บทที่ 203 เข่นฆ่าสังหาร
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
”เจียงอี้?เจ้าคงเหนื่อยที่จะใช้ชีวิตแล้ว!”
”ฆ่ามัน!”
ในอุโมงค์มีแสงสว่างไม่มากนักแต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวเหล่านี้มีวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมและสามารถระบุใบหน้าของเจียงอี้ได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาเห็นภาพคนคล้ายเจียงอี้ บุคคลสามคนแรกที่อยู่ข้างหน้าปล่อยแก่นแท้พลังออกมาและพุ่งไปทางเจียงอี้
”ฟึ่บฟึ่บ!”
ในขณะนั้นรากต้นไม้จำนวนนับไม่ถ้วนก็ขยับและอุดอยู่กลางอุโมงค์ แก่นแท้พลังทั้งสามแรงปะทะเข้ากับรากทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือน ทำให้โคลนตกลงมาจากด้านบน
”ไม่ได้การล่ะ!”
มีฉากที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิมเกิดขึ้นทางเข้าที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวเหล่านี้เข้ามาถูกปิดกั้นโดยรากต้นไม้ที่โผล่ขึ้นมาใหม่และปิดเส้นทางไม่ให้ถอยออกไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นรากต้นไม้ยังขยายออกไปล้อมพวกเขาทั้งหมดและก่อตัวเป็นคุกที่ทุกคนติดกับอยู่ภายในนั้นอย่างรวดเร็ว
”เอ่อ?”
”นี่คือวิชาอสูรชนิดใดกัน?”
”นี่ไม่ใช่วิชาอสูรมันคือเวทย์มนตร์! เวทมนตร์โบราณขององค์หญิงหยุนเฟย! องค์หญิงหยุนเฟยต้องอยู่ใกล้ๆนี้เป็นแน่ !”
”องค์หญิง?องค์หญิง พวกเรามาจากตระกูลหมิง ท่านจะช่วยคนนอกจัดการกับประชาชนของท่านได้อย่างไร?”
”ถูกต้ององค์หญิง ปล่อยให้พวกเราออกไปเถิดขอรับ! เรารับประกันว่าเราจะจากไปทันที … ”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวเหล่านี้ทั้งหมดนั้นเป็นประชาชนของอาณาจักรเทียนเซวี่ยนซึ่งคาดเดาได้อย่างรวดเร็วว่าเป็นเวทย์มนตร์ของหยุนเฟย
เวทย์คาถาระดับสูงที่ควบคุมต้นไม้เช่นนี้นั้นเฉพาะตระกูลจักพรรดิเท่านั้นที่จะเข้าถึงได้และมันยากมากที่จะทำความเข้าใจกับศาสตร์นี้ ในตระกูลจักรพรรดิทั้งหมด มีราชวงศ์เพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถเข้าใจมันได้และอีกคนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ของราชวงศ์ที่เก่าแก่มากและไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ได้
เหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวจึงรู้ได้อย่างฉับพลันอุโมงค์นี้ไม่ได้ถูกจอมยุทธขอบเขตจื่อฝู่ค้นพบโดยบังเอิญ แต่เป็นหยุนเฟยที่สร้างขึ้นโดยเจตนาในการใช้รากต้นไม้ มันเป็นกับดักที่พวกเขากระโดดลงไปเองอย่างโง่เขลา
”หืม!คนจากตระกูลหมิง? เช่นนั้นพวกเจ้าก็สมควรรับความตายมากกว่าผู้ใด”
เสียงที่เยือกเย็นดังมาจากอีกด้านหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยความเกลียดชัง”เมื่อตอนที่พี่ชายข้าถูกหยุนเฮ่อวางแผนสังหาร หมิงฮุย พวกเจ้าก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยใช่ไหม? อย่าคิดว่าข้าไร้เดียงสา เจียงอี้ ลงมือ! ”
ในขณะที่คุกต้นไม้หดแคบลงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวก็ยังคงฟันรากของต้นไม้ที่ขัยบไปมา นอกเหนือจากสิ่งประดิษฐ์ระดับวิญญาณของหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่สามารถตัดช่องว่างเล็กๆได้ สิ่งประดิษฐ์ที่เหลือก็สามารถทำให้มันมีเพียงรอยขีดข่วนบนผิวรากเท่านั้น
”ตายซะเถอะเสียเวลาเปล่า!”
เจียงอี้รีบพุ่งไปอย่างรวดเร็วขณะที่หยุนเฟยและจ้านอู๋ซวงถอยกลับไปเมื่อเจียงอี้เข้ามาใกล้กับคุกต้นไม้ ไข่มุกวิญญาณเพลิงก็เปล่งประกายในขณะที่ก้อนหินเล็กๆปรากฏขึ้นซึ่งทำให้อากาศรอบๆร้อนระอุทันที เจียงอี้ใช้นิ้วสะบัดหิน
วิญญาณเพลิงและยิงมันเข้าไปในคุกต้นไม้
”ฟึ่บฟึ้บ!”
เปลวไฟของหินวิญญาณเพลิงนั้นน่ากลัวกว่าเพลิงโลกาหลายเท่ารากของต้นไม้ซึ่งสิ่งประดิษฐ์ระดับวิญญาณที่ไม่สามารถตัดได้กลับถูกเผาเป็นรู เปลวไฟสีเขียวมีอุณหภูมิสูงอย่างน่ากลัวซึ่งแผดเผาทุกคนในคุกต้นไม้ทันที
ในขณะที่รากต้นไม้รอบๆก็ถูกเผาด้วยเช่นกันแม้แต่สิ่งประดิษฐ์ระดับวิญญาณก็ถูกหลอมจนเหลวอย่างรวดเร็ว
”มันคือสิ่งประดิษฐ์ประเภทไหนกัน?ทำอย่างไรถึงมีเปลวไฟที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ออกมาได้? แม้อยู่ไกล ข้าก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของข้ากำลังลุกไหม้! เจียงอี้ช่างประหลาดดีแท้ เขาไม่เกรงกลัวตัวเองถูกไฟคลอกหรือ? หรือว่าเขามีกายวิญญาณอัคคี?”
หยุนเฟยมองอยู่ไกลๆพร้อมแสดงความกลัวออกมาจ้านอู๋ซวงพึมพำก่อนที่จะส่ายหัว “เขาไม่ได้มีกายวิญญาณอัคคี มันคงเป็นสิ่งประดิษฐ์สุดยอดที่เจียงอี้ได้มาจากสุสานราชันสรรค์หมื่นมังกร ทุกคนมีความลับ และมันคงดีกว่าที่เจ้าจะไม่ไปถามอะไรเขามากเกินไป มิฉะนั้นเจียงอี้ตั้งกำแพงขึ้นมา”
”ฉันเข้าใจแล้ว!”
หยุนเฟยมองจ้านอู๋ซวงมันเหมือนกับว่านางกำลังยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มในเวลาเดียวกัน การแสดงออกที่น่ารำคาญของนางนั้นมีเสน่ห์มากจนหัวใจของจ้านอู๋ซวงสั่นไหว
”หยุนเฟยเปิดอุโมงค์! ข้าจะเก็บกวาดคนข้างบน กำลังเสริมของพวกมันกำลังมา”
เสียงของเจียงอี้สะท้อนมาจากระยะไกลในขณะที่หยุนเฟยและจ้านอู๋ซวงหยุดเกี้ยวพาราสีกันอย่างฉับพลันหยุนเฟยใช้ความรู้สึกสัมผัสกับผืนป่าเพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมและตะโกนออกมาทันที “เร็วเข้า เจียงอี้ กองทัพของทั้งสองฝั่งกำลังใกล้เข้ามาเร็วๆนี้ ออกไปฆ่าพวกเขาและข้าจะดึงเจ้ากลับเข้ามาในเวลาที่เหมาะสม”
”ตกลง!”
ดาบเกล็ดทมิฬปรากฎในมือของเจียงอี้ในขณะที่เขาตะโกน”หมาป่าจันทราสีเงิน!”
หยุนเฟยใช้รากของต้นไม้เปิดเส้นทางให้เจียงอี้ขี่หมาป่าออกไปในขณะที่เขายังอยู่กลางอากาศ ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิตทันทีในขณะที่เขาคำราม “เจตจำนงสังหาร พวกมันทุกคนต้องตาย!”
”ฮะ…”
ผู้คนที่คอยอยู่ด้านบนยังคงรวมตัวกันที่ทางเข้าที่ถูกปิดกั้นที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวพากันเข้ามาพวกเขาหาทางเข้าไปในอุโมงค์ไม่ได้และเมื่อไม่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยว พวกเขาต่างพากันตกอยู่ในภาวะหวาดกลัวอย่างรุนแรงและไม่รู้ว่าควรจะถอยหรือรอต่อไป
ตอนนี้เจียงอี้ได้ปรากฏตัวออกมา พวกเขาจึงไม่มีโอกาสที่จะหลบหนีอีกต่อไป
จิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวนั้นห้อมล้อมทุกคนทันทีทำให้นักสู้ขอบเขตจื่อฝู่ทั้งแปดร้อยคนรู้สึกราวกับมีภูเขายักษ์กำลังกดทับลงมาบนตัวพวกเขา นอกเหนือจากจอมยุทธขอบเขตจื่อฝู่ขั้นสูงสุดร้อยคนแล้ว คนที่เหลือก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แม้ว่านักสู้ขอบเขตจื่อฝู่ขั้นที่เจ็ดหรือแปดยังพอขยับได้ แต่ความเร็วของพวกเขาจะเร็วกว่าหมาป่าจันทราสีเงินหรือ?
ความเร็วของหมาป่าจันทราสีเงินได้รับผลกระทบเช่นกันแต่มันก็เป็นสัตว์อสูรของเจียงอี้ มันผูกจิตกับเจียงอี้และส่งผลเพียงเล็กน้อย
”ฟึ่บ!”
หมาป่าจันทราสีเงินเริ่มสร้างความวุ่นวายมันพุ่งหาฝูงชน ก่อนที่พวกเขาจะเข้าใกล้ฝูงชนนั้น เจียงอี้ก็ตะโกนว่า “เจ้าหมา ปลดปล่อยวิชาอสูร!”
”บุฟ”
เขาที่อยู่บนตัวหมาป่าจันทราสีเงินส่องแสงสีม่วงก่อนที่จะยิงลำแสงสีม่วงออกมาลำแสงสีม่วงสาดไปทั่วพื้นที่ และเปลี่ยนจอมยุทธทั้งหมดที่สัมผัสกับมันให้กลายเป็นฝุ่น มันเป็นการแสดงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวนัก!
”ตาย!”
เจียงอี้เหวี่ยงดาบเกล็ดทมิฬและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเงาดาบที่ปกคลุมทุกคนข้างหน้าเขาทุกครั้งที่ดาบเกล็ดทมิฬพุ่งออกมา ใครบางคนจะต้องตายด้วยดาบเล่มนี้
ทุกคนในปัจจุบันอาจเป็นกลุ่มของตระกูลหลักแต่ไม่มีใครในนี้ใช้สิ่งประดิษฐ์ระดับวิญญาณ ผู้ที่มีสิ่งประดิษฐ์ระดับวิญญาณนั้นจะเป็นพวกนายน้อยหนุ่มที่มีสถานะที่น่านับถือในตระกูลและคงจะไม่มาเสี่ยงชีวิตของพวกเขาในที่เช่นนี้
เมื่อแสงดาบเปล่งประกายเลือดสดๆต่างสาดกระเซ็นอย่างรุนแรง!
เจตจันงการสังหารของเจียงอี้ยังคงอยู่ในขั้นสองแต่ตอนนี้เขาก็มีสติอยู่ตลอด อย่างไรก็ตามความกระหายเลือดและความปรารถนาที่จะสังหารในหัวใจของเขานั้นคงไม่ยอมให้เขาหยุดจนกว่าจะมีคนมาช่วยให้เขาหยุด
ดาบเกล็ดทมิฬเป็นอาวุธหลักของการโจมตีซึ่งจะมีหน้าไม้สังหารเทพเป็นอาวุธรอง ในช่วงเวลาสำคัญ เจียงอี้จะเก็บปีศาจหมาป่าและปล่อยเพลิงโลกาออกมา ทุกครั้งที่เจียงอี้เดินทางผ่านจอมยุทธขอบเขตจื่อฝู่แปดร้อยคนนี้ มันจะเกิดการนองเลือดและคร่าชีวิตของผู้คนนับสิบ
”หนี!”
จอมยุทธขอบเขตจื่อฝู่ขั้นสูงสุดทั้งหนึ่งร้อยคนถูกลดพลังลงครึ่งหนึ่งในเวลาเพียงเสี้ยวนาทีซึ่งทำให้ผู้คนที่ถูกข่มขวัญครึ่งหนึ่งพากันกระจัดกระจายไปทุกทิศทุกทาง เหล่านักสู้ขอบเขตจื่อฝู่ขั้นที่เจ็ดและแปดที่สามารถเคลื่อนไหวได้เริ่มวิ่งหนีเพื่อรักษาชีวิตของพวกเขาเช่นกัน
เจียงอี้ไม่ได้ใส่ใจคนเหล่านั้นในขณะที่เขาคร่าชีวิตจอมยุทธขอบเขตจื่อฝู่ที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้จอมยุทธที่แข็งแกร่งกว่าส่วนใหญ่ได้หนีไปแล้วในขณะที่คนอื่นๆไม่สามารถต้านทานเขาได้ ทำให้มันง่ายกว่าสำหรับเขาที่จะสังหารคนพวกนี้ ราวกับว่าเขากำลังเก็บเกี่ยวพืชผล เจียงอี้คร่าชีวิตคนเหล่านั้นอย่างรวดเร็วโดยใช้ดาบเกล็ดทมิฬของเขาตวัดออกไปเหมือนเคียวอันน่ากลัวของยมทูต
ในเวลาเพียงสามสิบนาทีฉากที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็กลายเป็นดั่งขุมนรก คนที่ไม่สามารถหลบหนีได้ก็ถูกเจียงอี้ฆ่าและพื้นดินก็เกลื่อนไปด้วยซากศพและแขนขาที่ขาดวิ่น แม่น้ำสีเลือดได้เกิดขึ้นจากโลหิตที่ไหลออกมาทั้งหมด หยุนเฟยและจ้านอู๋ซวงเห็นหยดเลือดไหลลงมาแม้พวกเขาจะอยู่ใต้ดิน พวกเขาไม่จำเป็นต้องขึ้นไปเป็นสักขีพยานก็รู้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นข้างบนนั้นน่ากลัวเช่นไร
”พวกมันมาแล้ว!”
หยุนเฟยติดต่อกับผืนป่าทำให้รู้สึกได้ถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวจำนวนมากนางขยับรากของต้นไม้ในทันทีและปล่อยเวทมนตร์อาคมโดยใช้เถาวัลย์ยับยั้งเจียงอี้และหมาป่าจันทราสีเงินในขณะที่ใช้พลังอย่างเต็มกำลังเพื่อดึงพวกเขาลงมาใต้ดิน