สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
ในไม่ช้า จักรวรรดิมังกรเวหาก็ได้ประกาศราชโองการลงมาและคําแถลงนั้นก็ค่อนข้างรุนแรงมาก มันเป็นการสั่งให้ซูตี๋หวังไปรายงานตัวที่เมืองเทียนชิงและแถลงไขข้อกล่าวหาที่สมเหตุสมผลมา มิฉะนั้น พวกเขาจะส่งกองทัพและรวมพลอีกห้าอาณาจักรเพื่อไปโจมตีและทําลายอาณาจักรต้าเซี่ย
จากนั้นไม่นาน เหล่าอาณาจักรทั้งห้าต่างก็ประกาศออกมาเช่นกัน เขาขอให้ตระกูลราชวงศ์ต้าเซี่ยอธิบายมันออกมาอย่างสมเหตุสมผล ไม่อย่างนั้น พวกเขาจะเดินทัพไปพร้อมกับกองทัพจักรวรรดิมังกรเวหาเพื่อโจมตีอาณาจักรต้าเซี่ย
ในเวลานี้ กองกําลังของทัพใหญ่ๆทั้งหมดนั้นได้รวมกันเป็นปีกแผ่น เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ค่อนข้างสําคัญเพราะเกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ หากไม่มีคําอธิบายที่สมเหตุสมผล พวกเขาก็จะต้องรวมกําลังกันและสั่งสอนอาณาจักรต้าเซี่ย หากไม่เช่นนั้นก็อาจจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อีกในภายภาคหน้า
เป็นเรื่องปกติที่เหล่ามนุษย์จะทําสงครามระหว่างกัน แต่ในคราวนี้มันมีผู้ที่ดึงสัตว์อสูรเข้ามาช่วยในการต่อสู้ของเหล่ามนุษย์กันเอง มันเป็นการละเมิดกฏซึ่งปลุกระดมให้ผู้คนโกรธแค้น และพวกเขาจะต้องมีคําตอบกับเรื่องนี้ หากพวกเขาไม่ได้ทําลายอาณาจักรต้าเซี่ย มันก็จะไม่สามารถดับความโกรธแค้นของผู้คนได้
หอดาราสุ่ยเยว่ อารามเซนและสํานักใหญ่ๆทั้งสามต่างก็มีประกาศออกมาเช่นกัน พวกเขาเขียนวิจารณ์อย่างหนักหน่วงและขอให้ราชวงศ์ต้าเซี่ยให้คําอธิบายแก่พวกเขา มิฉะนั้นพวกเขาก็จะร่วมมือโจมตีอาณาจักรด้วยเช่นกัน เมื่อเป็นการเผชิญหน้ากับความเป็นธรรมของเหล่ามนุษย์แล้ว พวกเขาก็จะรวมกันเป็นปึกแผ่นอย่างน่าประหลาดใจ หากอาณาจักรต้าเซี่ยไม่สามารถให้คําอธิบายได้ภายในหนึ่งเดือน เหล่ากองทัพทั่วทั้งทวีปจะเดินทัพไปยังดินแดนของพวกเขา
อาณาจักรต้าเซี่ยจะสามารถให้คําอธิบายออกมาได้หรือไม่?
แน่นอนว่า ไม่!
แจกันเขียวพิสุทธิ์นั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นของตระกูลราชวงศ์ต้าเซี่ย แต่ว่าก่อนที่จะเกิดการจลาจลจากสัตว์อสูร มันถูกซูตี๋กั๋วหยิบยืมไป เขาเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่และซูตี๋หวังเชื่อใจเขาเป็นอย่างมาก เมื่อซูตี๋กั๋วต้องการใช้แจกันเขียวพิสุทธิ์ ซูตี๋หวังก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายและส่งมอบให้แก่เขา ทําไมมันถึงได้ตกไปอยู่ในมือของชายชุดดําที่ใช้มันลักพาตัวจิ้งจอกน้อยกันนะ? นี่ก็เป็นบางสิ่งที่ซูตี๋หวังไม่เข้าใจเช่นกัน
มันไม่สําคัญเลยหากว่าชายชุดดําทั้งแปดนั้นจะเป็นผู้ใต้บัญชาของซูตี๋กั๋ว เพราะเรื่องนี้ก็ไม่สามารถอธิบายได้ ซูตี๋หวังนั้นรู้ดีว่าเขาถูกป้ายสีเพราะเขาไม่ใช่ผู้บงการเรื่องนี้ เขาเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนโยนและหลังจากที่ทหารหลายแสนคนของเขาถูกเจียงเปี๋ยหลีสังหารไป เขาก็สูญเสียความกล้าหาญชาญชัยไปหมด เขานั้นมัวแต่หมกตัวอยู่กับนางสนมและเคล้าสุรา ทําไมเขาจึงได้มีความกล้าที่จะวางแผนการใหญ่หลวงเช่นนี้ได้กันล่ะ?
หลังจากได้รับรายงานจากเรื่องนี้ เขาก็โกรธจนเป็นลมไป และเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาเขาก็ทุบทําลายข้าวของทุกอย่างในพระราชวังอย่างเดือดดาล จากนั้นเขาก็ออกพระราชโองการให้ประหารสายเลือดของซูตี๋กั๋วทิ้งเมื่อยังไม่รู้เรื่องราวจริงๆ และซูตี๋กั๋วมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
ในตอนนั้นซูตี๋กั๋วเคยต่อสู้เพื่อบัลลังก์ แต่แล้วซูตี๋หวังก็ชนะอย่างตรงไปตรงมา มันไม่เหมือนกับที่ซูจือเหิงกล่าวว่าเขาได้แก้ไขคําสั่งและขโมยบัลลังก์
แม้ว่าในตอนนั้นซูตี๋กั๋วจะเป็นคู่แข่ง แต่เมื่อซูตี๋หวังขึ้นครองราชย์ เขาก็หาได้สนใจความเกลียดชังในอดีตไม่ ความแข็งแกร่งของซูตี๋กั๋วนั้นพิเศษมาก ซูตี๋หวังจึงทําลายข้อยกเว้นไปและเลื่อนตําแหน่งให้เขาได้เป็นแม่ทัพใหญ่ผู้ที่ถือครองอํานาจทหารหนึ่งในห้าส่วนของกองกําลังต้าเซี่ย
เหตุใดซูตี๋กั๋วจึงได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้? ทําไมเขาถึงได้โยนชีวิตตัวเองทิ้งไป? ใครคือผู้บงการที่แท้จริง?
ซูตี๋หวังไม่รู้อะไรเลย และเขาก็ไม่ได้ส่งใครไปลอบสังหารซูตี๋กั๋วด้วย เขานั้นรับรู้ได้ถึงมือที่มองไม่เห็นที่กําลังชักใยและควบคุมทุกอย่าง
เขากําลังถูกปรักปรํา!
เขาโกรธมากแต่ก็ไม่สามารถหาคําอธิบายที่สมเหตุสมผลได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาไม่กล้าไปยังเมืองเทียนชิง เมื่อซูผิงผิงตายไปแล้ว หากเขาเข้าไปยังเมืองเทียนชิงเขาก็เกรงว่าตนเองจะไม่ได้กลับออกมาอีก
สิ่งเดียวที่เขาทําลงไปคือประกาศลงไปโดยระบุว่าอาณาจักรต้าเซี่ยถูกปรักปรําอย่างไม่ชอบธรรมและไม่เคยวางแผนการสมคบคิดการใหญ่เช่นนี้ ซูตี๋หวังขอสาบานด้วยนามบรรพบุรุษของต้าเซี่ยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ราชวงศ์อาณาจักรต้าเซี่ยที่เป็นผู้บงการแน่นอนด้วย
ด้วยคําพูดนับพันที่ถูกประกาศลงมา การแสดงอารมณ์ออกเป็นคําพูด และแม้แต่นําบรรพบุรุษของต้าเซี่ยออกมาสาบาน มันเห็นได้ชัดว่าซูตี๋หวังนั้นหวาดกลัวและตระหนกเพียงใด
การประกาศของเขานั้นไม่มีหลักฐานใดๆ ซึ่งมันไม่ได้เป็นคําอธิบายที่ไม่มีความสมบูรณ์เท่าไหร่นัก มันไม่ได้พูดถึงเรื่องแจกันเขียวพิสุทธิ์ด้วยซ้ำ ซูตี๋หวังรู้ดีว่าจะไม่มีใครเชื่อ เขาถึงแม้ว่าเขาจะพูดมันออกมาก็ตาม เขาจะบอกเพียงว่าเขาให้ซูตี๋กั๋วหยิบยืมแจกันเขียวพิสุทธิ์ไป ทุกๆอย่างนั้นเป็นซูตี๋กั๋วที่ทําทุกอย่าง และราชวงศ์ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นใดๆอย่างนี้หรอ? ใครมันจะไปเชื่อ?
เมื่อมีประกาศออกมา ทวีปก็เกิดความโกลาหลอีกครั้ง ในตอนแรกมีหลายคนที่ไม่เชื่อ แต่ในตอนนี้พวกเขามั่นใจว่าผู้ที่บงการนั้นเป็นราชวงศ์ต้าเซี่ย เกิดการกระตุ้นให้ผู้คนปลุกปั้นขึ้นมาทําให้ชาวเมืองอาณาจักรเชิงหลิงลงชื่อขอเข้าร่วมทัพเพื่อทําลายล้างอาณาจักรต้าเซี่ยให้ราบเป็นหน้ากอง
จักรวรรดิมังกรเวหาตอบพร้อมกับกับประกาศอีกฉบับ โดยการสั่งให้ซูตี๋หวังไปรายงานตัวที่เมืองเทียนชิงและอธิบายกับพวกเขาต่อหน้าและเหล่ากษัตริย์ทั้งห้าอาณาจักร มิฉะนั้นเมื่อครบกําหนดเวลาหนึ่งเดือน พวกเขาจะส่งกองทัพตนและอีกห้าอาณาจักรไปโจมตี
ส่วนอาณาจักรอื่นๆไม่ได้ประกาศใดๆอีกต่อไป พวกเขาเริ่มมีการชุมนุมกองกําลังทหาร โดยเฉพาะอาณาจักรเซิ่งหลิงซึ่งได้รวบรวมทัพไว้ที่ชายแดนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อาณาจักรเซิ่งหลิงประสบความสูญเสียจากทัพสัตว์อสูรอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน หากในตอนนี้พวกเขาพบผู้บงการ พวกเขาจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างแน่นอน
อาณาจักรต้าเซี่ยนั้นอยู่ในสภาพที่สับสนอลหม่าน เหล่าตระกูลเล็กๆเริ่มอพยพและทอดทิ้งอาณาจักรไปมากมาย พวกเขารู้ว่าหากสงครามเริ่มขึ้น พวกเขาจะหนีไม่พ้นอีกต่อไป เหล่าขุนนางชั้นสูงก็เริ่มอพยพลูกหลานไปอย่างเงียบๆเช่นกัน มันไม่มีทางออกสําหรับสถานการณ์นี้ และเมื่อหมดเวลาหนึ่งเดือน เหล่ากองทัพก็จะเดินทัพมายังอาณาจักร ด้วยความแข็งแกร่งของอาณาจักรต้าเซี่ยในตอนนี้ พวกเขาสามารถดับสูญได้แม้เพียงแค่กองทัพจากอาณาจักรเดียว
“ไปซะ ทุกๆคน ต้องไปซะ!”
บรรยากาศภายในพระราชวังหลวงแห่งเมืองเซี่ยยวนั้นเต็มไปด้วยความกดดัน ซูตี๋หวังได้รวบรวมสมาชิกและผู้อาวุโสทั้งหมดของตระกูลซูมาเพื่อให้ทุกคนเตรียมการณ์หลบหนี เหล่าผู้อาวุโสนั้นไม่ต้องการที่จะจากไป ตระกูลซูนั้นได้ปกครองต้าเซี่ยมานับหมื่นปีและดินแดนแห่งนี้มีเกียรติยศของตระกูลซูอยู่ พวกเขาเลือกที่จะขอตายอยู่ที่นี่
ในที่สุด ซูตี๋หวังก็ได้สั่งให้เหล่าองค์ชายและองค์หญิงและเหล่าทายาทของตระกูลซูจากไป เขาและเหล่าผู้อาวุโสจากตระราชวงศ์พร้อมที่จะพินาศไปพร้อมกับอาณาจักรต้าเซี่ยแล้ว
ซูตี๋หวังนั้นมีนิสัยที่อ่อนแอและอ่อนโยน แต่เมื่อถูกบังคับให้เดินไปยังขอบหน้าผา เขาก็ได้เผยนิสัยที่องอาจและไม่ยอมแพ้ซึ่งมันเป็นสิ่งที่กษัตริย์ควรมี เขารู้ดีว่าไม่มีอะไรจะอธิบายและเขาถูกกําหนดให้เป็นคนบาปของตระกูลซูไปแล้ว เขาไม่ได้ต้องการหลบหนีและต้องการใช้ความตายไถ่บาปของเขา
ในคืนที่แปด มีคนเกือบพันคนรวมตัวกันที่พระราชวัง ในหมู่คนเหล่านั้นมีองค์ชายสิบสององค์ องค์หญิงหกองค์ และทายาทผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ของตระกูล พวกเขาจะถูกพาหลบหนีออกไปโดยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเงินโหยวขั้นสูงสุด
อาณาจักรต้าเซี่ยนั้นสามารถล่มสลายลงได้ แต่ตระกูลซูนั้นไม่อาจสูญสิ้น หลังจากชนชั้นสูงเหล่านี้ซ่อนตัว และค่อยๆฟื้นพลังของพวกเขากลับมามันก็มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสามารถกลับคืนสู่ทวีปได้
ทําไมจึงกล่าวถึงการกลับคืนสู่ทวีปน่ะหรือ?
ทวีปนี้ไม่มีที่ที่ตระกูลซูจะสามารถอาศัยได้ พวกเขาจะต้องออกไปทางตะวันออกเฉียงใต้และท่องตระเวนไปยังทะเลที่ไกลโพ้นและหาเกาะเพื่อซ่อนตัว หากพวกเขาอยู่บนทวีปนี้ ทายาทเชื้อสายตระกูลซูจะถูกตามล่าและสังหารที่ละคน
“ทุกคนจงฟัง! วันนี้เป็นวันที่ตระกูลซูของเรานั้นได้รับความอัปยศอดสูที่เลวร้ายที่สุด! ข้า ซูตี๋หวัง เป็นตราบาปแห่งตระกูลซู ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะจารึกเรื่องราวในวันนี้ไว้ในความทรงจําของพวกเจ้าและจดจําความอัปยศอดสูของเราไว้ จงแข็งแกร่งและประสบความสําเร็จซะ หากวันใดวันหนึ่งพวกเจ้าสามารถเพิ่มพูนพลังให้ตระกูลซูและหวนคืนสู่ทวีปนี้ได้ ข้า ซูตี๋หวังจะสามารถจากไป อย่างสงบสุขอยู่บนสวรรค์…ทุกคนจงเปิดใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้ายซะ!”
ซูตี๋หวังหลับตาลงด้วยความเจ็บปวดและโบกมือขณะที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายสว่างขึ้นอย่างรวด
ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างลับๆ และสามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น มันเคลื่อนย้ายคนเหล่านี้ไปยังทะเลทางตะวันออกเฉียงใต้ มีเรือลําใหญ่อยู่หลายลที่สามารถนําทายาทตระกูลซูไปยังเกาะที่ปลอดภัยได้ ทายาทตระกูลซูก็จะสามารถหลบซ่อนอยู่ที่นั่นได้ขณะที่เข้าใกล้ประตูแห่งความตาย
“เสด็จพ่อ!”
“องค์ราชาของข้า!”
เหล่าองค์ชาย องค์หญิงและนางสนมทั้งหลายต่างส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจขณะที่ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยน้ำตาและความสิ้นหวัง พวกเขารู้ว่าการจากกันนี้มันคือการลาจากกันตลอดกาล
“ฟึ่บ!”
เมื่อค่ายกลเคลื่อนย้ายถูกเปิดใช้งานแล้ว ทุกคนต่างกําลังจะถูกเคลื่อนย้าย ร่างที่ขาวสง่างามก็เหาะเหินออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย และเมื่อซูตี๋หวังและคนอื่นๆจะรับรู้ได้ แสงของค่ายกลเคลื่อนย้ายก็สว่างขึ้นและพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้าและแท่นกลไกของค่ายกลเคลื่อนย้ายก็ถูกทําลายลงอย่างสมบูรณ์
ซูตี๋หวังเดือดดาลทันที เขาดูว่า “รั่วเสวี่ย นี่เจ้าทําอะไรลงไป?! เจ้าต้องการที่จะถูกฝังไปพร้อมกับพ่อรึไง?”
ซูรั่วเสวี่ยเผยรอยยิ้มจางๆที่ดูน่าเศร้าแต่ก็ยังคงสวยงามออกมา นางพยักหน้าและตอบว่า “มันคงจะเดียวดายเกินไปกับการที่เสด็จพ่อจะต้องจากไปเพียงลําพัง รั่วเสวี่ยก็จะตามไปกับท่านด้วยจะได้มีคนคอยปรนนิบัติท่านยามอยู่ในโลกหน้า”