Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 451

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 451

451: ร่วมมือกันกาจัด
เมื่อพูดถึงด้านทรัพยากรแล้ว ฟางหยวนนั้นนับว่ามีเพียงไม่มาก
แต่ว่า การเตรียมการก่อนหน้าของเขาที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศจีนและยังการที่เขาให้ความสนใจกับการจับตามองอาวุธปิศาจอยู่แล้วเป็นผลให้เขายังมีข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธปิศาจมากทีเดียว
ถึงตอนนี้ ในมือของเขามีรูปหลายใบ ล้วนเป็นรูปของอาวุธปิศาจเผชิญหน้ากับราชามังกรทะเล และยังมีข่าวว่าเธอไปที่ทวีปตะวันออกและตาแหน่งที่อยู่ของเธอตอนนี้นั้นไม่เป็นที่เปิดเผย
จากที่สายลับของสหพันธ์อินทรีทองบอก ความฉลาดของอาวุธปิศาจนั้นจู่ ๆ ก็เพิ่มขึ้นและหลุดออกจากการควบคุมไปแล้ว และตอนนี้นับเป็นปัจจัยอันไม่แน่นอน
“อืม… ดูเหมือนว่าต่อให้การติดต่อสื่อสารจะถูกตัด แต่ประเทศใหญ่ ๆ ก็ยังสามารถติดต่อกันได้อยู่สินะ!”
อ่านเอกสารในมือแล้วฟางหยวนก็แค่นเสียง “เยี่ยอิงจื่อและเจ้าต้าหนิวเข้าไม่ถึงข้อมูลเหล่านี้เพราะว่าตาแหน่งยังต่าเกินไป!”
“นอกจากนี้… ดูเหมือนว่าจะมีคนถูกใช้เป็นเหยื่อล่อ เป็นผู้อาวุโสจี๋อินจริง ๆ หรือ?”
ฟางหยวนไม่แน่ใจ
อย่างไรเสีย จ้าวแห่งฝันคนไหน ๆ จากโลกของเขานั้นก็สามารถเข้าครอบครองร่างของอาวุธปิศาจได้โดยอิสระ อย่างที่เคยปรากฏในอาณาจักรโบราณที่ปิศาจน้าอู่จือฉีที่เซียงลิ่วเข้าครอบครองร่าง ตราบใดที่ผู้อาวุโสจี๋อินรับรอง ใครก็สามารถควบคุมร่างของนางได้
“แล้วก็ แต่ละคนล้วนมีวิธีการทาเรื่องต่าง ๆ ในวิถีของตน ในเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว ต่อให้เป็นคนโง่ก็บอกได้ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป…”
ถึงแม้ว่าจ้าวแห่งฝันจากสมาพันธ์แห่งอาณาจักรจะนับว่าอยู่ฝ่ายเดียวกับฟางหยวน แต่ก็ไม่มีใครแน่ใจได้อย่างแท้จริง
“ข้าวางแผนเพื่อการนี้มาตั้งนาน แล้วจะปล่อยให้ใครเข้ามาทาลายทุกอย่างลงไปเช่นนี้น่ะหรือ? ต่อให้ผู้อาวุโสกลับเข้ามาในอาณาจักรนี้อีกครั้ง ข้าก็ไม่คิดว่านางจะสามารถทาลายแผนการของข้าได้… นอกจากนี้ หากจ้าวแห่งฝันเข้ามาในอาณาจักรนี้ พวกเขาต้องพยายามติดต่อกับข้า การกระทาลับ ๆ ล่อ ๆ เช่นนี้มีแต่จะทาให้ข้าสงสัยในจุดประสงค์ของพวกเขา!”
ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะยิ้มออกมา “ศัตรูอยู่ในความมืดและข้าอยู่ที่สว่าง สถานการณ์นี้ข้าเสียเปรียบและวิธีแก้ไขก็ย่อมต้องเป็นการพลิกสถานการณ์กลับไป!”

หลังจากนั้นไม่กี่วัน บนผิวทะเลตะวันออก
มีประกายสะท้อนจุดเล็ก ๆ ที่เปลี่ยนไปเป็นเงาร่างของฟาร์ชูฮาร์และคนอื่นอีกสองคนอย่างรวดเร็ว
ฟาร์ชูฮาร์มีหกปีกอยู่ด้านหลังขณะที่อีกสองคนข้าง ๆ เขานั้นมีรัศมีพลังที่ดูลึกลับ หนึ่งนั้นมีผิวซีด ผมสีม่วงและดวงตาสีเลือด เขามีบรรยากาศเฉพาะตัวแบบหัวหน้าเผ่าสักเผ่า อีกคนนั้นเป็นชายรูปร่างใหญ่ที่มีรัศมีพลังอันกระด้างเหมือนสัตว์ป่า
“ประเทศจีน… เป็นประเทศที่ไม่น่าเชื่อจริง ๆ!”
ประกายสีทองเริ่มมารวมตัวกันเมื่อฟาร์ชูฮาร์หลับตาลง แล้วเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ตอนนี้ของทวีปกลางก่อนที่จะพูดออกมาอย่างตื่นเต้น “ความสามารถการปรับตัวของประเทศนี้นั้นแข็งแกร่งกว่าประเทศอื่น ๆ! มันยังคงรักษาพลังของตนเอาไว้!”
สหพันธ์อินทรีทองนั้นแทบจะเอาชีวิตไม่รอดขณะที่สมาพันธ์บลูสตาร์นั้นประกาศยุติบทบาทลง เทียบกันแล้ว ประเทศจีนทาได้ดีทีเดียว
“ถูกต้อง… ข้าสามารถสัมผัสถึงโลหิตของผู้คนที่นี่ได้ พวกเขาเป็นอาหารที่ดีสาหรับพวกเรา…”
ชายผิวซีดท่าทางดีปล่อยเส้นผมสีทองและม่วงของตนยาวระเอว เขาทาให้คนอื่นที่ได้ยินเขาพูดรู้สึกหวาดกลัวได้
“เคิร์ทลี่ย์ อย่าได้คิดจะแพร่เผ่าพันธุ์ของเจ้าที่นี่ อย่างไรเสีย ที่นี่ก็เป็นเขตแดนของสานักเร้นกาย!”
ชายร่างใหญ่ที่ดูป่าเถื่อนข้างกายเขาคาราม
“จอนพูดถูก ตอนนี้ พวกเราไม่สามารถขัดแย้งกับสานักเร้นกายได้!
ฟาร์ชูฮาร์พูดอย่างเคร่งขรึมแล้วเริ่มยกข้อสงสัยขึ้นมา “ข้าสงสัยว่า… จี๋อินมอบอะไรให้พวกเจ้าเพื่อให้พวกเจ้ายื่นมือมาช่วย?”
“เหอเหอ…”
ทั้งคู่สบตากันแล้วเงียบไป
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นสหายร่วมรบกันในตอนนี้และยังร่วมมือกันจับตัวเซอร์เบอรัสเก้าหัว พวกเขาก็ยังคงเป็นบรรพบุรุษแห่งรัตติกาลแรกกันทั้งคู่ และอันที่จริงยังไม่สามารถอยู่ร่วมกันกับฟาร์ชูฮาร์ได้
แล้วพวกเขาจะบอกข้อมูลชิ้นสาคัญเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?
“ไม่มีอะไรมาก อาวุธปิศาจชื่นชมพวกเราและมอบวิชาให้พวกเราให้สามารถควบคุมปราณจากพระอาทิตย์และพระจันทร์…”
หลังจากเงียบไปนาน เคิร์ทลี่ย์ก็พูดขึ้น “เจ้าก็รู้… พวกเราสนใจในศาสตร์การฝึกตนของทวีปกลางมานานแล้ว อย่างไรก็ตาม พวกคนบ้าจากสานักเร้นกายย่อมไม่มอบวิชาที่เหมาะสมกับพวกเราให้พวกเราฝึก ใครจะคิดว่านางจะช่วยเราแก้ปัญหานี้ได้”
“อย่างไรเสีย นางก็มีความรู้ของโลกอื่น ถึงแม้ว่าจะไม่สมบูรณ์ก็ตาม”
มนุษย์หมาป่าที่ด้านข้างพวกเขาเลียริมฝีปาก “ตอนนี้ พวกเราต้องช่วยจี๋อินฆ่าฟางหยวน คนผู้นี้ไม่เหมือนจี๋อิน เขาเป็นปิศาจจากโลกอื่น และพวกเราก็อาจจะสามารถได้ครอบครองตาแหน่งของโลกอื่นจากตัวเขา…”
ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะรู้ชัดเจนเกี่ยวกับปฏิบัติการเก็บดวงตา พวกเขายังรู้ความเสี่ยงของปฏิบัติการครั้งนี้กระจ่างกว่านั้นเสียอีก
อย่างไรเสีย ก็ไม่ใช่ทุกแผนการที่จะมีอัตราความสาเร็จเป็นหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถเพิ่มพลังวิญญาณบนดาวโลกเอาไว้ที่ระดับสูงที่สุดไปได้ตลอด พวกเขาก็ยังไม่คิดว่าเกินเลยไปหากจะมีแผนการอื่นสารองเอาไว้
ตัวอย่างเช่น… ตาแหน่งของโลกอื่น!
ถ้ามีเอาไว้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องเจอกับหายนะใดก็ตาม พวกเขาก็ยังสามารถเรียนรู้จากสานักวังหยก ไปอาศัยอยู่ในช่องว่างมิติเวลาต่อ
นอกจากนี้ หากมีตาแหน่งของโลกอื่น มันก็เหมือนมีประภาคารท่ามกลางความมืดมิด ชักนาพวกเขาไปและให้พวกเขาได้รู้สึกถึงความปลอดภัยที่มากขึ้น
“ข้าเคยเจอฟางหยวนมาก่อนครั้งหนึ่งและก็เป็นช่วงหลังจากปรากฏการณ์ครั้งที่สามเพียงไม่นาน… ตอนนั้น เขายังอยู่ในอีกรูปลักษณ์ของเขา เหลย และยังเป็นผู้วิวัฒน์อันดับหนึ่งของโลก! ไม่ต้องพูดถึงว่า คนผู้นี้ทาให้ข้ารู้สึกถึงบรรยากาศอันลึกลับ… มันเหมือนกับข้าสามารถมองทะลุเขาได้และในเวลาเดียวกันก็ไม่สามารถเข้าใจความคิดเขาได้ เขาเหมือนตาราโบราณ ที่ทุกหน้าข้าจะพบข้อมูลมากขึ้นแต่ก็ยิ่งห่างไกลจากการเข้าใจตัวตนแท้จริงของเขาไปเรื่อย ๆ”
ฟาร์ชูฮาร์มีท่าทีไม่เข้าใจอยู่บ้าง
ระหว่างพูดคุย พวกเขาทั้งสามคนเปลี่ยนไปอยู่ในรูปลักษณ์ของดาวตกและแทรกซึมเข้าไปในประเทศจีน
“ดีมาก!”
เคิร์ทลี่ย์กวาดตามองรอบตัวแล้วรู้สึกพึงพอใจ “พวกเราไม่ได้หยุดพักเลยหลังจากเข้ามาในประเทศนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรักษาคาพูดเอาไว้ได้และพวกเราก็คงได้รับการยอมรับจากสานักเร้นกายจริง ๆ!”
“เหอเหอ… ก็แค่คนกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น!”
มนุษย์หมาป่าเริ่มแลบลิ้นเลียเขี้ยวสีขาวสะอาดของตัวเอง “พวกเขาแค่ไม่กี่คนย่อมห่างไกลจากเหลยมาก แต่พวกเขาก็ยังอยากทาเป็นไม่สนใจเหลยและพึ่งพาพลังของพวกเรา”
“ที่สาคัญที่สุด พวกเขาต้องการความลับว่าเหตุใดเหลยจึงสามารถเพิ่มระดับการฝึกตนได้ในระยะเวลาอันสั้น!”
ฟาร์ชูฮาร์เสริม
ทุกคนย่อมต้องสงสัยคนธรรมดาที่สามารถกลายมาเป็นผู้ทรงพลังได้ในระยะเวลาอันสั้นแน่นอน
โดยเฉพาะที่บางคนนั้นสามารถบรรลุสู่ระดับเทพหวนคืนได้หลังจากปรากฏการณ์ครั้งที่สอง มีความสามารถของผู้วิวัฒน์ขั้นที่สี่ และยังเป็นที่รู้จักในนามของผู้วิวัฒน์อันดับหนึ่งของโลก
ความก้าวหน้าเช่นนั้นย่อมไม่สามารถอธิบายได้ด้วยแค่การเข้าครอบครองร่างจากปิศาจจากนอกโลกเพียงอย่างเดียว
หรือหากเป็นเช่นนั้นจริง หากโลกที่ภายนอกนั้นยังปล่อยปิศาจของพวกเขาออกมาเช่นนี้ โลกย่อมไร้ความสามารถในการต้านทานใด ๆ
“เหอเหอ… ดูเหมือนว่าในปฏิบัติการครั้งนี้ พวกเราไม่เพียงต้องระวังจี๋อินและสหพันธ์อินทรีทอง ปัญหาใหญ่ที่สุดยังมาจากปิศาจโบราณของสานักเร้นกาย!”
จากเสียงหัวเราะของบรรพบุรุษแรกของแวมไพร์ ป้อมปราการแห่งหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา
ป้อมปราการนี้สร้างขึ้นจากโลหะและยังสูงถึงสิบเมตร ที่ด้านบนกาแพงเต็มไปด้วยปืนกลและปืนใหญ่ และทั้งป้อมดูราวกับเป็นเกราะขนาดยักษ์์
“ดูป้อมปราการนี่สิ มันดูเหมือนจะเตรียมเอาไว้ตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว?”
เห็นแล้วฟาร์ชูฮาร์ก็ถอนหายใจ “หากรัฐบาลของสมาพันธ์มีประสิทธิภาพเช่นนี้ ข้าเชื่อว่าหลายชีวิตของสมาพันธ์บลูสตาร์จะถูกช่วยชีวิตเอาไว้ได้”
“จี๋อิน! เป็นอย่างไร?”
พวกเขาสามคนหยุดลงและตะโกนถามเด็กสาวงดงามตรงหน้าพวกเขา ปีกสีขาวและดามีประกายสดใส
“ข้าแอบเข้าไปในเมืองและยืนยันตาแหน่งของเขาแล้ว”
ขณะจี๋อินพูด เธอก็มีสีหน้าไม่ดีนัก “แต่ว่า มีบางอย่างประหลาด เขามักจะอยู่แต่ในกระท่อมและน้อยครั้งที่จะออกมา…”
“นั่นไม่ดีหรือ?”
บรรพบุรุษแรกของมนุษย์หมาป่า จอน เริ่มเผยชั้นของขนสีขาวขณะเขาค่อย ๆ เปลี่ยนร่างไปเป็นหมาป่าช้า ๆ เขาอดจะลงมือไม่ได้แล้ว
แต่ว่า ฟาร์ชูฮาร์และเคิร์ทลี่ย์ดูลังเล “เมื่อคิดถึงความสามารถของเขา ต่อให้เจ้าใช้ความสามารถที่เจ้าถนัดที่สุดข้ามมิติไป เขาก็ยังสามารถตรวจเจอเจ้าได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ อย่างนั้นก็ดูเหมือนจะมีบางอย่างไม่ถูกต้องแล้ว”
“ใครจะไปสน? ไม่ว่าแผนการจะเจ้าเล่ห์เพียงใด แต่ภายใต้พลังและความแข็งแกร่งอันแท้จริง แผนการใด ๆ ก็ไร้ความหมาย… พลังของพวกเรารวมกันย่อมสามารถเอาชนะฟางหยวนได้ เขาก็แค่คนเพียงคนเดียว ต่อให้สามารถสังหารดวงตาหินพันปีได้ เขาอย่างมากก็รับมือพวกเราได้สองคน พวกเขายังคงได้เปรียบอยู่!”
ถึงตอนนี้ ฟาร์ชูฮาร์ก็ตัดสินใจ
“ถูกต้อง… ถ้าพวกเราปล่อยเขาไป พวกเราก็จะกลายเป็นให้โอกาสเขาทาสิ่งที่เขาต้องการมากขึ้นไปอีก!”
จี๋อินเองก็เข้าใจเรื่องนี้ชัดเจนเช่นกัน “ข้ามีเพียงเศษเสี้ยวความทรงจาจากโลกอื่นเท่านั้น แต่ว่า ปิศาจจากโลกอื่นนั้นก็นับเป็นคนนอกโดยแท้จริง หลังจากช่วงเวลาหนึ่ง เขาต้องแข็งแกร่งขึ้นอีกเป็นแน่”
หลังจากผู้ทรงพลังทั้งสี่สรุปกันได้ ก็ดูเหมือนจะเกิดหายนะกับเมืองหุยหมิงแน่แล้ว
“กี๊! กี๊!”
คนแรกที่ลงมือก็คือบรรพบุรุษแรกของแวมไพร์ ภายใต้การควบคุมของเขา ท้องฟ้ากระจ่างก็ถูกเมฆสีแดงเข้มปกคลุม ค้าวคาวสีดาเริ่มพุ่งลงไปแล้วไปล้อมอยู่รอบกระท่อม เสาะหาเหยื่อของมันอย่างกระหาย
“ครืน!”
ครู่ต่อมา แสงศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า เทวทูตร้องเพลงสรรเสริญสวรรค์และไม้กางเขนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ราวกับดาบศักดิ์สิทธิ์ มันพุ่งตรงลงไปที่กระท่อมนั้น
มีเสียงคารามเบา ๆ ของหมาป่าดังมาเช่นกัน แล้วแสงสีขาวก็แลบวาบเหมือนอุกาบาตพุ่งลงมา
“ลมทมิฬพิโรธ ไป!”
เทียบกับทุกคนแล้ว จี๋อินนั้นใช้ทักษะของตัวเองได้ดีกว่ามาก
เทียบกับการใช้ความสามารถอย่างมืดมัวในตอนแรกแล้ว จี๋อินคนปัจจุบันนั้นรู้วิธีการควบคุมพลังอย่างถูกต้อง เพียงแค่โบกมือครั้งเดียว สายลมทมิฬก็เริ่มก่อตัวและมีเสียงวิญญาณทุกข์ร้องโหยหวนดังมาแผ่ว ๆ
พื้นดินสะเทือนและน้าก็เอ่อล้นขึ้นมาจากรอยแตกบนพื้น เกิดเป็นกระแสน้ารุนแรงที่เก็บกลืนทุกอย่างที่มันไหลบ่าผ่านไป
ด้วยการโจมตีผสานเสริมกันและกันของอีกสามคนก็ทาให้พลังทาลายล้างของพวกเขานั้นขึ้นไปที่ระดับสูงที่สุด
น้าและลมที่รวมพลังกันเผยความสามารถในการควบคุมพลังของเธอออกมา
“ครืน!”
ภายใต้การโจมตีทั้งหมด กระท่อมไม่สามารถต้านรับไว้ได้แม้เพียงวินาทีเดียว มันถล่มลงมาแทบจะทันที
แรงสะเทือนจากการระเบิดและการถล่มลงมานั้นแผ่ไปไกลกว้าง และสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบไปเช่นกัน
“บรู๊ววว!”
จอนเปลี่ยนไปอยู่ในร่างของหมาป่าขนสีขาว ร่างของเขาทะลวงผ่านปราการเสียงและชนเข้ากับเงาร่างหนึ่ง
“ชี่!”
เงาร่างนั้นไม่ต่อต้านเลยสักนิด มันล้มลงและแตกสลายไปทาให้จี๋อินไม่พอใจยิ่ง “จริงด้วยสินะ…”

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ