Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 455

เรื่อง Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 455

455: การเริ่มใหม่
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แค่พริบตาเดียวสิบปีก็ผ่านไป
ตั้งแต่การต่อสู้เมื่อสิบปีก่อน ฟางหยวนก็หายหน้าไปจากผิวโลก สานักเร้นกายจากทวีปกลางและสมาพันธ์ปิศาจของทวีปตะวันออกและตะวันตกได้ค้นหาไปทั่วโลกแต่ก็ไม่มีผลลัพธ์ใด
ในสิบปีมานี้ เพราะความเข้มข้นของหยาดพลังที่เพิ่มขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงอันน่าตระหนกเกิดขึ้นบนโลกหลายอย่าง ประเทศที่ยังเหลือรอดก็เริ่มล่มสลาย เกิดปัญหาจานวนประชากรอยู่ทุกที่ และสัตว์ป่าก็เริ่มทะลักเข้าสู่เมือง ผู้วิวัฒน์และผู้ฝึกตนฉวยโอกาสนี้เพิ่มพลังขณะที่ความสาคัญของรัฐบาลเริ่มเสื่อมถอย เครือข่ายพันธมิตรต่าง ๆ เริ่มเข้ามาแทนที่รัฐบาล
ตอนนี้เป็นช่วงปลายปี 1023 และปรากฏการณ์ครั้งที่สี่กาลังจะมาถึงแล้ว!
ก็เหมือนก่อนหน้านี้ ดาวหางราชาวิญญาณปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเป็นตัวแทนของหยาดพลังที่กาลังเพิ่มสูงขึ้นในชั้นบรรยากาศ เมื่อมันเพิ่มสูงสุดแล้ว ความเข้มข้นของหยาดพลังก็จะลดลงหลังจากนั้นไม่นาน
ระยะที่หยาดพลังเข้มข้นนั้นจะคงอยู่ราว ๆ หนึ่งร้อยปี หลังจากนั้น ทั้งโลกก็จะเข้าสู่วัฏจักรหนึ่งพันปีใหม่อีกครั้ง
แต่ว่าครั้งนี้ เหล่าผู้ทรงพลังของสมาพันธ์ปิศาจและสานักเร้นกายนั้นเตรียมการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะไม่ยอมแพ้แก่โชคชะตาอีกต่อไปและจะทาทุกอย่างให้แผนการของพวกเขาดาเนินไปได้อย่างดี!

เมืองหุยหมิง
เมืองที่พังทลายไปครึ่ง ๆ ค่อย ๆ ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อย่างช้า ๆ และก็กลายเป็นครึกครื้นขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน
ตอนนี้ที่ในเมืองมีคนอาศัยอยู่หลายหมื่นคน ซึ่งหมายถึงเมืองย่อมแน่นขนัดและวุ่นวายอย่างที่สุด จากภายนอก ทั้งเมืองดูเหมือนเป็นครอบครัวใหญ่ที่แต่ละบ้านเพิ่งกลับมาอยู่รวมกัน
กาแพงเมืองสีเงิน อาวุธที่ผ่านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และข่ายเวทย์ที่ดูลึกลับทาให้เมืองแผ่รัศมีอันเฉพาะออกมา
ผู้ที่เข้าไปในเมืองก็จะต้องเจอกับสลัมค่ายอพยพเป็นลาดับแรก
บ้านชั้นเดียวที่สร้างเอาไว้ติด ๆ กัน ขยะและสิ่งปฏิกูล และยังกลิ่นเหม็นเน่าแทบทนไม่ไหวลอยเต็มอากาศ เช่นเดียวกัน การทะเลาะวิวาท ลักขโมย ข่มขืน ล้วนเป็นสิ่งธรรมดาที่นี่ ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าก็มีสิทธิ์มีเสียงมากกว่า และที่นี่ยังแทบไม่มีกฏใด ๆ บังคับใช้ได้ด้วยซ้า
ถัดจากสลัม ผ่านกาแพงอีกหลายชั้นเข้าไปก็จะไปถึงพื้นที่ของพวกหัวกะทิ สิ่งก่อสร้างสูงหลายชั้นสร้างจากโลหะ และถนนหนทางสะอาดสะอ้าน ตารวจเดินลาดตระเวนไปตามถนนเพื่อรักษาความเป็นระเบียบ
เรียบร้อย มีกาแพงหนากั้นระหว่างสลัมกับส่วนนี้ของเมือง ความแตกต่างนั้นมหาศาล ราวกับที่นี่เป็นสวรรค์และสลัมที่ด้านนอกนั้นคือนรก
ผู้วิวัฒน์บางคน เจ้าหน้าที่ทางทหาร และนักวิทยาศาสตร์ระดับต่าได้รับมอบหมายให้อาศัยอยู่ที่ด้านนอกนั่นและรื่นรมย์ไปกับความสงบสุขและมั่นคงอันน้อยนิด
ผู้ที่มีความดีความชอบ มีเงิน ก็จะสามารถเลื่อนระดับตัวเองเข้าไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ของเหล่าหัวกะทิได้ นี่เป็นความฝันของหลาย ๆ ชีวิตที่ด้านนอก
แต่ว่า ส่วนใหญ่แล้วล้วนไม่รู้เลยว่ายังมีพื้นที่ใจกลางเล็ก ๆ อยู่ที่กลางเมือง
ที่นั่นได้รับการดูแลเฉกเดียวกับตอนที่โลกยังไม่เข้าสู่ความวุ่นวายทั้งมวลนี้ เพราะการมาถึงของวันวิปโยค ที่นั่นจึงกลายเป็นซับซ้อนและถอยหลังกลับไปมากกว่าเดิมเสียอีก
ที่นั่นเป็นสถานที่ที่มีเพียงคนระดับสุดยอดอาศัยอยู่เท่านั้น คนที่อยู่ที่นี่เป็นผู้วิวัฒน์ขั้นที่สามและเหนือกว่า และที่นี่ยังปลอดภัยที่สุด เป็นสถานที่ที่หรูหราที่สุดในเมืองหุยหมิง
เมื่อคิดถึงขนาดพื้นที่แล้ว พื้นที่ใจกลางนี้เรียกได้ว่าเล็กที่สุด ตามมาด้วยพื้นที่ของเหล่าหัวกะทิ และสุดท้าย พื้นที่สลัมที่คิดเป็นเจ็ดส่วนของเมืองเลยทีเดียว
นี่คือวันวิปโยคอย่างแท้จริง
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
ทันใดนั้น บนฟ้าที่ด้านนอกเมือง มีจุดสีดา ๆ กลุ่มหนึ่ง เป็นฝูงของเหล่าแร้งขนแดง พวกมันดุร้ายและยังหน้าตาน่าเกลียด ระยะกางปีกของพวกมันกว้างถึงสามเมตรและกรงเล็บคมกริบก็กรีดผ่านอากาศเมื่อมันบิน
“ฉัวะ! ฉัวะ!”
บนกาแพงเมือง อาวุธที่ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีระดับสูงหลายชนิดเริ่มสาดเข้าใส่แร้งดุร้ายจานวนมากเหล่านั้น เกิดเป็นลาแสงหลากสี
แร้งหลายตัวหลบรอดจากห่าอาวุธที่ยิงเข้าใส่ได้แต่ก็ต้องกระแทกเข้ากับข่ายเวทย์ปกป้องจนกลายเป็นแค่กองเลือดเนื้อเป็นหย่อม ๆ
“แร้งเลือดอีกฝูงหนึ่ง ดูเหมือนว่าพวกเราต้องส่งกองกาลังเสี่ยงภัยไปที่หน้าผาทางตะวันตกเพื่อกาจัดพวกมันแล้ว”
บนกาแพงเมือง เจ้าหน้าที่หลายคนจับตามองภาพที่เกิดขึ้นอย่างเย็นชาและปรึกษากันเอง
ในเวลาเดียวกัน ยานพาหนะคันหนึ่งมาถึงที่ด้านนอกและดึงดูดความสนใจของพวกเขา
ในช่วงเวลาเช่นนี้ กระทั่งกองกาลังเสี่ยงภัยยังต้องเดินเท้า การที่สามารถมีรถหรูหราใช้ย่อมหมายความว่าคนผู้นี้นั้นเป็นบุคคลมีตาแหน่ง!
“พวกเราได้รับข้อความ คนผู้นี้เป็นทูตจากที่ด้านนอกนั่น เขาได้รับการตรวจสอบแล้ว เปิดประตู!”
เจ้าหน้าผู้หนึ่งตรวจสอบข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์ก่อนที่จะสั่งให้เปิดประตูเมือง
“ครึ่ก! ครึ่ก!”
ภายใต้เสียงกระหึ่มของเครื่องจักรและฟันเฟืองที่ทางานร่วมกัน ก่อให้เกิดแรงบิดหมุนเปิดประตูออกช้า ๆ
“ฮ้า!”
“ในที่สุดก็ถึงบ้านแล้ว!”
“ฮ่าฮ่า… ชีวิตใหม่แหละ!”
ผู้เสี่ยงภัยคนหนึ่งในเสื้อผ้ากะรุ่งกะริ่งเห็นภาพนี้แล้วก็ครางออกมาอย่างตื่นเต้น
“คนเหล่านี้… ผู้เสี่ยงภัยชุดก่อน? พวกเขาโชคดีมากที่ไปเจอเข้ากับยานพาหนะของทูตต่างเมืองจึงสามารถพาพวกเขากลับมาที่เมืองได้!”
เจ้าหน้าที่ออกคาสั่งโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ถ่ายทอดคาสั่งลงไปให้ตรวจสอบอย่างเข้มงวด แล้วก็ ผู้พิทักษ์เกียรติยศจะตามผมไปรับพวกเขา!”
หลังจากที่เมืองหุยหมิงพัฒนามาสิบปี ก็เกิดวัฒนธรรมและการฝึกฝนอันเฉพาะขึ้น
เทคโนโลยีหลอมรวมเข้ากับพลังพิเศษเกิดเป็นยุคใหม่ ขีดจากัดถูกทาลายไปแล้วและตอนนี้ มันก็เป็นไปได้ที่จะผลิตอาหารราคาถูกให้
เพียงพอกับความต้องการของเมือง ถึงแม้ว่ารสชาติอาหารจะไม่ได้ดีเลิศนัก แต่มันก็ยังดีพอที่จะทาให้ผู้คนมีชีวิตรอดมาได้
นอกจากนี้ ยังมีเคล็ดวิชาฝึกตนธรรมดาสองสามวิชาถูกเผยแพร่ออกไป ซึ่งกลายไปเป็นพื้นฐานของเหล่านักเสี่ยงภัย
พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่กระตือรือร้นที่สุดในเมืองและมักจะวาดฝันว่าสามารถปลุกความสามารถพิเศษขึ้นมาได้ บรรลุระดับสูงของการฝึกตน หรือกระทั่งเข้าสู่กลุ่มนักล่าเงินและอาหาร ด้วยจุดมุ่งหมายเช่นนี้ พวกเขาจึงรับภารกิจจากในเมืองหุยหมิงและออกไปกาจัดเหล่าสัตว์ป่าดุร้ายที่รอบ ๆ เมืองเป็นระยะเพื่อให้เมืองมีความมั่นคง
หลังจากเสร็จภารกิจ ระบบในเมืองก็จะบันทึกลงไปว่านักเสี่ยงภัยคนใดทาภารกิจสาเร็จ เมื่อนักเสี่ยงภัยสะสมคะแนนได้มากพอ พวกเขาก็จะได้รับการเลื่อนขึ้นไปเป็นนักเสี่ยงภัยระดับสี่ดาวหรือสูงกว่านั้น ซึ่งจะทาให้พวกเขามีโอกาสเข้าไปอยู่ในพื้นที่ของพวกหัวกะทิ เป็นความก้าวหน้าก้าวใหญ่จากตรงที่พวกเขาอยู่ตอนนี้
“ลุงอวี้!”
ในตอนนี้เอง นักเสี่ยงภัยหนุ่มคนหนึ่งที่กาลังมองยานพานหะที่เข้าเมืองมาอย่างอิจฉา “คนพวกนี้เป็นใครกัน…”
“น่าจะเป็นทูตจากเมืองอื่นละมั้ง?”
ชายรูปร่างล่าสันในเสื้อผ้ารุ่งริ่งอีกคนลูบคาง “ใครจะรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร…”
“สักวัน ผมจะต้องได้เป็นคนสาคัญแบบเขา!”
ชายหนุ่มมองยานพาหนะคันนั้นขับไปจนพ้นสายตา ลุงของเขาต้องโน้มน้าวทหารยามที่ประตูแทบตายกว่าจะได้รับรองให้เข้ามาในเมือง เทียบความแตกต่างของการดูแลแล้ว ชายหนุ่มก็กาหมัดแน่น
“ผมคือหัวหน้าซุนซิงเฉินแห่งเมืองหุยหมิง ยินดีต้อนรับทูตจากแดนไกล!”
ยานพาหนะคันนั้นเข้าไปที่ลานจอดรถและจอดลงก่อนที่เจ้าต้าหนิวจะเดินลงมาจากรถคันหนึ่ง มองเมืองที่เปลี่ยนไปแล้วใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยอารมณ์อันซับซ้อน “ในที่สุด… พวกเราก็กลับมาแล้ว”
ในดวงตาของเขามีแววเจ็บปวด เขาลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีที่แล้วไม่ได้
ตอนที่เมืองถูกโจมตี เกือบครึ่งของเมืองถูกทาลายลง สิงเหอจื่อแห่งสานักเร้นกายเข้ายึดตาแหน่งผู้ปกครองเมือง เมืองหุยหมิงเป็นเมืองแรกที่หลุดออกจากการควบคุมของรัฐบาลและเริ่มต้นเส้นทางใหม่ด้วยการปกครองตนเอง
จนถึงทุกวันนี้ ความตั้งใจที่จะแยกตัวออกมาของเมืองนี้ก็เห็นได้ชัดเจนยิ่งนัก
“ยินดีต้อนรับทูตเจ้าต้าหนิว เชิญขึ้นรถของผมก่อน ผมจะพาคุณไปที่พื้นที่ใจกลาง!”
ซุนซิงเฉินทาวันยาหัตถ์
“ขอบคุณ!”
หลังจากฝึกฝนอีกสิบปี ตอนนี้เจ้าต้าหนิวก็ดูเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง จอนผมเริ่มเป็นสีเทา เขาควบคุมอารมณ์ของตัวเองและขึ้นรถลิมูซีนสีดาไป
“ยินดีต้อนรับค่ะท่าน!”
ในลิมูซีน มีหญิงงามในชุดเย้ายวนรอเขาอยู่แล้วสองคน ทันทีที่เขาเข้าไป พวกเธอก็เข้ามาล้อมอยู่ข้าง ๆ ทั้งสองคนนี้มีรูปโฉมคล้ายกันและน่าจะมีสายเลือดเดียวกัน
เขาเอนตัวบนเบาะ สุราถูกยกมาให้ “คุณจะดื่มกับพวกเราไหมคะ?”
หัวใจของเจ้าต้าหนิวหวั่นไหวไปวูบหนึ่ง แต่ว่าทันทีที่เขาคิดถึงเยี่ยอิงจื่อ เขาก็ปฏิเสธเด็ดเดี่ยว “ไม่ต้องเข้ามาใกล้ผม! เอาเหล้าให้ผมก็พอ!”
เขายกแก้วไวน์ขึ้นแล้วเอียงแก้วไปมา ไวน์แดงในแก้วหมุนวน
เขาเริ่มสังเกตสภาพแวดล้อมที่ด้านนอก ท้องฟ้ามืดและสิ่งก่อสร้างด้านนอกก็ดูไม่เท่าเทียมนัก ทันทีที่ผู้คนบนถนนเห็นสัญลักษณ์ของทูตบนยานพาหนะ พวกเขาก็รีบเปิดทางให้อย่างหวาดกลัวและได้แต่มองรถจากที่ไกล ๆ เจ้าต้าหนิวมองพวกเขาด้วยความรู้สึกอันซับซ้อน
ในที่สุด เขาก็เข้าใจได้ในบางส่วนเมื่อเขาเข้ามาในพื้นที่ของเหล่าหัวกะทิ
มองพื้นที่สีเขียวและร้านค้าส่วนกลางรูปแบบต่าง ๆ ที่รอบ ๆ แล้ว เจ้าต้าหนิวก็รู้สึกเหมือนตัวเองเดินทางข้ามกาลเวลา
ความสงบสุขและเงียบสงัดในช่วงเวลาเช่นนี้และมันก็คุ้มค่าที่จะปกป้องเอาไว้ด้วยชีวิต
แต่ว่า ทันทีที่เขาคิดถึงสภาพที่ด้านนอก เขาก็รู้สึกไม่ยุติธรรมต่อผู้คนที่โชคร้ายเหล่านั้น
“ปึ้ก!”
ในที่สุด พวกเขาก็เข้ามาในพื้นที่ใจกลาง เจ้าต้าหนิวเก็บกลั้นความโกรธเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป เขาชกใส่รถที่นั่งอยู่ด้วยกาปั้นแข็งแกร่ง
รถคันนี้ทาจากโลหะทองคาชนิดพิเศษและยังว่ากันว่าสามารถป้องกันจรวดนาวิถีและความสามารถพิเศษของผู้วิวัฒน์ขั้นที่สามได้ แต่ว่า แค่หมัดเดียว โครงรถก็เป็นรอยบุ๋ม
รถแล่นต่อไปและในที่สุดก็ไปจอดลงที่ตรงหน้าสิ่งก่อสร้างหลังหนึ่งซึ่งมีรูปลักษณ์คล้ายราชวัง
ซุนซิงเฉินเปิดประตูให้เจ้าต้าหนิวด้วยตัวเอง “คุณเป็นมนุษย์หินที่แข็งแกร่งมากจริง ๆ! เชิญครับ!”
เจ้าต้าหนิวสูดลมหายใจลึกขณะเดินไปตามพรมสีแดงและเข้าไปในวังนั่น
กาแพงมีหยกขาว เงิน และทองฝังเอาไว้ โคมไฟห้อยลงมาจากเพดานสร้างภาพลักษณ์หรูหราสมบูรณ์แบบ
ถึงแม้ว่าราคาของทองและโลหะจะลดต่าลงอย่างมากในช่วงเวลาเช่นนี้ แต่ทรัพยากรและกาลังคนที่ต้องใช้ในการสร้างวังแห่งนี้ก็น่าจะเทียบได้กับสมบัติมหาศาล
เพียงแค่คิด เจ้าต้าหนิวก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ในอกราวกับมีหินก้อนใหญ่ถ่วงเอาไว้
“เหอเหอ… ยินดีต้อนรับ สหายจากแดนไกล!”
ชายชราคนหนึ่งเดินออกมาโดยมีเด็กสาวสองคนพยุงเอาไว้ “หรือฉันควรจะพูดว่า… ทูตจากเมืองหลวง คุณเจ้าต้าหนิว!”
“สวัสดีครับ คุณหลี่!”
หลังจากทักทายกันแล้ว เจ้าต้าหนิวก็รีบนึกย้อนถึงข้อมูลเกี่ยวกับอีกฝ่าย
หลี่หรูหลง กับตาแก่อีกสี่คน ตั้งตัวเองเป็นผู้ปกครองเมืองหุยหมิง– สภาห้าผู้อาวุโส
แน่นอนว่า ในทางลับแล้ว พวกเขานั้นอยู่ภายใต้การปกครองและอิทธิพลของสิงเหอจื่อจากสานักเร้นกาย
“ผมมาที่นี่เพราะเรื่องวันวิปโยคที่กาลังจะมาถึง!”
เจ้าต้าหนิวตรงเข้าเรื่อง “พวกเราล้วนต่างไปจากคนธรรมดาและรู้ว่ามันหมายความว่าอะไร”
พวกที่ขาดความรู้อาจจะคิดว่านี่เป็นช่วงเวลาอันดีงาม มีทั้งเทคโนโลยีและยังการฝึกตนต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดลงมา ให้ใคร ๆ สามารถกลายไปเป็นยอดมนุษย์ได้ หากเมืองยังดาเนินไปเช่นนี้ วัฒนธรรมใหม่ก็จะถูกสร้างขึ้น
แต่ว่า เจ้าต้าหนิวนั้นรู้กระจ่างเป็นอย่างยิ่งว่าวันแห่งการพิพากษานั้นกาลังจะมาถึงแล้ว!
นี่จะเป็นหายนะระดับโลกและไม่มีใครหนีพ้นได้!
“ท่านทูต ผมเข้าใจกระจ่างถึงจุดประสงค์การมาของท่าน!”
เหล่าหลี่หัวเราะเสียงปร่า “แต่ตอนนี้… ผมจะขอเชิญท่านไปร่วมงานเลี้ยงที่จัดเตรียมเอาไว้ให้โดยเฉพาะก่อน!”

อ่านตอนอื่นๆของ Carefree Path of Dreams คลิกเลย

แฟนเพจ