Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 611 เรื่องไร้สาระของตระกูลอวี่เหวินมีมากโข / ตอนที่ 612 แทงข้างหลังเขา

เรื่อง ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง - ตอนที่ 611 เรื่องไร้สาระของตระกูลอวี่เหวินมีมากโข / ตอนที่ 612 แทงข้างหลังเขา

ตอนที่ 611 เรื่องไร้สาระของตระกูลอวี่เหวินมีมากโข

เมื่อครั้งฮ่องเต้น้อยพระชนมพรรษาได้สิบพรรษาก็มีสนมของตัวเอง ไทเฮามอบหมายนางในสองคนมาสอนเรื่องรักใคร่ให้โดยเฉพาะ ราชตระกูลให้ความสำคัญเรื่องการสืบสันตติวงศ์ยิ่งนัก ดังนั้นตัวฮ่องเต้เองจึงไม่ได้ไร้เดียงสาในเรื่องชายหญิงเลย ปีนี้ฮ่องเต้มีพระชนมพรรษาสิบสองพรรษา อีกสองปีก็จัดงานอภิเษกแล้ว ว่ากันตามประเพณีคือพิธีอภิเษกฮองเฮา แต่ภายในทราบกันดีว่ามีการกำหนดตัวบุคคลไว้แล้วว่าจะเป็นใคร ก็แค่จัดให้เป็นพิธีไปอย่างนั้น เด็กสาวผู้นั้นเขาเองเคยพบเจอแล้วเมื่อครั้งฮ่องเต้พระองค์ก่อนจัดพิธีฉลองวันคล้ายวันประสูติในปีนั้น หน้าตาดูไม่เลว ตอนนี้ยังไม่โตเต็มที่ อีกหน่อยคงเติบโตงดงามเป็นแน่แท้

แต่ตั้งแต่ได้พบกับน่าอวี้ ฮ่องเต้น้อยก็ลืมไม่ลง ชายนิยมหญิง หญิงรักสวยรักงาม อย่างไรฮ่องเต้น้อยก็เป็นผู้ชาย เมื่อพบเจอหญิงงามจะติดตราตรึงใจก็มิใช่เรื่องแปลกอะไร น่าอวี้แม้ว่าจะอายุมากกว่านัก แต่หญิงอายุมากกว่าเช่นนี้และดูมีรสมีชาติยิ่งนัก อย่างไรตระกูลอวี่เหวินก็มีเรื่องประหลาดมากมายอยู่แล้ว เรื่องของเขาแค่นี้คงไม่ทำให้คนตกใจเพิ่มขึ้นหรอก

น่าอวี้นั้นมีเรื่องที่ฮ่องเต้อยากจะทราบ แต่นี่ก็มิใช่โอกาสที่ดีที่จะให้พวกเขารู้จักกันหรอกหรือ!

พั่งไห่มองออกว่าฮ่องเต้รู้สึกเช่นไร เมื่อครั้นอยู่ลับหลังก็เคยเอ่ยปากตักเตือนให้ระวังน่าอวี้ผู้นี้ ฮ่องเต้น้อยก็รับฟังแต่ไม่ใคร่ใส่พระทัยนัก ทั้งยังรั้งตำหนักไว้ให้นางเป็นพิเศษ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตำหนักหย่างซินเท่าใดนัก ฮ่องเต้อยากเสด็จมาก็สะดวกยิ่ง

น่าอวี้รับทุกสิ่งที่ฮ่องเต้พระราชทานไว้ให้อย่างเปิดเผย ฮ่องเต้แม้ไม่ได้ตกหลุมรักตั้งแต่ยามแรกพบ แต่อย่างน้อยก็ชื่นชอบนาง อย่างไรก็ดีฮ่องเต้นั้นก็ยังมีไทเฮา ฮ่องเต้แม้ว่าจะชื่นชอบแต่ก็ไม่สามารถอะไรกับนางได้ หรือแม้ว่าอยากจะทำอะไรกับนาง ก็มีแต่ใจทว่าไร้เรี่ยวแรง นางเองจึงรู้สึกมีที่พึ่งพิงไม่กลัวสิ่งใด

หมอหลวงที่ฮ่องเต้ส่งไปดูอาการของน่าอวี้เอ่ยกว่าร่างกายนางไม่สู้ดีนัก ด้วยวัณโรคนี้ใครเป็นก็ยากที่จะมีชีวิตรอดมาได้ อีกอย่างโรคนี้น่าอวี้เองก็เป็นมานาน รักษาให้ถึงรากนั้นคงเป็นไปไม่ได้ ทำได้เพียงกรอกยาประทังไปเรื่อยๆ มีชีวิตถึงเมื่อไรก็คือเมื่อนั้น

ฮ่องเต้น้อยมองหมอหลวงด้วยสายตาเย็นชา “แน่ใจนะว่ารักษานางไม่ได้ ไม่มีวิธีรักษาแม้แต่วิธีเดียวเลยหรือ”

หมอหลวงลอบปาดเหงื่อตัวสั่นเทิ้ม “โปรดประทานอภัยในความไร้ปัญญาของกระหม่อมด้วย แม่นางน่าอวี้ธาตุหยางอ่อนแอมากจนถึงที่สุด อาการกำเริบไม่หยุด สภาพจิตใจก็ย่ำแย่ ไร้ซึ่งภูมิคุ้มกัน ธาตุหลักของโรคเลยรักษาไม่ได้ อีกทั้งเวลาล่วงเลยมานานจนกลายเป็นร้ายแรง ภูเขาน้ำแข็งนั้นไม่ได้เกิดจากอากาศหนาวแค่วันเดียว หากจะรักษาให้ถึงรากถึงโคน…เกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้นั้นวางนิ้วมือไว้บนเข่า ทั้งยังเคาะเบาๆ อยู่สองสามที “ฟังที่เจ้าพูด ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าหมายความว่า เจ้ารักษาไม่ได้อย่างนั้นหรือ”

“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อม…กระหม่อมไร้ความสามารถ ไร้ความสามารถจริงๆ …”

ฮ่องเต้เรียกให้เขายืนขึ้นพลางเอ่ย “ข้าจำได้ว่าอดีตเจ้าสำนักหมอหลวงอิ๋งฉางมิได้มีตำราลับไว้หรอกหรือ โรคที่หมอไร้ฝีมือใดรักษาไม่ได้เขาล้วนรักษาได้ทั้งสิ้นไม่ใช่หรือ บัดนี้เขาสิ้นแล้วแต่ลูกชายเขายังอยู่นี่ ฝีมือคงพอทำเนากระมัง”

หมอหลวงฟังแล้วก็ไม่กล้าโต้เถียง ได้แต่ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อ ตอบตามน้ำรับคำไป

ฮ่องเต้รับคำในลำคอ “ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปได้ ไปหากรมวังรับโบยห้าสิบที หากยังมีชีวิตรอดกลับมาก็ถือว่าเป็นความเมตตาที่ข้ามอบให้เสียแล้วกัน”

หมอหลวงไม่กล้าโต้ตอบ เขาแก่ปูนนี้ หากรับโบยห้าสิบไม้จริงถึงไม่ตายก็ใกล้เคียง ในใจถึงจะไม่พอใจแต่ต่อหน้าพระพักตร์เขาก็ไม่กล้าโต้ตอบอะไร และก็ไม่กล้าโอดครวญอะไร ประเดี๋ยวยัดเงินให้พวกขันทีซื้อความสะดวกเสียหน่อยก็น่าจะพอไหว

พอหมอหลวงจากไป ฮ่องเต้ก็เรียกหลี่เต๋อจิ่งเข้ามา มอบหมายให้เขาไปตามหาตัวอิ๋งโจว หากพบตัวแล้วให้ลอบพาตัวเข้าวังมาห้ามให้คนอื่นรู้

ตอนที่ 612 แทงข้างหลังเขา

คราที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนใกล้สิ้น พั่งไห่ทูลแนะนำว่าให้นำอิ๋งโจวกลับมารักษาพระองค์ ทว่าฮ่องเต้ไม่ทรงเห็นด้วย ครานี้เพื่อสตรีแค่นางเดียวเขาก็ตกลงแล้ว อิ๋วโจวนั้นมีความแค้นเต็มอกกับฮ่องเต้พระองค์ก่อน ไหนเลยจะรู้ว่าในใจเขาไม่มีความเกลียดชังหรือไม่ เขาทำเยี่ยงนี้ หากถูกเปิดโปงออกไปให้คนอื่นทราบ ต้องมีข่าวลือเลื่อนเปื้อนรอเขาอยู่เป็นแน่ ตระกูลอวี่เหวินที่เป็นฮ่องเต้นี้ แต่ละรุ่นช่างไร้ความน่าเชื่อถือสิ้นดี

พั่งไห่ไม่ทราบความเรื่องฮ่องเต้ให้นำอิ๋งโจวมารักษาอาการน่าอวี้ น่าอวี้ก็ไม่รู้ความ แค่แปลกใจว่าฮ่องเต้ให้นางอยู่ในวังนานเพียงนี้เหตุใดจึงไม่ถามนางเกี่ยวกับเรื่องของเฝิงเยี่ยไป๋เลยเล่า นางพบฮ่องเต้สองครั้งแล้ว ทุกคราฮ่องเต้ล้วนไม่เอ่ยความอันใดกับนาง เพียงแค่มองนางเท่านั้น มองสักประเดี๋ยวก็ไป ไม่ตรัสและก็ไม่ถาม

จนผ่านมาหลายวัน ในใจของน่าอวี้เริ่มลั่นกลองเสียงดัง ฮ่องเต้น้อยผู้นี้แม้อายุไม่มาก แต่การบ้านการเมืองกลับไม่เบา หากอยู่อย่างนี้ต่อไปนางเองก็คาดเดาท่าทีไม่ถูก นี่มันเรื่องอะไรกันเล่า จงใจขัดเกลานิสัยนางรึ หรือว่ากำลังทดสอบอะไรนางอยู่

น่าอวี้นั้นในใจคิดถึงเพียงน่ายงและอวี้เอ๋อร์ ในใจร้อนรนจนยากจะสงบได้ ก็อดทนมาหลายวัน อดใจไม่ได้จึงถามฮ่องเต้ว่าเหตุใดนำตัวนางเข้าวังมาแต่กลับไม่ถามอะไรเลย ยื้อเวลาอยู่อย่างนี้ นางยังเป็นคนอยู่แต่ความอดทนกลับถูกขัดเกลาจนสิ้นแล้ว

ฮ่องเต้น้อยมองนางเสียสองที ให้นางกลับไปนอนพักเสีย เรื่องของเฝิงเยี่ยไป๋นั้นเขาก็อยากรู้อยู่ หากแต่เรื่องที่ว่าทำไมเขาไม่ฆ่าน่าอวี้ก็ชวนให้คนรู้สึกเหลือเชื่ออยู่มาก ตอนนี้ไม่ซักถามก็คือไม่เชื่อใจนาง ถือโอกาสรอกระทั่งความสามารถของหมออิ๋งโจวก็ถือว่าได้ขัดเกลาความอดทนนางเสียหน่อย ไม่ฆ่านางแล้วยังส่งนางออกไป หากบอกว่าเขามีความเมตตา นั่นก็เชื่อไม่ได้จริงๆ

ก็ยังคงเป็นคำถามก่อนหน้า ฮ่องเต้ถามอีกครั้ง “ทำไมเฝิงเยี่ยไป๋ไม่ฆ่าเจ้าเสีย แล้วทำไมยังปล่อยตัวเจ้าไปอีก”

น่าอวี้นั่งอยู่ ดูตัวเล็กกว่าฮ่องเต้ไปกว่าครึ่งตัว ไม่ตอบคำถามแต่กลับย้อนถามไป “หม่อมฉันพูดไปแล้วพระองค์จะเชื่อหรือ อย่าบอกว่าพระองค์ไม่เชื่อ แม้แต่ตัวหม่อมฉันเองก็ไม่เชื่อว่าเขาจะปล่อยหม่อมฉันไป”

ฮ่องเต้ทรงนั่งลงเคียงไหล่นาง “เจ้าไม่พูดข้าก็ต้องไม่เชื่อแน่ หากเจ้าพูดแล้ว เชื่อหรือไม่ ข้าจะพิจารณาเอง”

“เฝิงเยี่ยไป๋ก็ไม่ได้จะปล่อยตัวหม่อมฉัน แต่ภรรยาเขาปล่อย ข้าเองก็มีความสัมพันธ์กับเว่ยเฉินยางอยู่ชั่วคราหนึ่ง สตรีผู้นี้เปี่ยมด้วยความเมตตา เฝิงเยี่ยไป๋ยอมปล่อยข้า ก็เป็นเพราะนางคอยประนีประนอมอยู่ตรงกลาง ไม่ว่าพระองค์จะเชื่อหรือไม่ เรื่องจริงก็เป็นเช่นนนี้ ต่อให้เหลือเชื่อเพียงใดแต่ก็เป็นเรื่องจริง”

ได้ยินมานานแล้วว่าเฝิงเยี่ยไป๋รักภรรยาของตนเป็นอย่างมาก แม้ว่าภรรยานั้นจะไม่ได้งดงามจนสามารถล่มบ้านล่มเมืองได้ และก็หาได้มีความสามารถจนเปี่ยมล้น แต่กลับเป็นคนเดียวในใจ แต่ก่อนเข้าใจว่าเป็นการพูดจาเกินจริงเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเรื่องจริง

“อย่างนั้นเฝิงเยี่ยไป๋รู้ตัวตนเจ้าได้อย่างไร”

มือขาวผ่องนั้นอยู่ตรงหน้านี้ ใกล้เพียงแค่เอื้อม ทรงขยับปลายนิ้วเคาะไปที่หน้าขาของตน คำถามออกจะเกินไปเสียหน่อย พระองค์เองก็ฟังแบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย

น่าอวี้เอ่ยจบแล้ว หันศีรษะมองพระองค์ “ฝ่าบาททรงฟังอยู่หรือไม่เพคะ”

ฮ่องเต้ได้สติกลับมา รีบกระแอมไอพลางส่ายศีรษะไปมา “ในเมื่อเจ้าอยู่ข้างกายเฝิงเยี่ยไป๋มานานเพียงนี้ อย่างนั้นคงรู้เรื่องเขาไม่น้อย ข้าขอถามว่า เขาสมคบคิดกับซู่อ๋องหรือไม่”

เรื่องที่อวี่เหวินลู่มาที่จวนอ๋องนั้นน่าอวี้ทราบ ในเมื่ออวี่เหวินลู่เป็นลูกชายของซู่อ๋อง อย่างนั้นที่เขามาก็ต้องรับบัญชามา หากพูดว่าสองคนนี้ไม่มีการสมคบคิดนั่นก็เป็นไปไม่ได้ แต่หากเอ่ยไปว่ามี ตอนนี้เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง นั่นไม่เท่ากับว่าแทงข้างหลังเขาหรือ

อ่านตอนอื่นๆของ ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง คลิกเลย

แฟนเพจ