Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 446

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 446

446: โลกอื่น
“โลกนี้… ย่อมไม่ใช่โลกเพียงหนึ่งเดียว!”
นางฟ้าน้อยตอบด้วยน้าเสียงหวานใสและไร้เดียงสา เธอดูเด็กแต่ก็เหี้ยมโหด ความงามของเธอนั้นช่างขัดแย้งกัน
บางที ในอาณาจักรเล็ก ๆ บางแห่งความจริงนี้คงไม่มีทางถูกค้นพบ กระทั่งตัวตนอันทรงพลังที่สุดของพวกเขาก็ทาได้เพียงแค่ดารงชีวิตอยู่อย่างเลอะเลือนและไม่ได้รู้สิ่งใดนัก
แต่ว่า ในอาณาจักรนี้นั้นต่างออกไป!
ในด้านทรัพยากรธรรมชาติแล้ว อาณาจักรนี้ด้อยกว่าเพียงอาณาจักรโบราณที่ฟางหยวนเคยไปเยือนเท่านั้น มันสามารถรองรับตัวตนที่เทียบเท่ากับจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ดได้
ตัวตนระดับนั้นสามารถสร้างผืนดินมั่งคั่งและยังครอบครองความลับของสภาพแวดล้อม ดังนั้น จึงเป็นธรราดาที่พวกเขาจะตระหนักถึงความจริงของอาณาจักรของตน
ในอาณาจักรโบราณ พ่อมดนั้นพบร่องรอยของปิศาจจากโลกอื่น ดังนั้นในอาณาจักรนี้ ผู้ที่มีพลังยิ่งใหญ่ย่อมเข้าใจความจริงของอาณาจักรนี้เช่นกัน
มังกรทะเลตนนี้นั้นเป็นผู้ที่เหลือรอดอยู่ของเผ่าพันธุ์มังกรน้านอกทะเล มันฝึกฝนและสร้างร่างมนุษย์ได้เมื่อหนึ่งพันปีก่อน มันมีชีวิตอยู่
จนถึงตอนนี้ได้ก็ด้วยเพราะโชคดี และเพราะเป็นสัตว์โบราณ ดังนั้นมันย่อมล่วงรู้ความลับมากมาย
“ดูดซับเศษดวงจิต? นั่นหมายความว่า… ปิศาจจากโลกอื่นพยายามที่จะเข้าสิงร่างเจ้าอยู่?”
ราชามังกรทะเลมองไปทางนางฟ้าแห่งแสงและความมืดด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความกังขา
อย่างไรเสีย เกี่ยวกับเรื่องที่ลึกลงไปถึงระดับดวงจิต นอกเสียจากเธอจะยินดีเปิดทะเลแห่งจิตสานึกออกโดยสมบูรณ์ ราชามังกรทะเลย่อมไม่สามารถล่วงรู้ความจริง
“มันเหมือนหมอกและกระจกเงา! บางทีมันอาจจะเป็นการดูดซับ หรือบางทีมันอาจจะเป็นการรวมทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกันเกิดเป็นบุคลิกใหม่! ทาไมเจ้าถึงต้องถามจริงจังเพียงนั้น?”
เด็กสาวอาวุธปิศาจหัวเราะคิก เธอหัวเราะเหมือนเด็กไร้เดียงสาและยังเย้ายวนในเวลาเดียวกัน มันแทบจะล่อลวงทุกผู้คนได้
“ข้าสามารถเรียกคืนความทรงจาของปิศาจจากโลกอื่นได้บางส่วน ดูเหมือนว่าร่างกายนี้จะเป็นร่างเดิมของเธอคนนั้น นี่จึงเป็นคาอธิบายว่าเหตุใดข้าจึงรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับมัน…”
เด็กสาวตบ ๆ หน้าอกตัวเองแล้วพูดต่อ “แล้วก็ มันหวุดหวิดมาก… หากข้าไม่ได้มีกลืนกินความสามารถพิเศษทางจิตที่น่าสนใจมาก ๆ มาก่อน ข้าก็คงจะถูกยึดครองร่างโดยสมบูรณ์ไปแล้ว… โอ้ ใช่แล้ว เจ้าไม่รู้
ความหมายของการ ‘ครอบครองร่าง’ ใช่หรือไม่? นั่นหมายความว่าดวงวิญญาณจะถูกผู้อื่นใช้กาลังยึดครองไป ต้้งแต่ที่ข้าได้กลืนกินเศษดวงจิตนั่นเข้าไป ข้าก็ได้รับความรู้ประหลาดบางส่วนมาเรื่อย ๆ”
“เมื่อพันปีก่อน ข้าก็ได้ร่างมนุษย์แล้ว ข้าเดินทางไปทั่วทั้งตะวันออและตะวันตก และข้าก็ยังได้รับการยอมรับให้เข้าเป็นสมาชิกในกลุ่มหนึ่ง แต่ข้าคงไม่จาเป็นต้องอธิบายให้เจ้าฟังเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้”
ราชามังกรทะเลทั้งกลัวและสงสัย
เดิมที เด็กสาวอาวุธปิศาจผู้นี้นั้นมีความแข็งแกร่งของผู้วิวัฒน์ขั้นที่สี่และยังมีความสามารถพิเศษมากมายที่ทาให้กระทั่งราชามังกรทะเลอย่างตนปวดหัว
แต่ตอนนี้ ในร่างใหม่ของเธอ อาวุธปิศาจนั้นยิ่งคาดเดาไม่ได้กว่าเดิม
“ตอนนี้ ข้ามีชีวิตใหม่แล้ว ข้าจะเรียกตัวเองว่า ‘จี๋อิน’ เป็นอย่างไร? นี่เป็นชื่อที่ปิศาจจากโลกอื่นมอบให้ข้า!”
เด็กสาวจี๋อินหัวเราะ “ข้าชอบชื่อนี้มากเช่นกัน”
“แค่กแค่ก… อย่างนั้นข้าถามได้หรือไม่ว่าจี๋อินต้องการทาเช่นไรต่อ?”
ราชามังกรทะเลนั้นตื่นตัวถึงที่สุด
จากระเบิดนิวเคลียร์ก่อนหน้านี้ ก็บอกได้แล้วว่าเด็กสาวผู้นี้นั้นยังอยู่ฝ่ายเดียวกับกองทัพสหพันธ์
“ข้าต้องการ…”
เด็กสาวจี๋อินขมวดคิ้วและลังเล “ข้าไม่รู้…”
เธอเคาะหัวตัวเองอย่างร้อนรน “ตั้งแต่ข้าดูดซับเศษดวงจิตนั่นมา ถึงแม้ว่าข้าจะสามารถหลุดรอดจากการควบคุมของสหพันธ์ได้และฉลาดขึ้นกว่าเดิม แต่ว่าความทรงจามากมายก็ยังเป็นเพียงเศษเสี้ยว… นอกจากนี้ ยังมีความคิดหนึ่งที่ยังก้องอยู่ในหัวของข้า มันคือ ‘ให้ข้าเก็บเกี่ยวจากโลกใบนี้’! เจ้ารู้ความหมายของมันหรือไม่?”
“ข้าไม่รู้… แต่มันน่าจะไม่ใช่เรื่องดี”
ราชามังกรทะเลเงียบไป
ปิศาจจากโลกอื่นที่มีความคิดต้องการเก็บเกี่ยวจากโลกนี้นั้นย่อมน่ากลัวกว่าวันวิปโยคในตอนนี้เป็นแน่
ตอนนี้ ราชามังกรทะเลก็เชื่อยิ่งกว่าเดิมว่าเด็กสาวคนนี้ยังไม่ใช่ปิศาจร้ายนั่นแต่เป็นเพราะการรู้ตื่นของร่างกายของเธอ
“ในเมื่อเจ้าก็ไม่รู้ อย่างนั้นก็ค่อย ๆ กลับไปคิดไตร่ตรองเรื่องนั้น!”
เด็กสาวจี๋อินเองก็ไม่ดึงดันขณะตอบ “ก่อนที่ข้าจะเข้าใจเรื่องนี้กระจ่าง ข้าไม่ต้องการไปจากสหพันธ์ อย่างไรเสีย ข้าก็จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องการกินอยู่หรือว่าสิ่งใดแล้ว ข้าจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ… พวกเขาขอให้ข้ามาที่นี่ก็เพื่อไล่เจ้าไปเท่านั้น! แต่ต่อให้ข้าไม่มา ข้าก็เดาว่าเจ้าเตรียมจะจากไปอยู่แล้วเช่นกัน?”
“ใช่…”
ราชามังกรทะเลยิ้มประหลาด “แต่ว่า จี๋อิน ท่านรู้เรื่องสัญญาลับระหว่างเหล่าผู้มีพลังของโลกนี้หรือไม่?”
“สัญญาลับ? เจ้ากาลังพูดถึงดวงตาแห่งค่ายกลเหล่านี้หรือ?”
จี๋อินชี้ไปที่เมืองที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ที่ด้านล่าง
“ท่านรู้?”
ราชามังกรทะเลกระตุกและหางของมันก็สะบัดอย่างไม่รู้ตัว
“ตูม! ตูม!”
ที่ใกล้ ๆ กัน เงาร่างโปร่งแสงของคนผู้หนึ่งแตกเป็นชิ้นไปในทันที เลือดและเนื้อถูกแช่อยู่ในน้าแข็งก่อนที่จะแตกเป็นเศษเสี้ยวชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ข้าย่อมรู้ ข้ารู้จากความทรงจาของปิศาจจากโลกอื่นเช่นกัน…”
จี๋อินยิ้มอย่างนุ่มนวล “โชคไม่ดี ข้าเพียงจามันได้ไม่มากเท่านั้น แล้วก็… ขอบคุณที่ช่วยข้ากาจัดแมลงตัวเล็กตัวน้อยนั่น!”
“ยินดี! จากนี้ไป ข้าจะนับว่าท่านเป็นหนึ่งในผู้มีอานาจในสหพันธ์อินทรีทอง ตราบใดที่ท่านรับผิดชอบดูแลดวงตาค่ายกลนี้ สัตว์น้าเหล่านี้ก็จะกลับลงทะเลลึกไปในทันที!”
สาหรับตัวตนที่อยู่เหนือผู้อื่นแล้วนั้น ทุกอย่างนั้นพูดคุยกันได้
แผ่นดินแห้งแล้งนั้นไม่สาคัญสาหรับราชามังกรทะเล ดังนั้น เขาจึงมอบมันเป็นของขวัญชิ้นใหญ่แก่จี๋อิน
ด้วยเดิมพันสูงเพียงนี้ ต่อให้การทรยศครั้งนี้จะถูกสหพันธ์รู้เข้า ก็ยังมีช่องว่างให้เจรจาต่อรองอีกมาก
“บุ๋ง!”
หลังจากพูดจบ ราชามังกรทะเลก็ดาลงไปในน้าแล้วหายลับไปในพริบตา
จี๋อินอยู่ที่ตาแหน่งเดิมรออยู่ครู่หนึ่ง
“แคร่ก!”
ที่ด้านข้างเธอ แผ่นดินแตกออกแล้วดวงตาหินคู่หนึ่งก็ผุดขึ้นมา “สหาย ข้าคือดวงตาหินพันปี อยากรู้ว่าเจ้าสนใจเข้าร่วมสานักเร้นกายหรือไม่?”
“สานักเร้นกาย!?”
มุมปากของจี๋อินยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ทันที “ข้าไม่มีปัญหาในเรื่องนั้นและข้าก็มีข้อมูลมากมายที่จะบอกเจ้าได้ แต่เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน… เจ้าต้องบอกข้าถึงความจริงเบื้องหลังพลังวิญญาณของโลกนี้!”
“ฮ่าฮ่า… เจ้าช่างตัดสินใจได้รวดเร็วและเด็ดขาดนัก!”
ดวงตาหินสว่างวาบขึ้นขณะมันตกลงอย่างไม่ลังเล “ได้!”

“สิ่งที่เรียกว่าพลังวิญญาณมาจากไหน? มันคงไม่ใช่เพียงแค่การมาเยือนของดาวหางราชาวิญญาณ…”
หลังจากตกลงกันได้ ดวงตาหินก็เริ่มพูด “สาหรับพวกเราทั้งหมดแล้ว การมาเยือนของดาวหางราชาวิญญาณนั่นเป็นเพียงการเริ่มต้น พลังวิญญาณนั้นเป็นของขวัญจากโลกมิติที่อยู่เหนือกว่านี้!”
สายตาของจี๋อินงุนงงขณะคิดถึงบางอย่าง
“ถูกต้อง โลกของเรานั้นไม่ใช่โลกเพียงใบเดียว! มิตินั้นมีการทางานในวิถีทางของมันเอง ในวันหนึ่งเมื่อพันปีก่อน โลกทั้งสองนี้เกิดการซ้อนทับกัน หรือข้าควรจะพูดว่า หลาย ๆ มิตินั้นผสานเข้าหากัน ดังนั้น พลังวิญญาณจึงเริ่มกระจายมาที่โลกของพวกเรา ก่อให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้!””
ดวงตาหินพูดด้วยน้าเสียงเคร่งขรึม
“การผสานของมิติ?”
จี๋อินกัดริมฝีปาก
“โดยปกติแล้ว โลกมิติชั้นสูงนั้นไม่สามารถแทรกซึมเข้ามาที่โลกมิติระดับต่ากว่าได้ แต่ว่า มันสามารถแผ่พลังเข้ามาได้… พลังวิญญาณนี้คือพื้นฐานของทั้งหมดนั้น! ดังนั้น จุดมุ่งหมายของคนในสานักเร้นกายก็คือใช้การกลับมาของดาวหางราชาวิญญาณคราวนี้ตรึงโลกที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณนั่นเอาไว้ นี่จะทาให้โลกของพวกเราอยู่ภายใต้การแผ่พลังวิญญาณเข้ามาจากโลกมิติชั้นสูงกว่าไปตลอดกาล!”
ดวงตาหินพันปีพูดอย่างกระตือรือร้น
“มิติ? ข้าเกรงว่าโลกนี้จะเปลี่ยนไปเป็น ‘อาณาจักร’? อาณาจักรที่เหนือกว่าพวกเรา? ตรัยตรึงศ์*?”
จี๋อินเข้าใจในทันที
ในทวีปกลางของอาณาจักรนี้ มักจะมีตานานเกี่ยวกับอาณาจักรที่อยู่เหนือโลกนี้ อันที่จริง มันก็คือการพูดถึงโลกมิติชั้นสูงกว่า
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะรู้เรื่องเหล่านี้ด้วย!”
ดวงตาหินพันปีประหลาดใจเล็กน้อย “เดิมข้าคิดจะอธิบายในแบบที่เหมาะสมกับชาวตะวันตกมากกว่าแต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะรู้เรื่องนี้ดีทีเดียว”
“แต่… นี่ก็เป็นเพียงความปรารถนาจากพวกเจ้าฝ่ายเดียว…”
เด็กสาวจี๋อินกัดริมฝีปากขณะคิดถึงบางอย่าง
“มันไม่ใช่เพียงความปรารถนา! อาณาจักรเหนือกว่าพวกเรานั้นมีอยู่จริง!”
ดวงตาหินพันปีสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างที่สุดในทันทีขณะพูดต่อ “ผู้ชี้นาผู้ฝึกตน หรือข้าควรจะพูดว่า ผู้ฝึกตนรุ่นแรก ๆ ของพวกเรานั้นได้รับการชี้นาหรืออิทธิพลจากอาณาจักรเบื้องบนของพวกเรามาก่อนไม่มากก็น้อย! กระทั่งผู้ฝึกตนรุ่นหลังบางคนที่ฝึกตนถึงระดับสูงสุดเองก็สัมผัสได้ชัดเจนถึงเจตนารมณ์ของอาณาจักรเหนือพวกเรานั่น! ตราบใดที่พวกเราสามารถดึงเอาอาณาจักรวิญญาณนั่นมาได้ พวกเราก็จะได้รับผลประโยชน์อย่างไร้ขอบเขต! เอ๋?”
ทันใดนั้น เจตจานงค์เวทย์ของดวงตาหินก็เริ่มสะดุดและดูไม่มั่นคง
“ดวงตาหินพันปี?”
เด็กสาวจี๋อินตกใจและมองไปที่ดวงตาหิน
“อั้ก… เจ้ากล้า?”
เจตจานงเวทย์ของดวงตาหินกรีดร้องและระเบิดออกในทันที หายลับไปโดยไม่เหลือร่องรอยเอาไว้
“ซ่า! ซ่า!”
ปรากฏรอยแตกมากมายบนผิวของดวงตาหินและรอยแตกก็เริ่มกว้างขึ้น จนสุดท้ายแล้วก็เปลี่ยนไปเป็นเม็ดทรายกองหนึ่ง
“นั่น… เขาถูกทาลายไปแล้ว?”
จี๋อินกาเศษผงจากก้อนหินเต็มกามือสีหน้าประหลาดใจเป็นอย่างมาก “ตาแก่ไร้ประโยชน์ที่ยังเล่าเรื่องไม่จบนี่…”

“น่าจะเป็นที่นี่สินะ?”
เวลาเดินไปข้างหน้า
ในประเทศจีน ฟางหยวนกาเศษดวงตาหินที่แตกออกเป็นก้อนเล็กก้อนน้อยเอาไว้แล้วไปถึงจุดชมวิวแห่งหนึ่ง
ที่นั่นสงบเงียบ นกร้องดอกไม้บาน มีกระทั่งร่องรอยเล็กน้อยของเหล่าสัตว์ป่าแถบนี้ มันเป็นผืนดินมั่งคั่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
ฟางหยวนยิ้มและไปถึงที่หน้าผาแห่งหนึ่ง เขากาก้อนหินเอาไว้ด้วยสองมือแล้วยกขึ้น
“เปิด!!!”
“ตูม!”
เมฆดาก่อตัวขึ้นบนฟ้า สายฟ้าแลบปลาบฟ้าคารามลั่นอย่างบ้าคลั่ง
พลังของขั้นที่สี่เริ่มพุ่งออกไปโดยไม่มีการรั้งเอาไว้และทันใดนั้นก็ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาลบนหน้าผาที่ตรงหน้าฟางหยวน
“เจ้ากาลังทาอะไร?”
“ครืน!”
ที่สองฟากข้าง ก้อนหินจานวนมากกลิ้งลงมาและรูปสลักจากหินสีเขียวก้อนใหญ่ก็ปรากฏขึ้น ร่างกายของพวกเขานั้นมีตะไคร่และเถาวัลย์ปกคลุม พวกเขาน่าจะอยู่ดูแลที่นี่มานานมากแล้ว
“สวะ!”
ฟางหยวนชกออกไปสองครั้งด้วยกระบวนท่าง่าย ๆ ถึงแม้ว่ารูปร่างเล็กจ้อยของเขาจะไม่ใช่คู่มือของรูปสลักยักษ์ แต่ยักษ์ทั้งสองก็สั่นสะเทือนภายใต้หมัดนั่นและนิ่งอยู่กับที่
ไม่นาน ก้อนหินมากมายก็ถล่มลงมาจากร่างของพวกเขา รอยแตกจานวนมากปรากฏอยู่บนใบหน้ารูปสลัก
“แคร่ก!”
กาแพงหินแตกออกเผยให้เห็นประตูสู่ผืนดินมั่งคั่ง
ฟางหยวนก้าวเข้าไปและทันใดนั้นก็เข้าไปถึงสถานที่ประหลาด
พื้นดินนั้นขรุขระและเป็นเนินสูงต่า ผิวดินนั้นแห้งแล้งและปกคลุมไปด้วยก้อนหินรูปร่างประหลาดมากมายทุกแบบ
“เด็กน้อย! เจ้ากล้าดีอย่างไรรุกรานข้าเช่นนี้?”
เกิดแผ่นดินไหว แล้วเสียงที่ดังราวกับฟ้าผ่าก็ดังมา
กาปั้นยักษ์ปรากฏขึ้นบนพื้นและก้อนหินมากมายก็รวมเข้าด้วยกันและเกิดเป็นยักษ์ตนหนึ่ง ยักษ์นั่นสูงกว่าหนึ่งร้อยฟุตและร่างของมันมีดวงตามากมายสลักเอาไว้ สมรภูมิแห่งพลังอันลึกล้าแผ่ออกไปทั่วบริเวณในทันที!
TL note: ตรัยตรึงศ์* = ดาวดึงส์

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ