Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

บุปผาเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 634 ความโศกเศร้าในใจ / ตอนที่ 635 ประสบภัยระหว่างทาง

เรื่อง บุปผาเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 634 ความโศกเศร้าในใจ / ตอนที่ 635 ประสบภัยระหว่างทาง

ตอนที่ 634 ความโศกเศร้าในใจ

เซียงฉือไม่รู้ได้กำลังวังชามาจากที่ใด นางออกแรงกระชากจนแขนหลุดออกจากการเกาะกุมได้ เหอเจี่ยนสุยไม่ได้บีบบังคับอีก ร่างกายเขาราวกับถูกปล่อยลมออกซวนเซถอยหลังไปสองก้าว มองดูอวิ๋นเซียงฉือแล้วหายใจเข้าลึก

“เมฆหมอกปกคลุมอยากจะคาดเดาจิตใจ ทำอย่างไรจึงจะเปลื้องความทุกข์นี้ได้

“เซียงฉือ ในวังมีแต่อันตราย เหวินเซวียนปกป้องเจ้าได้ถึงเพียงตอนนี้เท่านั้นแล้ว”

น้ำเสียงเหอเจี่ยนสุยแฝงความจนใจ เขาส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ น้ำตาหยดหนึ่งกลอกกลิ้งอยู่ในเบ้าตาอวิ๋นเซียงฉือแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ร่วงหล่นลงไป

อวิ๋นเซียงฉือไม่หันหน้ากลับไปมองเหอเจี่ยนสุยอีก แต่หมุนกายไปหยิบกำไลหยกขาวที่ติดตัวมานานปีส่งคืนให้กับเขา

“ของสิ่งนี้เมื่อไม่ได้มีไว้ให้ระลึกถึงก็เป็นเพียงของธรรมดาชิ้นหนึ่ง หากอวิ๋นผินไม่ต้องประสงค์ก็ทรงโยนทิ้งได้ กระหม่อมเหอเจี่ยนสุยถึงจะไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้าเฉกเช่นฝ่าบาท แต่ว่าของที่มอบออกไปแล้วจะไม่มีวันรับคืนเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ”

เหอเจี่ยนสุยโยนกำไลหยกขาวแตก มีกลิ่นหอมเร้นขึ้นมาในอากาศ แล้วเขาก็หมุนกายออกไปจากห้องโดยไม่เหลียวหลัง

เซียงฉือนิ่งงันมองดูเหอเจี่ยนสุยหมุนกายจากไป นิสัยกร้าวแกร่งไม่ยอมก้มหัวของเขาบัดนี้เหมือนดั่งพยัคฆ์ที่ได้รับบาดเจ็บ ในที่สุดนางก็กลายเป็นคนที่ทำร้ายเขาอย่างลึกซึ้งที่สุด แต่ก็จนใจเพราะว่านางเป็นคนของหรงจิงไปแล้ว

ไม่ว่าร่างกายหรือหัวใจ ล้วนมีหรงจิงเพียงคนเดียวเท่านั้น

นางได้แต่เพียงเก็บความสำนึกเสียใจไว้ในส่วนที่อ่อนโยนที่สุดของใจ มองดูเขาจากไปจากที่ตรงนี้

อวิ๋นเซียงฉือนั่งลงบนตั่งนุ่มอย่างแรง น้ำตาหลั่งราวคันกั้นน้ำทลาย ความทรงจำในอดีตจู่โจมเข้าหานางอย่างไม่หยุดยั้ง ร่างกายนางเหนื่อยล้าหนักหน่วง นางพูดอะไรไม่ได้ เพราะนี่คือโทษทัณฑ์ที่นางจะต้องรับ

หงซีกูกูกลับเข้ามาจากข้างนอก เมื่อผลักประตูเข้ามาเห็นอวิ๋นเซียงฉือนั่งมองโคมไฟน้ำตาไหลพราก นางไม่ถามอื่นใดเพียงพูดว่า

“อวิ๋นผินเพคะ นี่ก็มืดแล้ว ทรงพักผ่อนเถิดเพคะ อ่านหนังสือในตอนมืดจะทำลายดวงตาได้นะเพคะ”

อวิ๋นเซียงฉือหลับตาผงกศีรษะอย่างว่าง่าย นางถูกหงซีกูกูประคองเดินเข้าห้องนอน พลางสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมบางเบาวนเวียนวนแถวปลายจมูก

เซียงฉือไม่ได้ใส่ใจอะไรแต่หงซีกูกูเห็นกำไลแตกอยู่เบื้องหน้าจึงพูดขึ้นว่า

“กำไลของอวิ๋นผินทำไมจึงแตกเสียแล้วล่ะเพคะ บ่าวเห็นอวิ๋นผินสวมใส่มานาน คิดว่าคงเป็นของที่มีความทรงจำ บ่าวหาช่างฝีมือดีๆ สักคนให้ทำเป็นกำไลหยกเลี่ยมทอง เพื่ออวิ๋นผินจะได้ไม่ต้องเศร้าพระทัยนะเพคะ”

เซียงฉือมองกำไลวงนั้นแล้วพยักหน้าพูดว่า

“หมัวหมัว กำไลแตกแล้วสามารถซ่อมแซมได้ แล้วถ้าเป็นหัวใจเล่า”

หงซีฟังแล้วประคองเซียงฉือเดินเข้าข้างในต่อไป

เมื่อไปถึงข้างเตียงประคองนางลงนั่งแล้วจึงพูดว่า

“อวิ๋นผินอย่าทรงเป็นเช่นนี้เลยเพคะ วันเวลาในวังยังอีกยาวนานจะทรงคิดเช่นนี้มิได้นะเพคะ มิเช่นนั้นจะไม่อาจผ่านวันเวลาไปได้ ฝ่าบาททรงทุ่มเทจิตใจเพื่ออวิ๋นผิน ทอดพระเนตรแท่นบรรทมอุ่นกับวิสูตรไหมนี่สิเพคะ มีสิ่งใดบ้างที่ไม่ใช่ความใส่พระทัยของฝ่าบาทเพคะ”

“แต่ในพระทัยฝ่าบาทเต็มไปด้วยเรื่องใหญ่ของประเทศชาติ ไม่ได้ทรงฝักใฝ่อยู่แต่เพียงความรักของหญิงชาย อวิ๋นผินอย่าได้ตรัสคำพูดบั่นทอนกำลังใจเช่นนี้เลยนะเพคะ”

เซียงฉือรู้ว่าหงซีคิดว่านางไม่สบายใจเพราะการจากไปของฝ่าบาท พอกำไลแตกหักจึงพลอยทำให้คำพูดเศร้าสลดไปด้วย เซียงฉือเพียงพยักหน้าน้อยๆ ไม่ต่อปากต่อคำ แล้วเอนกายลงพลิกไปมาบนเตียง

นางนอนไม่หลับจริงๆ

เซียงฉือไม่แปลกใจที่เหอเจี่ยนสุยมาหานาง แต่เขารู้ได้อย่างไรว่าฝ่าบาทไม่ได้อยู่ที่นี่ในตอนนี้ คิดว่าคงจะออกมาพร้อมกับทหารที่มาถ่ายทอดคำสั่งละมัง

จิตใจเซียงฉือสับสนวุ่นวาย หงซีอยู่ด้านนอกได้ยินนางกระสับกระส่ายจึงได้แต่ส่ายหน้า

เซียงฉือยังคงคิดอยู่นานจนไม่อาจหลับลงได้ หงซีกูกูจนปัญญา ท้ายที่สุดจึงจุดธูปหลับใหล นางจึงได้หลับไปอย่างช้าๆ

ตอนที่ 635 ประสบภัยระหว่างทาง

ตอนรุ่งสางเซียงฉือเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยหงซีกูกูก็ประคองนางออกจากตำหนักฉุนหวา เมื่อเดินถึงหน้าประตูนางหันหน้ากลับไปมองตำหนักอันโอฬารที่เบื้องหลัง

“ได้เวลาออกเดินทางแล้วเพคะอวิ๋นผิน”

เซียงฉือตื่นจากภวังค์ พยักหน้าแล้วก้าวขึ้นรถ ขบวนนั้นไม่จัดว่าใหญ่โตอะไร มีเพียงทหารรักษาพระองค์สิบสองนายนางกำนัลสี่คนกับขันทีอีกสี่คนเท่านั้น

เสียวสี่จื๊อกับหงซีกูกูนั่งอยู่ในรถ รถเคลื่อนที่ไปช้าๆ เซียงฉือได้ยินเสียงอึกทึกที่ด้านนอกจึงเลิกผ้าม่านในรถมองออกไป

“วันนี้วันอะไรหรือ ทำไมข้างนอกคึกคักนัก”

หงซีกูกูก็สงสัยจึงยื่นหน้าออกไปเพื่อจะสอบถามกับทหารรักษาพระองค์ที่ด้านนอก

แต่ชั่วขณะนั้นบังเกิดความผิดสังเกต

“ข้างนอกนี่ทำไมจึงมีผู้ลี้ภัยมากมายนัก เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

อวิ๋นเซียงฉือเลิกผ้าม่านในรถขึ้นแล้วมองออกไป ฝูงชนเป็นระลอกถือไม้เท้าเดินซวนเซมุ่งหน้าไปทางเมืองอวิ๋นหยาง

ดูจากการแต่งกายของพวกเขาแล้ว เป็นชาวบ้านที่ข้ามมาจากแถบจิ้งโจวและเจียงโจว

เซียงฉือรู้สึกประหลาดใจคิดจะลุกขึ้นแต่ตัวรถเกิดสั่นคลอนทำให้ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ต้องเร่งทรุดกายลง

เสียวสี่จื๊อประคองเซียงฉือไว้ หงซีกูกูยื่นศีรษะออกไปดูทันที มองเห็นข้างนอกชุลมุนวุ่นวายสับสนเป็นอย่างยิ่ง

คำถามที่ถามไปเมื่อครู่ไม่มีใครตอบได้ ทหารรักษาพระองค์ในชุดทหารสีเงินถูกกลืนเข้าไปในฝูงชนและหายสาบสูญไปสิ้นในระหว่างผลักดันกันไปมา หงซีตระหนกขึ้นมา นางรีบหดศีรษะกลับเข้าไป รถทั้งคันสั่นคลอนรุนแรงขึ้นอีก

“อวิ๋นผินเพคะ ดูเหมือนด้านนอกพวกชาวบ้านจะก่อจราจลแล้ว จะทำอย่างไรดีเพคะ” ใบหน้าหงซีกูกูย่นเข้ามาเป็นกอง ไม่รู้จะทำอย่างไร

รถทั้งคันโยกคลอนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ฝูงชนที่ก่อความวุ่นวายด้านนอกร้องตะโกนโหวกเหวก

เซียงฉือก็ขมวดหัวคิ้วแน่น

“ขอของกินให้ข้า ข้าต้องการอาหาร”

“เป็นเพราะพวกเจ้าทุจริตเอาเงินจากหยาดเหงื่อแรงงานของพวกเราไป เจ้าพวกหนูทั้งหลาย”

“บุกเข้าไปฆ่าคนในรถเลย ใช้เลือดพวกมันมาล้างหนี้เลือด”

“ยึดครองที่นา สวรรค์ต้องไม่ยกโทษให้”

เซียงฉือที่เพิ่งจะนั่งลงได้ตัวโยกโงนเงนไปตามรถ นางได้ยินเสียงตะโกนร้องที่ด้านนอกและพอจะจับใจความได้ ดูจากเสื้อผ้าพวกเขาแล้ว น่าจะเป็นราษฎรจากเจียงโจวกับชิงโจว

นางใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วจึงลุกขึ้น

“อวิ๋นผินเสด็จออกไปไม่ได้นะเพคะ พวกนั้นกำลังโกรธเกรี้ยว หากอวิ๋นผินทรงถูกทำร้าย บ่าวรับโทษทัณฑ์ไม่ไหวนะเพคะ”

เรื่องที่เซียงฉือคิดจะทำไม่อาจพ้นจากสายตาหงซีกูกูได้ นางดึงตัวเซียงฉือไว้ไม่ให้ออกไป

เซียงฉือผลักไสแล้วพูดว่า

“ตอนนี้ถึงข้าไม่ออกไปก็ต้องถูกฆ่าตายอยู่ในรถอยู่ดี มิสู้ออกไปยังอาจพอมีทางรอดบ้าง”

เซียงฉือมองดูพวกอัญมณีเครื่องประดับในรถแล้วเอื้อมมือไปหยิบเครื่องประดับ นางลุกขึ้นมุดออกด้านนอกทันทีแล้วนั่งชันเข่าอยู่ข้างหน้ารถ จับด้านข้างของรถไว้แล้วรีบโยนอัญมณีเครื่องประดับออกไปทันที

จากนั้นยื่นมือไปขอรับจากหงซีกูกูอีกแล้วก็โยนออกไปอีก

“สร้อยคอโมราสีแดงมีค่าควรเมือง ใครแย่งไปได้ก็เป็นของคนนั้น”

อวิ๋นเซียงฉือโยนออกไปได้ไม่ไกลนัก แล้วก็เห็นสายตาของคนมากมายในกลุ่มเบนออกไป

เซียงฉือเห็นพวกเขาแก่งแย่งกันก็รีบโยนถุงเงินในรถออกไปด้วยทันที

ฝูงชนเฮโลเข้าไปทันควัน ทหารรักษาพระองค์ที่แคล่วคล่องหลายคนช่วยกันนำนางกำนัลกับขันทีที่ได้รับบาดเจ็บเคลื่อนเข้ามาใกล้เซียงฉือ เซียงฉือพอสบช่องว่างจึงมองไปรอบด้าน

นางเห็นสายตาของคนหลายคนในกลุ่มมองมาที่นางถี่ๆ

พวกนั้นชี้มือชี้ไม้ เซียงฉือรู้เจตนาพวกมันทันทีเพียงแต่ขณะนั้นไม่ใช่เวลาที่จะคิดใคร่ครวญ รถม้าเป็นเป้าที่ใหญ่เกินไปนางจึงรีบกระโดดลงจากรถ

พวกก่อจลาจลเมื่อครู่ต้องถูกคนปลุกปั่นขึ้นมาอย่างแน่นอน มิฉะนั้นหากพบเห็นขบวนรถม้าขบวนใหญ่พร้อมด้วยขันทีจะต้องไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าโอบล้อมเช่นนี้เป็นแน่

อ่านตอนอื่นๆของ บุปผาเคียงบัลลังก์ คลิกเลย

แฟนเพจ