Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 235 ผู้ใดที่ขวางทางข้า ผู้นั้นมันต้องตาย!

เรื่อง เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 235 ผู้ใดที่ขวางทางข้า ผู้นั้นมันต้องตาย!

บทที่ 235 ผู้ใดที่ขวางทางข้า ผู้นั้นมันต้องตาย!
  สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
  ”ปัง!”
  ทางอีกด้านวิหคเพลิงก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา…การต่อสู้ก็ยังไม่เริ่ม แต่ ณ พื้นผิวดินตรงที่รถม้าทั้งสามคันที่ขนสมบัติมากมายนับไม่ถ้วนได้พลันปะทุขึ้นมาในขณะที่ชายสวมเกราะดำและหน้ากากปีศาจโผล่ออกมา
  ทันทีที่เจียงอี้ปรากฏตัวมีแสงสีแดงส่องประกายราวกับเปลวไฟที่น่าสะพรึงกลัวหลั่งไหลออกมาจากร่างของเขาอย่างต่อเนื่องทำให้ทหารหลายสิบคนกลายเป็นเถ้าถ่านทันที
  ”ฆ่า!”
  เจียงอี้กวาดตามองรถม้าทั้งสามคันที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตรดวงตาของเขาแผ่จิตสังหารออกมาและเท้าของเขาจมลงไปที่พื้นเล็กน้อย ก่อนที่ดาบเกล็ดทมิฬของเขาจะกลายเป็นเงาดาบพันเล่มที่ปกคลุมทหารจำนวนมากข้างหน้า
  ”สามหาว!ฆ่ามัน!”
  ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวสามคนในบริเวณใกล้ๆแผดเสียงคำรามออกมาขณะที่พวกเขาบินเหินออกมาจากหมู่ทหารและพุ่งไปทางเจียงอี้ ส่วนทหารที่เหลือก็มีความเกรี้ยวกราดและแห่กรูกันไปทางเจียงอี้เพื่อล้อมรอบและฆ่าเจียงอี้
  ”เหอะ!เจตจำนงสังหาร!”
  เจียงอี้ส่งเสียงไม่พอใจและมีแสงสีแดงส่องประกายแวววับในดวงตาของเขาขณะที่จิตสังหารทะลักออกมาจากร่างผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งสามคนซึ่งกำลังเหาะเหินตรงไปที่เจียงอี้มก็ลดความเร็วลง จากนั้นสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะรับรู้ถึงแรงกดดันเช่นนี้ได้และตะโกนออกมาว่า “เจตจำนงสังหาร? เจียงอี้? เจ้าบ้าไปแล้วหรือที่คิดจะขัดขวางและสังหารค่ายเสินหวู่? เจียงอี้ เจ้ากำลังตั้งตนเป็นกบฏหรือ?”
  ”เจียงอี้?”
  ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวอีกสองคนและทหารอีกนับไม่ถ้วนก็รู้ทันทีว่ามีเพียงคนเดียวในโลกนี้ที่มีเจตจำนงสังหารยิ่งไปกว่านั้นข่าวลือของเจียงอี้ที่เขาสามารถปลดปล่อยเปลวไฟที่น่าสะพรึงกลัวในช่วงสงครามราชอาณาจักรเพื่อเผาผู้คนจำนวนมากได้มาถึงหูอาณาจักรแล้วและคนผู้นี้ก็คือเจียงอี้อย่างแน่นอน!
  เจียงอี้เพิ่งจะได้รับตำแหน่งแม่ทัพเขี้ยวมังกรไม่ใช่หรือ?นี่คือสิ่งที่ถูกประกาศไปทั่วราชอาณาจักร แม่ทัพแห่งอาณาจักรเสินหวู่กำลังขัดขวางกองทัพคุ้มกันเจ้าสาวจากอาณาจักรที่มีองค์รัชทายาทร่วมขบวน? ทุกคนมีความตกใจและสับสนโดยคิดว่าบุคคลนี้ไม่ใช่เจียงอี้ หรือนั่นก็หมายความว่าเจียงอี้คลุ้มคลั่งไปแล้ว
  ”ตาย!”
  เจียงอี้ไม่มีเวลาในการไตร่ตรองใดๆดาบเกล็ดทมิฬหายไปและถูกแทนที่ด้วยดาบสีแดงยาวสองเมตร ในขณะที่เขาเทแก่นแท้พลังสีดำลงไปในดาบ เขาฟาดดาบลงมาทำให้มังกรเพลิงสองตัวพุ่งออกมาพร้อมกับกลิ่นอายที่รู้สึกเหมือนมันสามารถทำลายชั้นฟ้าและผืนดินได้เลย
  เอ๊ะ?เหตุใดพลังของดาบมังกรเพลิงจึงเพิ่มขึ้นอีกแล้ว?
  ทันทีที่มังกรเพลิงปรากฏขึ้นเจียงอี้ก็รู้สึกถึงความแตกต่าง และรัศมีของแรงกดดันที่ออกมาจากมันก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน เมื่อความยาวของมังกรเพลิงเพิ่มขึ้นมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดว่าพลังที่ถูกปล่อยออกมานี้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองส่วน
  ”แก่นแท้พลังสีดำ!”
  เจียงอี้คิดอย่างรวดเร็วและเข้าใจว่าเป็นเพราะเขากำลังเทแก่นแท้พลังสีดำเข้าไปเมื่อคราวก่อนที่เขาเทแก่นแท้พลังสีดำเข้าสู่สิ่งประดิษฐ์ระดับวิญญาณของซูรั่วเสวี่ย ความแข็งแกร่งของสิ่งประดิษฐ์ก็ขึ้นเป็นระดับสวรรค์ ดังนั้นเหตุผลที่ความรุนแรงของดาบมังกรเพลิงเพิ่มขึ้นสองส่วนก็เนื่องมาจากแก่นแท้พลังสีดำ
  ”สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ดาบมังกรเพลิง!”
  ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งสามคนต่างตื่นตระหนกเพราะพวกเขามั่นใจว่าบุคคลนี้คือเจียงอี้ส่วนทหารที่เหลือเริ่มตระหนักถึงมันได้ทีละคน แต่เมื่อพวกเขาคิดจะถอย พวกเขาสังเกตเห็นว่าร่างกายของพวกเขาอ่อนปวกเปียกและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งสามคนก็เคลื่อนไหวช้าลงเล็กน้อย
  ด้วยความกดดันจากทั้งดาบมังกรเพลิงและเจตจำนงสังหารแค่พวกเขาสามารถเดินได้มันก็ดีมากพอแล้ว
  ”ลงมือ!”
  ประกายที่เกิดขึ้นในแววตาของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งสามคนนั้นตระหนักได้แล้วว่าพวกเขาไม่สามารถหลบหนีได้อย่างแน่นอนและไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเสี่ยงลงมือทั้งสามคนปล่อยแก่นแท้พลังออกมาพร้อมกันเพื่อปะทะกับมังกรเพลิง
  มีทหารอยู่ในละแวกใกล้เคียงและเมื่อพลังทั้งสามสายและมังกรไฟปะทะกันคนเหล่านี้จะถูกกำจัดอย่างแน่นอน พวกเขามีทางเลือกอะไรอีกบ้างตอนนี้? หากพวกเขาไม่ปล่อยแก่นแท้พลังออกมาโจมตี คนเหล่านี้ก็จะยังคงต้องตายภายใต้พลังโจมตีและความดุร้ายของดาบมังกรเพลิง
  ”ฟู่ฟู่!”
  ”ฟึ่บ!ฟั่บ!”
  มังกรเพลิงสองตัวและพลังโจมตีทั้งสามสายกำลังจะปะทะกันอย่างรวดเร็วขณะที่ทหารใกล้ๆหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง
  ”บึ้มมม!”
  เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วพวกเขาทั้งหมดถูกแสงสีขาวสาดทอไปทั่วฟ้าจนมองไม่เห็น การระเบิดที่น่ากลัวทำให้พื้นที่ทั้งหมดบิดเบือนไปเล็กน้อยทำให้ทหารหลายร้อยคนกลายเป็นเนื้อสับ คลื่นพลังที่ระเบิดนั้นส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งสามคนถูกพัดออกไป เสื้อเกราะและเสื้อผ้าภายในขาดวิ่นเหลือเพียงกองเลือดที่ดูน่าหวาดกลัว มองดูแล้วก็ไม่ทราบว่าพวกเขาตายไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่
  ”ปึ้งปึ้ง ปั้ง!”
  ทหารจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ด้านหลังก็ถูกส่งปลิวออกไปด้วยคลื่นพลังในขณะที่รถม้าทั้งสามคันนั้นพังทลายไปซึ่งทำให้กล่องโลหะสีดำทั้งหมดที่บรรจุของขวัญปลิวกระจัดกระจายไปและเกิดการทำลายล้างไปทั่วทั้งพื้นที่นั้น
  ”ไหมปีศาจนภา!”
  ในขณะที่กำลังจะเกิดการระเบิดเจียงอี้ก็เรียกไหมปีศาจนภาออกมาทันทีและห่อร่างของเขาไว้ คลื่นพลังที่กระแทกเข้ามานั้นพัดพาทุกอย่างปลิวไปและส่งร่างของเขาปลิวออกไปเช่นกัน ทหารหลายสิบคนที่อยู่ด้านหลังเจียงอี้ต่างก็กระจัดกระจายด้วยเช่นกัน ในขณะที่ทหารทั้งกลุ่มที่อยู่ห่างออกไปต่างก็กระแทกทับกันเองจนเป็นก้อน
  ”ชิบหาย!”
  ขณะที่เขากำลังจะเข้าใกล้กล่องสมบัติมันก็ปลิวกระจายไปหลายร้อยเมตรซึ่งทำให้เจียงอี้โกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
  เขาไม่ได้ซ่อนเร้นความแข็งแกร่งของเขาอีกต่อไปขณะที่ไหมปีศาจนภาหายไปเพลิงโลกาก็หลั่งไหลออกมาจากไข่มุกวิญญาณเพลิงและเผาทหารนับร้อยรอบตัวเขาให้กลายเป็นเถ้าถ่าน
  เขาใช้ฝ่ามือระเบิดแก่นแท้เพื่อบังคับให้เพลิงโลกาผลักตัวเขาไปด้านหลังเขาไม่กล้าที่จะอยู่ในจุดเดิมจุดเดียว ในขณะที่เขาปล่อยเพลิงโลกาและวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อตามไล่ล่ากล่องสมบัติโลหะสีดำกว่ายี่สิบกล่อง
  มันไม่จำเป็นต้องบอกว่าของทุกอย่างภายในกล่องโลหะสีดำเป็นสมบัติที่จะถูกนำไปเป็นของขวัญหมั้นของซูรั่วเสวี่ยและมีความเป็นไปได้ที่สมุนไพรสยบวิญญาณจะถูกบรรจุไว้ในนั้นเจียงอี้ไม่ทราบสถานการณ์ฝั่งของวิหคเพลิงเลย แต่ผู้ได้รับบาดเจ็บจากวิหคเพลิงก็ไม่สามารถต้านทานได้นานนัก ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดที่ขนาบข้างองค์รัชทายาทจะรีบมาที่นี่ในไม่ช้าและถ้าเขาไม่ได้สมุนไพรสยบวิญญาณในเวลาใกล้ๆนี้ เขาอาจจะไม่สามารถหนีไปไหนได้อีก
  ”อ๊าาากก!”
  ด้วยฝ่ามือระเบิดแก่นแท้เจียงอี้ปล่อยเพลิงโลกาก้อนใหญ่ซึ่งเปลวไฟได้กระจัดกระจายออกไปในทุกทิศทาง นำมาซึ่งความเสียหายร้ายแรงแก่ค่ายเสินหวู่
  ค่ายเสินหวู่เป็นกองทัพชั้นยอดที่สุดในอาณาจักรเสินหวู่คนที่อ่อนที่สุดในพวกเขานั้นอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตฉูติ่ง ในขณะที่หัวหน้าหน่วยทั้งหมดอยู่ขั้นสูงสุดของขอบเขตจื่อฝู่ แล้วถึงพวกเขาอยู่ขั้นจุดสูงสุดของขอบเขตจื่อฝู่ พวกเขาจะสามารถทนเพลิงโลกาได้หรือ? นอกจากนี้ นี่คือหุบเขาทลายวิญญาณซึ่งมีภูมิประเทศที่ค่อนข้างแคบ และมีผู้คนทุกที่ที่ต้องเผชิญกับสายฝนเพลิงโลกา
  หากเพลิงโลกาหลอมพวกเขาทั้งหมดอาจเป็นสิ่งที่ดีกว่าเพราะพวกเขาจะ… ตายทันที เมื่อเพลิงโลกาแตกออกเป็นสะเก็ดไฟขนาดเล็กที่ร่อนลงบนร่างของพวกเขา มันทรมานเสียยิ่งกว่าความตาย ในขณะที่บางคนอาจตายทันทีเมื่อถูกสะเก็ดเพลิงโลกาเจาะศีรษะ ผู้ที่ถูกเพลิงโลกาที่แขนจะต้องมองแขนที่กลายเป็นฝุ่นอย่างไร้ประโยชน์ บางคนถูกยิงที่ส่วนล่างของร่างกาย เผาไหม้จนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ตรงจุดซ่อนเร้นของพวกเขา
  เสียงตกใจที่ถูกสาดกระเซ็นไปด้วยเลือดเสียงที่ร้องโหยหวน และเสียงที่ตกกระทบลงไปกับพื้น …
  เมื่อเสียงทั้งหมดเหล่านี้ประสานกันทำให้หุบเขาทลายวิญญาณถูกแต่งแต้มจนกลายเป็นเหมือนดั่งขุมนรก เหตุการณ์นี้ไม่สามารถทนมองได้ไหวและได้กลายเป็นภาพที่น่าสยดสยอง
  ”ผู้ใดที่ขวางทางข้าผู้นั้นมันต้องตาย!”
  ร่างกายทั้งหมดของเจียงอี้ถูกปกคลุมไปด้วยเพลิงโลกาและอย่างน้อยก็แผ่รัศมีออกไปหกเมตรทำให้เขาดูเหมือนเทพอัคคีก่อนจะถูกเพลิงโลกาที่น่าสยดสยอง มันทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวัง เขาถูกคลุมด้วยเปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวก้อนนี้ขณะที่เขาพุ่งตรงไปที่กล่องสมบัติ เขาคำรามออกมาด้วยดวงตาที่เปื้อนเลือดและเปล่งเสียงคำรามที่เยือกเย็นราวกับธารน้ำแข็งหมื่นปี สะท้อนไปทั่วทั้งหุบเขา “ผู้ใดที่ขวางทางข้า ผู้นั้นมันต้องตาย!”
  ”หืม?”
  ความอลหม่านที่เกิดขึ้นที่นี่ดังไปถึงเซี่ยอู๋หุ่ยและคนของเขาขณะนี้พวกเขากำลังยืนอยู่เหนือหุบเขาหลายร้อยเมตรและแม้ว่าระยะทางจะห่างไกลออกไป การระเบิดที่น่ากลัวยังคงดังก้องอยู่ในหูของพวกเขา พวกเขาสามารถมองเห็นร่างที่ไม่ชัดเจนของเจียงอี้ลางๆเป็นเหมือนมนุษย์เพลิงยักษ์
  เมื่อเจียงอี้เพิ่งปรากฏตัวทุกคนรู้สึกตึงเครียดในใจเพราะคิดว่าจะมีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่จะทำร้ายพวกเขาและสังหารเซี่ยอู๋หุ่ย หลังจากวิหคเพลิงถูกสังหารโดยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยว พวกเขาสังเกตเห็นว่าไม่มีสัตว์อสูรหรือจอมยุทธในบริเวณใกล้เคียงอีกต่อไป และรู้สึกผ่อนคลายร่างกายที่เกร็งไปบ้าง
  ”โฮวววว!”
  เสียงที่ดังเป็นจังหวะดังก้องกังวานทำให้การแสดงออกของผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดของขอบเขตเสินโหยวข้างๆเซี่ยอู๋หุ่ยเปลี่ยนไป เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะรายงานอย่างตรงไปตรงมา “องค์ชาย จากข้อมูลด้านนั้นระบุว่ามีคนขัดขวางกองทัพ เขาควงดาบมังกรเพลิงและเป็นผู้ครอบครองเพลิงโลกาที่น่ากลัวและยังมีเจตจำนงสังหาร พวกเขาสงสัยว่าบุคคลนั้นจะเป็นแม่ทัพเขี้ยวมังกร… เจียงอี้! ”
  ”เจียงอี้?”
  เซี่ยอู๋หุ่ยตกตะลึงและกลิ่นอายแห่งความสยดสยองได้แผ่ออกมาจากร่างของเขาอย่างไร้ขอบเขตทันทีเขาคำรามออกมา “แม่ทัพไท่สื่อ นำผู้เชี่ยวชาญยี่สิบคนในขั้นที่ห้าของขอบเขตเสินโหยวไปที่นั่น เจ้าต้องกำจัดกบฏผู้นี้ให้ข้า!”

อ่านตอนอื่นๆของ เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven คลิกเลย

แฟนเพจ