับเป็นอะไรแล้ว! กลับกัน มันคือการประกาศการต่อสู้จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง!”
เห็นได้ชัดเจนว่า ตาแก่คนนี้นั้นใจเย็นมากและยังมองการณ์ไกล
ในฐานะผู้นาคนหนึ่งของสหพันธ์อินทรีทอง ถ้าตระกูลรอธเผยจุดอ่อนใดออกมา พวกเขาก็จะถูกผู้อื่นมากมายท้าทายและอาจจะถูกคนเหล่านั้นกลืนกินไป!
ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะต้องสูญเสียอย่างมหาศาล บาดเจ็บล้มตายมากมายแค่ไหน หรือต่อให้เรื่องนี้จะไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ตระกูล พวกเขาก็จะไม่รามือหากไม่ได้รับชัยชนะ
“ดูเหมือนว่า… แกจะมั่นใจมากว่าจะจัดการฉันได้?”
ฟางหยวนยิ้มนิด ๆ
ต่อให้อีริกถือปืนยินจรวด ลูซี่ก็รู้สึกว่าเขาก็คงไม่สามารถทาความเสียหายให้กับเหลยผู้น่ากลัวได้สักกระผีก
“แน่นอน… แกคิดว่าตระกูลรอธของเราจะมีแค่วิลเลี่ยมคนเดียวหรือ?”
ใบหน้าของอีริกจู่ ๆ ก็แดงก่าอย่างตื่นเต้น “ฉันจะให้แกได้ลิ้มรสสุดที่รักของฉัน แองเจิ้ล!”
ด้านหลังเขา เด็กหญิงเล็ก ๆ คนหนึ่งบนรถเข็นถูกเข็นเข้ามาช้า ๆ
เธอดูเหมือนอายุแค่ราว 11 หรือ 12 ปีเท่านั้น เธอมีผิวขาวราวกับน้านม ผมหยักศกสีบลอนด์ทอง และดวงตาสีฟ้าราวกับท้องทะเล เธอดูราวกับเป็นตุ๊กตาล้าค่าตัวหนึ่ง
“แองเจิ้ล? เธอคือ… โอ้ ไม่นะ!”
ลูซี่คิดถึงบางอย่าง “ถ้าข่าวลือเป็นเรื่องจริง มีผู้วิวัฒน์เช่นนั้นจริง… ความสามารถพิเศษของเธอก็คือลบล้างความสามารถพิเศษของผู้อื่น!”
“ล้างความสามารถพิเศษ?”
ฟางหยวนสัมผัสอยู่ครู่หนึ่งและก็พบว่าเด็กผู้หญิงคนนี้นั้นราวกับเครื่องรบกวนสัญญาณที่คอยสลายหยาดพลังที่รอบด้านออกไปเกิดเป็นสุญญากาศขึ้นมา
ยิ่งไปกว่านั้น การรบกวนเช่นนั้นยังมาถึงตัวฟางหยวนราวกับพยายามรบกวนการไหลเวียนของหยาดพลังของเขา
ถ้าเขาไม่ใช่ผู้ฝึกตนและเป็นผู้วิวัฒน์ทั่วไปที่ไม่เข้าใจวิธีการที่สิ่งนี้ทางาน เขาก็คงไม่สามารถต้านทานและความสามารถพิเศษของเขาก็คงจะถูกลบล้างไป
ที่หน้าประตูโกดัง วิลเลี่ยมนั้นรีบถอยออกไป แผ่นเหล็กบนร่างของเขาสลายไปทันทีและเม็ดโลหะเล็กละเอียดราวเม็ดทรายก็หล่นโปรยปรายลงพื้น
“ลบล้างความสามารถพิเศษ? น่าสนใจ!”
ฟางหยวนเดินตรงเข้าไป คาถาฝึกพลังธาตุของเขานั้นถูกใช้ออกและหยาดพลังในร่างกายของเขานั้นก็ราวกับภูเขาสูงใหญ่และไม่ได้รับผลกระทบโดยสิ้นเชิง
“ตายซะ… ไอ้ปิศาจ!”
ใบหน้าของอีริกนั้นเต็มไปด้วยความเบิกบานใจขณะเหนี่ยวไกปืน
“ปัง!”
กระสุนถูกยิงออกไปแต่ว่ามันก็หยุดลงที่ตรงหน้าฟางหยวน
“เป็นไปไม่ได้…”
อีริกมองแองเจิ้ลที่สีหน้าไร้ความรู้สึกและจากนั้นก็ฟางหยวน อีริกดูจะเสียสติไปทันที “กระทั่งหัวหน้าสมาคมคนชุดดายังไม่สามารถรับมือกับพลังของแองเจิ้ลได้… นอกเสียจากว่า…”
“ขั้นที่สี่?”
ลูซี่อ้าปากค้างขณะพึมพาคานั้นออกมา เธอมองฟางหยวนและพูดต่อ “นายเป็นผู้วิวัฒน์ขั้นที่สี่?”
“เธอคือแองเจิ้ลเหรอ?”
ฟางหยวนไม่สนใจพวกเขาและตรงกันข้าม กลับตรงเข้าไปหาเด็กหญิงบนรถเข็น
“มาติดตามฉันแทนดีไหม?”
เด็กหญิงมีสีหน้างุนงง เหมือนเธอเกิดมาก็เป็นเช่นนี้
“เฮ่ย… ร่างกายของเธออ่อนแอมาก เธอเป็นแค่คนธรรมดา เป็นอัมพาตและยังมีปัญหาทางสติปัญญาด้วย…”
หลังจากฟางหยวนวิเคราะห์รายละเอียดของเธอแล้วเขาก็ไม่ลังเลที่จะอุ้มแองเจิ้ลขึ้นมา
“แก…”
สีหน้าของอีริกเปลี่ยนไป สุดท้ายแล้ว เขาก็ได้แต่หัวเราะฝืน ๆ ออกมาแล้วโค้งตัวลงต่า “ต้องขออภัย… คุณเหลย ผมเป็นตัวแทนของตระกูลรอธและยอมศิโรราบต่อคุณอย่างเต็มใจ ทุกอย่างในโกดังนี้เป็นของคุณแล้ว…”
“ไม่จาเป็น ฉันสนใจแค่เธอ!”
ฟางหยวนมองแองเจิ้ลในอ้อมแขน
“ครับ…”
อีริกหัวเราะเฝื่อน ๆ และไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
ตอนนี้ ฟางหยวนนั้นเป็นผู้ทรงพลังที่สามารถเอาชนะทั้งประเทศได้ เมื่อพลังของคนผู้หนึ่งเหนือกว่าคนทั่วไปมากถึงเพียงนี้ ผู้มีอานาจคนไหน ๆ หากไม่สามารถเอาชนะเขาได้ก็ได้แต่คล้อยตามไปเท่านั้น!

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ