Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 448

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 448

448: อาณาจักรวิญญาณ
“อาณาจักรวิญญาณ?”
ตอนที่ฟางหยวนได้ยินเสียงร่ายคาถาจากผลึก ดวงตาของเขาก็กระดุกแต่เขาก็ไม่ได้หยุดมันในทันที
ฟางหยวนนั้นสงสัยอยู่ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
การมาเยือนของดาวหางราชาวิญญาณนั้นก็แค่สัญญาณการเพิ่มขึ้นของพลังวิญญาณถึงจุดสูงสุด มันน่าตลกเกินไปหากดาวหางราชาวิญญาณจะสามารถให้การสนับสนุนพลังวิญญาณแก่ทั้งอาณาจักรนี้ได้จริง
ดังนั้น การมีอยู่ของ ‘อาณาจักรวิญญาณ’ นั้นจึงเป็นสิ่งที่แน่ใจได้และ ‘อาณาจักรวิญญาณ’ นี้ยังเป็นผู้มอบหยาดพลังให้แก่อาณาจักรนี้อย่างต่อเนื่อง นี่คล้ายกับแหล่งพลังของจ้าวแห่งฝันซึ่งเหล่าจ้าวแห่งฝันพยายามตามหาอยู่!
หลังจากตระหนักเรื่องนี้ได้ ฟางหยวนก็ยืนยันกับตัวเองทันทีว่าอาณาจักรนี้นั้นมีคุณค่าอย่างยิ่ง!
คุณค่านี้ยังมากกว่าการเก็บเกี่ยวทรัพยากรจากอาณาจักรนี้ด้วยซ้า!
“ข้าสามารถใช้อาณาจักรนี้ทาการทดลองเพื่อดูว่าโลกต้าเฉียนจะเป็นอย่างไรต่อไป… แน่นอนว่า หลักฐานของทุกอย่างนี้ก็คือการมีอยู่จริงของ ‘อาณาจักรวิญญาณ’!”
ฟางหยวนโยนผลึกขึ้นไปลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นผลึกก็ถูกปราณดาบแทงทะลุ
“อ๊าก…”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังมา ตามมาด้วยเสียงร้องครวญครางอย่างเศร้าโศกอย่างยิ่ง “ไม่มีประโยชน์… แผนการเริ่มต้นขึ้นแล้ว ไม่มีใครหยุดมันได้!”
“อย่างนั้นเจ้าก็ไม่มีประโยชน์ใดเหลือแล้ว!”
ฟางหยวนโบกมือแล้วเปลวเพลิงก็ลุกลาม เผาดวงวิญญาณแค้นดวงหนึ่งเป็นเถ้าไป เจตจานงเวทย์ของฟางหยวนยังกลืนกินความทรงจาทั้งหมดของศัตรูเข้าไปอย่างตะกราม
วิชาที่ฟางหยวนใช้นั้นเป็นวิชาของจ้าวแห่งฝันที่สามารถบีบสกัดประสบการณ์ชีวิตของดวงตาหินพันปีออกมาได้
พริบตาเดียว ภาพมากมายก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว
ตรงหน้าประตูหลากสีบนเขา ชายหนุ่มที่ดูซื่อตรงและจริงใจผู้หนึ่งคุกเข่าอยู่สามวันสามคืนแล้ว เขาอยู่ในชุดสีเหลืองน้าตาลและยังมีรูปร่างเล็ก
“ข้าต้องได้เข้าสานักโฮ่วถูและกลายเป็นผู้ฝึกตนอมตะ!”
จากนั้นภาพก็เปลี่ยนไป เด็กหนุ่มผ่านความยากลาบากนานับประการและในที่สุดก็ได้เข้าสู่สานัก การฝึกตนของเขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและ
เพียงห้าสิบปีเขาก็ขึ้นถึงระดับสูงสุด อยู่เหนือคนมากมาย สายตาของเขาจับจ้องนิ่งขณะคิด “พลังวิญญาณที่ล้นเหลือเหล่านี้อย่างมากก็คงอยู่อีกเพียงแค่หนึ่งร้อยปีเท่านั้น เมื่อหายนะรอบหนึ่งพันปีมาถึง ศิษย์ทั้งหมดต้องจาศีลในผืนดินมั่งคั่งทันทีและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามลิขิตสวรรค์!”
ภาพต่อมา หลังจากหายนะในรอบหนึ่งพันปี ก็เป็นการเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่
แต่ว่า ตอนนี้ ทวีปกลางนั้นตกต่าลง ขณะที่ทวีปตะวันออกและตะวันตกนั้นรุ่งเรืองขึ้นมาจากพลังชะตาแห่งฟ้าขณะที่ยุคแห่งการสารวจเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า
ชายวัยกลางคนก็ค่อย ๆ ชราและอ่อนแอลงแล้ว เขาไม่ได้ดูมีชีวิตชีวาอย่างที่เขาคิดเอาไว้ “ไม่… ถึงแม้ว่าข้าจะบรรลุระดับเทพผู้สร้างได้และระดับการฝึกตนของข้ายังถึงระดับเดียวกับผู้ตั้งสานัก ภายใต้การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ทุกอย่างก็ล้วนตกต่าลง? กระทั่งศิษย์และผู้อาวุโสกว่าสามร้อยคน ข้ากลับเป็นเพียงผู้เดียวที่เหลืออยู่หลังจากผ่านมาหนึ่งพันปี และหลังจากอีกหนึ่งพันปี จะมีใครหนีจากความตายได้อีก?”
ในตอนนี้ หัวใจของดวงตาหินพันปีก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวในกาลเวลา
เพื่อที่จะมีอายุขัยยาวนานขึ้น ดวงตาหินพันปีค้นคว้าตาราในสานักและบันทึกของเหล่าผู้ฝึกตน เขาค่อย ๆ กลายไปเป็นไร้ปรานีเมื่อกาจัดทุกอย่างทิ้งเพื่อที่จะตามหาวิธีที่จะหนีจากความตายได้
“ฮ่าฮ่า… มันมีวิธีอยู่เสมอ!”
ในที่สุด ในสานักเล็ก ๆ ที่กาลังเสื่อมโทรมแต่เต็มไปด้วยมรดกมากมาย ดวงตาหินพันปีในที่สุดก็พบตานานของอาณาจักรวิญญาณ
“ตราบใดที่อาณาจักรวิญญาณถูกตรึงเอาไว้และสองโลกซ้อนทับกัน โลกนี้ย่อมกลายเป็นสวรรค์ของเหล่าผู้ฝึกตน! มันจะทาให้พวกเราทะลวงระดับและมีอายุขัยยาวนานขึ้น!”
ดวงตาหินพันปีนั้นตื่นเต้นอย่างที่สุดแต่กลับเต็มไปด้วยความเศร้าใจที่มันสายเกินไปเสียแล้ว ดาวหางราชาวิญญาณนั้นผ่านไปนานแล้วและปริมาณพลังวิญญาณก็เริ่มลดลงแล้ว ดังนั้น เขาจึงไม่มีโอกาสแล้วในรอบนี้
ในขณะเดียวกัน ด้วยอายุขัยของเขา เขาคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่จนถึงวัฏจักรถัดไป
“น่าชัง! น่าชัง! น่าชังนัก! สวรรค์ลาเอียงอย่างน่าชัง! โลกช่างไม่ยุติธรรม!”
ดวงตาหินพันปีคลั่งแล้ว ในที่สุด เขาก็ไม่สนใจผลที่จะตามมาและเริ่มเข่นฆ่าคนมากมายเป็นการสังเวยเลือดหวังว่าจะสามารถติดต่อกับอาณาจักรวิญญาณอันไกลโพ้นได้
ตอนที่เขากาลังจะตายนั้น ดวงตาหินพันปีก็ยิ่งเหี้ยมโหดและเขาก็ไม่สนใจกายเนื้อของตัวเองอีกต่อไป
เขามีแผนการบางอย่าง ถึงแม้เขาจะไม่ประสบความสาเร็จในการอัญเชิญอาณาจักรวิญญาณ แต่เขาก็ไม่เลือกที่จะผนึกตัวเองและจาศีลในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เขาใช้กาลังทะลวงออกจากชั้นบรรยากาศของโลกนี้และล่องลอยสู่มิติเพื่อค้นหาวิถีชีวิตในความปั่นป่วนของมิติ
สุดท้ายแล้ว สวรรค์ก็ช่วยเหลือผู้ที่ช่วยเหลือตัวเอง
สีหน้าของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นตึงเครียดเมื่อเห็นภาพนี้
มิติแยกออกแล้วสิ่งมีชีวิตที่ยังเหลือก็ถูกดึงเข้าไป มันราวกับเป็นนรก ปากขนาดใหญ่ยักษ์อ้ากว้างและกลืนกินทุกอย่างเข้าไปอย่างตะกราม
“อาณาจักรวิญญาณ?”
ภายในดวงตาจับจ้องของดวงตาหินพันปี ตัวตนอันยิ่งใหญ่จู่ ๆ ก็ปรากฏ
มันเดินทางข้ามอาณาจักรและไม่ได้พักอยู่นาน ตัวตนนั้นเพียงทิ้งข้อความเอาไว้บอกว่า “เพื่อที่จะเปิดสองอาณาจักร ทุกอย่างต้องพร้อม” จากนั้นตัวตนนั้นจู่ ๆ ถูกอาณาจักรโลกโจมตีและล้มไป
ในตอนที่มันล้มไปนั้น มิติและเวลาก็บิดหมุนและแสงศักดิ์สิทธิ์สีเหลืองน้าตาลก็ถูกส่งลงมาสู่ผืนดิน มันดูดซับพลังแห่งแผ่นดินไปในทันทีแล้วเปลี่ยนไปเป็นอัญมณีที่ส่องประกาย
“นี่คือ… แก่นชีวิตของวัตถุธาตุ? ฮ่าฮ่า!”
ดวงตาหินพันปีกาผลึกนั่นเอาไว้แน่นและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เมื่อมีสิ่งนี้ ความตายจะทาอันใดข้าได้? ข้าแค่ต้องรอให้อีกพันปีข้างหน้ามาถึงและข้าก็จะทาตามแผนการยิ่งใหญ่ที่วาดเอาไว้เหนืออาณาจักรวิญญาณนี้ได้สาเร็จอย่างแน่นอนและได้ขึ้นเป็นปราชญ์!”
หลังจากนั้น เพื่อที่จะเข้าครอบครองโดยสมบูรณ์ ดวงตาหินพันปีก็เปิดผืนดินมั่งคั่งอย่างลับ ๆ ด้วยความสามารถระดับเทพผู้สร้างของตน นี่เป็นเพราะกระบวนการเข้าครอบครองจะทาให้เขาอ่อนแอลงอย่างมากและดังนั้น เขาต้องป้องกันตัวเองเอาไว้ระหว่างกระบวนการนี้
อย่างไรเสีย โชคของดวงตาหินพันปีก็ดียิ่งทีเดียว หลังจากเขาทาสาเร็จ เขาก็มีชีวิตมาจนถึงตอนนี้ได้
แม้ว่าพลังเวทย์ของเขาจะลดลงเป็นอย่างมาและเหลือความสามารถเพียงระดับเทพหวนคืนเพราะถูกผนึกเอาไว้กว่าพันปีและกระบวนการเข้าครอบครอง แต่ตราบใดที่เขามีเวลาอีกหนึ่งพันปี เขาย่อมสามารถฟื้นฟูสู่ระดับการฝึกตนดั้งเดิมของตนได้ง
ดังนั้น หลังจากดวงตาหินพันปีฟื้นฟูความสามารถขั้นที่สี่ของตนเองได้ เขาก็ไม่ทนรออีกต่อไป ดังนั้น เขาจึงส่งร่างจาแลงของตนออกไปทั่วโลกเพื่อเตรียมการรับรางวัลยิ่งใหญ่ที่สุดจากอาณาจักรวิญญาณ
แต่ว่า เขาไม่ได้คิดเอาไว้เลยว่าจะได้เจอฟางหยวน มือสังหารที่ทาให้เขาพ่ายแพ้ยับเยินได้

‘ช่างเป็นผู้ที่โชคร้ายอะไรเช่นนี้!’
ความทรงจาของดวงตาหินพันปีนั้นราวกับเป็นหีบสมบัติใบใหญ่ แต่ว่า ฟางหยวนก็ไม่ต้องการขุดลึกลงไปในนั้นมากกว่านี้แล้ว
นี่เป็นเพราะ ตรงหน้าเขา ถึงแม้ว่าผลึกนั่นจะถูกทาให้เสียหายไปแล้วแต่ว่ามันก็ยังทาพิธีกรรมก่อนหน้าสาเร็จไปแล้ว
“ปัง!”
ผลึกสีเหลืองน้าตาลระเบิดเป็นผุยผงไป พร้อมกันนั้น รอยแตกขนาดใหญ่ของห้วงมิติก็ปรากฏขึ้น ด้านในนั้นดาสนิทและดูราวกับนรกที่จะกลื่นกินทุกอย่างที่อยู่บนผืนดินเล็ก ๆ นี้เข้าไป
“ยอมจานนแก่ข้า!”
“มอบทั้งโลกให้ข้าและเจ้าจะได้รับทุกอย่างที่เจ้าต้องการ!”
“ครืน!”
ในเวลาเดียวกัน ตัวตนอันทรงอานาจจู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้น! มันเหมือนกับว่าตัวตนนี้ยังอยู่ไกลออกไปและถูกแยกเอาไว้ด้วยระยะห่างหลายปีแสงจนนับไม่ถ้วน หลังจากมันถูกส่งมาที่นี่แล้ว มันก็ยังยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งจนเหมือนจะสามารถบดขยี้ทุกอย่างได้
“ยอมจานนเสีย!”
“ยอมจานนเสีย!”
“ยอมจานนเสีย!”
“เปิดหัวใจและจิตใจของเข้าและยอมรับของขวัญจากสวรรค์!”

คลื่นความคิดมากมายกระแทกเข้ากับจิตใจฟางหยวนซ้า ๆ
ในร่างของฟางหยวน พลังวิญญาณที่มีอยู่มหาศาลตั้งแต่แรกล้วนไม่สะเทือน กลับกัน มันเหมือนเติมน้ามันเข้าสู่กองไฟ
ในตอนนั้นเอง ฟางหยวนทาได้เพียงแค่อาศัยความตั้งมั่นของเขาเองและเจตจานงเวทย์ของเขา!
ต้องขอบคุณที่ฟางหยวนนั้นเป็นจ้าวแห่งฝันผู้หนึ่งและเคยข้ามฝันสู่อาณาจักรหลายแห่งมาก่อน ดังนั้น เขาจึงมีประสบการณ์ด้านนี้มากมาย
ไม่ว่าคลื่นความคิดนั้นจะรุนแรงหรือร้ายกาจเพียงใด จิตใจของฟางหยวนก็ยังคงไม่หวั่นไหวและมั่นคงอยู่
‘ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นพลังชะตาแห่งฟ้าของอาณาจักรอื่นหรือเจตนารมณ์ของอาณาจักรไหน! เมื่อต้องข้ามผ่านมิติมา พลังของเจ้าก็ลดลงเป็นอย่างมาก! นอกจากนี้ เจ้าจะยังต้องถูกอาณาจักรนี้ตอบโต้!’
ฟางหยวนนั้นเข้าใจพลังชะตาแห่งฟ้าของอาณาจักรนี้อยู่บ้างเช่นกัน
กฏแห่งธรรมชาติของดาวโลกนี้รุนแรงและดังนั้น พลังชะตาของมันย่อมยากที่จะจัดการได้ด้วย
อย่างไรเสีย พลังชะตาก็คือตัวแทนของโลกนี้! เพื่อที่จะคงสภาพโลกนี้เอาไว้ ธรรมชาติย่อมไม่เข้ามารบกวนโดยตรง มันก็เหมือนกับวิธีที่ราชา
สักองค์ใช้กฏหมาย หลังจากออกกฏหมายแล้วและเริ่มใช้ กระทั่งตัวราชาเองก้ไม่สามารถฝ่าฝืนกฏหมายได้โดยง่าย
แต่ว่า เพียงเพราะมันไม่ง่ายไม่ได้หมายความว่าฝ่าฝืนไม่ได้! มันก็แค่ว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนเพียงใดเท่านั้นเอง!
นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าพลังวิญญาณจะนามาซึ่งพลังเวทย์ทั้งหมดเหล่านี้ สาหรับเจตจานงของอาณาจักรแห่งนี้แล้ว ไม่ใช่เป็นการปลดข้อจากัดของมันหรอกหรือ?
ดังนั้น ฟางหยวนจึงแน่ใจว่าในเมื่อพลังชะตาของอาณาจักรวิญญาณที่ว่านี้บุกรุกเข้ามาในโลกและยังรบกวนเจตนารมณ์ของอาณาจักรโลก ดังนั้น เจตนารมณ์ของอาณาจักรโลกย่อมตื่นตัวมากขึ้นและต้องตอบโต้
ตราบใดที่ฟางหยวนสามารถผ่านช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ไปได้ เขาย่อมไม่ได้รับผลกระทบใด
ถ้าฟางหยวนไม่ได้คาดคานวณเอาไว้เช่นนี้ เขาย่อมไม่กล้าโจมตีดวงตาหินพันปีโดยตรงและเผชิญหน้ากับตัวตนจากภายนอกโดยตรงเช่นนี้
‘แต่… มีบางอย่างที่ในที่สุดข้าก็แน่ใจได้ และนั่นก็คือการมีอยู่ของอาณาจักรวิญญาณ! อาณาจักรนี้นั้นมีระดับพลังสูงกว่าอาณาจักรโลกเสียอีก… มันน่าจะเป็นมิติระดับสูงกว่าแล้ว!’
ฟางหยวนนั้นดีใจเป็นอย่างยิ่งและตื่นเต้นอยู่ในใจเมื่อได้รับรู้ความลับของอาณาจักรนี้
ที่ด้านนอก หลังจากตัวตนนั้นที่คารามใส่ฟางหยวนเห็นว่าเขายังคงแน่วแน่อยู่ มันก็เปลี่ยนท่าทีทันที
ในทะเลแห่งจิตสานึกของฟางหยวน ความเย้ายวนทุกอย่างปรากฏขึ้นต่อเนื่องกัน
เหล่านางฟ้าตามตานานปรากฏตัวขึ้น พวกนางดูงดงามและเย้ายวนเป็นที่สุด ฟางหยวนรู้สึกเหมือนตัวเองกลายไปเป็นพระเจ้าและมีเทพอื่นนับพันมาสวามิภักดิ์ ทันใดนั้น ฟางหยวนก็รู้สึกว่าร่างกายของเขานั้นบรรลุสู่ความเป็นนิรันดร์ เขาเป็นอมตะ
‘ในเมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ ก็เลยใช้ไม้นวมงั้นรึ?’
ริมฝีปากเขาปรากฏรอยยิ้มจาง “โชคร้าย ข้านั้นก็เหมือนหมาป่าเดียวดายตัวหนึ่ง! ข้ากินเฉพาะเหยื่อที่ข้าล่าเอง! ไม่ว่าเจ้าจะเสนอสิ่งใดให้ ข้าก็ไม่ต้องการสูญเสียอิสรภาพไป!”
“ครืน!”
ครู่ถัดมา ทุกอย่างที่รอบด้านก็หายวับไป
ฟางหยวนกวาดตามองรอบตัวและรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที “โอ้ ไม่นะ!”
ในบริเวณที่เดิมเป็นผืนดินมั่งคั่ง เกิดรอยแตกมากมายที่บนฟ้าและพายุรุนแรงลูกหนึ่งก็พัดมา ราวกับที่ด้านนอกนั่นมีความโกรธและเกรี้ยวกราดหนึ่งต้องการบุกเข้ามาในผืนดินมั่งคั่งนี้แล้วโจมตีรอยแตกใหญ่ของมิติที่ด้านใน
“ตูม!”
พร้อมกับเสียงคารามลั่น ก็เกิดโพรงขนาดใหญ่ขึ้นในผืนดินมั่งคั่งเผยให้เห็นเมฆดาที่รวมตัวกันอยู่บนฟ้าที่ด้านนอก
สายฟ้าสีม่วงจานวนมากรวมตัวกันแล้วแลบปลาบอยู่บนเมฆทึบ ราวกับมีดวงตาสีม่วงคู่หนึ่งที่ผสานเข้าหากัน
ทันใดนั้น ผืนดินก็สั่นแล้วสายฟ้าเส้นหนึ่งก็ตวัดลงมา
ไโอ้ ไม่นะ… สีม่วง! สายฟ้าสีม่วง!”
ฟางหยวนรู้สึกสันหลังเย็นวาบ ถึงแม้ว่าสายฟ้านั่นจะไม่ได้มุ่งมาที่เขา เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงอันตรายยิ่งยวดที่ทาให้เขาต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอดให้เร็วที่สุดเท่าที่ทาได้
“ตูม!”
รอยแตกมากมายปรากฏขึ้นบนหน้าผาที่ด้านนอกและจู่ ๆ มันก็ระเบิดออก
ภายใต้เสียงระเบิดลั่น เงาร่างยับยุ่งของฟางหยวนก็หนีรอดออกมา
ฟางหยวนหันกลับไปมองและเห็นมิติสั่นไหว เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผืนดินมั่งคั่งนั้นปรากฏรูโหว่มากมายอยู่ในนั้น สายฟ้าสีม่วงยังตวัดผ่านไปมาอย่างบ้าคลั่งและกลุ้มรุมรอบรอยแตกที่กลางอากาศ
ครู่ต่อมา ก็มีแรงล่องหนสายหนึ่งทาให้ทุกอย่างสงบลง มันเหมือนทุกอย่างที่ฟางหยวนเพิ่งเห็นไปนั้นเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น
“เจตนารมณ์ของอาณาจักรนี้ลงมือแล้วและทาลายผืนดินมั่งคั่งไปและยังกาจัดตัวตนจากภายนอกไปเสียสิ้นซาก!”
ฟางหยวนคิดบางอย่างขึ้นมาได้ขณะจับตามอง
เจตนารมณ์ของอาณาจักรโลกนั้นมีข้อได้เปรียบของการเป็นเจ้าถิ่นขณะที่ศัตรูนั้นแค่ส่งเจตนารมณ์สายหนึ่งของมันมา การยื่นมือเข้ามานี้นั้นเทียบไม่ได้กับการมาเยือนด้วยร่างจริง ดังนั้น มันย่อมถูกทาลายได้โดยง่าย
แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากทั้งสองอาณาจักรซ้อนทับกันและไม่มีข้อได้เปรียบนั้นอีกต่อไป?

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ