Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 439

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 439

439: วังหยกขาว
หนึ่งพันปีก่อนบนดาวโลก พลังวิญญาณนั้นมีเพิ่มมีลด
จากวัฏจักรนี้ เหล่าสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติจึงกาเนิดขึ้น และพวกเขาก็ได้เรียนรู้ต้นกาเนิดของตัวเองอย่างละเอียด รวมถึงการมีอยู่ของดาวหางราชาวิญญาณ
“มันเป็นของพวกเรา?”
ฟางหยวนยิ้มขา
“แล้ว ‘พวกเรา’ น่ะ หมายถึงใครกันแน่?”
“แน่นอนว่าคือเทพเจ้าของทุกทวีป!”
ฟาร์ชูฮาร์ตอบอย่างไม่ลังเล
“ผ่านไปกว่าพันปีแล้ว เทพเจ้าของโลกนี้มองเห็นหายนะที่กาลังจะเกิดขึ้นและตัดสินใจผนึกตัวเองเอาไว้ ยามนี้เมื่อข้าตื่นขึ้นมา ข้าก็คิดว่าพวกเขาคงจะค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาเช่นกัน”
ฟางหยวนคิดถึงกึ่งระนาบของชาวเงือก
ถึงแม้ว่ามนุษย์เงือกเหล่านั้นจะล้มเหลวในฐานะเผ่าพันธุ์หนึ่ง แต่โลกกว้างใหญ่ และยังอาจจะมีผู้เหลือรอด
‘น่าเสียดาย… ไม่ว่าจะกลืนกินพลังเข้าไปมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถบรรลุระดับได้… เว้นแต่จะมีการช่วยเหลือจากปรากฏการณ์ครั้งที่สาม…’
ฟางหยวนถอนหายใจอยู่เงียบ ๆ มองไปทางฟาร์ชูฮาร์
“อย่างนั้นสิ่งที่คุณจะพูดถึงก็คือกึ่งระนาบแห่งนี้ มีผู้อาวุโสจากทวีปกลางอยู่?”
“กึ่งระนาบ? เป็นคาที่ดี พวกเรามักจะเรียกมันว่า ‘สวรรค์’ การอยู่ที่นั่นจะลดการสูญเสียของพลังชีวิตได้เป็นอย่างมาก… เจ้า ผู้ฝึกตนอมตะจากทวีปกลางมักจะเรียกมันว่า ‘ถ้ามิติและผืนดินมั่งคั่ง’ มีผู้ทรงพลังหลายคนตื่นขึ้นแล้วจริง ๆ แต่ว่าไม่ใช่ที่นี่!”
ฟาร์ชูฮาร์มั่นใจ
“ผู้ฝึกตนเส้นทางนี้นั้นมีทางเลือกอื่น และได้ก้าวสู่ขอบเขตที่สูงกว่านี้ไปแล้ว”
‘อา อย่างนั้นคนผู้นี้จึงอดรนทนไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้ามาหามรดกนี้’
ฟางหยวนไม่พอใจ
‘พวกสวะ ไม่แปลกใจเลยที่เป็นพระเจ้าของพวกคูเรีย…’
“เหลย มรดกที่นี่นั้นสาคัญกับพวกเรามาก เจ้าคิดว่าที่พวกเราพูดไปนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฟาร์ชูฮาร์มองฟางหยวน สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
“พวกคุณตั้งใจจะรักษาพลังวิญญาณของโลกนี้เอาไว้ด้วยวิธีไหน?”
ฟางหยวนถามหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
“ง่ายมาก เพราะว่าพลังวิญญาณของพวกเรามาจากดาวหางราชาวิญญาณ พวกเราก็แค่ต้องนามันลงมาที่โลกนี้และเก็บมันไว้ที่นี่ตลอดไป
ข้าจะเรียกมันว่า ‘ปฏิบัติการเก็บดวงดาว’ และแก่นสาคัญของแผนการนี้ก็คือการจับดาวหางนั่นไว้ ทาให้มันมาเป็นดวงจันทร์ดวงที่สองของพวกเราหรือไม่อย่างนั้นก็นามันลงมาที่พื้นโลก”
ฟาร์ชูฮาร์พูดฟังดูง่ายราวกับเดินเล่นในสวนหลังบ้าน
“นามันลงมาที่พื้นโลก? คุณคิดจะทาลายอารยธรรมกึ่งหนึ่งบนโลกหรือไง?”
ฟางหยวนส่ายหน้า
“ต่อให้มันมาเป็นดาวบริวารของพวกเรา ก็ยังมีผลกระทบร้ายแรง อาจจะสูญเสียชีวิตนับล้าน”
“เพื่ออนาคตที่ดี พวกเราก็ต้องรับความสูญเสียชั่วคราวนี้ ผู้ที่เสียสละชีวิตไปนั้น ข้าสัญญาว่าจะส่งวิญญาณของพวกเขาขึ้นสวรรค์”
ฟาร์ชูฮาร์พูดทั้งหมดนี้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“อย่างนั้น… คงมีบางอย่างที่คุณต้องการอยู่ในถ้ามิติและผืนดินมั่งคั่งนี่?”
“ใช่ สายเลือดของผู้วิเศษที่มีความสามารถในด้านการร่ายมนต์ของทวีปกลางจะเป็นประโยชน์อย่างมากในปฏิบัติเก็บดวงดาว… บอกคาตอบของเจ้ามาได้แล้ว”
ทูตสวรรค์มองสบตาฟางหยวน
“วิถีทางที่ถูกต้องนั้นสอนกันไม่ได้!”
ฟางหยวนยกมุมปากขึ้น
เป็นทีของฟาร์ชูฮาร์ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
“นั่นหมายความว่าอย่างไร?”
“ผมไม่สนับสนุนและไม่ปฏิเสธ…”
ฟางหยวนพูดต่อพร้อมยิ้ม
“ผมจะไม่ช่วยพวกคุณ แต่ผมก็จะไม่ทาลายแผนการของพวกคุณเช่นกัน ผมแค่อยากเห็นปรากฏการณ์ครั้งที่สี่ ผมอยากเห็นด้วยตัวเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้หลังจากปฏิบัติการเก็บดวงดาว”
“ขอบคุณมาก!”
ฟาร์ชูฮาร์เงียบไปนาทีหนึ่ง สาหรับสิ่งมีชีวิตระดับเขา เขาพูดมันจากหัวใจและไม่จาเป็นต้องโกหก
“แต่ว่า… ถ้ามิติและผืนดินมั่งคั่งแห่งนี้นั้นเป็นของผม!”
เมื่อพูดไปแล้ว ฟางหยวนก็พลิกกุญแจหยกในมือ
“เข้าใจแล้ว… กุญแจอยู่ในมือเจ้ามาตลอด!”
ฟาร์ชูฮาร์พยักหน้า
“ในเมื่อเจ้าตกลงที่จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวในแผนการของข้า ข้าก็ยินดีทาเดียวเช่นกัน…”
อย่างไรเสีย มันก็เป็นพื้นที่ของทวีปกลาง ฟาร์ชูฮาร์รีบมาที่นี่เพราะหวังว่าจะฉวยโอกาสขณะที่ตัวตนอื่น ๆ ยังคงหลับใหลอยู่ในผนึก
แต่ตอนนี้ เขาพบฟางหยวน ผู้ฝึกตนระดับเดียวกัน เขาก็ตัดสินใจรามือ
มันไม่คุ้มที่จะขัดแย้งกับตัวตนในระดับเดียวกันเพื่อโอกาสเล็กน้อยในการครอบครองวิชาร่ายมนต์
“แล้วก็ หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ข้าก็อยากจะเชิญเจ้าไปชมภูเขาโฮลี่… แผนการของข้าจะเป็นประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติทั้งหมด”
ฟาร์ชูฮาร์เชื่อมั่นใจตัวเอง
หลังจากพูดจบ ฟาร์ชูฮาร์ก็หายตัวไปพร้อมกับแสงสีทองที่ระเบิดออกมา
“นี่…”
ฝูงชนเริ่มรู้สึกตัว พวกเขามองไปรอบ ๆ อย่างงุนงง
“ท่าน!?”
สมาชิกจากศาสนจักรรู้สึกกลัวและพวกเขาก็พยายามพยุงหัวหน้าบาทหลวงขึ้นมายืน
“ท่าน… ผมขอตัวกลับแล้ว!”
หัวหน้าบาทหลวงลุกขึ้นยืนอย่างยากลาบากและโค้งตัวให้ฟางหยวนก่อนที่จะเดินจากไป เขาดูเหมือนจะได้รับคาสั่งจากฟาร์ชูฮาร์แล้ว
“ว่าอย่างไร? คนของสหพันธ์อินทรีทองก็สนใจในสมบัติของทวีปกลางด้วยหรือ?”
เมื่อสมาชิกของศาสนจักรจากไปหมดแล้ว ฟางหยวนก็มองจาไนและเลิกคิ้วขึ้น
“แน่นอนว่า… ไม่!”
จาไนหัวเราะกระอักกระอ่วนและก้าวเท้าถอยหลัง
เมื่อมีแองเจิ้ลอยู่ เขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าคนธรรมดาเลยด้วยซ้า เขาคงจะถูกฆ่าทิ้งถ้าพูดอะไรผิดไป
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปซะ!”
สีหน้าฟางหยวนเย็นชา
“คุณ…”
ด้านหลังจาไน ผู้วิวัฒน์หลายคนยกอาวุธปืนในมือขึ้น แต่ว่า ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ทาอะไร หัวของพวกเขาก็ระเบิดออกเป็นกลุ่มละอองสีแดง
“ฉันจะไม่พูดซ้า!”
ฟางหยวนประกาศช้า ๆ อย่างเยือกเย็น
“ได้ พวกเราไปเดี๋ยวนี้แล้ว!”
จาไนเหงื่อหยดพรูและกัดฟัน เขาออกคาสั่งถอย
“แค่คาพูดของเขา ทั้งศาสนจักรและสหพันธ์ก็ถอย…”
หัวหน้าไช่กลืนน้าลาย เมื่อสังเกตเห็นว่าฟางหยวนมองมา เขาก็เริ่มตะกุกตะกัก
“นี่… ยอดเยี่ยม… สุดยอดไปเลยครับท่าน พวกเราก็จะกลับเดี๋ยวนี้เลย!”
“จะให้ประเทศอื่นเข้ามาหยิบฉวยสมบัติของประเทศจีนได้อย่างไร?”
ฟางหยวนยิ้มกว้าง
“ถ้าพวกคุณไม่มีอย่างอื่นต้องไปทา อย่างนั้นก็ไปคอยดูรอบ ๆ ให้ฉัน แล้วจะมีค่าตอบแทนให้!”
“พวกเราจะทาอย่างเต็มที่ครับท่าน!”
หัวหน้าไช่ตอบทันที
“ดีมาก!”
ฟางหยวนโบกมือไปทางเสือขาว และมันก็เดินมาหาเขาอย่างเชื่อฟังราวกับเป็นแมวหง่าวตัวหนึ่ง
“พวกเธอสองพี่น้องอยู่ข้างนอกนี่!”
เขาเดินไปที่ปากถ้าและสั่งเสือขาวนาทาง จากนั้นเขาก็ตามเข้าไป
เส้นทางนั้นสั้นและไม่ช้าพวกเขาก็ไปถึงที่ปลายถ้า หญ้าแห้ง ๆ หย่อมหนึ่งแผ่อยู่บนพื้น มีรอยก้นหม้อวางอยู่บนนั้น ที่รอบ ๆ เป็นอาหารที่กินทิ้งขว้างเอาไว้
“เปิด!”
ฟางหยวนไม่สนใจรายละเอียดเล็ก ๆ พวกนี้และหลังจากปรายตามองอีกครั้ง เขาก็ดึงกุญแจหยกออกมา
“ตูม!”
ผนังรอบ ๆ เริ่มสั่นและรอยบุ๋มเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนก้อนหิน เมื่อฟางหยวนกดกุญแจหยกลงไปบนรอยนั้น มันก็ผสานเข้าไปในก้อนหินและแผ่รัศมีสีม่วงออกมาแล้วลามไปทั่วผนัง
ชั้นหินหลุดออกจากกาแพงเผยให้เป็นพื้นผิวสีม่วงเป็นประกาย
“กึ่งระนาบอีกแห่ง!”
ฟางหยวนพยักหน้าและใช้เจตจานงเวทย์ของเขาตรวจสอบอันตรายก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าไป
“ซ่า!”
ฟ้าและดินผสานกันและมิติเวลาก็วาบขึ้น
เมื่อเขากวาดตามองรอบตัวอีกครั้ง ทุกอย่างรอบตัวเขาก็เปลี่ยนไปแล้ว
วังสร้างจากทองและหยกปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา รอบด้านนั้นเป็นหมอกที่ซึมเข้าไปในพื้นดินกว้างและเปลี่ยนทั้งหมดไปเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทุกอย่างรวมกันเกิดเป็นโครงสร้างพื้นฐานของถ้ามิติและผืนดินมั่งคั่ง
บนกาแพง ฟางหยวนมองเห็นชื่อของสถานที่นี้
“วังหยกขาว?”
ในโลกนี้ มีตานานและเรื่องเล่าของวังหยกขาวเช่นกัน มันคล้ายกับสวรรค์ของทวีปตะวันตก สถานที่พวกนี้เป็นที่อยู่ของตัวตนเหนือธรรมชาติ
ยกเว้นว่าสิ่งก่อสร้างยิ่งใหญ่และผืนดินกว้างนี้ดูเหมือนจะไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิต
“อย่างที่คิด… ที่นี่ไม่มีใครเลย ไม่เหลือ…”
ฟางหยวนสารวจห้องฝึกวิชาและห้องปรุงยาทั้งหมด เขาพบว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ จัดเรียงไว้เป็นอย่างดีและยังไม่มีร่องรอยวุ่นวาย เขาเริ่มเข้าใจ
“พวกเขาทั้งหมดล้วนบรรลุระดับและจากไปแล้ว?”
เพื่อที่จะตอบคาถามนี้ เขามุ่งหน้าไปที่วังหลัก เขาฝ่าการป้องกันทั้งสามสิบหกด่านของที่นี่เข้าไปที่ใจกลางของสิ่งก่อสร้างนี้
“มันน่าจะเป็นที่นี่…”
หลังจากผ่านมาพันปี ขีดจากัดก็ซ่อมแซมตัวเองและฟางหยวนก็จับตามองพวกมันต่อ เขาแน่ใจว่าสานักแห่งนี้นั้นสามารถให้กาเนิดผู้ฝึกตนขั้นที่สี่และเหนือกว่าได้
เมื่อเขาทาลายการป้องกันด่านสุดท้าย เขาก็เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่
มีรูปสลักมังกรเก้าสิบเก้าตัวขดอยู่รอบ ๆ เสาสีทองประกายสีม่วงและทาให้ห้องโถงดูสว่างไสวขึ้นมา แต่ว่า ที่นี่ก็ยังคงไม่มีใคร
ม้วนตาราสีขาวแผ่นหนึ่งลอยอยู่เงียบ ๆ กลางอากาศ
ฟางหยวนพึมพาบางคาและเจตจานงค์เวทย์ของเขาก็พุ่งตรงไปหาม้วนตารา
“พวกเรา วังหยกขาว…”
ครู่ต่อมา ข้อมูลทางจิตจานวนมากก็ไหลบ่าเข้ามาในสานึกของเขา
ถ้าเป็นคนธรรมดาอื่นอาจจะต้องประสบกับภาวะปวดศีรษะรุนแรงจากข้อมูลมหาศาลที่ถูกใส่เข้ามา แต่ฟางหยวนนั้นมีประสบการณ์และสามารถเริ่มต้นจัดการและแยกแยะข้อมูลได้ในทันที ข้อความเหล่านี้สะดุดตาเขา
“คนที่ทิ้งข้อความนี้เอาไว้เป็นบุตรชายของวังหยกขาว เจ้าสานักวังหยก ในการตื่นกลับขึ้นมาครั้งหนึ่งเมื่อหลายพันปีก่อน ผู้อาวุโสของพวกเขาตื่นขึ้นจากสภาวะผนึกตัวเองและเปิดสานักขึ้นบนโลกนี้ สานักวังหยกไม่ช้าก็กลายมาเป็นหนึ่งในอิทธิพลและยังให้กาเนิดนักสู้ในตานานจานวนนับไม่ถ้วน แต่ว่า เพราะพลังวิญญาณที่ค่อย ๆ ลดลง ผู้อาวุโสหลายคนไม่ยินยอมผนึกตัวเองอีกครั้งและผลลัพธ์ก็คือความอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก ดังนั้น ทั้งสานักจึงลงความเห็นให้ทะลวงออกสู่ความว่างเปล่าและละทิ้งโลกนี้ไป…”
ฟางหยวนไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไรดี
การจากไปด้วยวิธีการนี้นั้นเป็นการเคลื่อนย้ายทางกายภาพ พวกเขาไม่มีปลายทางที่แน่นอนและทาได้เพียงล่องลอยไปในความว่างเปล่า นี่เป็น
วิธีการจากไปที่เรียกได้ว่าสุดขั้วและยังมีโอกาสรอดชีวิตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“แล้วก็… ดูเหมือนว่าสานักวังหยกนั้นจะตรวจสอบเรื่องการลดลงของพลังวิญญาณแล้วและไม่ยินดีที่จะสนับสนุนปฏิบัติการเก็บดวงดาว พวกเขาจึงเลือกที่จะจากไปแทน แต่ว่าทาไมล่ะ?”
ถึงแม้ว่าตาราม้วนที่ถูกทิ้งเอาไว้จะมีรายละเอียดมรดกต่าง ๆ มากมาย ฟางหยวนก็ยังคงติดอยู่กับคาถามนี้
ด้วยระดับพลังของเขา ตาราฝึกฝนต่าง ๆ ล้วนไม่น่าสนใจ มีแค่แนวความคิดของการเคลื่อนย้ายทางกายภาพและการบรรลุสู่ความว่างเปล่าที่มีค่าพอให้เขาสนใจ

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ