Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 349 ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น

เรื่อง เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 349 ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น

บทที่ 349 ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
  สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
  เจียงอี้และผู้อาวุโสเฮ่อกำลังหลงอยู่ในเขาวงกตอย่างไร้จุดหมายและทุกครั้งที่เจียงอี้เดินไปในโถงราชวังเขาก็จะโยนเศษไม้ในไข่มุกวิญญาณเพลิงออกไปที่มุมห้อง นอกจากนั้นคือเศษชิ้นไม้มีความยาวที่แตกต่างกันมันจึงช่วยให้พวกเขาพอประมาณทิศทางได้
  ผลที่ตามมาหลังจากผ่านไปหลายสิบโถงแล้ว พวกเขาก็ยังไม่พบโถงที่ซ้ำกัน เห็นได้ชัดว่ามีโถงอยู่มากมายในเขาวงกตแห่งนี้
  “เอ๊ะ?”
  เมื่อพวกเขาเข้าไปในโถงหนึ่งดวงตาของเจียงอี้และผู้อาวุโสเฮ่อก็สว่างขึ้นในเวลาเดียวกัน พวกเขาเห็นโครงกระดูกชุดหนึ่งและมันสึกกร่อนแล้ว มีรูเล็กๆอยู่ตามกระดูกมากมายและเห็นได้ชัดว่าผู้ตายได้เสียชีวิตมาหลายปีแล้ว
  “มีคนมาที่นี่ก่อนเรา!อาจเป็นหยุนลู่!”
  เจียงอี้สังเกตเห็นว่ากระดูกส่วนขาข้างหนึ่งมันขยับไปเกินความจริงและไม่มีอาวุธใดๆอยู่ข้างๆกระดูกนี่ไม่มีแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณอยู่ด้วยซึ่งเป็นไปได้ว่าโครงกระดูกนี้ถูกปล้นไป
  “อืมตามล่า!”
  จิตวิญญาณของผู้อาวุโสเฮ่อมีกำลังใจขึ้นมาพวกเขารีบผ่านประตูที่อยู่ด้ายซ้ายไปทันที ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าประตูนั้นไป ทั้งคู่ก็รู้สึกได้ถึงอันตรายที่ร้ายแรงและหรี่ตาลงอย่างรวดเร็ว
  ฟึ่บฟั่บ!
  ทันใดนั้นกำแพงทั้งสองด้านก็สว่างขึ้นและมีแสงสีขาวประมาณห้าดวงยิงเข้าใส่พวกเขา แสงสีขาวพวกนี้เปรียบได้กับแสงแห่งเสน่ห์เทวะขอตระกูลซูซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้าง เจียงอี้และผู้อาวุโสเฮ่อไม่มีข้อสงสัยใดๆ หากพวกเขาถูกแสงสีขาวร่างของพวกเขาจะกลายเป็นฝุ่นผงในทันที
  “ศาสตร์แปรผันดวงจิต!”
  เจียงอี้ตัดสินใจย้ายร่างทันทีเขาได้ลองใช้มันในเขาวงกตนี้และเขาสามารถย้ายร่างได้ทันทีโดยไม่มีอาคมยับยั้งใดๆ
  ฟึ่บ!
  เจียงอี้ย้ายร่างไปและสามารถหลบแสงสีขาวได้อย่างง่ายดายเขาย้ายไปใกล้ๆประตูฝั่งตรงข้าม ทันทีที่เขาขยับตัวก็มีแสงสีขาวเปล่งประกายมาจากใต้ฝ่าเท้าเขา เหมือนหอกนับไม่ถ้วนที่มีกลิ่นอายอันเย็นชาพุ่งพล่านออกมา
  “ไอ้@$!&”
  ความเร็วของหอกนั้นเร็วเกินไปและหอกหนึ่งในนั้นก็พุ่งผ่านใต้ฝ่าเท้าของเจียงอี้ไปอย่างง่ายดายหากไม่ใช่เพราะความเร็วในการตอบสนองที่รวดเร็วของเขาแล้ว ขาของเขาคงถูกทิ่มแทงไปหมดแล้วและง่ามขาของเขาคงเปียกโชกไปด้วยเลือด
  ปัง!
  เจียงอี้กระแทกพื้นด้วยมือข้างหนึ่งและร่างกายของเขาก็เด้งขึ้นมาเขาม้วนตัวสุดแรงและวิ่งเข้าประตูไป
  อึก…
  เมื่อเขาเข้าไปยังโถงนั้นแล้วเจียงอี้ก็ดูจนมั่นใจแล้วว่าไม่มีอันตรายใดๆก่อนที่เขาจะกลิ้งลงไปที่พื้นและจับเท้าที่เปียกโชกไปด้วยเลือดขณะที่กำลังเจ็บปวด
  ฟึ่บ!
  ผู้อาวุโสเฮ่อเหินไปอย่างรวดเร็วเขาอยู่ขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดและความเร็วของเขานั้นเร็วกว่าเจียงอี้มาก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
  ส่วนเจียงอี้นั้นได้รับบาดเจ็บและพวกเขาก็ต้องหยุดเพื่อรอให้เจียงอี้ได้ฟื้นตัวก่อนโชคดีที่ปฏิกิริยาที่รวดเร็วของเจียงอี้นั้นเร็วพอ และมันไม่ได้ไปถึงกระดูก ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สองถึงสามวันเลย
  “จอมเวทย์ผู้นี้ช่างโหดเหี้ยมนักข้ากำลังคิดว่าชั้นที่สี่นี้จะเป็นปกติได้อย่างไร?”
  ผู้อาวุโสเฮ่อพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมองไปที่ประตูทั้งสี่ด้วยความกลัวพวกเขาจะต้องระมัดระวังเมื่อเข้าไปในประตูถัดไป บางโถงในสี่โถงนี้อาจเป็นพื้นที่มรณะที่ซึ่งอาคมยับยั้งจะเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นเนื้อบดเมื่อก้าวเข้าไปข้างในก็ได้
  หลังจากพักฟื้นอยู่ครึ่งวันแผลที่เท้าของเจียงอี้ก็หายดีและไม่มีปัญหาเวลาเดิน ดังนั้นพวกเขายังคงเดินต่อไป ทั้งคู่ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อไม่เจอกับอันตรายอีกหลังจากเดินผ่านโถงมากว่าสิบโถง
  ฟึ่บ!
  เมื่อพวกเขาทั้งสองเดินเข้ามาอีกโถงหนึ่งอันตรายก็มาถึง มีแสงสีขาวที่จู่ๆก็พุ่งออกมาจากเพดานและปล่อยสายฟ้าออกมาห้าลูกซึ่งดูเหมือนมังกรเงิน
  “ไอ้เวร!”
  เจียงอี้และผู้อาวุโสเฮ่อสาปแช่งออกมาพร้อมกันขณะที่พวกเขาบินถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็วและกลับไปยังประตูที่พวกเขาเพิ่งผ่านมาความเร็วของพวกเขาช้าไปนิดหนึ่งและสายฟ้าสองสายปะทะเข้าไปที่พวกเขา นั่นเลยทำให้ทั้งสองถูกยิงส่งกลับไปยังโถงก่อนหน้าและเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นและสั่นไม่หยุดขณะที่เส้นขนทั้งหมดนั้นตั้งเด่และเสื้อผ้าก็ถูกไหม้จนเกรียมขณะที่มีกลิ่นไหม้ออกมา
  พวกเขาถูกฟ้าผ่า….
  หลังจากผ่านไปหลายอึดใจร่างของเจียงอี้และผู้อาวุโสเฮ่อก็หยุดสั่น แต่พวกเขายังไม่มีแรงที่จะลุกยืนได้จึงใช้เวลาอีกครู่หนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้นมาได้ในขณะที่พวกเขามองใบหน้าที่ดำและไหม้เกรียมของกันและกันพร้อมเผยรอยยิ้มอันขมขื่นให้แก่กัน
  มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีในการถูกฟ้าผ่าหากพวกเขาถอยออกมาช้ากว่านี้และโดนผ่าโดยสายฟ้าทั้งหมด พวกเขาก็ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน
  หลังจากพักฟื้นอยู่ครู่หนึ่งพวกเขาก็หายดีร่างกายของพวกเขายังคงแข็งแกร่งและแม้ว่าจะเป็นจอมยุทธระดับล่าง พวกเขาก็จะไม่ตายจากสิ่งเหล่านั้น
  ถึงกระนั้นทั้งสองคนก็ยังรู้สึกเจ็บและระบมไปทั่วร่างกายเสื้อผ้าของพวกเขากลายเป็นเหมือนผ้าขี้ริ้วและเมื่อสางผมก็ทำให้ขี้เถ้าร่วงหล่นลงมา
  สองชั่วโมงต่อมาทั้งสองก็ลุกขึ้นเดินต่อ คราวนี้พวกเขาไม่กล้าที่จะเดินผ่านประตูทางซ้ายและรีบไปยังประตูอีกบาน
  หลังจากวิ่งมาระยะหนึ่งพวกเขาก็พบกับสถานการณ์อันตรายต่างๆ โถงทั้งหมดนั้นมองดูแล้วก็เหมือนกัน แต่บางโถงก็มีอาคมยับยั้ง บางโถงก็มีแสงสีขาว, ฟ้าผ่า, หอกฝังพื้น, เปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ, ใบมีดลม, หมอกพิษและกับดักอื่นๆอีกมากมาย
  เจียงอี้และผู้อาวุโสเฮ่อนั้นเต็มไปด้วยความเขรอะกรังหลังจากเผชิญหน้าในแต่ละด่านมาหากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสเฮ่อและศาสตร์แปรผันดวงจิตกับเพลิงโลกาของเขาแล้ว พวกเขาคงต้องตายไปหลายครั้งแล้ว
  แต่ถึงกระนั้นพวกเขาทั้งสองก็ยังค้นหาหยุนลู่ต่อ หลังจากที่เดินไปห้าวันแล้ว พวกเขาก็รอดอย่างหวุดหวิดอยู่หลายครั้งและพบโครงกระดูกอีกหลายกอง ขณะที่พวกเขาเดินไปเรื่อยๆ มันไม่มีทางออกและไม่มีร่องรอยของหยุนลู่เลย
  พวกเขาทั้งสองผลัดกันพักผ่อนและหลับตาค้นหาต่อจากนั้นพวกเขาก็พบความเศร้าอย่างรวดเร็วเนื่องจากพวกเขาได้กลับไปยังโถงที่พวกเขาวางไม้เอาไว้
  พวกเราออกไปจากที่นี่ไม่ได้!
  เจียงอี้และผู้อาวุโสเฮ่อไม่ได้พูดมันออกมาแต่พวกเขามีแต่ความคิดนี้วนเวียนอยู่ในจิตใจ ทุกคนที่เข้ามาที่นี่อย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดหรือมีความสามารถที่ทรงพลัง มีโครงกระดูกอยู่หลายแห่งในสถานที่แห่งนี้และนั่นก็หมายความว่าพวกเขาไม่สามารถออกจากเขาวงกตไปได้
  “หยุนลู่มันต้องออกจากเขาวงกตนี่ไปแล้วแน่ๆ!”
  หลังจากค้นหาต่อไปอีกสามสี่วันเจียงอี้และผู้อาวุโสเฮ่อก็หยุดหา พวกเขาเดินผ่านโถงไปอย่างน้อยก็แสนห้องในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ไม่พบร่องรอยของหยุนลู่เลย นั่นก็หมายความว่าเขาสามารถคุมอาคมยับยั้งที่นี่ได้แน่นอนและเดินออกจากเขาวงกตไปได้แล้ว
  พวกเขานั่งอยู่ที่พื้นและกินอาหารและดื่มน้ำสะอาดแต่รสชาติมันเหมือนขี้ผึ้งขาวและไม่มีรสใดๆ สีหน้าของผู้อาวุโสเฮ่อนั้นมืดหม่นลง พวกเขาได้ลองทุกอย่างไปหมดแล้วและเขาวงกตนี้อาจกลายเป็นหลุมศพของพวกเขาก็ได้
  หลายปีต่อจากนี้จนไม่รู้เมื่อไหร่…หากผู้ใดสามารถเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ได้พวกเขาอาจพบซากโครงกระดูกของทั้งสองก็ได้
  “ข้าต้องลงมือดู!”
  เจียงอี้กัดเนื้อแห้งคำสุดท้ายและลุกขึ้นในทันใดเขามองไปที่เพดานหนเหนือเขาและเขาก็รู้ว่ามีเพียงสิ่งสุดท้ายนี้ หากเขายังไม่สามารถออกไปได้เช่นนั้นพวกเขาอาจจะถูกขังจนตายอยู่ที่นี่
  “ผู้อาวุโสเฮ่อถอยไป!”
  ผู้อาวุโสเฮ่อรู้สึกประหลาดใจกับเสียงตะโกนของเจียงอี้และมองด้วยความสับสนเขาถามว่า “นายน้อยอี้ ท่านพยายามจะทำอะไร?”
  “ข้าจะทำลายเพดานหินนี่!”
  เจียงอี้ยิ้มและอธิบายว่า“ข้าเหลือหินวิญญาณเพลิงสองก้อนเท่านั้นและหากข้าไม่สามารถทำลายเพดานหินและหนีออกจากที่นี่ไปได้ ข้าก็ไม่มีทางอื่นแล้ว”
  “หืม?”
  ดวงตาของผู้อาวุโสเฮ่อสว่างขึ้นด้วยการแสดงออกที่เต็มไปด้วยความหวังเขาถอยกลับไปอยู่อีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร็วและมองเพดานหินอย่างประหม่า นี่เป็นความหวังสุดท้ายของพวกเขา
  “ย๊ากกกกก!”
  เจียงอี้วิ่งขึ้นไปบนกำแพงก่อนที่หินวิญญาณเพลิงจะปรากฏออกมาจากไข่มุกวิญญาณเพลิงจากนั้นเขาก็ยิงมันขึ้นไปอย่างแรง
  ฟึ่บฟู่!
  เมื่อหินวิญญาณเพลิงปะทะกับเพดานหินมันก็กลายเป็นควันสีเขียวและเพดานก็เปล่งประกายด้วยแสงสีขาว อาคมยับยั้งนั้นถูกแผดเผาทะลุไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเจียงอี้และผู้อาวุโสเฮ่อก็เบิกตากว้างขณะที่ร่างกายของพวกเขาก็เกร็งขึ้นพร้อมปรารถนาให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น

อ่านตอนอื่นๆของ เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven คลิกเลย

แฟนเพจ