เพลิงพิโรธสวรรค์ บทที่ 295 พลังที่ล้นหลาม
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
“ฮือ ฮา!”
ณ ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงวัน ผู้คนมากมายในทวีปต่างก็พากันประหลาดใจและมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน… มีแสงศักดิ์สิทธิ์สีแดงถูกยิงลงมาจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้า พวกเขาสามารถรับรู้ได้ถึงการปรากฏตัวของแสงศักดิ์สิทธิ์นั้น
พวกเขาไม่เคยพบเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อนและไม่สามารถอธิบายได้เช่นกัน ผู้คนมากมายคิดว่ามีปาฏิหาริย์ทายาทสวรรค์ลงมาจุติ พวกเขาทั้งหมดพากันคุกเข่ากราบไหว้ขณะอธิษฐานด้วยความเลื่อมใส
เจียงเบี๋ยหลีเหาะขึ้นไปบนอากาศเหนือพระราชวังหลวงของอาณาจักรเสินหวู่ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกขณะที่จ้องมองไปทางด้านตะวันออกในขณะที่แสดงท่าทีที่มืดหม่น
ขันทีเฒ่าที่อยู่ข้างเซี่ยถิงเวยก็แสดงออกอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่ดวงตาของเขานั้น เต็มไปด้วยความกระจ่าง เขารายงานด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทูลองค์ราชา ดูเหมือนว่าแสงที่ตกลงสู่หุบเขาอัคคีเมฆาก่อนหน้านี้เป็นเพราะจักรพรรดินี สัตว์อสูรได้ทําการเชื่อมต่อกับกฎเกณฑ์แห่งสวรรค์และโลก ดูท่าความแข็งแกร่งของจักรพรรดินี สัตว์อสูรองค์นี้จะรุดหน้าอย่างใหญ่หลวง หากนางไม่เข้าใจถึงรูปแบบเตสวรรค์อย่างน่าเหลือเชื่อ เช่นนั้นสวรรค์และโลกก็คงไม่ส่งสัญญาณที่ผิดปกติลงมา ไม่เช่นนั้นมันก็คงจะไม่ปรากฏพลังศักดิ์สิทธิ์ของดวงดาวพะยะค่ะ”
เซี่ยถิงเวยถอนหายใจเบาๆและพูดว่า “ดูเหมือนว่าจะเป็นนาง โชคดีที่นางเป็นจักรพรรดินีเผ่าพันธุ์อสูร หากเผ่าพันธุ์มนุษย์เจอผู้มีฝีมือที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ก็คงเกิดปัญหาต่างๆมากขึ้น!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังจากอาณาจักรเซิ่งหลิง, เป่ยหมาง, เป่ยเหลียง, เทียนเซวี่ยน, จักรวรรดิมังกรเวหา, สุ่ยโย่วหลาน, จูเก๋อชิงหยุนและคนอื่นๆต่างตกอยู่ในความตะลึงงัน ทุกคนต่างมีความเคลือบแคลงใจและมีความรู้สึกริษยาอยู่ลึกๆในใจ มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถหยั่งถึงรูปแบบเตสวรรค์มากมายได้ แต่ไม่มีผู้ใดที่สามารถติดต่อกับกฏเกณฑ์แห่งสวรรค์และโลกหรือได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์จากดาวแห่งสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
ในความคิดของพวกเขา นอกจากจักรพรรดินีสัตว์อสูรก็คงไม่มีอสูรตนใดที่สามารถติดต่อกับกฏเกณฑ์แห่งสวรรค์และโลกหรือก่อให้เกิดความผิดปกติใดๆกับสวรรค์และโลกได้อีกแล้ว
พวกเขาสันนิษฐานว่าเมื่อตอนที่เกิดความผิดปกติกับสวรรค์และโลกนั่นก็เป็นเพราะจักรพรรดินีสัตว์อสูร นอกจากนางแล้ว จะเป็นใครไปได้อีกที่จะหายลับไปได้อย่างรวดเร็ว? และยังไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้เลย?
…..
“สวรรค์และโลกเกิดการผิดปกติ? พลังศักดิ์สิทธิ์จากดาวสวรรค์เก้าชั้นฟ้า?”
ในโถงใหญ่ของราชวัง จักรพรรดินีสัตว์อสูรผู้ซึ่งอยู่ในการบําเพ็ญก็ลืมตาขึ้นมาในทันใด!
เป็นเวลาเดียวกันกับที่พลังงานสวรรค์และโลกนั้นส่งสัญญาณที่ผิดปกติลงมา นางใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ในทันทีและเห็นแสงดวงดาวสีแดงเพลิงกําลังฝังเข้าไปในร่างของเจียงอี้
ใบหน้าที่สง่างามของนางนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ สุ่ยโย่วหลาน จูเก๋อชิงหยุน และคนอื่นๆมีแววตาอิจฉาริษยายังไง แววตานางก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน
นางยืนขึ้นและเพ่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของนางไปที่ตันเทียนของเจียงอี้และตรวจสอบมันอยู่ครู่หนึ่ง และนางก็พบว่านางไม่สามารถหยั่งรู้ถึงมันได้และคร่ำครวญออกมา
“เด็กนี้ใช้วิธีใดในการฝึกฝนกัน? ทําไมตันเทียนของเขาจึงกลายเป็นเช่นนี้? ทําไมเขาถึงได้เข้าถึงพลังดวงดาวแห่งสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและเปลี่ยนแก่นแท้พลังของเขาให้กลายเป็นแก่นพลังที่แท้จ ริงได้กันนะ? บ้า บ้ามากๆ! เป็นผู้ครอบครองแก่นพลังที่แท้จริงได้ก่อนที่จะทะลวงขอบเขตเทียนจุน? หากข้อมูลเหล่านี้ถูกเปิดเผยออกไปมันอาจจะทําให้ทั่วทั้งแดนเทียนชิงต่างตกตะลึงกันใช่ไหม?”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรตรวจสอบอยู่นาน แต่ก็ยังไม่มีวี่แวว หากไม่ใช่ความจริงที่ว่านางเป็นเผ่าอสูรและเจียงอี้เป็นเผ่ามนุษย์ และพวกเขามีระบบและวิธีการฝึกฝนที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง นางคงจะขอให้เจียงอี้แนะนําวิธีอย่างสุดกําลัง
“เป็นไปตามที่ข้าคาด เด็กนี่ไม่ทําให้ข้าผิดหวังและกําลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ข้าคิดว่าหากเขาฝึกฝนต่อไปอีกไม่กี่ปี การปกป้องเสี่ยวเฟยก็คงไม่ใช่ปัญหาและข้าก็คง…จะได้จากไปได้อย่างไร้กังวล
หลังจากตรวจสอบแล้วไม่ได้รับรู้สิ่งใดจากต้นเทียนของเจียงอี้ไปกว่าเดิมเลย จักรพรรดินี สัตว์อสูรจึงไม่สนใจมันอีกต่อไป ใบหน้าของนางหมดข้อข้องใจและหลับตาเพื่อบ่มพลังต่อไป
“นะ…นี่”
เจียงอี้ตะลึงงันอยู่บนแท่นลอยฟ้าอย่างที่เขาไม่เคยตะลึงมาก่อน ก่อนหน้านี้สติของเขานั้นอยู่ภายในต้นเทียนและไม่รู้เรื่องราวของสถานการณ์ภายนอกอย่างสิ้นเชิง เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานมโหฬารที่แล่นเข้าสู่ร่างกายเขาก่อนที่มันจะเข้าสู่ดาวดวงแรก
เขาไม่รู้ว่าพลังงานเหล่านั้นมาจากไหน แต่เขาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจในตอนนี้ ด้วยการใช้วิสัยทัศน์มองอยู่ภายใน เขามองไปที่ดาวดวงแรกที่อยู่ในตันเทียนของเขา และจิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ดาวดวงนี้ได้กลายเป็นสีแดงเพลิงโดยสมบูรณ์
และที่สําคัญที่สุด…แก่นแท้พลังสีดําได้แปรเปลี่ยนเป็นแก่นแท้พลังสีแดงเพลิง
พลังงานของจิตวิญญาณทุกพลังของพลังฟ้าดินนั้นมีคุณลักษณะที่เป็นของตัวเองขณะที่จอมยุทธทั่วหล้านั้นได้ฝึกฝนวรยุทธที่แตกต่างกันไปเช่นกัน ทําให้เกิดประเภทของแก่นแท้พลังบางประเภทขึ้นซึ่งจะเกิดเป็นแต่ละวรยุทธ
เช่นเดียวกับวรยุทธวารีตระกูลเจียงที่เจียงอี้ฝึกฝนบ่มพลังมาก็จะสามารถฝึกฝนวรยุทธวารีได้ และพวกเขาก็จะสามารถฝึกฝนได้เพียงทักษะวิชาที่มีคุณสมบัติเดียวกันเท่านั้นและพวกเขานั้นก็จะครองแก่นแท้พลังได้เพียงคุณสมบัติเดียวเช่นกัน
นี่คือความรู้ทั่วไปของทวีปนี้ หากมีใครบางคนฝึกฝนแก่นแท้พลังธาตุไม้ ผู้นั้นก็จะใช้ได้เพียงพลังธาตุไม้ซึ่งเป็นพลังงานสีเขียวไปจนถึงวันที่พวกเขาหมดลมหายใจ
และแน่นอน…เจียงอี้เป็นผู้ที่ประหลาด หลังจากที่เขาได้ฝึกศาสตร์นิรนามไปแล้ว ร่างกายของ เขาก็มีคุณสมบัติพลังที่ต่างกันอยู่สองพลังมันทําได้แม้กระทั่งนําแก่นแท้พลังสีดําไปรวมกับแก่นแท้พลังสีน้ําเงินได้ แต่หลังจากนั้น เมื่อตันเทียนของเขาเปลี่ยนไป แก่นแท้พลังสีน้ําเงินของเขาก็หายไปและกลายเป็นเพียงแก่นแท้พลังสีดําซึ่งมันทําให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก
แต่ในตอนนี้….
แก่นแท้พลังสีดําในต้นเทียนของเขาหายไปหมด และกลายเป็นแก่นพลังสีแดงเพลิง ทําไมเขาถึงจะไม่ประหลาดใจกันล่ะ?
“แก่นแท้พลัง จงออกมา!”
หลังจากเขาอยู่ในความงุนงงอยู่นาน เจียงอี้ก็ค่อยๆทําให้ตัวเองกลับมาสงบลงในขณะที่เพ่งความคิดของเขาไปยังดวงดาวสีแดงเพลิง จากนั้นเขาก็เค้นแก่นแท้พลังสีแดงเพลิงออกมาที่ฝ่ามือของเขา
“เอ่อ…ทําไมกลิ่นอายของแก่นแท้พลังนี้ถึงได้รุนแรงยิ่งนัก”
เมื่อแก่นแท้พลังปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเจียงอี้ เขาก็ต้องแปลกใจกับมันอีกครั้ง
กลิ่นอายที่ปรากฏออกมาจากแก่นแท้พลังนี้ทําให้เขารู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก นอกจากนั้น แก่นแท้พลังนี้ก็รู้สึกว่าจะแตกต่างกับเมื่อก่อน แต่เขาไม่รู้ว่ามันต่างกันยังไง เขายังไม่สามารถเข้าใจมันได้เช่นกัน
“ออกไปทดสอบมันเถอะ!”
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมัวแต่คิดมาก ผลลัพธ์จะถูกเปิดเผยเองเมื่อเขาลองโจมตีออกไปรอบๆและตรวจสอบพลังของมัน เขาไม่กล้าที่จะโจมตีออกไปที่แท่นลอยฟ้าสุ่มสี่สุ่มห้า เขาก็เลยยืนขึ้นและเดินลงไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาเปิดประตูออกมา เขาเห็นเจียงเสี่ยวนู๋และจิ้งจอกน้อยรอเขาอยู่ที่หน้าบันได เมื่อจิ้งจอกน้อยเห็นเจียงอี้ ดวงตาของมันก็สว่างขึ้นมาทันทีและส่งข้อความว่า “พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้น? ทําไมก่อนหน้านี้จึงมีแสงศักดิ์สิทธิ์ยิงลงมาที่แท่นลอยฟ้า? ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”
เจียงเสี่ยวนู๋ถามออกมาอย่างประหม่าเช่นกัน “นายน้อย มันมีแสงศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัวถูกยิงมายังแท่นลอยฟ้า…”
หลังจากที่เขาได้ยินความกังวลของสองคนนี้ เขาก็ยิ่งสงสัยมากยิ่งขึ้น เจียงอี้ไม่ได้อธิบายอะไรมากมายและออกจากวังจักรพรรดินีอย่างรวดเร็ว เขาหยิบดาบมังกรเพลิงขึ้นมาและเค้นแก่นแท้พลัง จากนั้นเขาก็ถ่ายเทแก่นแท้พลังไปยังดาบมังกรเพลิงและตวัดดาบลงไปอย่างแรง
เขาต้องการจะเห็นความแตกต่างของแก่นแท้พลังสีดําก่อนหน้านี้และแก่นแท้พลังที่กลายเป็นสีแดงเพลิงนี้ วิธีที่ง่ายที่สุดในการเปรียบเทียบพลังก็คือการปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดเพื่อที่จะได้ตรวจสอบพลังของมัน
ซึ่งดาบมังกรเพลิงนั้นเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา!
ฟับ ฟับ!
ดาบมังกรเพลิงพุ่งออกไปและทะลักไปด้วยแสงสีแดงเพลิงพร้อมกับมีกลิ่นอายที่น่าห วาดกลัวออกมาจากมันมังกรเพลิงทั้งสองตัวแหวกว่ายอยู่ในดาบอย่างรวดเร็วก่อนที่จะปรากฏมังกรเพลิงยักษ์สองตัวที่ยาวกว่าหกสิบเมตรพุ่งออกมาอย่างรุนแรง
ตู้มมมม!
มังกรเพลิงทะลุแทรกเข้าไปยังพื้นผิวของเขาเทพธิดา ทําให้รอบๆบริเวณนั้นเกิดการสั่นสะเทือน แม้กระทั่งด้านหลังของราชวังของจักรพรรดินี้ก็ยังสะเทือนเล็กน้อย ควันและละอองฝุ่นตลบอบอวลขึ้นมาและเผยรอยแตกขนาดยักษ์ที่ทอดยาวไปข้างหน้ากว่าสามร้อยเมตรก่อนที่มันจะหมดลง
“ฮึ่ม! เจียงอี้ นี่เจ้ากําลังจะพังยอดเขาเทพธิดาของข้ารึไง?”
หูของเขาถูกระเบิดด้วยเสียงที่แผดออกมาอย่างไม่พอใจ กลิ่นอายที่น่ากลัวมากมายพุ่งมาทิศนี้จากด้านล่างยอดเขา เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพราะการโจมตีของเจียงอี้ที่ไปปลุกเหล่าราชันสัตว์อสูรที่อยู่รอบๆ
“จี้ จี้”
จิ้งจอกน้อยเกิดความหวาดกลัว และเมื่อนางเห็นสตรีที่สง่างามปรากฏตัวอยู่กลางอากาศมันก็รีบโผเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของนางทันที และเมื่อเสี่ยวนูู๋เห็นสตรีนางนั้น นางก็ตกใจและคุกเข่าด้วยความหวาดกลัวและทักทายออกมาทันที “คารวะองค์จักรพรรดินีเพคะ”
“เอ่อ…”
เจียงอี้มองทะลุฝนที่ตลบอบอวลอยู่ในอากาศไปทั่ว เมื่อเขาเห็นรอยแตกที่ยาวกว่าสามร้อยเมตรและลึกมา เขาก็หันกลับมาและโค้งคํานับให้จักรพรรดินีสัตว์อสูรขณะที่กล่าวขอโทษ “องค์จักรพรรดินี พลังของข้ามันเปลี่ยนแปลงไปอย่างประหลาด! ข้าจึงรีบร้อนอยากทราบว่าพลังของข้านั้นเพิ่มขึ้นมากเพียงใด! ข้าได้ลงลืมมันไปเลย…”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรมองเจียงอี้ด้วยสายตาที่เย็นชาและพูดอย่างเฉยเมย “อืม! มีอะไรที่จะต้องทดสอบกัน?! ขั้นพลังของเจ้านะเทียบได้กับมนุษย์ที่อยู่ขอบเขตเสินโหยวขั้นที่ห้า ข้าคาดว่า…เจ้าจะเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจนถึงเมื่อดาวดวงที่สามเกิดการเปลี่ยนแปลง เจียงอี้ ศาสตร์การบ่มพลังของเจ้านั้นลึกลับมากและดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นของทวีปเทียนชิง เจ้าไปได้รับสิ่งนี้มาจากไหน?”
….