บทที่ 301 ข้ามศพข้าผู้นี้ไปก่อน
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
“ฆ่า!”
ทหารตระกูลซูทั้งหมดได้กลายเป็นคนบ้าคลั่งและตกอยู่ในความสิ้นหวัง!
ใจของพวกเขาอัดแน่นไปด้วยความเกลียดชังและความโกรธแค้น ตอนนี้ มีเพียง เลือดของศัตรูเท่านั้นที่จะทําให้พวกเขาพึงพอใจ ในเมื่อพวกเขากําลังจะตาย ทําไมไม่ตายไปอย่างนักรบผู้กล้าหาญ? ทําไมไม่ฆ่าพวกศัตรูอีกไม่กี่คนและล้างแค้นให้พวกพ้องของพวกเขา?
พี่บ! พี่บ!
เมื่อผู้เชี่ยวชาญตระกูลซูเคลื่อนไหว กองทัพอาณาจักรต้าเซียบนกําแพงเมืองก็เริ่มเคลื่อนไหวทั้งหมด ในเมืองนี้คงป้องกันเอาไว้ได้ไม่มากเท่าไหร่นัก กองทัพทหารสามแสนคนก็คงไม่สามารถต้านทานกองทัพล้านคนได้ ทําไมไม่เสี่ยงชีวิตบนสนามรบและรักษาเกียรติของอาณาจักรแทนล่ะ?!
“โจมตี!”
แม่ทัพหลงแห่งจักรวรรดิมังกรเวหาและเหล่าผู้นําจากทั้งห้าอาณาจักรต่างโบกมือและสั่งการทันทีทหารนับไม่ถ้วนเดินทัพไปทันทีพร้อมกับเสียงกลองสนามรบรัวและระเบิดกลิ่นอายสังหารออกมา
บัง……..
ณ ขณะนั้น พื้นผิวดินที่อยู่ระหว่างทั้งสองกองทัพก็มีสัตว์ยักษ์สีเหลืองปะทุออกมาจากผิวดิน
สัตว์ยักษ์ตัวนั้นมีหนามแหลมออกมาและมีชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีเขียวนั่งอยู่บนหนามเขากวัดแกว่งดาบสีแดงเพลิง เสื้อผ้าของเขาหลุดลุ่ย เผ้าผมของเขายุ่งเหยิงและดวงตาของเขาก็แดง… เขาดูเหมือนคนที่เหนื่อยล้ามาก
ในที่สุดเจียงอี้ก็มาถึง!
เขาใช้ดวงตาที่แดงก่ํากวาดมองไปรอบๆและเมื่อเขาเห็นว่าซูรั่วเสวี่ยยังคงไม่ได้รับอันตรายใดๆอยู่บนกําแพงเมือง ร่างกายที่เกร็งของเขาก็ผ่อนคลายลงในทันทีและถอนหายใจออกมา
เมื่อเขาเห็นอาณาจักรต้าเซียและฝ่ายกองทัพพันธมิตรกําลังพุ่งตรงเข้ามาทางเขา เขายืนอยู่ระหว่างการปะทะกันของสองกองทัพโดยไม่มีความเกรงกลัวหรือหวาดกลัวใดๆเขาไม่แม้แต่จะพยายามหลบหนีแต่กลับเปล่งเสียงด้วยแก่นแท้พลังที่ดังกังวานแทน “พวกเจ้าทุกคนจงหยุดการกระทําของพวกเจ้าให้ผู้ตรวจการณ์ผู้นี้เสีย!”
“เจียงอี้ย”
“ผู้ตรวจการเจียง!”
มีเสียงหลายเสียงที่อุทานออกมาในเวลาเดียวกัน แม่ทัพหลงแห่งจักรวรรดิมังกรเวหา โบกมือของเขาโดยสัญชาตญาณเพื่อส่งสัญญาณให้ทุกคนเลื่อนการโจมตีออกไปก่อนเสียงกลองศึกหยุดลงขณะที่กองทัพของจักรวรรดิมังกรเวหายืนนิ่งอยู่กับที่
“ทุกคน กลับมา!”
ในขณะนั้น ซูรั่วเสวี่ยเองก็ตะโกนออกมาในขณะที่ดวงตาที่สวยงามของนางเปล่งประกายราวกับดวงดาว คําสั่งของนางอาจไม่มีผลเท่าคําสั่งของซูที่หวังแต่ผู้เชี่ยวชาญตระกูลซูก็ยังคงหยุ ดเคลื่อนทัพอย่างรวดเร็วซึ่งนั่นก็ทําให้ทัพที่อยู่ข้างหลังหยุดลงเช่นกัน
แม่ทัพเฒ่าจากอาณาจักรเซิงหลิงขมวดคิ้วและผายมือส่งสัญญาณให้กองทัพหยุดเดินขบวนเช่นกัน เหล่าผู้นําทัพก็ออกคําบัญชาการแบบเดียวกันลงมา ส่วนเซี่ยอู่ซุ่ยก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องกัดฟันและสั่งให้กองทัพหยุดเข้าโจมตี
การหยุดการปะทะกันระหว่างสองกองทัพด้วยความแข็งแกร่งของบุคคลผู้เดียว!
ทหารหลายต่างก็แสดงท่าทางประหลาดใจออกมาและเมื่อพวกเขาเห็นเจียงอี้ที่กําลังขี่เถาอ้อยู่ มันก็ยิ่งน่าอัศจรรย์ยิ่งขึ้น พวกเขาได้ยินเสียงแม่ทัพอุทานชื่อของเจียงอื้ออกมา
ศิษย์อันดับหนึ่งแห่งสํานักจิตอสูร, ผู้คว้าชัยสงครามราชอาณาจักร , กบฏแห่งอาณาจักรเสินหรู, ผู้ตรวจการแห่งจักรวรรดิมังกรเวหาและวีรบุรุษแห่งทวีป
คงต้องยอมรับว่าเจียงอี้ค่อนข้างโด่งดังในทวีปนี้และชื่อเสียงของเขาก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเจียงเบี้ยหลี แน่นอนว่า…เหตุผลหลักที่เจียงอี้สามารถหยุดการปะทะกันของกองทัพทั้งสองขั้วได้นั้นก็เป็นเพราะผู้ที่คอยหนุนหลังเขา จักรพรรดินีสัตว์อสูร!
ฝ่ามือของจักรพรรดินีสัตว์อสูรนั้นถือเป็นของขวัญที่ยอดเยี่ยมจากจักรพรรดินีสัตว์อสูรถึงเจียงอี้สิ่งนี้ทําให้ทุกคนเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งระหว่างความสัมพันธ์ของเจียงอี้กับจักรพรรดินีสัตว์อ
อานุภาพของบุคคลนั้นในหุบเขาสามหมื่นลี้ได้ใส่ความหวาดกลัวเข้าไปถึงไส้ถึงพุง ด้วยการปรากฏตัวอย่างฉับพลันของเจียงอี้ พวกเขาจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างประมาท
และแน่นอน…..
ทุกคนนั้นตะลึงงันไปเพียงช่วงสั้นๆและดึงสติกลับมาได้ในทันใด เจียงอี้อาจจะมีจักรพรรดินีสัตว์อสูรให้ท้ายอยู่และได้รับการยกย่องจากองค์หญิงหลิงเสวี่ยอย่างสูง แต่นี่เป็นสงครามระหว่างมนุษย์ ใช่ไหม? ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขากําลังโจมตีผู้บงการที่ลักพาตัวจิ้งจอกน้อยและแม้ว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรจะรู้เรื่องนี้ นางก็คงจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวใช่ไหม?
ส่วนด้านองค์หญิงหลิงเสวี่ย…จักรวรรดิมังกรเวหาต้องการใช้เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ฟื้นฟูชื่อเสียงของจักรวรรดิและแสดงความกล้าหาญในฐานะผู้ปกครองนคร ไม่ว่าหลิงเสวี่ยจะเคารพเจียงอี้มากเพียงใดนางจะไม่ยอมในเรื่องนี้แน่
“สวรรค์เปิดทางให้เจ้า และเจ้าก็ยังคงเดินไปยังเส้นทางแห่งนรก….”
มีร่องรอยแห่งความแค้นและขมขื่นอยู่ในดวงตาของเซี่ยอู่หุยในขณะที่เขาเผยความ เยือกเย็นออกมาที่มุมปากอย่างรวดเร็วและพูดว่า “เจียงอี้ เจ้าเตรียมที่จะช่วยอาณาจักรต้าเซี่ยต่อต้านกองทัพพันธมิตร? เจ้าจะอยู่ฝั่งผู้ทรยศ? หรือบางที…เจ้าอาจจะเป็นหนึ่งในผู้บงการเรื่องนี้ด้วยและทําเป็นช่วยเหลือจิ้งจอกน้อยด้วยตัวเอง? เป้าหมายของเจ้าคือการมีจักรพรรดินีให้ท้าย?มิฉะนั้น ทําไมเจ้าจึงโชคดีมากเช่นนี้? ทั่วทั้งทวีปไม่สามารถหาตัวจิ้งจอกน้อยพบ แต่กลับมีเพียงเจ้า?”
คํากล่าวของเซี่ยอู่ซุ่ยทําให้เกิดความโกลาหล เริ่มแรกนั้นทุกคนคิดว่ามันเป็นเรื่องขบขันแต่เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล ทุกคนมองไปที่เจียงอี้และรอคอยคําอธิบายของเขา
เจียงอี้ไม่แม้แต่จะมองเซี่ยอู่ซุ่ยและเมินเฉยเขาไปในทันที เขามองไปยังแม่ทัพหลงแห่งจักรวรรดิมังกรเวหาและอาณาจักรที่เหลือและพูดว่า “ข้าเคยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่รู้เรื่องราวอย่างแน่ชัด ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นผู้บงการเหตุการณ์นี้ได้ นอกเหนือจากอาณาจักรต้าเซี่ยแล้ว ข้าแน่ใจว่าพวกเจ้าก็รู้เรื่องนี้ดี ใช้ไหม? อ้างความยุติธรรมแก่มนุษยชาติมาเพื่อที่จักรวรรดีมังกรเวหาและอีกห้าอาณาจักรจะได้ผลประโยชน์จากอาณาจักรที่อ่อนแอที่สุดจริงๆหรือ? พวกเจ้าทุกคนไม่มีความละอายใจกันบ้างเลยหรือ? หรือเจ้าจะบอกว่าพลเมืองของอาณาจักรเจ้าเป็นม นุษย์ แต่พลเมืองแห่งอาณาจักรต้าเซียไม่ใช่?”
เมื่อสิ้นคําพูดเจียงอี้ซึ่งกึกก้องไปด้วยความแข็งแกร่งและเหมือนมีเวทย์มนตร์ที่สะท้อนอยู่ภายในใจของทุกคน
ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงนิ่งเงียบ การแสดงออกของแม่ทัพหลงเปลี่ยนไปอยู่หลายครั้งก่อนที่เขาจะกัดฟันและพูดออกมาว่า “ผู้ตรวจการเจียง นี่คือพระราชโองการที่ประกาศลงมาโดยราชสํานักท่านได้โปรดอย่าทําให้แม่ทัพผู้นี้ลําบากใจเลย แม่ทัพผู้นี้ก็เพียงแต่ทําตามบัญชาหากผู้ตรวจการยืนยันที่จะขัดขวาง เช่นนั้นข้าก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องบาดหมางกับท่าน”
หลังจากเซี่ยอู่ซุ่ยออกจากภวังค์ เขาต้องการพูดอะไรบางอย่างและใช้ความชอบธรรมกัดดันเจียงอี้ มีประโยชน์อะไรกับเรื่องที่พูดออกมาทั้งหมดนี้? ประวัติศาสตร์นั้นถูกจารึกโดยผู้ชนะเสมอไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะจบลงหลังจากที่เขาฆ่าเจียงอี้และสลายเมืองเซี่ยยี่หรือ? เขาจึงตะโกนออกมาทันที “เจียงอี้ ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกมองว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและจะถูกสังหารอย่างไร้ความปราณี”
แม่ทัพเฒ่าจากอาณาจักรเซิ่งหลิงก็ชักดาบออกมาและถามว่า “เจียงอี้ เจ้าจะหลีกทางให้พวก เราหรือไม่? ตอบเรามา!”
“เจียงอี้!”
ซูรั่วเสวี่ยที่อยู่บนกําแพงเมืองตะโกนออกมา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความจริงใจและความรักอย่างลึกซึ้งขณะที่นางมองเจียงอี้จากที่ไกลด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างพอใจ
สําหรับการที่เจียงอี้ปรากฏตัวในช่วงเวลาสุดท้ายนี้และที่เขามีความตั้งใจต่อต้านกองทัพ นับล้านเพื่อนาง นางก็สามารถตายได้อย่างไม่เสียใจ นางไม่ต้องการให้เจียงอี้ตายอย่างไร้ค่านางจึงยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “เจ้าควรไปได้แล้ว จะมีอะไรให้ต้องพูดกับกลุ่มผู้ลักพาตัวและเหล่าร้ายกลุ่มนี้อีก?หากเจ้ายังคงพอเข้าใจรั่วเสวี่ยอยู่บ้าง เช่นนั้นก็ออกจากที่นี่ไปเสีย มิฉะนั้นข้าคงไม่สา มารถตายได้อย่างสงบ หากชาติหน้ามีจริงรั่วเสวี่ยจะไม่ทําให้เจ้าต้องผิดหวัง…”
“ชาติหน้า? หากชาตินี้ข้ายังไม่สามารถควบคุมได้ ทําไมข้าจึงต้องไปคิดถึงชาติหน้าด้วย?”
เจียงอี้สบสายตากับซูรั่วเสวี่ยจากระยะไกลและดวงตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นเขาเม้มปากและหัวเราะออกมา “ซูรั่วเสวี่ย เจ้ายังจําสัญญาที่ข้าเคยให้ไว้ได้หรือไม่? ข้าจะรักษาสัญญานั้นเดี๋ยวนี้! ในเมื่อคนพวกนี้ต้องการทําร้ายเจ้า พวกมันทุกคนก็คงต้องตาย!”
บุฟ!
เจียงอี้หมุนเวียนแก่นแท้พลังของเขาอย่างบ้าคลั่งในขณะที่เถาอู่ที่เขาขอยู่ถูกเก็บหายไปในไม่ช้าดาบมังกรเพลิงก็เรืองแสงสว่างไสวในขณะที่มังกรสองตัวกําลังว่ายเวียนอยู่ภายในดาบอย่างเงียบๆ
ดวงตาของเขาค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดขณะที่กลิ่นอายสังหารนั้นทะลักออกมาจากร่างของเขาซึ่งกลืนกินพื้นที่ระหว่างกองทัพทั้งสองฝั่ง เขาคํารามขึ้นสู่ท้องฟ้า “ถ้างั้นก็เข้ามาเลยหากพวกเจ้าต้องการจะถล่มเมืองเซี่ยยี่ เช่นนั้นพวกเจ้าก็คงต้องข้ามศพข้า เจียงอี้ผู้นี้ไปก่อน!”