Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 436

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 436

436: ล่าสมบัติ
การมาถึงของปรากฏการณ์และการเพิ่มสูงขึ้นของพลังวิญญาณนั้นไม่เพียงมีผลกระทบกับมนุษย์เท่านั้น
ถ้าต้นหลิวยักษ์ที่เกือบจะทาลายเมืองชางไห่ไประหว่างปรากฏการณ์ครั้งที่สองนับเป็นตัวอย่าง ปรากฏการณ์ครั้งที่สามารถย่อมไม่มีผลแค่กับการฝึกตนของมนุษย์ ต้นไม้ ต้นหญ้า และสัตว์ล้วนสามารถเริ่มต้นการฝึกตนของตนเองได้!
หลายปีที่ผ่านมา มีหลายตัวอย่างของการบุกรุกเข้าเมืองของป่า แต่ตอนนี้ นี่คงกลายเป็นเรื่องธรรมดาไป
ฟางหยวนนั้นไม่ประหลาดใจอีกต่อไปกับการเกิดเหตุการสัตว์ป่าบุกรุกเข้าเมือง
“มันจะเกิดขึ้นแล้วเร็ว ๆ นี้… ในอีกสิบปีข้างหน้า พวกเราก็จะรู้ถึงความลับสุดท้ายของอาณาจักรนี้!”
ฟางหยวนมองไปที่ไกล ๆ และดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความกระหาย
ในฐานะนักข้ามฝัน เขาจะหยุดก่อนที่จะค้นพบความลับสุดท้ายของอาณาจักรได้อย่างไร?
“แน่นอนว่า… ข้าต้องได้สมบัติสุดท้ายนั่นมาอยู่ในมือ”
ฟางหยวนกลับไปที่บ้านมีลานแบบจีนของตัวเองและพบว่ามีเจ้าหน้าที่ทางทหารสองคนในชุดเครื่องแบบรออยู่ ผู้หญิงหนึ่งคนและผู้ชายหนึ่งคน
“อรุณสวัสดิ์ พวกคุณทั้งสอง”
เขายิ้มและมองเพื่อนเก่าของตัวเอง “พวกคุณมาที่นี่แต่เช้าเพื่ออวยพรปีใหม่ผมเหรอ?”
“ใช่แล้วครับ!”
เจ้าต้าหนิวแลกเปลี่ยนสายตากับเยี่ยอิงจื่อแล้วยิ้ม
หลังจากทางานมาหลายปี กระทั่งเด็กหนุ่มซื่อบื้ออย่างเจ้าต้าหนิวก็เริ่มมีความสาเร็จบ้างแล้วตอนนี้
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสงสัยมานานแล้วว่าเหลยผู้นี้คือฟางหยวน ในเมื่อฟางหยวนไม่ยอมรับว่าตัวเองคือเหลย พวกเขาทาได้เพียงเล่นตามน้าไปและปฏิบัติกับเขาอย่างคนนอกคนหนึ่ง
“แองเจิ้ล ชงชามาหน่อย!”
หลังจากเข้าไปในบ้าน ฟางหยวนก็สั่งเด็กสาวยกน้าชามาให้แขกทั้งสองคน
หลังจากมองดูแล้ว ฟางหยวนก็บอกได้ว่าความสามารถพิเศษของลูกสาวบุญธรรมของเขานั้นพัฒนาไปอีก แต่เธอก็ยังไม่ถึงขั้นที่สี่
ส่วนการฝึกตนของเธอ? ฟางหยวนยอมแพ้ไปนานแล้ว
อย่างไรเสีย เมื่อคิดถึงความสามารถพิเศษของเธอในการขัดขวางการไหลเวียนของหยาดพลังมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะสามารถดูดซับหยาดพลังในอากาศเพื่อเพิ่มพูนการฝึกตนของตัวเอง
ต่อให้ฟางหยวนนาเธอไปที่ค่ายกลกักวิญญาณเมื่อคืนนี้ เกือบครึ่งของพลังวิญญาณก็คงสลายไปเปล่า
“ขอบคุณค่ะ!”
เยี่ยอิงจื่อรับถ้วยชาจากแองเจิ้ลและดึงซองแดงซองหนึ่งออกมาให้ อีกด้านหนึ่ง สีหน้าของเจ้าต้าหนิวเปลี่ยนไปเป็นกระวนกระวายและฟางหยวนก็สามารถบอกได้เลยว่าความสามารถพิเศษของเขาถูกขัดขวางอยู่
“เอาละ พวกคุณสองคนมาที่นี่มีอะไร?”
ฟางหยวนจิบชาและรู้ว่าพวกเขาคงไม่มาที่นี่โดยไม่มีเหตุผล
“นี่… คุณเหลย คุณรู้เรื่องที่ลูกสาวอีกคนของคุณ ลอริต้า ทาอยู่หรือเปล่า?”
มองเจ้าต้าหนิวแล้ว เยี่ยอิงจื่อก็ยอมแพ้และถามออกไปตรง ๆ
“ทาไม? เธอก่อเรื่องอีกแล้ว?”
ฟางหยวนลูบหน้าผาก “ถ้าอย่างนั้น พวกคุณก็ทาตามที่ต้องการได้เลย ผมจะไม่ว่าอะไรเรื่องนั้น!”
“มันไม่ใช่อย่างนั้น…”
เยี่ยอิงจื่อรีบตอนและกลอกตาอย่างละอาย
เธอเป็นสมาชิกระดับสูงของสมาคมพิราบขาว เงาปิศาจ ลอริต้า เธอนับได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้วิวัฒน์ที่มีพลังที่สุดในโลก ดังนั้นใครจะกล้าไปสั่งสอนอะไรเธอได้?
“ไม่ใช่แค่เธอไม่ได้ก่อเรื่อง เธอยังทางานกับมนุษย์เพื่อรักษาความสงบสุขของเมืองหรงเชิง พวกเรายังเคยส่งจดหมายชื่นชมและมอบรางวัลให้เธอ!”
เยี่ยอิงจื่อปรับท่าทางเล็กน้อยและพูดต่อ “แต่ว่า การตรวจสอบระยะหลังมานี้ พวกเราพบว่าลอริต้าอาจจะมีปัญหาเล็กน้อย ดังนั้น พวกเราจึงมาที่นี่เพื่อแจ้งคุณเรื่องนั้น”
จากนั้นเธอก็ส่งเอกสารปึกหนึ่งให้ฟางหยวน
“ลอริต้าน่าจะไปรู้ตาแหน่งถ้าลับบนเขาหัววัวเข้าแล้ว? โดยที่ไม่รู้เลยว่าที่นั่นก็อยู่ในความสนใจของต่างชาติเช่นกัน… เดิมที คนต่างชาติเหล่านี้ก็ไม่นับเป็นอะไรได้”
เจ้าต้าหนิวเสริมขึ้น “แต่ว่า ตามข่าววงในที่พวกเราได้รับมาเช้านี้… คูเรียจากทวีปกลางเองก็รีบร้อนส่งมือดีของตัวเองไปที่ภูเขานั่นเหมือนกัน และยังนาไปโดยหัวหน้าบาทหลวง… เพราะเรื่องนี้ สหพันธ์อินทรีทองและสมาพันธ์บลูสตาร์จึงได้ลงมือและในเมื่อลอริต้าเข้าไปเกี่ยวข้อง พวกเราเชื่อว่าเธออาจจะตกอยู่ในอันตราย”
“คนจากคูเรีย?”
ฟางหยวนขมวดคิ้ว
เพราะฟางหยวนลงมือครั้งใหญ่ในสหพันธ์อินทรีทอง เขาจึงเลือกที่จะปิดบังตัวตนเอาไว้ตอนที่ไปอยู่ที่สมาพันธ์บลูสตาร์ แต่ว่า คูเรียนั้นเป็นกลุ่มของผู้วิวัฒน์ที่ใหญ่ที่สุดในสมาพันธ์บลูสตาร์และยังเป็นปฏิปักษ์กับพวกมนุษย์หมาป่าและผีดูดเลือด และฟางหยวนก็รู้เรื่องพวกนี้ทั้งหมด
“ก่อนหน้านี้ ภายใต้การโจมตีของคูเรีย พลังปิศาจก็ถูกปลุกขึ้นมา คูเรียจึงได้รวมตัวกันกับรัฐบาลบลูสตาร์ แบ่งปันข้อมูลระหว่างกัน หนึ่งในคนของพวกเราส่งสิ่งนี้มาให้!”
เจ้าต้าหนิววางกล่องหนังใบหนึ่งลงบนโต๊ะ หลังจากเปิดออกมาแล้ว ก็เผยหน้าจอหนึ่ง
หลังจากกะพริบอยู่สองสามครั้ง ภาพของเทือกเขาโฮลี่ก็ปรากฏขึ้นบนจอ
เหล่าผู้ศรัทธาเต็มภูเขาไปหมดราวกับฝูงมด ทุกอย่างที่เกิดขึ้น รวมทั้งการปรากฏสั้น ๆ ของสวรรค์ล้วนถูกจับภาพเอาไว้
แต่ว่า หลังจากการปรากฏของสวรรค์และการมาถึงของเทวทูต หน้าจอก็กลายเป็นสีดา
“คุณคิดอย่างไรเรื่องนี้ คุณเหลย?”
“น่าจะมีกึ่งระนาบอยู่ที่บนเทือกเขาโฮลี่ มันดูเหมือนจะมีบางอย่างที่ทรงพลังอาศัยอยู่ในนั้นก่อนที่จะถูกปลุกขึ้นมาเมื่อคืนนี้…”
ฟางหยวนลูบคาง
นี่ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
อย่างไรเสีย บนโลกนี้ก็มีการคงอยู่ของทั้งผู้วิวัฒน์และผู้ฝึกตนเหนือธรรมชาติอยู่แล้ว ในเมื่อพวกเงือกยังวางแผนสร้างกึ่งระนาบขึ้นมาได้ เหตุใดเผ่าพันธุ์อื่นจึงจะไม่ทาเช่นเดียวกัน?
ในทวีปกลางมีมรดกของผู้ฝึกตน และดังนั้น จะมีสวรรค์หรือนรกอยู่บ้างในทวีปตะวันออกย่อมไม่น่าประหลาดใจ
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีของพวกเขานั้นก็พัฒนาไปมากกว่าพวกเงือก มันจึงอยู่มาได้นับพันปีก่อนที่จะกลับคืนสู่โลกได้สาเร็จเมื่อเกิดปรากฏการณ์ครั้งถัดมา
“นอกจากนี้… การเปิดกึ่งระนาบขึ้นมาได้นั้นดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับความเข้มข้นของหยาดพลังในโลก…”
“คุณสมกับที่เป็นท่านเหลย มีความรู้ในด้านนี้มากนัก!”
ดวงตาของเยี่ยอิงจื่อเป็นประกายเหมือนเก็บงาบางอย่างเอาไว้
“เล็กน้อย เล็กน้อยเท่านั้น!”
ฟางหยวนจิบชา “พวกคุณคิดว่าคูเรียตั้งใจจะทาอะไรถึงได้เข้ามาที่ทวีปกลางนี่?”
“พวกเรารู้สึกถึงการคุกคามเพราะพวกเราไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร…”
เยี่ยอิงจื่อดูจนปัญญา “ไม่กี่ชั่วโมงตอนเช้าวันนี้ มีการแจ้งเตือนอยู่เกือบทุกพื้นที่ ไม่แค่ผู้วิวัฒน์ แต่ยังมีหลายครั้งที่เป็นสัตว์ป่าทาร้ายมนุษย์ หมู่บ้านห่างไกลบางแห่งถูกตัดการสื่อสารกับในเมือง พูดตามตรงแล้ว
หัวหน้าสานักเริ่มวิตกเรื่องนี้แล้วและมันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะส่งทหารมาที่นี่…”
เธอมีสีหน้าหมดหวัง
ฟางหยวนรู้สึกสงสารเธอนิดหน่อย ทั้งเมืองหรงเชิงนี้เป็นเมืองที่ค่อนข้างห่างไกลและผู้ที่รับผิดชอบ เจ้าต้าหนิว ก็เป็นแค่ผู้วิวัฒน์ระดับอันตรายที่มีพลังจากัด
เขารับมือกับลอริต้าไม่ได้ด้วยซ้า อย่าว่าแต่กองกาลังต่างชาติเลย
“อืม ผมเข้าใจแล้ว ผมจะให้ความสนใจเรื่องนี้มากขึ้นแล้วกัน”
ฟางหยวนพยักหน้าแล้วส่งแขก ดวงตาของเขาเป็นประกาย
เขารู้ดีอยู่แล้วเรื่องที่เกี่ยวกับถ้าที่บนเขาหัววัว
อย่างไรเสีย ตาแหน่งที่รูปสลักพระศรีอาริยเมตไตรยและอสุราชี้ไปก็คือภูเขาหัววัว!
‘นี่เป็นผนึกพันปี ข้าสงสัยนักว่าผู้ฝึกตนโบราณคนใดทิ้งเอาไว้ให้ข้ากัน?’
หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“พี่ฟาง!”
เยี่ยอิงจื่อลุกพรวดขึ้น เจ้าต้าหนิวกระวนกระวายและดวงตาของเขาก็แดงเรื่อขึ้นมา “กลับมาได้แล้ว… หัวหน้าสานักกับพวกเรารับมือไม่ไหวแล้ว”
“พี่ฟาง?”
ฟางหยวนมีท่าทีอึ้งไป “ใครกันเหรอ? เขาคือเพื่อนเก่าของพวกคุณเหรอ?”
“พอได้แล้ว สหายเจ้าต้าหนิว! รักษามารยาทด้วย!”
เยี่ยอิงจื่อยังคงดูเคร่งขรึมและจับสังเกตสีหน้าของฟางหยวนเงียบ ๆ แล้วเธอก็ดึงเจ้าต้าหนิวกลับออกไปอย่างไม่พอใจนัก

“คุณพ่อบุญธรรม!”
ตอนที่พวกเขาสองคนกลับออกไป แองเจิ้ลก็ถามอย่างสงสัย “พวกเขาเป็นเพื่อนเก่าของคุณพ่อเหรอคะ? งั้นนี่ก็นับเป็นการเผยตัวตนแท้จริงของคุณพ่อด้วยไหม?”
ลูกตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ และฟางหยวนก็ไม่รู้ว่าเธอกาลังคิดอะไร
“ไอ้หยา… หนูคิดจะทาอะไร?”
ฟางหยวนเคาะหัวเธอ ทาให้เธอร้องออกมา
“อย่าคิดวุ่นวายไปเอง แล้วก็ เอารูปสลักสองชิ้นนั้นจากในตู้นิรภัยในห้องของพ่อออกมา!”
ฟางหยวนสั่ง
“ค่ะ”
แองเจิ้ลกระโดดดึ๋งเข้าไปในบ้านและแค่ครู่เดียวเธอก็นาเอารูปสลักพระศรีอาริยเมตไตรยกับอสุราออกมา
ตอนนี้ กระทั่งเธอเองก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติกับรูปสลักสองชิ้นนี้
แสงสีม่วงส่องเรืองออกมาที่ผิวของรูปสลักแต่ว่าไม่มีวี่แววว่าจะจางหายไป
“อืม…”
ฟางหยวนเหลือมองแองเจิ้ลด้วยสีหน้าลึกลับ ‘ถ้าไม่เพราะมีเจ้าอยู่ด้วย ข้าเกรงว่ารูปสลักทั้งสองนี้ก็คงถูกเปิดใช้งานและทาให้ทั้งโลกตกตะลึงไปแล้ว’
ภายใต้ความปั่นป่วนรุนแรงของพลังวิญญาณ รูปสลักทั้งสองนี้ก็ยังสามารถเปล่งประกายสีม่วงออกมาได้นั้นยืนยันแล้วว่าพวกมันเป็นของที่พิเศษ
“นี่หมายความว่า… นี่เป็นของวิเศษเหรอคะ? หนูรู้แล้ว มันต้องเป็นของวิเศษที่เขียนเอาไว้ในตานานแน่ ๆ!”
ดวงตาของแองเจิ้ลเป็นประกายอย่างตื่นเต้น
“หนูผิดแล้ว มันเป็นแค่กุญแจเท่านั้น!”
ฟางหยวนยื่นมือออกไปแล้วทุบรูปสลักทั้งสองแตกเป็นชิ้น
“ซ่า! ซ่า!”
จากเศษซากชิ้นเล็กชิ้นน้อย ประกายสีม่วงเริ่มรวมเข้าด้วยกัน ก่อเป็นรูปอัญมณีเม็ดหนึ่ง มีพลังงานสีม่วงที่สั่นสะเทือนออกมาจนมองเห็นได้อยู่ในอัญมณีเม็ดนี้
“โอ้! โอ้! พวกเรากาลังจะไปล่าสมบัติกันใช่ไหมคะ?”
แองเจิ้ลตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม “หนูจะไปเตรียมตัว”
“ไม่ต้องเตรียมตัวหรอก อย่างไรเสีย มันก็อยู่แค่ข้างนอกบ้านเรานี่เอง พวกเราจะไปถึงภายในแค่ไม่กี่ก้าว!”
ฟางหยวนส่ายหน้า เขาพาแองเจิ้ลลอยตัวขึ้นแล้วมุ่งหน้าไปทางภูเขาหัววัว

ภูเขาหัววัว
“โฮก! โฮก!”
“อ๊าว! อ๊าววว!”
สัตว์ป่าทุกสายพันธุ์ปรากฏตัวขึ้น พวกมันล้วนมีขนาดใหญ่โตและยังไม่กลัวตายเมื่อพุ่งเข้าหากลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง
“เป็นหมูกับลิงที่น่ารักจังเลย…”
เมื่อเห็นสัตว์พวกนี้ ลอริต้าก็ยิ้มและเงาก็ปรากฏที่รอบตัวเธอ เหมือนแขนสีดา เธอคว้าลิงดุร้ายตัวหนึ่งขึ้นมาบังคับให้มันคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ “เป็นเด็กดีแล้วเดี๋ยวฉันจะซื้อกล้วยให้กินนะ…”
เธอลูบขนบนหัวลิงตัวนั้น แต่ใบหน้าของเธอกลับดูจริงจัง ‘ลิงชนิดนี้เป็นแค่ลิงธรรมดาอยู่เมื่อวานนี้ แต่ว่าวันนี้ มันกลับเปลี่ยนไปเป็นปิศาจ ความสามารถของมันทาให้มันมีพลังเทียบเท่ากับผู้วิวัฒน์ระดับภูติผีไปแล้ว’
“อ๋า!”
“ช่วยด้วย!”
แค่ลังเลเล็กน้อย สมาชิกในกลุ่มของเธอก็ถูกงูใหญ่ตัวหนึ่งขดรัดเอาไว้แล้วก็นิ่งไป
“หัวหน้าไช่ รีบช่วยเขา!”
สมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มกรีดร้องขณะชายวัยกลางคนผู้หนึ่งรวมลูกไฟเล็ก ๆ เอาไว้ตรงหน้าตัวเองก่อนที่จะกระแทกใส่งูยักษ์
“ฟ่อ…”
งูยักษ์เจ็บปวดและรัดตัวแน่นขึ้นทาให้คนโชคร้ายผู้นั้นต้องทนทรมานมากขึ้นจนจะตายแล้ว
“เหอเหอ…หัวหน้าไช่ คุณทาร้ายเขาแทนแล้ว!”
ลอริต้าหัวเราะคิก เงาปรากฏที่ด้านหลังเธอและพุ่งตัวลงไปราวกับเป็นดาบคม ๆ เล่มหนึ่ง
แค่พริบตาเดียว งูยักษ์ตัวนั้นก็ถูกกุดหัว

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ