ตอนที่ 623 รวบหัวรวบหาง 1
แม้จะแตกต่างจากที่หานเซี่ยวคิดหานเซี่ยวก็ได้รับข้อมูลจากการสนทนาของพวกมัน
อสูรใต้ดินมีความสามารถติดอย่างมีเหตุผลแต่ความสามารถการรับรู้และแยกแยะยังไม่พัฒนาดี
หลังรู้ว่าเฟย์ดินสามารถสื่อสารกับพวกมันได้หานเซี่ยวก็ยุติการเชื่อมต่อ
“เราสามารถสื่อสารกับพวกมันได้ผ่านศิลาพยากรณ์หากเราใช้เหมือง เราควรสื่อสารกับพวกมันได้ทั้งรัง”เฟย์ดินกล่าว
“งั้นก็ไปกัน”
หานเซี่ยวพยักหน้า
…
มีกลิ่นเลือดคละคลุ้มรัง2คราบเลือดกระจายอยู่ทั่ว
ใบหน้าของผู้เล่นหลายคนขาวซีดเพราะฉากตรงหน้าพวกเขาแม้จะสำเร็จภารกิจบ้าง ผู้เล่นก็ไม่มีความสุขเลย หลายคนอดเปิดตัวกรองสีไม่ได้
มีเพียงนักรบของซันนิลที่เฉยชาพวกเขาชินกับภาพแบบนี้แล้วและไม่แยแสเลย นอกจากนี้ พวกเขาก็เสียทหารบางส่วนไปกับการต่อสู้ก่อนหน้าและเกราะพวกเขาก็เต็มไปด้วยรอยแตก
เฮอลัสนำทำหน้าบุกและทำลายทั้งรังเขาฆ่าอสูรใต้ดินไปนับล้าน และพวกที่เหลือก็หนีไปด้วยความกลัว เอาศิลาพยากรณ์ส่วนน้อยไปด้วย
กองทัพโลจิสติกส์เริ่มขุดเหมืงศิลาและกองทัพหลักก็จัดทัพใหม่พวกเขาใช้ปืนไพ่ไฟเพื่อเผาศพของอสูรใต้ดิน
เฮอลัสนำดาบผ่ายานรบเขาขึ้นมาและยืนรอข้างๆก่อนหน้านี้ เขาเป็นปลายหอกและเหมือนเครื่องบดเนื้อ ฆ่าอสูรใต้ดินไปนับหมื่นเพียงลำพัง พลังเขาห่างไกลจากหานเซี่ยวและก็ต้องใช้พลังไปเยอะกับการต่อสู้
หลังจากนั้นไม่นานทหารก็วิ่งมาและแสดงความยินดี
“การขุดสำเร็จแล้วครับผู้บัญชาการ”
“กลับไปค่ายชั่วคราวและเติมกระสุน”
แม้อสูรใต้ดินจะไม่แข็งแกร่งจำนวนพวกมันก็น่ากลัว การกวาดรังหนึ่งผลาญกระสุนพวกเขาไป60%และผู้เล่นเกือบทุกคนก็บาดเจ็บ
หากพวกเขายังโจมตีรังต่อจำนวนผู้เสียชีวิตย่อมเพิ่ม ดังนั้น เฮอลัสจึงตัดสินใจกลับไปพักก่อน
ทหารเดินทางกลับค่ายชั่วคราวและเฮอลัสก็เห็นคนสองคนในค่ายมันคือหานเซี่ยวและเฟย์ดิน
“ทำไมนายสองคนถึงมาที่นี่?”เฮอลัสต้อนรับด้วยใบหน้าสงสัย
หานเซี่ยวไม่ตอบและมองกองทหาร”เป็นยังไงบ้าง?”
“มีคนตายน้อยมากแต่..”เฮอลัสขมวดคิ้ว”นี่แค่การต่อสู้แรก และมีรังมากมายรอบดาว จำนวนผู้เสียชีวิตไม่เหมาะ การตายของชาวซันนิลร้ายแรงไป และเราก็ทำได้แค่พึ่งพาทหารรับจ้างเรา”
เครื่องตรวจจับเหมืองที่เรย์โนลพัฒนาใช้ได้แล้วและหานเซี่ยวก็ติดตั้งยานอวกาศหลายลำให้สแกนทั่วดาวในเวลาไม่กี่วัน พวกเขาก็พบเหมืองใต้ดินนับสิบทั่วดาว
รังบางแห่งใหญ่บางแห่งเล็ก อันใหญ่สุดมีอสูรใต้ดินหลายร้อยล้าน อันเล็กสุดก็มีนับล้าน จำนวนพวกมันมีมากนับพันล้าน
วินาทีที่เขานึกถึงจำนวนศัตรูเฮอลัสก็ท้อใจ
นอกจากนี้ตำแหน่งของรังอื่นยังแตกต่าง และอุโมงค์ใต้ดินใหม่ก็ต้องถูกสร้างขึ้นหลายๆตำแหน่ง โดยปราศจากกองทัพแบล็คสตาร์ มันไม่มีอะไรมากกว่าฝันที่ซันนิลจะกวาดล้างพวกกลายพันธ์ได้ มีเพียงกองทัพแบล็คสตาร์ถึงทำได้
หานเซี่ยวรู้ว่าเฮอลัสคิดอะไรและสรุปแผนอพยพ”ฉันมาที่นี่เพื่อสื่อสารกับพวกมันหากฉันสามารถโน้มน้าวส่วนหนึ่งให้ยอมจำนนและให้พวกมันโน้มน้าวเผ่าอื่น เราจะสามารถลดจำนวนศัตรูได้มาก”
ดวงตาเฮอลัสสว่างขึ้นเขายินดีทำเช่นนั้นอยู่แล้วหากมันลดจำนวนผู้สูญเสียได้”เราจะต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ไหม?”
“ไม่โจมตีต่อไป แต่ไม่ต้องไล่พวกที่หลบหนี ฉันอยากปลูกเมล็ดแห่งความกลัวไว้ในใจพวกมัน มันจะทำให้ชักชวนง่ายขึ้น”หานเซี่ยวกล่าว
เทียบกับการฆ่านี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพกว่า
จำนวนผู้เสียชีวิตในเผ่านี้สูงมากและเมื่อพบหานเซี่ยวกับเฟย์ดิน การต่อสู้ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่ทว่า พวกมันไม่อาจคุกคามหานเซี่ยวได้เลย
หานเซี่ยวอัญเชิญกองทัพจักรกลเขาและฆ่าไปทางศิลาพยากรณ์ที่พวกกลายพันธ์กำลังขนย้ายจากนั้นพวกเขาก็แทรกซึมเข้าเครือข่ายจิตของพวกมัน
วินาทีต่อมาการโจมตีทั้งหมดของพวกมันก็หยุดชะงัก หากพวกมันแสดงสีหน้าได้ พวกมันย่อมดูสับสน
ในความรู้พวกมันมีเพียงพวกมันถึงสามารถเชื่อมต่อกันได้ แต่หานเซี่ยวเพิ่งฆ่าพวกมันและเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สายพันธ์เดียวกับพวกมัน สถานการณ์นี้จึงทำให้อสูรกลายพันธ์ใต้ดินสับสน
“นายเป็นใคร?”
ในเครือข่ายจิตพวกกลายพันธ์หลายตัวตกใจ
“ฉันคือแบล็คสตาร์ฑูตจากกาแล็กซี่..”จากนั้นหานเซี่ยวก็สรุปว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
เขาโยนความผิดในการสังหารหมู่ให้ชาวซันนิลและหานเซี่ยวก็อธิบายราวกับชาวซันนิลเป็นปีศาจจากนั้นก็อธิบายว่าตัวเขาคือคนที่เต็มใจช่วยเผ่าพันธ์พวกมันและเป็นฑูตที่กำลังโน้มน้าวชาวซันนิลให้หยุดฆ่าล้าง จากนั้นก็สัญญาว่าเขาจะหยุดการฆ่าโดยยมีเงื่อนไขว่าพวกมันต้องจำนนและย้ายออกดาวนี้ไป
เพื่อให้พวกกลายพันธ์เข้าใจหานเซี่ยวจึงสอนความรู้พื้นฐานของจักรวาลและผลประโยชน์ที่พวกมันจะได้รับ
ประสิทธิภาพการเชื่อมต่อทางจิตสูงมากและทั่วเผ่าก็ตกอยู่ในห้วงความคิดมันราวกับพวกมันเพิ่งฟังการเทศนาหนังสือแห่งสวรรค์
สำหรับชาวกาแล็กซี่สิ่งที่หานเซี่ยวเพิ่งพูดแค่เรื่องสามัญ แต่มันกลับเปลี่ยนมุมมองที่พวกกลายพันธ์มีต่อโลก ในสายตาพวกมัน โลกใต้ดินคือโลกทั้งใบ และดาวกับกาแล็กซี่เป็นแนวคิดใหม่
อสูรใต้ดินมองผู้ที่มาจากพื้นด้านบนเป็นศัตณูและชาวซันนิลก็ปฏิบัติต่อพวกมันเหมือนกัน
อสูรใต้ดินที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าเผ่าริเริ่มสื่อสารกับหานเซี่ยว
“เรายินดียอมจำนนโปรดอย่าทำร้ายเราอีกเลย”
อสูรใต้ดินเกือบทุกตนคุกเข่าลงกับพื้นและแสดงเจตนายอมจำนน
หัวหน้าเผ่าปฏิบัติต่อหานเซี่ยวอย่างเคารพคำพูดที่ออกจากปากหานเซี่ยวเหนือกว่าขอบเขตความรู้เขาและทำให้เขาตกใจ เพราะสติปัญญาที่ยังไม่พัฒนา พวกมันจึงถือว่าหานเซี่ยวเป็นเทพและเริ่มบูชา
กระบวนการโน้มน้าวง่ายกว่าที่เขาคิด
แต่เมื่อนึกย้อนมันก็ไม่น่าแปลกใจ สติปัญญาของพวกมันไม่แตกต่างจากเด็ก พวกมันไม่เข้าใจความรู้สึกซับซ้อนเช่นเกียรติยศหรือความอัปยศ และมุมมองความเกลียดชังพวกมันก็พื้นฐานมาก
อสูรใต้ดินไม่ได้เติบโตจากธรรมชาติอันโหเร้ายอสูรจะกลัวที่จะเผยการยอมจำนน เผ่านี้ถูกฆ่าล้างโดยเฮอลัสจนหวาดกลัว
อสูรใต้ดินไม่ได้มีความเป็นนักล่าและพวกมันก็สามารถกินหินได้โดยไม่ต้องสู้กัน ดังนั้น พวกมันจึงใช้ชีวิตอย่างสงบและแทบไม่ได้สู้ อย่างมาก พวกมันก็แค่มีความขัดแย้งเล็กๆกับเผ่าอื่น เช่นนั้น สายพันธ์พวกมันจึงเรียบง่ายมาก
ข้อเสียอย่างเดียวคือพวกมันน่าเกลียดเกินไปมันอาจเพราะโลกใต้ดินมืดมากและไม่มีใครสามารถเห็นหน้าตามันได้ ดังนั้น พวกมันจึงโตตามใจชอบ
ด้วยความสามารถสื่อสารหานเซี่ยวจึงเข้าใจโครงสร้างอารยธรรมพวกมันได้ หลังชุดคำถาม หานเซี่ยวก็เข้าใจพวกมัน
อสูรใต้ดินรู้ว่ามีรังอื่นใกล้พวกมันและพวกมันก็สู้กันเพื่อแย่งศิลาพยากรณ์เป็นครั้งคราวโครงสร้างสังคมพวกมันเป็นแบบมนุษยืถ้ำและทุกเผ่าก็มีผู้นำเผ่า แถมการพัฒนาของทุกเผ่าก็แตกต่าง มีพวกที่ทรงสติปัญญาและพวกโง่ วัฒนธรรมพวกมันเริ่มผลิดอก
หากพวกมันพัฒนาตามเส้นทางเดิมอสูรใต้ดินอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าเผ่าต่างๆจะรวมกันเป็นอารยธรรมที่มีสติปัญญาและเริ่มสร้างอาณาจักร ด้วยการแทรกแซงของเขา ความเร็วการพัฒนาจะย่นไปเป็นพันปี
“แล้วเราต้องทำยังไงขอรับ?”หัวหน้าเผ่าถามอย่างเชื่อฟัง
หานเซี่ยวคิดสักพัก”โน้มน้าวเผ่าในภูมิภาคนี้และเผยแพร่เจตนาฉันจากนี้ไป นายจะเป็นฑูตของฉัน และหากนายทำภารกิจฉันเสร็จ ก็ไปถ้ำใกล้ๆเพื่อหาแขกจากพื้นผิว พวกเขาจะไม่ทำร้ายนาย”
“ว้าวยอดไปเลย!”
“พวกเขาจะไม่โจมตีเราอีก!”
ทั้งเผ่าส่งเสียงร้องยินดี
หลังให้คำแนะนำหานเซี่ยวก็เตรียมออกไป จากนั้นก็ตระหนักบางสิ่งและถามหัวหน้าเผ่า”ใช่แล้ว นายชื่ออะไร?”
‘ชื่อคืออะไร?”หัวหน้าเผ่าถามอย่างสับสน
หานเซี่ยวอดอธิบายไม่ได้”มันเป็นวิธีเรียกนายเพื่อให้คนอื่นรู้ว่านี่คือนายตัวอย่างเช่น ฉันคือแบล็คสตาร์ และแบล็คสตาร์ก็คือฉัน..”
หัวหน้าเผ่าพยักหน้าดูราวกับเข้าใจ
“เห้อเอาละ ฉันควรตั้งชื่อให้นาย..”จากนั้นหานเซี่ยวก็มองเฟย์ดินข้างๆและมีความคิด”ในเมื่อนายหน้าตาดี นายก็ควรชื่อเฉินซิ่ง”
พลังงานจิตของเฟย์ดินเริ่มผันผวนและเฉินซิ่งที่อยู่ข้างในเขาก็คำราม”ฉันจะฆ่าแก!แกได้ยินฉันไหม?!ฉันจะฆ่าแกแน่!”
อสูรใต้ดินที่น่าเกลียดกลับใช้ชื่อเดียวกับเธอมันเป็นสิ่งที่เฉินซิ่งไม่มีทางยอมรับ
เฟย์ดินกล่าว”แบล็คสตาร์อย่าแกล้งเธอมากสิ”
“จิ๊จิ๊พวกนายสองคนมีร่างเดียวกัน นายก็เลยปกป้องเธอสินะ”หานเซี่ยวเดาะลิ้น”เอาละ ลืมสิ่งที่ฉันเพิ่งกล่าวไป นายจะชื่อต้นกำเนิด”
ไม่ควรมีใครกระโดดออกจากหลุมศพเพื่อคัดค้านเขานะ
“ต้นกำเนิด..”’หัวหน้าเผ่าพึมพำก่อนร้องด้วยความยินดี”ฉันมีชื่อ!”
“สำหรับเผ่านาย..”หานเซี่ยวลูบคาง”ก็เรียกว่าเผ่าต้นกำเนิดละกัน”
เดี๋ยว..หมายความว่าเจ้าหมอนี่คือผู้นำต้นกำเนิด?
เมื่อเห็นหัวหน้าเผ่ายินดีหานเซี่ยวก็มีสีหน้าแปลกๆ