ตอนที่ 1449 เกณฑ์คนมาช่วย
“เอ่อ…”ดวงตาคู่นั้นของกู่หลิงโซ่วจู่เบิกกว้าง อ้าปากจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก ถูกฆ่าตายในลักษณะเช่นนี้ กระทั่งตัวตายเขายังไม่ทันได้เห็นหน้าตาของคนที่สังหารเขา
ทันใดนั้น ซือหม่ายวี่เจี้ยนปรากฎตัวออกมา ตวัดกระบี่ทีหนึ่งจัดการตัดเอาศีรษะของกู่หลิงโซว่จู่ออกมา
ย่อมไม่ต้องสงสัย เป้าหมายสังหารของซือหม่ายวี่เจี้ยนก็คือกู่หลิงโซ่วจู่นั่นเอง ก่อนหน้านั้นนางเข้าไปลอบสังหารกู่หลิงโซ่วจู่ที่เทพเจ้าโบราณทะเลลึกและจบลงด้วยความล้มเหลว แต่ทว่า มาครั้งนี้ กู่หลิงโซ่วจู่กลับหนีจากการลอบฆ่าของซือหม่ายวี่เจี้ยนไปไม่ได้
“ผู้เยาว์ รนหาที่ตาย! ” เจียวเสินจวู๋ที่แปลงร่างเป็นต้นไผ่ยักษ์ที่สูงเทียมฟ้าคำรามเสียงดังออกมา การที่กู่หลิงโซ่วจู่ถูกสังหารต่อหน้าต่อตาของเขา กล่าวสำหรับเขาแล้วมันคือความอัปยศอย่างหนึ่ง
ภายใต้การร้องด้วยเสียงอันดังของเจียวเสินจวู๋ กรงเล็บมังกรเจียวหลงขนาดยักษ์พลันยื่นเข้าไปคว้าตัวซือหม่ายวี่เจี้ยน กรงเล็บมังกรนี้มีขนาดที่ใหญ่โตมาก กรงเล็บทั้งห้าเปรียบเหมือนยอดเขาที่แหลมคมทั้งห้า ท่ามกลางการยื่นเข้ามาคว้าตัวของกรงเล็บมังกร ผืนแผ่นดินก็คล้ายดั่งเป็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกฉีกขาด
“ปัง…” กรงเล็บมังกรยังไม่ทันได้คว้าตัวซือหม่ายวี่เจี้ยนก็ถูกหมัดๆ หนึ่งที่มีความรวดเร็วมากกระแทกเข้าใส่ ภายใต้หนึ่งหมัดก็สามารถทำให้มันต้องล่าถอยกลับไปอย่างง่ายดาย
“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า” หลังจากที่หลี่ชิเย่อาศัยเพียงหมัดเดียวก็ทำให้เจียวเสินจวู๋ล่าถอยกลับไปแล้ว
หลี่ชิเย่ ใครๆ ก็ว่าเจ้ามีความแข็งแกร่งมาก วันนี้ ข้านี่แหละอยากจะดูว่าเจ้าจะแข็งแกร่งสักแค่ไหนเชียว! ” เจียวเสินจวู๋ร้องเสียงดังออกมา “ตูม” เสียงดังสนั่นในทันที ในเวลานี้ มังกรเจียวหลงที่พันอยู่กับต้นไผ่ยักษ์ได้หายไป
“ตูม ตูม ตูม…” นาทีนี้ ต้นไผ่ยักษ์กลับกลายเป็นมีขนาดใหญ่โตมากยิ่งขึ้นไปอีก ใหญ่โตเพิ่มมากขึ้นๆ กระทั่งปกคลุมเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เอาไว้
ผู้คนจำนวนมากถึงกับเสียวสันหลังวาบบเมื่อมองเห็นไผ่ยักษ์ในลักษณะนี้ที่ปกคลุมปิดบังท้องฟ้าเอาไว้ เนื่องจากไผ่ยักษ์ต้นนี้ได้แผ่กลิ่นอายมังกรที่พลุ่งพล่านออกมา โดยที่กลิ่นอายมังกรเช่นนี้ได้ปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน เหมือนว่ามังกรยักษ์ตัวนี้กำลังจะฟื้นคืนชีพอย่างนั้น
เวลานี้ ต้นไผ่ยักษ์บนท้องฟ้าก็คล้ายดั่งเป็นมังกรยักษ์ตัวหนึ่ง เจียวเสินจวู๋ได้นำเอาสายเลือดของตนหลอมรวมเข้ากับตัวตนที่แท้จริง ทำให้ปะทุเป็นพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมขึ้นมา
“ผู้เยาว์ เอาชีวิตเจ้ามา” กรงเล็บมังกรขนาดใหญ่มากพุ่งลงมาจากบนท้องฟ้า โดยที่กรงเล็บมังกรลักษณะเช่นนี้ถึงกลับงอกออกมาจากส่วนบนของต้นไผ่ยักษ์ อีกทั้งขณะที่กรงเล็บมังกรนี้ยื่นคว้าตัวลงมานั้น พื้นดินยังต้องสั่นสะเทือนหวั่นไหว ทั่วทั้งเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ถึงกับมืดมิด ภายใต้กรงเล็บมังกรนี้ เมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์กลับกลายเป็นเล็กจิ๋ว เหมือนว่ากรงเล็บมังกรข้างหนึ่งที่ยื่นลงมานั้นสามารถทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างแหลกลาญกลายเป็นเถ้าธุลีไป
“โอ้แม่เจ้า นี้คิดจะทำลายเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นรึ? ” สิ่งนี้ได้ทำให้ผู้คนจำนวนมากตื่นตระหนกจนวิญญาณแทบออกจากร่าง ยิ่งผู้บำเพ็ญตนที่ใจเสาะด้วยแล้ว เรียกว่าทั้งกลิ้งทั้งคลานเร่งเรีบพาตัวเองหลบออกไปจากเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
“ตูม” เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่กรงเล็บมังกรบดขยี้ลงมานั้น หมัดขวาของหลี่ชิเย่สั่นสะเทือนนิดหนึ่ง ฉับพลันนั้นปรากฏเปลวไฟที่รุนแรงพุ่งขึ้นมา หนึ่งหมัดได้โจมตีสวนออกไป
“ตูม ตูม ตูม…………” ภายใต้หมัดหนึ่งหมัดนี้ ฟ้าดินสะเทือนหวั่นไหว ทั้งทั้งเสินจื่อโจวพลันสลดลง ขณะที่หนึ่งหมัดของหลี่ชิเย่ที่โจมตีออกไป ปรากฏเป็นดวงตะวันหมี่นดวงที่ค่อยๆ ลอยขึ้น แสงจากดวงตะวันหมื่นดวงสาดส่องจนดวงตะวันที่อยู่บนท้องฟ้าของเสินจื่อโจวสลดและอับแสง
หมัดสุริยัน หมัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ สองหมัดพลันรวมเป็นหนึ่ง หมัดสุริยันนั้นมีความเป็นอันธพาลและถืออำนาจบาตรใหญ่อยู่แล้ว ภายใต้หนึ่งหมัดของหลี่ชิเย่ประกอบด้วยดวงตะวันหลายสิบดวง กระทั่งมีเป็นร้อยดวง
แต่ว่า หมัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์กลับป้อนพลัง ลมปราณที่ปราศจากสิ้นสุดให้กับหมัดสุริยัน ทันใดนั้นได้ทำให้หมัดสุริยันได้วิวัฒนาการดวงตะวันขึ้นมาเพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้น เพียงชั่วพริบตาเดียว ดวงตะวันหมื่นดวงได้ออกไปพร้อมๆ กับการโจมตีของหมัดนี้
ดวงตะวันหมื่นดวงรวมอยู่ในหมัดๆ เดียว ย่อมสามารถจินตนาการถึงอานุภาพของมันได้ “ตูม ตูม ตุม…………” ท่ามกลางเสียงดังตูมตามเป็นระลอก ได้ยินเสียงดัง “ปัง” กรงเล็บมังกรที่ใหญ่โตพลันลุกไหม้กลายเป็นเถ้าธุลีไป จากนั้น “ตูม” ต้นไผ่ยักษ์พลันลุกไหม้ขึ้นมา ภายใต้หมัดสุริยันหมัดนี้ ต้นไผ่ยักษ์ไม่สามารถดับไฟในลักษณะเช่นนี้ได้
“เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ……….” ลองนึกภาพดู ลำต้นที่ใหญ่โตมโหฬารของต้นไผ่เกิดการลุกไหม้ขึ้นมาภายใต้ดวงตะวันหมื่นดวง ช่างเป็นภาพที่ดูอลังการเช่นใด ฉับพลันนั้น ร่างของเจียวเสินจวู๋ได้ถูกไฟเผาผลาญอย่างรุนแรง
เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น เจียวเสินจวู๋ก็มีลักษณะคล้ายกับภูเขาไฟลูกหนึ่งที่ปะทุขึ้นมาอย่างนั้น ร่างทั้งร่างของมันถูกไฟลุกไหม้เผาผลาญอย่างรุนแรง โดยที่เปลวไฟนั้นพุ่งขึ้นไปสูงมากมุ่งตรงไปยังเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน แสงสว่างจากเปลวไฟส่องสว่างทั่วทั้งเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ สร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนเป็นอันมาก
“อ๊ากก…………” ภายใต้การเผาไหม้ของเปลวไฟที่ร้อนแรง เจียวเสินจวู๋ถึงกับร้องเสียงน่าเวทนาออกมา เวลานี้แม้ว่าเขาจะพ่นน้ำออกมามากมาย แต่กลับไม่สามารถดับไฟที่ลุกไหม้บนตัวของตนได้
มองดูร่างของเจียวเสินจวู๋ที่เหมือนภูเขาไฟลูกหนึ่ง มีโอกาสถูกเผาไหม้จนตายได้ทุกเมื่อ ทำให้หลายคนมองดูด้วยความรู้สึกขนลุกขนพอง
“ตูม……….” เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทันใดนั้นเอง เจียวเสินจวู๋ที่ไม่สามารถทนต่อไปได้อีก ได้อ้าปากคายยันต์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาแผ่นหนึ่ง เมื่อยันต์ศักดิ์สิทธิ์แผ่นนี้ถูกคายออกมา พลันปรากฎเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ประพรมลงมา
“จี๊ด จี๊ด จี๊ด” ทันใดนั้นเอง ไฟที่ลุกไหม้บนตัวของเจียวเสินจวู๋ดับลง ขณะที่เจียวเสินจวู๋ได้แปลงร่างกลับมาเหมือนเดิม เพียงแต่ ร่างของเขาในเวลานี้ดำเมี่ยมไปทั้งตัว คล้ายเป็นถ่านไม้แท่งหนึ่งอย่างใดอย่างนั้น
ในเวลานี้ เหนือศีรษะของเจียวเสินจวู๋ปรากฏยันต์ศักดิ์สิทธิ์แผ่นหนึ่งลอยล่องอยู่บนนั้น ยันต์ศักดิ์สิทธิ์แผ่นนี้ลี้ลับพิสดารยิ่ง เวลานี้ ไม่มีใครสามารถมองเห็นความได้อย่างชัดเจนว่ามันมีความลี้ลับพิสดารตรงไหน
“เจ้าเดรัจฉานน้อย เป็นเจ้าที่บังคับข้าเอง! ” เวลานี้ เจียวเสินจวู๋ร้องเสียงดังออกมา พลังลมปราณพวยพุ่งออกมา ทันใดนั้นลมปราณทั้งหมดของเขาพลุ่งพล่านและถูกฉีดเข้าไปอยู่ในยันต์ศักดิ์สิทธิ์แผ่นนั้น
“ตูม……….” ทันใดนั้น ปรากฏต้นไม้ที่สูงเสียดฟ้าต้นหนึ่งขึ้นที่ด้านหลังของเจียวเสินจวู๋ หลังจากที่ต้นไม้สูงเสียดฟ้าต้นนี้ปรากฏขึ้นมาแล้ว มันได้แผ่กระจายกลิ่นอายที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดออกมา กลิ่นอายลักษณะเช่นนี้ได้ปกคลุมไปทั่วแดนวิญญาณสวรรค์ นาทีนี้ เหมือนว่ามีผู้ได้รับความเคารพสูงสุดแต่ละคนฟื้นขึ้นมา มันมีพลังที่สามารถสยบเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินอยู่บนตัว ภายใต้กลิ่นอายที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด เสมือนว่าทุกสิ่งล้วนแล้วแต่กลับกลายเป็นเล็กจิ๋วมาก
“ปรมาจารย์พฤกษา…………” บรรดาผู้บำเพ็ญตนเผ่าพฤกษาจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ค่อยๆ คุกเข่าลงกับพื้น ร้องเรียกเสียงดังออกมาด้วยความสยบ
“นื่คืออะไร? ”ปีศาจทะเลที่ไม่เคยเห็นยันต์ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้มาก่อน ถึงกับพูดออกมาด้วยความตื่นตระหนก
“ยันต์ปรมาจารย์ คือยันต์ของปรมาจารย์พฤกษา นับว่าจู่ลู่มีความฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งนัก” ระดับปราชญ์เผ่าวิญญาณเทพผู้หนึ่งได้กล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “ถึงกับสามารถคงยันต์ปรมาจารย์เอาไว้ได้ ก่อนที่ปรมาจารย์พฤกษาของพวกเขาจะละสังขารไปในท่านั่งกรรมฐานได้ วิธีการนี้นับว่าฝืนลิขิตสวรรค์อย่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ”.
เทพเจ้าแห่งทะเลมีทวนสามง่าม ปรมาจารย์พฤกษามีอาวุธปรมาจารย์ ซึ่งอาวุธปรมาจารย์ก็นับได้ว่าทรงพลังยิ่งนัก ลือกันว่าอาวุธปรมาจารย์สามารถหยิบยืมพลังสูงสุดของปรมาจารย์เซียนมาใช้ได้
ข้อแตกต่างระหว่างอาวุธปรมาจารย์กับทวนสามง่ามก็คือ อาวุธปรมาจารย์นั้นสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์พฤกษาเอง สร้างยันต์ปรมาจารย์ บรรลุรากปรมาจารย์ กลับกลายเป็นอาวุธปรมาจารย์ ทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนหรือเส้นทางที่ปรมาจารย์พฤกษาก้าวเดินจากศิษย์เผ้าพฤกษาธรรมดาคนหนึ่งไปสู่ปรมาจารย์พฤกษาจะต้องก้าวเดินไป
วันที่กลับกลายเป็นอาวุธปรมาจารย์ก็คือวันที่ได้บรรลุเป็นปรมาจารย์พฤกษา และสามารถหยิบยืมพลังสูงสุดของปรมาจารย์เซียนมาใช้ได้ในเวลาเดียวกัน เพราะสามารถอาศัยอาวุธปรมาจารย์นี้มาหยิบยืมพลังสูงสุดของปรมาจารย์เซียนนี้เอง ทำให้ปรมาจารย์พฤกษาสามารถตีเสมอกับทวนสามง่ามของเทพเจ้าแห่งทะเลได้
แต่ว่า ข้อแตกต่างระหว่างเทพเจ้าแห่งทะเลกับปรมาจารย์พฤกษาก็คือ เมื่อปรมาจารย์พฤกษาละสังขารในท่านั่งกรรมฐานกลับไปยังแหล่งพักพิงสุดท้ายนั้น อาวุธปรมาจารย์ของพวกเขาก็จะสลายตัวไปเองไม่มีการหลงเหลือเอาไว้บนโลกนี้อีกต่อไป
แต่ทว่า จู่ลู่กลับมีความฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งนัก แม้ว่าพวกเขาไม่สามารถคงอาวุธปรมาจารย์เอาไว้ได้ แต่ พวกเขากลับอาศัยวิธีการที่ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่ง ทำให้ระหว่างที่อาวุธปรมาจารย์สลายตัวแล้วเหลือยันต์ปรมาจารย์เอาไว้ ซึ่งเป็นรากฐานของอาวุธปรมาจารย์
“แค่ยันต์ปรมาจารย์เท่านั้นเอง ไม่เห็นจะมีดีตรงไหน” หลี่ชิเย่เพียงหัวเราะขึ้นมานิดหนึ่ง “แช้งค์” ปรากฏดาบอยู่ในมือ เป็นดาบยาวที่วาววับ ส่องสว่างไปทั่วฟ้าดิน
“สัจอาวุธราชันเซียน……….” ต่อให้คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร เมื่อได้เห็นดาบหมิงเหรินที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่ ยามที่อานุภาพราชันเซียนอาละวาดฟ้าดิน ทุกคนได้แต่สั่นเทา
ปรมาจารย์พฤกษามีความแข็งแกร่ง แต่ ราชันเซียนปราศจากผู้ต้อกรยิ่งกว่า ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่อยู่ในมือของเจียวเสินจวู๋นั้นหาใช่อาวุธปรมาจารย์ที่สมบูรณ์ไม่ มันเป็นเพียงยันต์ปรมาจารย์เท่านั้นเอง เมื่อเทียบกับดาบหมิงเหรินในมือของหลี่ชิเย่ แล้ว ห่างชั้นกันมากเหลือเกิน
สีหน้าของเจียวเสินจวู๋นั้นดูไม่จืดมาก สู้รึก็สู้หลี่ชิเย่ไม่ได้ เทียบด้านอาวุธ ยันต์ปรมาจารย์ของเขาก็เทียบไม่ได้กับดาบหมิงเหรินที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่
ทุกคนต่างรู้ว่าคราวนี้เจียวเสินจวู๋จบเกมแน่นอน เมื่อเห็นดาบหมิงเหรินที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่ แม้ว่าทุกคนรู้ว่าคนโหดอย่างหลี่ชิเย่นั้นแข็งแกร่งมาก แต่ จะมีใครนึกถึงว่า ต่อให้เป็นบุคคลเฉกเช่นเจียวเสินจวู๋เมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่แล้วก็สุดที่จะรับการโจมตีจากหลี่ชิเย่ได้เลย
ท่ามกลางตระหนกระคนกับความโกรธแค้น เจียวเสินจวู๋กรอกตาทีหนึ่งพลันบังเกิดความคิดขึ้นมา เขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันที ไปยืนอยู่บนต้นไม้ยักษ์ของเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
ต้นไม้ที่ใหญ่โตปราศจากผู้เทียบเทียมต้นนี้ของเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้ เป็นต้นไม้ยักษ์ที่แปลงมาจากจิ่วจุงเสินจู่
“ท่านปรมาจารย์ ขอให้ท่านลงมือช่วยเหลือผู้เยาว์แรงหนึ่ง อาจารย์ของผู้เยาว์คือหลงจวู๋หย่าจู่ เป็นสหายต่างวัยกับท่านปรมาจารย์” ในเวลานี้ เจียวเสินจวู๋ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากจิ่วจุงเสินจู่
ผู้บำเพ็ญตนที่มายังเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ไม่แน่เสมอไปว่าจะรู้ถึงประวัติความเป็นมาของจิ่วจุงเสินจู่ แต่ว่า ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้ว่าต้นไม้ยักษ์ต้นนี้คือเทพผู้พิทักษ์ของเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ลือกันว่ามีความแข็งแกร่งยิ่งนัก แม้แต่ราชันเซียนก็สังหารเขาไม่ได้
“หลงจวู๋หย่าจู่? ” ใบหน้าแก่เฒ่าที่หลับตานอนหลับไหลอยู่บนลำต้นโดยตลอด ในที่สุดเวลานี้ได้ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมาและจ้องมองดูไปที่เจียวเสินจวู๋
เจียวเสินจวู๋เองก็นึกไม่ถึงว่าตัวเองสามารถปลุกเทพผู้พิทักษ์แห่งเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ให้ตื่นขึ้นมาได้จริงๆ ถึงกับรู้สึกดีใจยิ่งนัก รีบกล่าวว่า “ถูกต้อง ถูกต้อง อาจารย์ของผู้เยาว์คือหลงจวู๋หย่าจู่ ท่านเคยเอ่ยถึงสุดยอดอำนาจของท่านปรมาจารย์ ท่านอาจารย์เคยสั่งเอาไว้ว่า หากมีปัญหาสามารถขอความช่วยเหลือจากท่านปรมาจารย์ได้”
“อืมม เป็นความจริงที่ข้ารู้จักเขา เขาเคยมาขอคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องเคล็ดวิชากลับสู่ที่พักพิงสุดท้าย” จิ่วจุงเสินจู่เอ่ยขึ้นช้าๆ
“ท่านปรมาจารย์นับเป็นมนุษย์เทพที่มีความสามารถถึงขั้นทะลุสวรรค์ ทะลวงพิภพได้” เจียวเสินจวู๋รีบพูดต่อว่า “ท่านอาจารย์ของข้าก็เคยพูดว่า ท่านปรมาจารย์เคยให้การปกป้องคุ้มครองเผ่าพฤกษาของพวกเราตลอดมา ผู้เยาว์ให้ความเคารพนับถือดั่งสายน้ำที่ไม่ขาดสาย ท่านปรมาจารย์ เจ้าหลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ก่อกรรมทำเข็ญ เหยียดหยามบรรพบุรุษเผ่าพฤกษาของพวกเรา สังหารลูกหลานของเผ่าพฤกษา ขอท่านปรมาจารย์ให้ความเป็นธรรมด้วย ล้างแค้นให้กับลูกหลานของเผ่าพฤกษา”
ในเวลานี้ ภายในใจของเจียวเสินจวู๋รู้สึกดีใจเป็นยิ่งนัก เขานึกไม่ถึงเลยว่าตนเองจะมีโอกาสเชิญให้เทพผู้พิทักษ์ที่อยู่ในตำนานผู้นี้ออกมาได้ ซึ่งก็เป็นเพราะอาศัยชื่อของหลงจวู๋หย่าจู่ที่เป็นอาจารย์ของตน จึงทำให้เขามีโอกาสเชิญเทพผู้พิทักษ์ที่อยู่ในตำนานผู้นี้ออกมาได้
ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากในเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต่างรู้สึกตระหนกที่เห็นเจียวเสินจวู๋ถึงกับเชิญให้เทพผู้พิทักษ์ที่อยู่ในตำนานออกมาได้ เพราะว่าผู้คนจำนวนมากต่างเคยได้ยินชื่อเทพผู้พิทักษ์เมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ และเคยได้ยินว่ามันมีความแข็งแกร่งมาก เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่า แม้แต่ราชันเซียนก็ไม่สามารถสังหารมันได้
แต่ทว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเคยเห็นมันลงมือ แต่ การคงอยู่ของมันทำให้ไม่มีใครกล้าทำกำเริบเสิบสานในเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ และไม่มีใครกล้าคิดไม่ซื่อกับมนุษย์ต้นไม้ของเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เวลานี้ ทุกคนไม่นึกเลยว่าเจียวเสินจวู๋ถึงกับมีเกียรติมากมายถึงขั้นเชิญให้เทพผู้พิทักษ์เช่นนี้ออกมาได้
————————————