Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 684 มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่หนี

เรื่อง เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 684 มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่หนี

  “เหลิ่งอ้าวเทียน หัวหน้าเหลิ่ง?”
  ดวงตาของเจียงอี้เป็นประกายด้วยความเยือกเย็น หนิวเติงบอกว่าหัวหน้าเหลิ่งมีสัมพันธ์ที่ดีต่อพี่เหิง และเจียงอี้เพิ่งจะกลับมาที่เมืองแต่หัวหน้าเหลิ่งผู้นี้ก็ส่งคนมาหาเขาแล้ว เป็นไปได้หรือเปล่าว่าเขาต้องการจะช่วยพี่เหิงกู้ศักดิ์ศรีคืนมา?
  ต่อให้มีคนมาทุบตีเขาจนตาย เขาก็ไม่เชื่อว่าหัวหน้าเหลิ่งผู้นี้ไม่ได้จะมาหาเรื่องเขา
  “นำทางไป”
  ในเมื่อมีคนแส่หาเรื่อง เจียงอี้ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องหลบเลี่ยง ไม่เช่นนั้นเขาคงจะดำรงตำแหน่งหัวหน้าไม่ได้ เขาไม่ได้รวบรวมคนของเขาและไปที่จัตุรัสของเมืองพร้อมกับหนิวเติงและหนิวว่างเท่านั้น
  จัตุรัสนั้นค่อนข้างร้างและเงียบสงบ เพราะวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างและหัวหน้าทั้งสองคนถูกสังหารไป จึงไม่มีผู้ใดกล้ามาอยู่ที่จัตุรัสของเมือง เมื่อเจียงอี้เข้าไปในตำหนักเจ้าเมือง เขาก็เห็นว่าในนั้นที่เคยครื้นเครงก็เงียบสงัดและไร้เสียงเช่นกัน
  “หัวหน้าเจียง เชิญทางนี้ขอรับ”
  คนที่นำทางมานั้นค่อนข้างสุภาพขณะที่เขาพาเจียงอี้ไปยังซ่องที่ใหญ่ที่สุดทางเหนือ ส่วนเจียงอี้เดินเข้าไปในนั้นและเหลือบมอง เขาเผยร่องรอยเย้ยหยันที่มุมปากของเขาและมั่นใจมากพอ….ว่าหัวหน้าเหลิ่งกำลังแส่หาเรื่องอยู่
  ห้องโถงนั้นเต็มไปด้วยสาวงามที่สวมเสื้อผ้าบาง บางคนถึงกับมีส่วนลับเผยออกมา ที่นั่นมีสาวงามราวร้อยคนและพวกนางก็ถูกคนประมาณยี่สิบคนห้อมล้อมอยู่…..ขณะที่ทางซ้าย มีชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ซึ่งดูเย็นชาและเคร่งขรึม ส่วนทางด้านขวาเป็นชายชราที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และพี่เหิงเองก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน เขานั่งอยู่ด้านล่างของชายวัยกลางคนที่ดูเคร่งขรึมและมีสาวงามมากมายรุมล้อมพวกเขาทั้งสามอยู่
  สาวงามสองคนซึ่งสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นนั่งอยู่บนตักพี่เหิง ส่วนมือของพี่เหิงก็นัวเนียอยู่กับสาวงามทั้งสอง สาวงามอีกสองคนกำลังนวดหลังให้เขาอยู่ซึ่งเขามองไปที่เจียงอี้ด้วยดวงตาที่เย็นชา
  ส่วนชายวัยกลางคนที่ดูเคร่งขรึมก็ไม่แสดงอารมณ์ออกมาและไม่แม้แต่จะมองเจียงอี้เลยตั้งแต่ที่เขาเข้ามา ชายผู้นั้นยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอย่างสบายใจ ส่วนผู้เฒ่าเคราขาวที่อยู่อีกฝั่งมองมาด้วยท่าทางที่เป็นมิตร
  หนิวเติงส่งข้อความหาเขาทันที “หัวหน้าเจียง ทางซ้ายคือหัวหน้าเหลิ้งและทางขวาคือหัวหน้าหลี่ขอรับ”
  เจียงอี้เดาได้โดยที่หนิวเติงไม่ต้องพูดด้วยซ้ำ เขายืนอยู่ตรงกลางและมองอยู่เงียบๆพร้อมกับท่าทีเย็นชา ในเมื่อพวกเขาไม่ได้เคารพในตัวเจียงอี้ เช่นนั้นเจียงอี้ก็จะไม่เคารพพวกเขาเช่นกัน
  “หัวหน้าเจียง?”
  เมื่อหัวหน้าหลี่ที่ดูเป็นมิตรเห็นว่าหัวหน้าเหลิ่งไม่ได้พูดอะไร ดังนั้นเขาก็เลยยิ้มและพูดว่า “ในเมื่อเจ้ามาแล้ว เชิญนั่งและดื่มกันเถอะ”
  เจียงอี้เหลือบมองหัวหน้าเหลิ่งและเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไร เขาจึงยิ้มและป้องมือพูดกับหัวหน้าหลี่ว่า “หากหัวหน้าหลี่เป็นคนเชิญข้าดื่ม ข้าก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง แต่ดูเหมือนว่าหัวหน้าหลี่จะไม่ใช่เจ้าภาพในวันนี้ใช่ไหมล่ะขอรับ? เมื่อเจ้าภาพไม่ต้อนรับข้า เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน”
  จากนั้นเขาก็ออกไปทันทีที่พูดเสร็จ….
  หัวหน้าหลี่เคารพในตัวเจียงอี้ ดังนั้นเขาจึงเคารพกลับเช่นกัน แต่เมื่อหัวหน้าเหลิ่งไม่ไว้หน้าเขา ดังนั้นเจียงอี้จึงทำตัวไม่ดีกับเขากลับเช่นกัน เขาเดินกลับออกไปขณะที่หนิวเติงและหนิวว่างยิ้มอย่างขมขื่น หัวหน้าของพวกเขามีอารมณ์ที่รุนแรงและไม่แม้แต่จะเคารพหัวหน้าผู้เป็นอันดับสองของเมืองเลย
  สีหน้าของผู้คนนับไม่ถ้วนเปลี่ยนไป นอกจากลูกน้องทั้งสี่คนของพี่เหิงแล้ว คนที่เหลือนั้นเป็นคนของหัวหน้าเหลิ่งและหัวหน้าหลี่ หากเจียงอี้ไม่ให้เกียรติหัวหน้าเหลิ่ง มันก็หมายความว่าเจียงอี้ไม่ให้เกียรติพวกเขาด้วย คนของหัวหน้าเหลิ่งยืนขึ้นขณะที่สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธ หากที่นี่ไม่ได้อยู่ในเมือง พวกเขาคงชักศาสตราวุธออกมาและเริ่มสู้แล้ว
  ส่วนหัวหน้าเหลิ่งยังคงดื่มไวน์อย่างสบายใจ แต่เมื่อเจียงอี้เดินกลับไปถึงประตูแล้ว เขาก็พูดขึ้นมาในทันใด “เจ้าหนุ่มน้อย อย่าทำตัวดื้อด้านและทำตัวสูงส่งไปเลย ผู้ที่ทำตัวสูงส่งในเผ่าเทพประทานมักจะตายอย่างรวดเร็วนะ”
  เมื่อเจียงอี้เพิ่งจะเดินไปถึงประตู เขาก็หยุดอยู่ที่นั่น แต่เขาไม่ได้หันกลับมาและเพียงแค่ยิ้มขณะที่พูดว่า “ขอบคุณหัวหน้าเหลิ่งที่เตือน แต่นี่คือนิสัยของข้าและข้าคงไม่สามารถเปลี่ยนมันได้…”
  หัวหน้าเหลิ่งยิ้มออกมาและมองไปที่เจียงอี้เป็นครั้งแรก “เมื่อเจ้ามาแล้ว ก็เชิญเข้ามานั่งก่อนเถอะ ข้า หัวหน้าเหลิ่งไม่ใช่คนป่าเถื่อนและเอาแต่ใจ ข้าเพียงแค่กำลังดื่มอยู่กับหัวหน้าหลี่ และเมื่อน้องเหิงกลับมา เขาก็บอกว่าเขามีความขุ่นเคืองบางประการกับเจ้า ข้าจึงเชิญเจ้ามาที่นี่เพื่อพูดคุยกัน”
  หัวหน้าหลี่ยิ้มและพูดต่อ “หัวหน้าเจียง เห็นแก่หน้าตาเฒ่าหลี่ผู้นี้ได้หรือไม่? เชิญนั่งลงและดื่มไวน์สักแก้วหน่อยไหม?”.ไอรีนโนเวล.
  “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
  เจียงอี้หัวเราะออกมาและหันกลับเข้าไป เขาเปลี่ยนไปพูดอย่างสุภาพว่า “ข้าเพิ่งจะพูดคุยกับหนิวเติงและหนิวว่างไปเอง ข้ากำลังจะไปเยี่ยมเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน, หัวหน้าเหลิ่งและหัวหน้าหลี่พอดี แต่หัวหน้าเหลิ่งเชิญข้ามาที่นี่ ข้าจึงมาที่นี่เพื่อร่วมสังสรรค์กับพวกท่านทั้งสอง”
  ทุกคนไม่สามารถปรับตัวกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของเจียงอี้ อย่างไรก็ตาม เจียงอี้หยิบแก้วไวน์บนโต๊ะด้านขวาและชนแก้วกับหัวหน้าหลี่ก่อนที่จะชนกับหัวหน้าเหลิ่ง ซึ่งทุกคนยังบอกได้ว่าเจียงอี้ยังไม่พอใจอยู่
  หัวหน้าหลี่ยิ้มออกมาอย่างจริงใจและยืนขึ้นขณะที่หัวหน้าเหลิ่งไว้หน้าหัวหน้าหลี่เพื่อยืนขึ้นและชนแก้ว ซึ่งทั้งสามคนกระดกมันลงไปในคราวเดียว
  ท่าทีของหัวหน้าเหลิ่งเองก็เปลี่ยนไปขณะที่เจียงอี้ยังคงทำตามคำขอของหัวหน้าหลี่ เนื่องจากความแข็งแกร่งของหัวหน้าเหลิ่งเองก็ยังเป็นอันดับที่สองของเมือง ดังนั้นเขาจึงต้องมีพละกำลังมากพอควร หากไม่จำเป็น เจียงอี้ก็คงไม่อยากขุ่นเคืองกับเขาอยู่แล้ว
  แต่แน่นอนว่า….หากหัวหน้าเหลิ่งยังคงทำท่าทีเหมือนก่อนหน้านี้ เจียงอี้ก็คงไม่สนใจเช่นกัน
  มีคนสำรองที่นั่งไว้ข้างล่างหัวหน้าหลี่ซึ่งเจียงอี้ก็นำหนิวเติงและหนิวว่างไปนั่งที่นั่นอย่างสุขุม จากนั้นเขาก็ยกแก้วขึ้นและชนให้กับหัวหน้าหลี่และกล่าวว่า “หัวหน้าหลี่ มาเถอะ ให้ข้ารินเครื่องดื่มให้ท่านนะขอรับ”
  “ฮึฮึ”
  หัวหน้าหลี่สำราญกับการวางตัวของเจียงอี้ เขาดื่มไวน์แก้วหนึ่งก่อนที่จะหัวเราะและพูดว่า “รุ่นหลังจะเข้ามาแทนที่เราในเวลาที่เหมาะที่ควร หัวหน้าเหลิ่ง เราก็แก่กันแล้วนะ เมื่อยามที่เจ้ายังเป็นวุ่ยหนุ่ม เจ้าทำอะไรหรือ? ข้าจำได้ว่าข้ายังอยู่ที่ทวีปจักรพรรดิบูรพาและใช้อำนาจของตระกูลข้ากร่างไปทั่วถนนแถบนั้น จนวันหนึ่ง ข้าถูกนายน้อยตระกูลหวู่หักขาของข้าและทำให้ตระกูลของข้าติดร่างแหไปด้วย ในตอนนั้นตระกูลของข้าเกือบถูกกำจัดจนสิ้นเพราะเรื่องนี้”
  หัวหน้าเหลิ่งหัวเราะเบาๆและชนกับหัวหน้าหลี่ขณะที่พูดว่า “หัวหน้าหลี่ ไม่ใช่ว่าเจ้าล้างแค้นมาเป็นสิบปีแล้วหรือ? หลังจากนั้น สุดท้ายแล้วเจ้าก็สับนายน้อยตระกูลหวู่ออกเป็นสิบแปดชิ้นนี่? เจ้ากล้าสับนายน้อยจากเก้าตระกูลจักรพรรดิ ผู้ใดจะมีความกล้าเช่นนี้อีก?”
  “หัวหน้าหลี่ช่างน่าประทับใจนัก!”
  “มาเถอะ มาเถอะ ทุกคน จงดื่มเพื่อความกล้าหาญของหัวหน้าหลี่”
  “เก้าตระกูลจักรพรรดิ พวกนั้นคือยักษ์ใหญ่แห่งทวีปจักรพรรดิบูรพา หัวหน้าหลี่นั้นน่าประทับใจมากเหลือเกิน!”
  เหล่าลูกน้องขอบเขตเทียนจุนลุกขึ้นเพื่อดื่มอวยพรอย่างรวดเร็ว ขณะที่สาวงามส่งเสียงหัวเราะนี่น่ารักออกมา ซึ่งทำให้บรรยากาศกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หัวหน้าหลี่เผยความภาคภูมิใจของเขาออกมาและส่ายมือ “เจ้าจะพูดถึงเรื่องราวในอดีตทำไมกัน? ตอนนี้ข้าแก่มากแล้วและยังยกดาบไม่ไหวเลย ฮึฮึ….เมื่อเทียบกับหัวหน้าเหลิ่งแล้ว เรื่องของข้าคงไม่เท่าไหร่ สมัยก่อน หัวหน้าเหลิ่งกล้าขืนใจหญิงสาวตระกูลเจี้ยนและยังทรมานนางจนตายอีก ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะนางถ่มน้ำลายใส่หัวหน้าเหลิ่งนี่…..”
  “โอ้!”
  ฝูงชนทั้งหมดตื่นเต้นมากเพราะพวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องราวสมัยก่อนของทั้งสองคนนี้เลย พวกเขาไม่คิดว่าทั้งสองจะมีอดีตเช่นนี้ แต่มันไม่สำคัญว่าทั้งสองคนนี้จะสังหารหรือขืนใจตระกูลหวู่และตระกูลเจี้ยนหรือไม่ แต่มันก็น่าทึ่งสำหรับพวกเขาแล้วที่กล้าลงมือกับเหล่าเก้าตระกูลจักรพรรดิ
  เกาะแห่งบาปอยู่ฝั่งตรงข้ามทวีปจักรพรรดิบูรพาและพวกเขาเป็นศัตรูของเก้าตระกูลจักรพรรดิบูรพา เกือบทุกคนที่อยู่บนเกาะแห่งบาปนี้เป็นคนที่ไม่สามารถอยู่บนทวีปจักรพรรดิบูรพาได้
  “หัวหน้าเหลิ่งและหัวหน้าหลี่ช่างน่าเหลือเชื่อนัก ข้าน้อยผู้นี้ขอดื่มเพื่อพวกท่าน!”
  เจียงอี้จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาทั้งสองต่างเยินยอกันและกันเพื่อโอ้อวด….ให้เขาได้ยิน? พวกเขากำลังพยายามบอกเจียงอี้ถึงชัยชนะของทั้งสองตั้งแต่เขายังไม่ได้มาเกิดด้วยซ้ำ พวกเขาจึงบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าให้เขาสุภาพและเคารพรุ่นพี่ของเขา
  แต่เขาไม่ได้สนใจมันเลย ตราบใดที่หัวหน้าเหลิ่งและหัวหน้าหลี่เคารพและให้เกียรติเจียงอี้ เขาก็จะเคารพพวกเขาเช่นกัน เขาไม่ต้องการสร้างปัญหาและเพียงต้องการจะอยู่ในเมืองอย่างสงบสุขเท่านั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่จะถ่อมตัวเล็กน้อย
  “ฮิฮิ มันก็ผ่านมานานแล้ว อย่าไปพูดถึงเรื่องราวพวกนั้นอีกเลย”
  หัวหน้าเหลิ่งยิ้มและดื่มไวน์เพื่อตอบสนองต่อเจียงอี้ จากนั้นเขาก็มองไปที่เจียงอี้โดยไม่ได้คาดหวังอะไรและถามว่า “หัวหน้าเจียง ดูเหมือนเจ้าเพิ่งจะมาที่เผ่าเทพประทานแห่งนี้ เจ้าได้ไปทำสิ่งใดหรือขัดแย้งกับตระกูลใหญ่ที่ทวีปจักรพรรดิบูรพาหรือเปล่า?”
  ฟรึ่บ! ฟั่บ! ฟรึ่บ!
  ทุกสายตาต่างหันมามองเจียงอี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เจียงอี้มีพลังเช่นนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย เขาจะต้องมีสมบัติบางอย่างหรือสถานะพิเศษบางอย่าง
  เจียงอี้หัวเราะเบาๆและตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก “หัวหน้าเหลิ่งหยอกล้อข้าแล้ว ข้าเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ ข้าจะไปทำเรื่องอะไรใหญ่โตได้อย่างไรกัน? ข้ามาที่นี่เพียงเพราะข้าไม่มีที่ให้ไปแล้ว ตระกูลเสีย, ตระกูลเจี้ยน, และตระกูลถูต่างพากันไล่ล่าข้า มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่หนี….”
  ทั่วทั้งห้องนั้นต่างพากันเงียบสงัด…….

อ่านตอนอื่นๆของ เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven คลิกเลย

แฟนเพจ