432: เก็บกวาดความวุ่นวาย
“ฉันจะไม่ให้อะไรเธอทั้งนั้น!”
เพียงแค่คิด สมรภูมิพลังที่รอบด้านก็ผุดหนามแหลม ก่อความสั่นสะเทือนที่ผลักเด็กสาวถอยกลับไป
“เฮ่ย… ฉันไม่ได้ต้องการจะสู้กับเธอ ตราบใดที่เธอไม่ยุ่งกับฉัน! น่าเสียดาย…”
ต่อให้เป็นผู้อาวุโสจี๋อินมาถึงที่โลกนี้ ฟางหยวนก็ไม่เกรงกลัวเธอ และนี่ก็เป็นเพียงร่างโคลนนิ่งหนึ่งของเธอเท่านั้น
ถึงแม้ว่าเธอจะดูดซับพลังพิเศษหลายชนิดและกลายมาเป็นอย่างที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้ สาหรับฟางหยวนแล้ว เธอก็แค่ผู้วิวัฒน์ที่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
เมื่อไม่มีความเข้าใจลึกซึ้งในธรรมชาติของหยาดพลังและทฤษฎีของ ‘สมรภูมิ’ เธอก็เป็นแค่ผู้วิวัฒน์ขั้นสี่เพียงเสี้ยวเดียว
ฟางหยวนก้าวเท้าไปข้างหน้า ยื่นมือขวาออกไปแล้วดึงผมของเด็กสาวเอาไว้ก่อนที่จะเหวี่ยงเธอกระแทกกับพื้น
“โครม!”
พื้นสะเทือนลั่น เกิดหลุมขนาดใหญ่บนพื้น รอยแตกเริ่มกระจายออกไป มีเปลวไฟและลาวาอยู่ที่ตรงกลางหลุม
“ไม่… เป็นไปได้อย่างไร!”
เมื่ออามันและพวกได้สติและเห็นการต่อสู้ พวกเขาทั้งหมดก็ล้วนพูดไม่ออก “นั่นอาวุธปิศาจนะ… อาวุธปิศาจ!”
สาหรับพวกเขา อาวุธปิศาจนี้เพิ่งสังหารหัวหน้าสมาคมทั้งคู่ไปและยังมีพลังระดับทาลายโลก แล้วเหตุใดจึงดูอ่อนแอราวกับลูกไก่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายคนนั้น?
“เอ๋? หัวหน้าของพวกแกแข็งแกร่งมากงั้นเหรอ ฮึ?”
แค่พลิกมือง่าย ๆ เส้นผมของเธอก็ขาดลง ก่อนที่ฟางหยวนจะทันได้สร้างความเสียหายให้เธอเพิ่ม เธอก็รีบใช้เกราะเพชรของตัวเอง ด้วยการป้องกันตัวอันแข็งแกร่ง เธอจึงไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก
“บรู๊ว! บรู๊ว!”
ในเวลาเดียวกัน บนไหล่ของอาวุธปิศาจก็มีก้อนเนื้อปูดนูนขึ้นก่อนจะเปลี่ยนรูปไปเป็นหัวหมาป่า หัวนั่นอ้าปากออกกว้างแล้วงับอากาศ
“บ้าไปแล้ว… นั่นมันพลังของฉัน!”
เมื่อเห็น อามันก็พูดไม่ออก “หัวหน้าเอารหัสพันธุกรรมกับเนื้อเยื่อของฉันไปตอนไหนกัน?”
“แกมันเด็กดื้อ ฉันจะสอนบนเรียนให้แกเอง!”
ฟางหยวนไม่สนใจหัวหมาป่านั่น เขาเหยียดมือซ้ายออกไป คว้ากระบอกปากของหมาป่าเอาไว้แน่นทาให้มันอ้าปากออกไม่ได้อีก
“ปัง!”
หมัดอีกข้างกระแทกเข้ากับร่างเด็กหญิง กระทั่งมีเกราะเพชรอยู่ หัวหมาป่าก็ยังระเบิดออกกลายเป็นเลือดเนื้อกองหนึ่ง
“อ่อนแอเกินไป! แกมันอ่อนแอเกินไป!”
ฟางหยวนส่ายหน้า “ต่อให้แกใช้ความสามารถพิเศษในการฟื้นฟู พื้นฐานของแกก็ยังอ่อนแออยู่ดี!”
วงแสงปรากฏขึ้นที่กลางอากาศแล้วอาวุธปิศาจในมือฟางหยวนก็หลุดออกไปและลอยตัวอยู่ในอากาศ รูปลักษณ์ราวกับนางฟ้า
“ปัง!”
ปีกสีขาวและดากางออกและพลังแห่งแสงและความมืดก็ถูกปล่อยออกมา รวมกันอยู่บนฝ่ามือของเด็กสาว
“ไร้ประโยชน์! ด้วยสมรภูมิที่ไม่สมบูรณ์ แกไม่มีทางสู้ฉันได้!”
ฟางหยวนโบกมือ และพลังล่องหนของสมรภูมิก็รวมกัน ตามมาด้วยเสียงแตกลั่น
“ปัง!!!”
แสงบนฝ่ามือของเด็กสาวระเบิดออก และร่างของเธอก็ถูกพลังที่มองไม่เห็นควบคุม เธอลอยตรงมาทางฟางหยวน
“ฉันพูดแล้วไง อย่ายุ่งกับฉัน!”
ฟางหยวนเอื้อมมือออกไปอย่างนุ่มนวล และแทงทะลุเกราะเพชรไอย่างง่ายดายก่อนจะคว้าหัวใจของเธอออกมา
เลือดอุ่น ๆ ไหลทะลัก หัวใจที่ยังเต้นตุบอยู่ถูกฟางหยวนคว้าเอาไว้ เขากามือแน่นเข้า หัวใจถูกบดขยี้ไป!
“…”
บนใบหน้าของเด็กสาวปรากฏแววเจ็บปวดขณะที่เธอถอยหนีอย่างรวดเร็ว
ในโพรงที่หน้าอกของเธอ หลอดเลือดเริ่มเจริญกลับมา สร้างหัวใจเล็ก ๆ ดวงใหม่
ความสามารถในการฟื้นฟูที่ทาให้มันกลายเป็นปิศาจที่ฆ่าไม่ได้
แต่ว่า เธอก็กรีดร้องและกระพือปีกไปด้วย เตรียมตัวหนี
“…”
เห็นภาพนี้แล้ว ลอริต้ากับพอลก็อึ้งงันไป
ถ้าพวกเขารู้ว่าอาวุธปิศาจจะพ่ายแพ้ต่อคุณเหลยผู้ลึกลับอย่างง่ายดายขนาดนี้ ทั้งหมดที่พวกเขาทาลงไปก็แค่เรื่องตลกเท่านั้นเอง!
แน่นอนว่า ฟางหยวนไม่รู้ว่าการกระทาของเขาทาให้คนที่จับตามองอยู่คิดกลับไปถึงชีวิตของตนอีกครั้ง ด้วยการตรวจสอบของสมรภูมิพลัง ฟางหยวนนั้นสามารถระบุตาแหน่งของเรือบินที่เต็มไปด้วยระเบิดได้
มันบินมาทางเขาและพร้อมที่จะเล็งทั้งเขาและอาวุธปิศาจเป็นเป้า
“ฝุบ!”
เรือรบบินผ่านไปและระเบิดถูกทิ้งลงมา
มันเป็นระเบิดปรมาณูขนาดย่อมและกระทั่งฟางหยวนก็สัมผัสได้ถึงอันตรายจากมัน
“ฮึ่ม!”
แค่โบกมือ เรือรบก็ระเบิดกลางอากาศ
หลังจากนั้น อาวุธปิศาจก็ถูกฟางหยวนควบคุม มันกระโจนเข้าไปหาระเบิดปรมาณูเอง
“ตอนนี้ ใครที่ยังอยากมีชีวิตอยู่ ก็รีบหนีเอาชีวิตรอดซะ!”
ฟางหยวนสร้างร่างวิญญาณของตนเองขึ้นในพริบตาและยิ้มให้ผู้วิวัฒน์ทั้งสาม “พวกแกสามคนก็รู้แผนการของหัวหน้าพวกแกใช่ไหม?”
“โอ้ บ้า! บ้าชะมัด!”
สีหน้าของลอริต้าเปลี่ยนไป เงาที่ด้านหลังเธอปรากฏขึ้น มันเปลี่ยนเป็นมือ คว้าตัวเธอแล้วพุ่งออกไป
ไม่นานหลังจากนั้น ที่ด้านหลังพวกเขา
“ครืน! ครืน!”
เมฆรูปดอกเห็ดปรากฏขึ้นและทั่วทั้งบริเวณก็สว่างวาบ
“บ้าชะมัด!”
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างจากระเบิดปรมาณูแล้ว แต่ก็ยังหลบคลื่นกระแทกจากการระเบิดไม่พ้น ทาให้พวกเขาม้วนกลิ้งไปกับพื้น
ลอริต้าคลานขึ้นจากพื้น “ไอ้หัวหน้าเฮงซวย… ทาไมแกถึงวางแผนอย่างนี้เอาไว้? แกต้องการฆ่าพวกเราหรือไง?”
“อย่าได้คิดอาฆาตเขาอีกเลย…”
อามันเปลี่ยนกลับไปเป็นหมาป่า ขนของเขาเริ่มงอกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “พวกเขาสองคนน่ะปิศาจ! ฉันเชื่อว่าถึงพวกเขาจะโดนระเบิดปรมาณู พวกเขาก็ยังมีชีวิตรอดได้!”
“แกพูดถูก!”
ที่ด้านข้าง เงาร่างฟางหยวนปรากฏขึ้น เขาค่อย ๆ เปลี่ยนจากภาพคล้ายมายามาเป็นตัวตนจริง ๆ และเสื้อผ้าของเขาก็ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการระเบิดเลยด้วยซ้า “อาวุธปิศาจที่ยังไม่สมบูรณ์นั่นก็น่าจะยังไม่ตาย สหพันธ์คงต้องเจอกับปัญหาแล้ว…”
ฟางหยวนหัวเราะ
อามันเงียบไป
เขารู้ว่าที่ฟางหยวนพูดนั้นเป็นเรื่องจริง แค่การระเบิดเล็ก ๆ และแผ่นดินไหวที่อ่างเก็บน้าฟลอก็มีผลกระทบไปครึ่งหนึ่งของสหพันธ์แล้ว
ถ้าเพิ่มผู้วิวัฒน์ขั้นที่สี่ที่ควบคุมไม่ได้เข้าไปอีกล่ะ? กระทั่งสมาชิกรัฐสภาของรัฐบาลก็คงเริ่มตระหนกแล้ว
ในตอนนี้ ลอริต้าก็ได้รับข่าวและสีหน้าของเธอก็เปลี่ยน “คนของสมาคมของเราส่งข้อความให้พวกเรา เรื่องที่เกิดขึ้นจัดเป็นการกวาดล้างทางการทหาร และชื่อของพวกเราทั้งหมดก็อยู่ในหมายจับ!”
“บ้าที่สุด!”
อามันสบถ และพอลก็แทบจะหมดสติไปที่ข้าง ๆ เขา
พอลรู้ขีดจากัดของความสามารถของตัวเองดี เขาไม่มีทางรอดเลยถ้าต้องเผชิญหน้ากับรัฐบาล
“พี่ชาย!”
ลอริต้าหันความสนใจไปหาฟางหยวน เธอกอดแขนเขาเอาไว้ “ฉันไม่มีที่ไปแล้วตอนนี้ ฉันน่าสงสารมากเลยนะ…”
“เธอ… กาลังขอร้องให้ฉันพาเธอไปด้วย?”
ฟางหยวนยิ้มอย่างจนปัญญา
“ใช่แล้ว!”
ลอริต้ากะพริบตา “ฉันอยู่ที่สหพันธ์อินทรีทองต่อไปไม่ได้แล้ว แล้วทาไมจะไม่ตามพี่ชายกลับไปล่ะ นะพี่ชายนะ?”
ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ของเธอจะเป็นแค่เด็กหญิงเล็ก ๆ แต่ว่าอันที่จริงแล้วเธอฉลาดมาก
เมื่อคิดถึงสถานะของฟางหยวน เขาน่าจะมีอิทธิพลมากทีเดียวในประเทศอื่น
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีอิทธิพล ด้วยความสามารถของเขา เขาก็ยังสามารถปกป้องพวกเธอและให้พวกเธอได้มีชีวิตอันสงบสุขและสบายต่อไปได้
“นี่… นี่ก็พอได้นะ!”
ฟางหยวนลูบคาง “แต่ว่า… ฉันกาลังจะรับเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง ถ้าเธอสามารถดูแลเขาได้ ฉันก็ไม่ว่าอะไร”
“ไม่มีปัญหา!”
ลอริต้ายิ้มยินดี เธอดูราวกับเป็นสัตว์เลี้ยงเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง
…
ในห้องทางานของประธานาธิบดีสหพันธ์อินทรีทอง
“ผมได้คานวนความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติที่อ่างเก็บน้าฟลอแล้ว…”
เลขานุการผู้หนึ่งลูบหัวตัวเองแล้วเสนอข้อมูลให้กับประธานาธิบดี
“มีแปดรัฐได้รับผลกระทบ ผู้คนกว่าห้าล้านคนต้องอพยพและได้รับบาดเจ็บกว่าสิบล้านคน… บริษัทประกันภัยหลายร้อยแห่งยื่นล้มละลาย เยี่ยมมาก!”
ประธานาธิบดีร้องออกมา “ให้ฉันลาออกก่อนเลยแล้วกัน”
นี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะจัดการได้ มันจบแล้ว
“ท่านประธานาธิบดี!”
ที่ปรึกษาผู้หนึ่งขยับแว่น “พวกเรามีข่าวดี ตระกูลรอธ ตระกูลเติร์ก และกลุ่มการเงินใหญ่ ๆ อีกหลายกลุ่มยินดีมอบกาลังคนและทรัพยากรให้เพื่อบรรเทาสถานการณ์…”
รัฐบาลของสหพันธ์อินทรีทองนั้นอันที่จริงแล้วมีทรัพทยากรจากัด กระทั่งการควบคุมทรัพยากรทางเศรษฐกิจยังอยู่ภายใต้เศรษฐีบางกลุ่มเท่านั้น
หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง ถ้าคนเหล่านั้นไม่เห็นด้วย ประธานาธิบดีก็ไม่สามารถดึงเงินแม้แต่เหรียญเดียวออกมาบรรเทาหายนะภัยนี้ได้
“นี่เป็นข่าวดีเดียว…”
ประธานาธิบดีเอนหลังบนเก้าอี้ “บอกข่าวร้ายที่เหลือทั้งหมดมา!”
“ท่านประธานาธิบดี!”
ชายในชุดสูทแบบตะวันตกสีดาเดินเข้ามา “เกี่ยวกับบุคคลที่ก่อหายนะครั้งนี้… ผมต้องการรายงานอย่างละเอียด”
“ฉันไม่อยากได้ยินเลย!”
ประธานาธิบดีลูบหน้าผากและพยายามรักษากริยา “… เอาเถอะ… รายงานมา ปิศาจสองตัวนั่นตายแล้วหรือยัง?”
“ผมเกรงว่ายัง…”
ชายชุดดายักไหล่และยืนแขนสองข้างออกมาวางเอาไว้ที่หน้าขา “แต่ว่า พวกเราจัดการนักวิทยาศาสตร์ที่เหลือที่เกี่ยวข้องกับแผนการอาวุธปิศาจและพร้อมที่จะจัดการอาวุธปิศาจแล้ว ส่วน ‘เหลย’…”
เขาส่งเอกสารอื่นให้กับประธานาธิบดีด้วยสีหน้าจริงจัง “ตามข่าวล่าสุด หัวหน้าหน่วยมังกรในประเทศจีนนั้นเป็นผู้วิวัฒน์ขั้นที่สี่– เทพแห่ง
สายฟ้า เขาน้อยครั้งที่จะปรากฏตัวในช่วงหลังมานี้ ตามที่สายลับของเรารายงานมา เขาหายตัวไป…”
“ทั้งคู่อยู่ขั้นที่สี่และยังเป็นคนจากทวีปกลาง ชื่อของพวกเขายังคล้ายกันมาก…”
ประธานาธิบดีคิดหนัก “คุณกาลังจะพูดอะไร? ทุกอย่างนี้เป็นแผนการของประเทศจีน? เริ่มสงครามโลกครั้งที่สอง? เฮ้… ความคิดนี้ฉลาดมาก! พวกผู้ผลิตอาวุธคงจะขอบคุณคุณมากเลย!”
“นี่เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เหลยที่ปรากฏตัวขึ้นบนแผ่นดินเรานั้นอันตรายมากกว่าและยังควบคุมไม่ได้!”
ชายชุดดาพูดต่อด้วยน้าเสียงจริงจัง “ผมขอแนะนาให้ตั้งคณะทางานขึ้นมาจัดการกับปัญหานี้ พวกเขาจะเก็บข้อมูล ทาการพยากรณ์ และจับตามองเขาตลอด 24 ชั่วโมง…”
“ทั้งหมดนั่นไร้สาระน่า ฉันแค่อยากรู้อย่างเดียว พวกเราจะจับตัวหรือว่าสังหารเขาได้ไหม?”
ประธานาธิบดีถามอย่างคาดหวัง
“ผมเกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้!”
ชายชุดดาตอบสีหน้าไร้ความรู้สึก
“บัดซบ!”
ประธานาธิบดีเริ่มสบถ “พระเจ้า โลกนี้จะกลายเป็นอะไรไปล่ะทีนี้?”