Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 427

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 427

427: ความลับ
แม่น้าฟลอตะวันตก รัฐฟลอ
เรือสาราญพลังไอน้าล่องไปตามลาน้า เสียงมัคคุเทศก์สาวที่ทั้งสดใสและหวานหูดังมา “ท่านผู้โดยสาร… ในอีกหนึ่งชั่วโมง พวกเราจะไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงจุดถัดไป อ่างเก็บน้าฟลอ!! ที่นี่เป็นอ่างเก็บน้าแห่งสหพันธ์ของเราที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ มันมีประตูน้าทั้งหมด 42 ระดับเพื่อควบคุมระบบ มันมีความจุน้า…”
ฟางหยวนเอนตัวอยู่บนเก้าอี้นอนและรื่นรมย์ไปกับการชมทิวทัศน์ที่สองข้างทาง
วิวแม่น้านั้นงดงาม นอกจากนี้ ในแม่น้ายังมีปลามากมาย
เด็กสาววัยรุ่นร้องอุทานอย่างตื่นเต้นและถ่ายรูปปลาตัวใหญ่ที่กระโจนขึ้นจากผิวน้าดังมาเป็นระยะ
‘ข้าคิดถูกจริง ๆ! รัศมีพลังของอัญมณีเม็ดนี้นั้นมาจากกระแสน้า… จุดชีพจรพลังน่าจะอยู่ภายใต้แม่น้านี่แน่แล้ว?’
ฟางหยวนคิดขณะลูบไปบนอัญมณีที่อยู่บนคทา
ที่ด้านข้างเขา ลูซี่รับบทพี่เลี้ยงเด็กดูแลแองเจิ้ลที่ดูไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ด้วยท่าทางหดหู่
ตั้งแต่การเข่นฆ่าครั้งก่อน ลูซี่ก็ไม่รู้ว่าทาไมเธอถึงยังอยู่กับฟางหยวน บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอกลัวว่าการกลับไปจะนาปัญหาไปด้วยหรืออาจ
เป็นเพราะ ‘เหลย’ ผู้นี้นั้นลึกลับเกินไปซึ่งทาให้เธออยากรู้อยากเห็นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ความอยากรู้อยากเห็นอันไม่จาเป็นนั้นมักจะนามาซึ่งหายนะแก่ผู้หญิง!
“รายงานสถานการณ์!”
จู่ ๆ ใบหน้าของลูซี่ก็ตึงเครียดขึ้น เสียงกริ่งดังขึ้นจากในร่างของเธอ เธอรีบเข้าไปหลบที่มุมหนึ่งแล้วรับสาย สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเมื่อรับฟังมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ฉันได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากพอลกับอามัน ผู้บัญชาการลาดับที่สาม พวกเขากาลังมุ่งหน้ามาหาพวกเราแล้ว… แต่ในเวลาเดียวกัน สมาคมก็รายงานว่าพวกเขาเป็นผู้ทรยศ สมาชิกคนใดที่พบเจอพวกเขาสามารถสังหารได้ทันที!”
“ผู้บัญชาการลาดับที่สามของสมาคมพิราบขาวทรยศ?”
ฟางหยวนจิบน้าผลไม้แล้วพูดต่อ “ไม่ใช่ว่าพวกเธอสมาคมพิราบขาวบอกว่าพวกเธอเป็นองค์กรรักษาสันติภาพหรอกเหรอ? ทาไมถึงเกิดความขัดแย้งด้านอุดมการณ์ขึ้นมาได้?”
ผู้ที่มีตาแหน่งผู้นาในองค์กรใหญ่ ๆ มักจะมีความสนใจคล้ายกันเป็นส่วนใหญ่ ตราบใดที่พวกเขาฉลาดพอ พวกเขาก็จะรักษาสภาพความเป็นน้าหนึ่งใจเดียวกันแต่ก็แข่งขันกันอยู่ในทีเอาไว้ นอกเสียจากว่าจะมีพื้นฐานที่ต่างกันและอุดมการณ์ขัดแย้งกันขึ้นมา
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน…”
ลูซี่งุนงง
ในเวลาแบบนี้ที่เธออยู่กับฟางหยวนนั้นเป็นเวลาที่เธอมีอิสระเสรีที่สุดแล้ว ในเวลาเดียวกัน ความเชื่อในด้านอุดมการณ์ดั้งเดิมของสมาคมพิราบขาวของเธอก็เริ่มสั่นคลอนเช่นกัน
ลูซี่สะบัดหัวและพยายามบังคับให้ตัวเองลืมความคิดพวกนั้นไปเสีย แล้วจากนั้นเธอก็ถามอย่างสงสัย “คุณว่า… พวกเราควรจะช่วยพวกเขาไหม?”
“ทาไมฉันต้องช่วยพวกเขาด้วย?” ฟางหยวนถามด้วยสีหน้าเมินเฉย
“พวกเขาน่าจะมีข้อมูลสาคัญบางอย่างอยู่ในมือ! หรือบางทีสมาคมพิราบขาวอาจจะวางแผนจัดการกับคุณอยู่?” ลูซี่พยายามโยนหินถามทาง
“แล้วยังไง?”
ฟางหยวนลุกขึ้นอย่างเกียจคร้านแล้วบิดตัว “ทาไมมนุษย์จะต้องใส่ใจกับมดปลวกสองสามตัวด้วย?”
“นั่นก็จริง…”
ลูซี่หยิกแก้มของแองเจิ้ลแล้วจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมา
“ด้วยเครื่องจักรสังหารชิ้นนี้ ต่อให้หัวหน้าสมาคมคนชุดดาและสมาคมพิราบขาวร่วมมือกัน พวกเขาก็ยังถูกสังหารอยู่ดี…” เด็กไร้เดียงสาคนนี้ เธอไม่รู้จักการแบ่งพรรคแบ่งพวกด้วยซ้า
ครู่ถัดมา ฟางหยวนก็มองไปทางท้ายเรือและส่ายหน้า “พวกเขามาถึงแล้ว!”
“โอ้! เร็ว ดูนั่น!”
“ผู้วิวัฒน์!”
“ผู้กลายพันธุ์!”
“พวกเขาบินได้ด้วย!”

ในไม่ช้าก็เกิดความวุ่นวายขึ้นบนเรือสาราญ นักท่องเที่ยวหลายคนที่ชื่นชอบความวุ่นวายรีบดึงกล้องของตัวเองออกมาถ่ายรูปเงาร่างที่ไล่ตามท้ายเรือมา
“โอ้ พวกเขาจะชนกับพวกเราแล้ว พระเจ้า!”
ลูซี่มองไปด้านหลังและเห็นพอลกาลังควบคุมทรายอยู่
เขาสร้างเรือเร็วขึ้นจากทรายและบังคับมันพุ่งตามเรือสาราญมา
บนอากาศ มีมนุษย์นกสามคนลั่นไกปืนซ้า ๆ
“ปัง! ปัง!”
ภายใต้ห่ากระสุน พอลยังคงสีหน้าเดิมเอาไว้และจู่ ๆ ก็กดท้ายเรือของตัวเองด้วยสองมือ
“ซู่! ซู่!”
มือใหญ่ ๆ สองมือที่สร้างขึ้นจากทรายยื่นออกไปคว้าท้ายเรือสาราญที่อยู่ตรงหน้าเอาไว้ขณะที่พอลพลิกตัวขึ้นเรือมา
“ซูม!”
พอลเปลี่ยนไปเป็นควันสีดาในทันทีแล้วก็พุ่งตัวโค้งเป็นวงงดงามก่อนจะร่อนลงที่บนกราบเรืออย่างมั่นคง
โชคร้าย เขาลืมบางอย่างไป นั่นก็คือการมีตัวตนอยู่ของแองเจิ้ล
เมื่อเขาเข้ามาอยู่ในอาณาเขตหนึ่ง มือยักษ์ของเขาก็ถล่มลงไปทันทีและเปลี่ยนไปเป็นเม็ดทรายละเอียดไหลบ่า
พอลร้องอุทานออกมาตอนที่หล่นลงจากความสูงนับสิบเมตรและกระแทกกับพื้น ถึงแม้ว่าเขาจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ แต่เขาก็กระแทกเข้ากับพื้นอย่างแรงและกระดูกหลายท่อนก็หัก
“พอล…”
ลูซี่ตรงเข้าไปหาอย่างแตกตื่น “ทาไมนายถึงเป็นอย่างนี้ได้?”
“ไม่มีเวลาแล้ว! ฉันมีบางอย่างต้องบอกคุณเหลยเดี๋ยวนี้!”
พอลหัวเราะเฝื่อนขณะตอบ “แน่นอนว่า… ที่สาคัญที่สุด ฉันต้องจัดการกับพวกที่ไล่ตามฉันมาก่อน…”
อันที่จริงแล้ว ไม่มีความจาเป็นต้องจัดการอะไรคนพวกนั้น
เมื่อพวกเขาเข้ามาในอาณาเขต ปีกของมนุษย์นกคนหนึ่งก็หายวับไป เขากรีดร้องออกมาเมื่อร่างกายร่วงหล่น
โชคดีที่มนุษย์นกอีกสองคนด้านหลังเหวี่ยงตะขอออกมาทันเวลาและช่วยเขาไม่ให้กลายไปเป็นกองเนื้อบดได้ทัน
หลังจากพวกเขายืนยันเรือสาราญแน่นอนแล้ว ทั้งสามคนก็หันกลับบินหนีไปทันที
เมื่อไม่มีชุดป้องกัน การแสดงตัวต่อหน้าพลังพิเศษของแองเจิ้ลก็เท่ากับรนหาที่ตาย!
ชีวิตของผู้วิวัฒน์นั้นมีค่าเป็นอย่างยิ่ง แล้วพวกเขาจะมาทิ้งชีวิตตัวเองเอาไว้เช่นนี้ได้อย่างไร?
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? แล้วก็… ทาไมผู้อาวุโสสาม อามัน ถึงได้หักหลัง?”
ลูซี่งุนงง
“อืม พูดมาเถอะ!”
ฟางหยวนโบกมือ “ไม่ต้องสนใจผม!”
“ไม่! ผมมาเตือนคุณโดยเฉพาะ…”
พอลมีสีหน้าซับซ้อนขณะพูดต่อ “คุณเหลย… พลังมหาศาลของคุณนั้นเกินขีดจากัดแล้ว มันทาให้คนจากสานักสืบสวนพิเศษแห่งสหพันธ์และสมาคมคนชุดดาบ้าไปแล้ว แล้วการกระทาของคุณยังทาให้พวกเขาเร่งแผนการอาวุธปิศาจให้เร็วขึ้นไม่ว่าต้องจ่ายอะไรเท่าไหร่!”
“อาวุธวิวัฒน์พวกนั้นน่ะเหรอ?”
ฟางหยวนสงสัย “พวกเขารีบสร้างมันขึ้นเพื่อจะใช้จัดการกับฉัน?”
“ใช่! นอกจากนี้ พวกเขายังเริ่มบ่อนทาลายและจากัดสิทธิมนุษยชนของเหล่าผู้วิวัฒน์ พวกเขายังเริ่มต้นการทดลองในมนุษย์จานวนมาก… ไม่! นั่นเรียกว่าเป็นการทดลองไม่ได้ด้วยซ้า พวกเขาแค่ใช้ชีวิตของมนุษย์สร้างอาวุธปิศาจ!”
พอลน้าตาไหลและพูดต่อ “กระทั่งหัวหน้าสมาคมพิราบขาว แสงสวรรค์ ชาร์ลี ก็ยังอนุญาตให้ทาการทดลองนั้นอย่างเงียบ ๆ! ผู้อาวุโสอามันสาบานว่าจะหยุดเรื่องพวกนี้และแตกหักกับคนพวกนั้น ดังนั้นผู้อาวุโสอามันจึงหนีออกมา!”
“…”
ฟางหยวนเงียบไปครู่หนึ่งและจู่ ๆ ก็ถาม “ถึงกระบวนการจะค่อนข้างโหดร้ายและนองเลือด แต่ถ้าอาวุธปิศาจนั้นสามารถสร้างขึ้นมาได้จริง ผลลัพธ์ย่อมไม่นับว่าเลวร้าย แล้วพวกคุณจะต่อต้านไปทาไม?”
“นั่นเป็นเพราะว่าคุณไม่เข้าใจว่าอาวุธปิศาจจะน่ากลัวถึงเพียงไหน… มันไม่สามารถควบคุมได้แม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมในรูปแบบใด ๆ ก็ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่แรก! การสร้างปิศาจเช่นนั้นด้วยวิธีการนั่นย่อมกลายเป็นสิ่งมีชีวิตไร้สติที่สามารถทาลายล้างโลกได้… ผู้อาวุโสอามันนั้นรีบไปที่ห้องทดลองที่อ่างเก็บน้าฟลอเพื่อหยุดพวกเขาแล้ว พวกเราสามารถไปช่วยพวกเขาได้ทันเวลา…”
“รอก่อน!”
ฟางหยวนเคาะขมับตัวเอง “ตามที่คุณพูด สถานที่ที่อาวุธสุดยอดนั่นจะถูกสร้างขึ้นอยู่ที่อ่างเก็บน้าฟลอเหรอ?”
ถ้าการประเมินของฟางหยวนถูกต้อง ที่นั่นน่าจะเป็นตาแหน่งของชีพจรพลังด้วย
ดูเหมือนว่าความผิดปกติของที่แห่งนั้นจะถูกค้นพบและนาไปใช้การเสียแล้ว
“อะไร? คุณไม่รู้เหรอ?”
พอลอ้าปากค้างอย่างตกใจ
“อะไรกัน? นี่คุณไม่รู้ว่าการกระทาของคุณทาให้คนตั้งมากเป็นบ้าไป? และคุณยังไม่รู้เรื่องห้องทดลองและสถานที่ตั้งด้วย?”
“แล้วพวกเขาจะเร่งการทดลองและยังเสียสละชีวิตมนุษย์กลายพันธุ์ตั้งมากไปเพื่ออะไรกัน?”
“เอาละ ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้ไปแล้ว ก็เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ผมฟังสิ!” ฟางหยวนรอ
พอลนั้นราวกับวิญญาณหลงทางและเล่าความลับสุดยอดทุกอย่างที่เขารู้ให้ฟางหยวนฟัง
สิ่งที่เรียกว่าแผนการอาวุธปิศาจนั้นมีประวัติศาสตร์ยาวนาน มันสามารถตามรอยกลับไปได้ถึงจุดเริ่มต้นสงครามโลก
เพราะการปรากฏตัวของแม่มดผู้ไร้พ่าย ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถต่อกรกับทั้งกองทัพได้ แต่สุดท้ายแล้วก็ตายตกภายใต้จรวดนาวิถี แต่ว่า เธอก็ยัง
ดึงดูดความสนใจของพวกเบื้องบนในสหพันธ์ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มต้นค้นหาความเป็นไปได้ของการมี ‘ร่างกายที่เป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุด’
ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสจี๋อินจะตายไปในตอนที่ถูกระเบิดจนกลายเป็นผง แต่เส้นทางชีวิตของเธอก็ยังถูกขุดคุ้ยโดยสายลับของสหพันธ์ ระหว่างระยะเวลาที่เกิดเรื่องประหลาดบ่อยครั้งขึ้น ทุกการกระทาของเธอและทรัพยากรที่เธอเก็บสะสมกลายเป็นข้อมูลวิจัยอันล้าค่า
ระหว่างบุกรุกเข้าไปในที่กบดานของเธอ พวกเขายังค้นพบเนื้อเยื่อชิ้นหนึ่งที่สงสัยว่าจะมาจากร่างของแม่มดผู้นั้น นี่ทาให้นักวิทยาศาสตร์ของสหพันธ์ดีใจเป็นที่สุด
ดังนั้น พวกเขาจึงเลือกห้องทดลองที่อ่างเก็บน้าฟลอของสมาพันธ์เพื่อเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและทาโคลนนิ่งโดยเฉพาะ
ส่วนเหตุผลที่พวกเขาเลือกที่นี่น่ะเหรอ?
ตามที่พอลเล่า นี่เป็นเพราะสนามพลังพิเศษที่ใต้อ่างเก็บน้า หลังจากปรับเปลี่ยนมันแล้ว มันจะสามารถเร่งการเติบโตของสิ่งมีชีวิตได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ มันยังนาเอาประโยชน์มากมายมาให้แก่การทดลองเกี่ยวกับร่างกายของผู้วิวัฒน์และยังทาให้ความสามารถพิเศษหลายอย่างแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้น ห้องทดลองจึงถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษเพราะเรื่องนี้
ในมุมมองของฟางหยวน นี่เป็นประโยชน์ที่เกิดจากที่ชีพจรมีการรั่วไหลออกมาบางส่วน
ในตอนนี้ ‘ร่างอันสมบูรณ์แบบ’ นั้นได้มาถึงการประเมินขั้นสุดท้ายแล้ว ดังนั้น นี่จึงเป็นเหตุผลสาคัญให้สถานที่นี้ไม่สามารถย้ายไปที่อื่นได้
‘แต่… ส่วนที่อันตรายที่สุดก็คือศพของผู้อาวุโสจี๋อิน… นี่มันก็…’ ฟางหยวนคิด
ฟางหยวนลูบคาง “อย่างนั้นหรือ? ร่างโคลนนิ่งนั้นแข็งแกร่งมากใช่ไหม?”
“ไม่! นอกจากมีพลังสารองมหาศาลแล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึงอีก!”
พอลหัวเราะแห้ง ๆ “แต่ว่า เธอมีลักษณะที่ประหลาดมาก ก็คือ ‘เส้นเลือด’ ในร่างของเธอนั้นแข็งแกร่งมาก! มันสามารถดูดซับรหัสพันธุกรรมทุกชนิดของผู้วิวัฒน์ได้! โดยเฉพาะเมื่อพบว่าร่างทดลองอื่น ๆ ของสหพันธ์นั้นมีความสามารถในการ ‘ลอกแบบ’ พลังของเธอก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม เธอดูดซับพลังพิเศษเกือบทุกอย่างและใช้มันได้อย่างสมบูรณ์!”
“ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์ของสหพันธ์จึงตั้งใจจะใช้เธอแบกรับความสามารถพิเศษทุกรูปแบบและสร้างเป็นสุดยอดอาวุธมนุษย์!”
“นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่า แผนการอาวุธปิศาจ!”

“เป็นอย่างนี้นี่เอง!”
ฟางหยวนพยักหน้า ในที่สุดเขาก็เข้าใจทุกอย่าง
“ความสามารถในการยอมรับพลังของมันสูงมากสินะ?”
ในคนปกติ รวมถึงผู้วิวัฒน์ขั้นที่สาม รหัสพันธุกรรมของพวกเขาจะเสียหายไปหากมีการใส่รหัสพันธุกรรมของความสามารถพิเศษอื่นเข้าไปและบังคับให้ดูดซับพลังเหล่านั้น
กระทั่งผู้วิวัฒน์ที่มีความสามารถพิเศษในการลอกเลียนแบบความสามารถอื่นก็ยังทาได้เพียงลอกเลียนแบบความสามารถพิเศษชนิดเดียว ถ้าต้องการลอกเลียนแบบความสามารถพิเศษอื่น ๆ อีก ก็ต้อง ‘ลบ’ สิ่งที่บันทึกเอาไว้ก่อนหน้า
แต่ว่า คนอย่างฟางหยวนและผู้อาวุโสจี๋อินนั้นมีความสามารถในการยอมรับพลังสูง พวกเขาสามารถดูดซับทั้งหมดนั่นได้

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ