Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 445

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 445

445: สังเวยเลือด
ประเทศโป๋สั่ว
ประเทศนี้อยู่ทางตะวันตกของประเทศจีนและยังเป็นประเทศที่มีอานาจเป็นอันดับสองในทวีปกลาง ประเทศนี้นับถือศาสนาพราหมณ์
โชคไม่ดีนัก การมาถึงของปรากฏการณ์ครั้งที่สามนั้นยังไม่มีวี่แววว่าจะปลุกพระพรหมขึ้นมาได้ กลับกัน มีพราหมณ์หลายคนที่ฝึกฝนความสามารถพิเศษด้วยตัวเอง และทาการชี้นาด้วยคาปลุกใจประเภท ‘ใครก็เป็นพรหมณ์ได้’ พวกเขาเตรียมจะพัฒนาตัวเองขึ้นเป็นพระพรหมกันเองแล้ว
แต่ว่า ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงขั้นนั้นได้ โลกก็เริ่มประสบกับหายนะไปทั่ว ภัยธรรมชาติและการจู่โจมจากพวกสัตว์ป่าหลายต่อหลายครั้งนั้นเพียงพอที่จะกาจัดประชากรกว่าเก้าส่วนไป เมื่อจานวนผู้นับถือศาสนาลดลง การจะขึ้นเป็นพระพรหมนั้นก็กลายเป็นเรื่องตลกไป
“คนของโป๋สั่วนั้นประมาทเกินไปแล้ว ที่นี่เป็นดวงตาของค่ายกลอย่างแท้จริงและพวกเขายังปล่อยให้มันถูกศพกว่าหนึ่งหมื่นมาทาให้แปดเปื้อน!”
จากบนอากาศเหนืออ่าวแห่งหนึ่ง ฟางหยวนค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้นและส่ายหน้าเมื่อเห็นศพมากมายนอนเกลื่อนกลาด “ถึงแม้ว่าดวงตาของค่ายกลจะต้องการการสังเวยเลือด แต่ก็ไม่ใช่แบบนี้…”
เขาค่อย ๆ ขยับลงมาที่พื้นและเริ่มตรวจสอบลมหายใจแห่งผืนดินบริเวณนี้
“อืม… การเตรียมการขั้นต้นของสิงเหอจื่อดีมากทีเดียว ดวงตาของค่ายกลนี้เหมาะสมเป็นอย่างมากและปราณแห่งผืนดินที่นี่ก็หนาแน่น…”
ดวงตาของฟางหยวนปรากฏประกายสีเพลิงขึ้น และเขาก็มองผ่านผืนดินลงไปและสังเกตที่ใจกลางดวงตา
“มีน้า แผ่นดินจึงถือกาเนิด… ที่นี่เหมาะสมที่จะร่ายค่ายกลทาลายหกพิภพมากกว่า!”
เขาปล่อยสมรภูมิแห่งพลังออกมาโดยไม่คิดให้มากความ ปล่อยให้มันซึมลงไปในผืนดิน จากนั้นเขาก็จะสามารถปรับเปลี่ยนการไหลเวียนของพลังงานในผืนดินเล็กน้อย และเพื่อที่จะทาให้ดวงตาของค่ายกลสมบูรณ์ เขาก็แฝงบางอย่างของตัวเองลงไปในนั้น
“ปุด! ปุด!”
ศพที่ลอยอยู่ใกล้ ๆ แม่น้าเริ่มมีฟองอากาศผุดขึ้น จระเข้ยักษ์ที่ดูคล้ายปิศาจตัวยาวกว่าสิบเมตรลอยตัวขึ้นมาบนผิวน้า มันมีรูปร่างประหลาด มีแปดขา มันจับตามองฟางหยวนอย่างสงบ
“จระเข้ตัวนี้… ระดับสูงสุดของระดับอันตราย? นี่คือสัตว์พิทักษ์ของที่นี่ที่สิงเหอจื่อกับพวกวางเอาไว้?”
ในเมื่อจระเข้ไม่ได้รบกวนเขา ฟางหยวนจึงไม่สนใจมัน เขานั่งขัดสมาธิที่กลางอากาศขณะเพิ่มการไหลเวียนของพลังเข้าไปในผืนดิน
การปรับแต่งดวงตาของค่ายกลที่ถูกสร้างเอาไว้นั้นยากกว่าแค่ทาลายมันทิ้งไป
เรื่องดีก็คือว่า สาหรับฟางหยวนแล้ว นี่เป็นปัญหาเล็ก ๆ เท่านั้น
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ใบหน้าของฟางหยวนก็เริ่มบิดเบี้ยวและจู่ ๆ เขาก็จ้องไปที่ด้านข้าง “นั่นใคร? กล้าดีอย่างไรแอบมองข้าอยู่?”
“ครืน!”
ฟางหยวนนั้นมีพลังอันไร้จากัด เพียงแค่คิด แผ่นดินที่ใต้ร่างของเขาก็แยกออกและดวงตาขนาดมหึมาที่เกิดจากหินก็ลอยออกมา
ดวงตานี้มีสีน้าตาลราวกับสีดินและดูเหมือนจะถูกสลักขึ้นมาจากหินก้อนเดียว ทาให้มันดูลึกลับ
แต่ว่า ฟางหยวนก็สามารถตรวจพบเจตจานงเวทย์ออกมาจากมันได้ นอกจากนี้ มันยังมีรัศมีพลังแห่งชีวิตอยู่ด้วย
“เจ้าตรวจพบข้าได้อย่างไร! เป็นไปไม่ได้!”
เจตจานงเวทย์คารามและเริ่มคลั่งขึ้นมา “เจ้าก็แค่ผู้มีความสามารถผู้หนึ่งในระดับคืนพลังเท่านั้น เหตุใดจึงตรวจพบข้าดวงตาหินพันปี? เจ้าต้องมีความลับใดซ่อนอยู่!”
“เจ้าโง่!”
ฟางหยวนตอบมันด้วยสายฟ้าไร้ปรานี
“ครืน!”
ท้องฟ้าเปิดออก ปล่อยสายฟ้าสีม่วงตวัดลงมาที่ดวงตานั่นโดยไม่ปรานี
ดวงตานั่นส่งเสียงคารามและบนผิวเริ่มมีรอยแตก “แกฆ่าข้าไม่ได้!”
เจตจานงเวทย์จากดวงตานั่นเริ่มตระหนก “ร่างจริงของข้าจะตามแก้แค้นเจ้า! นอกจากนี้… ข้ายังเป็นคนของสานักเร้นกาย และนี่ก็เป็นแค่การตรวจตราตามปกติเท่านั้น!”
“สานักเร้นกาย?”
ได้ยินชื่อที่ทาให้ซีเหมินเจียนหวาดกลัวอยู่ในใจแล้ว ฟางหยวนก็หัวเราะขา “แล้วทาไมสิงเหอจื่อถึงไม่พูดถึงเจ้าให้ข้าฟัง?”
“ทาไมพวกเราต้องให้เจ้าล่วงรู้ความลับของสานักเร้นกายด้วย?”
ดวงตาหินเถียงอย่างไม่ลดละและฟางหยวนก็พอเดาได้ว่าคนผู้นี้ต้องมีสถานะอยู่ในสานักเร้นกาย และอาจจะเป็นถึงหัวหน้าหน่วยสักอย่างด้วย
“อย่างนั้นหรือ? หรือเป็นเพราะเจ้าเองก็หวาดกลัวข้าเหมือนกันกันแน่…”
ฟางหยวนยิ้ม “อย่างเช่น… กายเนื้อของเจ้านั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือว่าเจ้ายังไม่ตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์และมีเพียงแค่สัมปชัญญะเท่านั้นในตอนนี้ เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า?”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วอย่างไร?”
ดวงตาหินพบว่ามันคงไม่สามารถปิดบังตัวเองได้แล้วหลังจากที่เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นและตัดสินใจยอมแพ้ “ถึงแม้ว่ากายเนื้อของข้าจะยัง
หลับใหลอยู่ แต่ก็ยังเป็นคนของสานักเร้นกายและยังต้องทาหน้าที่เช่นกัน ข้าเห็นเจ้าตั้งใจซ่อมแซมค่ายกลและตอนนี้ข้าก็ยอมรับเจ้าเป็นหนึ่งในพวกเราอย่างเป็นทางการ”
“ข้าไม่เคยต้องการให้ใครที่ไหนมายอมรับในสิ่งที่ข้าทา!”
สายตาฟางหยวนเย็นเยียบลง “นอกจากนี้… ข้ายังเกลียดการถูกผู้อื่นแอบสอดแนม!”
“ไม่ดีแล้ว!”
เห็นท่าทีของฟางหยวนแล้ว ดวงตาหินก็เริ่มกรีดร้องขณะพยายามเรียกใช้คาถาเวทย์เพื่อหนี
ไม่ว่ามันจะเร็วเพียงใด ฟางหยวนล้วนเร็วกว่า
“ปัง!”
ฟางหยวนก้าวไปข้างหน้าก้าวสั้น ๆ และตวัดหมัดออกไป ทันใดนั้น ดวงตาหินก็แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“อั้ก… แก!”
เสียงอาฆาตแค้นที่ดังมาจากก้อนหินค่อย ๆ จางหายไป
‘ถ้าข้าไม่หาข้ออ้างสักอย่าง แล้วข้าจะจัดการมันโดยเปิดเผยได้อย่างไร?’
ฟางหยวนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “เป็นโชคร้ายของเจ้าแล้วที่มาเจอข้าในวันนี้”

“อึ้ก…”
ตอนที่ดวงตาหินแตกสลายไปนั้น ภายในผืนดินมั่งคั่งแห่งหนึ่ง ภูเขาเริ่มสั่นไหวและเริ่มปรากฏรอยแตกขึ้น
“โฮก! โฮก!”
เสียงคารามลึกดังมาจากใต้ดิน
“ข้าสามารถสัมผัสได้ว่าส่วนหนึ่งของจาแลงของข้าหายไป!”
ภายในรอยแตก มีเสียงเกรี้ยวกราดคาราม “ใครมันกล้าทาลายร่างจาแลงเวทย์ของข้า รนหาที่ตายแล้ว!”

ภายในสหพันธ์อินทรีทอง
ภายในเมืองที่อยู่ริมแม่น้า เปลวไฟลุกโชนขณะที่สัตว์น้าและสัตว์บกมารวมตัวกันแล้วเผยท่าทีนอบน้อมต่อเงาร่างยาวสีน้าเงินที่อยู่กลางแม่น้า
ทั้งเมืองถูกเปลี่ยนเป็นสนามรบที่เต็มไปด้วยเลือดและซากศพไปทั่วทุกแห่ง
ศพนับพันกองทับกันเป็นเนินเขาเล็ก ๆ และเลือดสีแดงก็ไหลลงมา มีกลิ่นเหม็นเน่าน่าคลื่นเหียนอวลตลบไปทั่วทั้งเมือง
“นี่พอแล้ว… การสังเวยเลือดในระดับนี้น่าจะเพียงพอที่จะสร้างเป็นรากฐานของดวงตาแห่งค่ายกล…”
ที่ด้านข้างมังกรสีน้าเงิน ดวงตาหินดูพึงพอใจแต่ว่าจู่ ๆ เสียงของมันก็เปลี่ยนไป
“แคร่ก!”
บนผิวดวงตาหิน เริ่มปรากฏรอยแตกและเลือดไหลซึมออกมาจากรอยแตกเหล่านั้น
ดวงตาหินหลั่งเลือดแล้ว!
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”
ราชามังกรทะเลหันไปมองดวงตาหิน
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่หนึ่งในร่างจาแลงของข้าถูกทาลายเท่านั้น!”
ดวงตาหินสั่นเล็ก ๆ ก่อนที่จะกลับมานิ่งสงบ “อันที่จริง… ถ้าเจ้ายินดี ปรมาจารย์ค่ายกลของสานักเร้นกายก็ยินดีมากที่จะได้ช่วยเหลือเจ้า!”
“ไม่เป็นไร เทียบกับพวกเจ้าแล้ว ข้าเชื่อพวกของข้ามากกว่า!”
ราชามังกรทะเลขดตัวในดวงตามีรอยขา “ต่อให้คุณภาพของเนตรวิญญาณของพวกเรานั้นจะไม่ถึงระดับที่คาดเอาไว้ การสังหารมนุษย์ให้มากขึ้นแล้วสังเวยพวกเขาก็แก้ไขเรื่องนี้ได้”
“ดีมาก!”
ดวงตาหินดูจะไม่มีข้อขัดแย้งกับความไร้ปรานีต่อชีวิตของมนุษย์ของสัตว์ดุร้ายตัวนี้ กลับกัน มันยังเอ่ยสนับสนุนมังกร “ในกลุ่มพันธมิตรทางตะวันออก ฟาร์ชูฮาร์เริ่มต้นปฏิบัติการเก็บดวงดาวแล้ว พลังของค่ายกลก็
เพียงพอแล้ว เมื่อสามดวงตาแห่งค่ายกลของทั้งสามทวีปเข้าที่เข้าทางแล้ว แผนการของพวกเราก็เท่ากับสาเร็จไปกึ่งหนึ่ง ข้ายังต้องรบกวนเจ้าเปิดดวงตาอีกแห่งที่ในมหาสมุทรด้วยนะ พี่มังกร”
“เรื่องเล็กเท่านั้น!”
ราชามังกรทะเลส่ายหน้า “ต่อให้พวกเราเปิดใช้ค่ายกลเหล่านี้ พวกเราก็ยังจาเป็นต้องให้ค่ายกลทางานต่อไปได้อีกสิบปี พวกเรายังต้องคอยจัดการกับคนที่ต้องการขัดขวางเหล่านั้น!”
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกพี่มังกร!”
เจตจานงเวทย์ของดวงตาหินดูยินดี “เมื่อดวงตาแห่งค่ายกลสมบูรณ์แล้ว ค่ายกลก็จะสามารถดูดซับพลังแห่งธรรมชาติจากสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ทาให้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทาลาย… ตราบใดที่พวกเราสามารถรักษามันเอาไว้ได้ระยะหนึ่ง ตราบใดที่ดวงตาของค่ายกลบนโลกทั้งหมดยังทางานอยู่ ดวงตาเหล่านี้ก็จะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ถึงแม้ว่าจะถูกทาลาย มันจะยังทางานได้ต่อให้ถูกทาลายจนเหลือครึ่งเดียวและยังต้านทานการโจมตีจากมนุษย์ได้!
“ดีมาก!”
ก่อนที่ราชามังกรทะเลจะพูดต่อ มันก็เงยหน้าขึ้นแล้วคารามออกไป “โฮก! โฮก!”
สภาพอากาศเริ่มเปลี่ยน ถึงแม้ว่าราชามังกรทะเลจะเป็นเพียงมังกรน้า แต่ด้วยความสามารถของมันตอนนี้ กระทั่งเสียงคารามเพียงครั้งเดียวก็สามารถทาให้สัตว์ร้ายทั้งบนบกและในน้ายอมรับมัน
“นี่คือ…”
ดวงตาหินอึ้งงันไปและมองขึ้นไปบนฟ้า มันรีบมุดลงดินแล้วหายวับไป
“มันเร็วมาก… เป็นมนุษย์จริงด้วย!”
เห็นเช่นนี้แล้ว ราชามังกรทะเลก็เชิดหัวขึ้นอย่างทระนงเผยพลังของมันออกไป
“ฝุบ! ฝุบ!”
ยังไม่ทันได้ทาอะไร น้าในแม่น้าก็เริ่มสูงขึ้น ก่อนจะเกิดเป็นคลื่นยักษ์สูงกว่าสิบเมตรและซัดเข้าท่วมทั้งเมือง
ไม่ บอกว่าท่วมทั้งเมืองนั้นก็ดูจะไม่ถูกต้องนัก
ราชามังกรทะเลนั้นใช้น้าปกป้องดวงตาแห่งค่ายกลเอาไว้อย่างแน่นหนา
“ปัง! ปัง!”
ครู่ต่อมา ระเบิดนิวเคลียร์หลายลูกก็ปรากฏขึ้นบนฟ้าแล้วตกลงมาที่ในเมืองและไฟก็เริ่มโหมขึ้น
“ครืน!”
จากการระเบิด กระทั่งอากาศยังสะเทือน
แต่ว่า ไม่ว่าระเบิดนิวเคลียร์จะรุนแรงแค่ไหน ภายใต้การปกป้องของราชามังกรทะเล ดวงตาแห่งค่ายกลทั้งหมดก็เพียงแค่ขยับไปเล็กน้อยและไม่ได้มีการเสียหายรุนแรง
“นี่… ช่างไร้หัวคิดเสียจริง!”
ราชามังกรทะเลเริ่มว่ายขึ้นไปที่ผิวทะเลก่อนที่จะพ่นพลังสีน้าเงินออกไป
“ควับ! ควับ!”
แค่พริบตา บนร่างของมันก็ปรากฏแผ่นน้าแข็งสีขาวก่อนจะแผ่ไปทางเมือง แช่แข็งทุกอย่างเอาไว้
“น้าแข็งจากพลังของข้านั้นทนทานยิ่งกว่าเหล็กกล้าและไม่ได้ทาลายได้โดยง่าย… แน่นอนว่า พวกโง่จากสหพันธ์อินทรีทองย่อมไม่รู้ด้วยซ้าว่าข้าทาสิ่งใดลงไป”
ราชามังกรทะเลเหาะขึ้นไปบนฟ้าแล้วมองไปทางหนึ่งไกล ๆ
ไม่นานหลังจากนั้น ก็ปรากฏจุดสีดา ๆ ที่ปลายขอบฟ้า มันลอยตรงมาทางมังกรด้วยความเร็วอันน่าตระหนกด้วยปีกสีขาวดาของมัน รูปลักษณ์นั้นราวกับนางฟ้า
“ทุกครั้งที่ข้าพบเจ้า ข้าก็นึกถึงมนุษย์นกจากสมาพันธ์บลูสตาร์ เจ้าทาให้ข้าหงุดหงิด!”
ราชามังกรทะเลคารามและพลังของมันก็เริ่มแผ่ออกมา มันสะบัดหัวแล้วลาแสงสีน้าเงินก็พุ่งออกไป
“ซู่! ซู่!”
ตรงหน้าอาวุธปิศาจ แสงสว่างและความมืดผสานเข้าหากันเกิดเป็นสมรภูมิแห่งพลังอันแรงกล้า
ลาแสงสีน้าเงินพุ่งเข้าไปในนั้นและถูกหลุมดาที่ตรงกลางดวงแสงสูบเข้า แค่พริบตาเดียวมันก็หายวับ
“พูดกันตามตรง… ข้าเองก็หงุดหงิดมนุษย์นกจากสหพันธ์เช่นกัน!”
อาวุธปิศาจพุ่งตรงเข้าไปแล้วเสียงแหลมสูงแบบนกขมิ้นก็ดังมา ราชามังกรทะเลอึ้งงันไป “ไม่… ไม่ถูกต้อง เจ้าต่างไปจากที่เจ้าเป็นเมื่อครั้งก่อน! เจ้าเป็นใครกันแน่?”
“ข้าก็ยังเป็นข้า!”
ใบหน้าน่ารักของอาวุธปิศาจยิ้มออกมา “ข้าก็แค่ดูดซับเศษดวงจิตภายนอกบางชิ้นของข้า ได้รับความทรงจาที่ข้าเคยมีกลับคืนมา”
“เศษดวงจิตภายนอก? ตานานนั่นเป็นความจริง?”
ราชามังกรทะเลตัวแข็งทื่อ “ตานานที่ว่าพวกเราไม่ใช่โลกใบเดียวในจักรวาลนี้?”

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ