Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1456 โอรสสวรรค์ปกสมุทร

เรื่อง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1456 โอรสสวรรค์ปกสมุทร

หลี่ชิเย่ และราชินีเทพเจ็ดสมุทรคุยกันเป็นเวลานานมาก ขณะที่ท้ายที่สุดแล้ว ราชินีเทพเจ็ดสมุทรไปจากด้วยท่าทีที่แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเขิง

“เจ้าคนอวดดี” เจ้าคุยอะไรกับราชินีเทพเจ็ดสมุทร?” หลังจากที่ราชินีเทพเจ็ดสมุทรจากไปแล้ว เย่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกแปลกใจ พวกเขาทั้งสองคุยกันทีตั้งหลายวัน นี่มันคงไม่ใช่การพูดคุยธรรมดาแล้วกระมัง

หลี่ชิเย่มองดูท่าทางที่เปี่ยมด้วยความสงสัยของเย่เสี่ยวเสี่ยวแล้ว ทำกะพริบตานิดหนึ่ง ยิ้มกล่าวว่า “ชายโสดหญิงสาว เจ้าคิดว่าควรจะคุยอะไรกัน?”

“ถุย ถุย ถุย…” ใบหน้าของเย่เสี่ยวเสี่ยวแดงขึ้นทันที กระทืบเท้าลงบนหลังเท้าของหลี่ชิเย่เข้าให้อย่างแรง กล่าวว่า “เจ้าคนบ้ากาม จิตวิปริต ดูสิว่าข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร…”

“นังหนูน้อย เจ้าคิดไปถึงไหนกัน” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา เมื่อเห็นลักษณะที่กำลังคลั่งของเย่เสี่ยวเสี่ยว กล่าวเอ้อระเหยว่า “ที่พวกเราคุยกันนั้นเป็นเรื่องที่เป็นงานเป็นการ มีเพียงคนที่มีจิตสกปรกจึงคิดถึงแต่เรื่องที่ไม่เป็นไปตามทำนองครองธรรม”

“เจ้าลองพูดอีกครั้งซิ ลองพูดอีกครั้ง” เย่เสี่ยวเสี่ยวเมื่อถูกหลี่ชิเย่พูดจายั่วเย้าเช่นนี้ จึงของขึ้นทันทีมือทั้งสองเท้าสะเอวและกล่าวด้วยท่าทีขึงขัง

หลี่ชิเย่เห็นท่าทางที่ดั่งเล็กพริกขี้หนูของเย่เสี่ยวเสี่ยวแล้ว ได้แต่ยิ้มๆ เขาถึงกับจ้องมองไปยังท้องฟ้าที่อยู่ด้านนอก แม้ว่าเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จะคึกคักยิ่งนัก แต่ทว่า ในสายตาของเขาแล้ว ท้องฟ้าในเวลานี้ดูเงียบสงัดเหลือเกิน ช่างอ้างว้างวิเวกเหลือเกิน

“พวกเจ้าเก็บของเถอะ ได้เวลาที่พวกเราสมควรออกเดินทางได้แล้ว” สุดท้าย หลี่ชิเย่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ ตั้งใจไปจากเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อไปสมทบกับซูหย่งหวง

“ไม่รอคนแล้วรึ?” เย่เสี่ยวเสี่ยวที่มองเห็นท่าทางที่อ้างว้างวิเวกแล้ว ถึงกับพูดขึ้นมาว่า “ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราก็รออีกสักหน่อย”

เย่เสี่ยวเสี่ยวไม่รู้หรอกว่าคนที่หลี่ชิเย่รอคอยอยู่เป็นใคร แต่ทว่า คนอย่างหลี่ชิเย่ที่ซึ่งไม่หวั่นกับสถานการณ์ที่แปรเปลี่ยนไปกลับเผยท่าทีเช่นนี้ออกมาได้ ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าคนที่เขารอคอยต้องเป็นคนที่มีความหมายไม่ธรรมดาเลย

“ช่างเถอะ เรื่องราวบางอย่างบนโลกไม่อาจฝืนได้ ชีวิตคนเรามักจะต้องพกพาเอาคำว่าเสียใจจากไป ดวงจันทร์ย่อมมียามอับแสง สุกสว่าง เต็มดวงและแหว่งเว้า ถือเป็นเรื่องปรกติของมนุษย์เรา”

เย่เสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าเงียบๆ ไม่ถามอีกต่อไป นางและซือหม่ายวี่เจี้ยนได้จัดแจงเก็บข้าวของเพื่อเตรียมติดตามหลี่ชิเย่ไปจากที่นี่

จังหวะที่หลี่ชิเย่กำลังจะจากไปนั้น ทันใดนั้นเขารู้สึกสะกิดในใจขึ้นมาและหนังตากระตุกทีหนึ่ง ลมปราณพลุ่งพล่าน ฉับพลันนั้น ปรากฏประกายตาน่าเกรงขามขึ้นมา

“พวกเราไป…” นัยน์ตาทั้งสองของหลี่ชิเย่พลันดูน่าเกรงขาม เขาขยับตัวออกเดินทางทันที กล่าวว่า “พวกเราไปช่วยคน…”

“ช่วยคน ช่วยใคร?” เย่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกงงงัน และเอ่ยถามขึ้นมา

หลี่ชิเย่ไม่ได้ตอบ หันหลังจากไปทันที เย่เสี่ยวเสี่ยว และซือหม่ายวี่เจี้ยนไม่กล้าชักช้า เร่งรีบติดตามหลี่ชิเย่ ไป

หลี่ชิเย่วิ่งเร็วมาก เกรงว่าเย่เสี่ยวเสี่ยว และซือหม่ายวี่เจี้ยนจะตามไม่ทัน ถือโอกาสดึงตัวซ้ายขวาข้างละคนให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ก้าวข้ามท้องฟ้าไปในทันที

ณ บริเวณส่วนลึกของเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ปรากฏยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่มาผจญภัยอยู่ที่นี่ ทุกคนต่างต้องการค้นหาสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะที่ร่ำลือกัน แน่นอนที่สุด กล่าวสำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่มาผจญภัยอยู่ในบริเวณส่วนลึกของเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต่อให้ไม่สามารถค้นหาสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะได้พบ แต่ ถือโอกาสขุดหาสมุนไพรที่ล้ำค่าไปได้บ้างก็เท่ากับมาไม่เสียเที่ยวแล้ว

ยิ่งลึกเข้าไปภายในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์มากเท่าไร ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น แต่ทว่า ส่วนที่ลึกเข้าไปภายในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้นมันช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน ทุกคนไม่เพียงถูกดึงดูดใจด้วยสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะที่มีการลือกันเดือดปุดๆ เร็วๆ นี้เท่านั้น

ขณะเดียวกัน ภายในส่วนที่ลึกเข้าไปภายในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ยังเต็มไปด้วยสมุนไพรล้ำค่าที่มีอายุนับล้านปีอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น ถึงแม้จะไม่มีสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะ ลำพังสมุนไพรล้ำค่ายิ่งเหล่านี้ก็ดึงดูดให้ยอดฝีมือมาผจญภัยได้เหมือนกัน

เทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสิบสองสุสาน เรื่องอันตรายใช่ว่าจะเป็นชื่อที่ได้มาแบบจอมปลอมเท่านั้น ที่ตรงนี้ไม่เพียงมีอันตรายจากเมล็ดพันธุ์เท่านั้น ยังมีอันตรายที่สร้างความหวาดหวั่นอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นต้นว่าสัตว์ดุร้ายที่สามารถไปมาไร้ร่องรอยได้ ต้นไม้และเถาวัลย์ที่กินคนได้ หรือทำให้ได้รับพิษเป็นต้น

ยอดฝีมือที่มาผจญภัยในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้น นอกจากบางส่วนที่ตายโดยไร้ที่ฝังไม่เหลือแม้แต่ซากแล้ว ยังมีผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากกว่าที่หลังจากต้องตายอย่างอนาถอยู่ในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็จะถูกเมล็ดพันธุ์ยึดครองร่างกายไป แล้วแปรเปลี่ยนเป็นมนุษย์ต้นไม้

ความจริง กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากแล้ว พวกเขายากจะยอมรับได้กับการแปรเปลี่ยนสภาพร่างกายเช่นนี้ได้ การที่ร่างกายถูกคนอื่นเขายึดครองเอาไป และต้องกลับกลายเป็นอีกเผ่าพันธุ์หนึ่งตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผู้คนจำนวนมากรู้สึกว่ามันน่ากลัวจนขนลุกขนพอง ดังนั้น ยอดฝีมือที่มาผจญภัยบางคนเมื่อเห็นพรรคพวกของตนเองถูกเขายึดครองเอาร่างกายไป เพื่อแปรเปลี่ยนเป็นมนุษย์ต้นไม้ พวกเขาจะจัดการทำลายร่างกายของพรรคพวกคนนั้นโดยตรงเสีย

“ปัง ปัง ปัง…” ในเวลานี้ บริเวณส่วนลึกของเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง เกิดการต่อสู้กันขึ้นอย่างดุเดือด

ณ ที่ตรงนั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนหยัดต่อสู้อย่างทรหด ทั่วตัวของผู้หญิงคนนี้มีเพลิงแก่นสุริยันปรากฎออกมาอย่างรุนแรง ดวงอาทิตย์แต่ละดวงที่ลอยล่องอยู่รอบๆ ตัวของนาง กายของนางถูกปกคลุมเอาไว้ภายใต้เพลิงแก่นสุริยัน ดูเจิดจรัสแสบตายิ่งนัก เสมือนหนึ่งนางคือเทพสุริยันอย่างนั้น

ลักษณะผู้เหญิงคนนี้ดูสุภาพเยือกเย็นสวยล้ำค่า มีท่าทีที่ข่มขวัญผู้คน จากการที่ทั่วร่างของนางปรากฎเป็นดวงอาทิตย์แต่ละดวงที่ลอยล่องนั้น ยิ่งทำให้นางดูน่าเกรงขามสูงส่ง ด้วยท่าทีที่น่าเกรงขามไม่อาจรุกล้ำได้

แต่ทว่า เวลานี้ผู้หญิงคนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าอาการบาดเจ็บของนางจะไม่เบา แต่นางยังคงสู้พลางล่าถอยไปพลาง แม้ศัตรูจะมีท่าทีที่แข็งแกร่งมากก็ตาม นางยังคงไม่มีท่าทีที่หวาดหวั่นแต่อย่างใด

“ไสหัวออกมา…” ในเวลานี้เอง ผู้หญิงคนนี้ส่งเสียงคำรามเสียงยาว พลังเพลิงแก่นคำรามเสียงดังก้อง กลายเป็นมังกรไฟขนาดยักษ์พุ่งตรงไปยังตำแหน่งของท้องฟ้าที่ว่างเปล่าแห่งหนึ่ง

“ตูม…” เกิดเสียงดังสนัน มังกรไฟที่แปลงมาจากพลังเพลิงแก่นได้ทำให้ท้องฟ้าบริเวณนั้นแหลกละเอียดกลายเป็นหลุมดำที่น่ากลัวขึ้นมา

“ปัง…” จังหวะการโจมตีเพิ่งเสร็จสิ้นลง วินาทีนั้นไม่รู้ว่ามีคนผู้หนึ่งโผล่มาจากไหน พลันพุ่งเข้าโจมตีสังหารต่อผู้หญิงคนนั้น

ผู้หญิงคนนี้มีปฏิกิริยาที่ว่องไวมาก ในเสี้ยววินาทีนี้นางพลิกฝ่ามือสำแดงกระบวนท่าเป็นดวงอาทิตย์แต่ละดวงสวนกลับออกไปทันที แต่ว่า ยังคงช้าไปครึ่งก้าว ได้ยินเสียงดัง “ปัง” ร่างของผู้หญิงคนนี้ถูกพลังกระแทกจนปลิวออกไป กระอักเลือดออกมา

บุรุษที่จู่ๆ โผล่มาจากไหนไม่ทราบคนนั้นพลันล่องหนหายตัวไปในฉับพลัน เมื่อเขาปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง ก็ไปยืนอยู่บนท้องฟ้าสูงนั่นแล้ว

บุรุษผู้นี้เป็นคนหนุ่มคนหนึ่ง ยามที่เขายืนอยู่บนท้องฟ้านั้น เหมือนว่าตัวของเขาจะหลอมรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับท้องฟ้า การยืนอยู่ที่ตรงนั้นของเขาเหมือนถูกบดบังโฉมหน้าที่แท้จริงโดยเมฆหมอก ทำให้ไม่สามารถมองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขา ขณะที่เขายืนอยู่บนท้องฟ้า เหมือนว่าเขาก็คือเจ้าแห่งท้องฟ้า เขาเป็นผู้ควบคุมช่องว่างของท้องฟ้าแห่งนี้ ท่ามกลางช่องว่างบริเวณนี้ล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา

“นับว่ากายมายาของโอรสสวรรค์ปกสมุทรนี้น่ากลัวจริงๆ เขาไม่เพียงสามารถซ่อนเร้นทุกสิ่ง อีกทั้งยังปรากฏตัวได้ทุกที่” มีคนพึมพำออกมาเมื่อเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนท้องฟ้า

การต่อสู้ในลักษณะเช่นนี้ได้ต่อเนื่องมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งได้ดึงดูดสายตาของผู้บำเพ็ญตน จำนวนไม่น้อยที่กำลังค้นหาสมุนไพรอยู่บริเวณเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์

“ความจริงแล้ว กายสุริยันของแม่นางคนนั้นนับว่ามีความแข็งแกร่งเป็นอันมาก เสียดาย นางถูกสยบโดยพลังที่น่ากลัวของเสินจื่อโจว มิฉะนั้นล่ะก็ ใครแข็งแกร่งใครอ่อนกว่าใครก็ยังไม่รุ้” ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสคนหนึ่งมีสายตาที่ร้ายกาจมาก สามารถดูรู้ถึงความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายใน

“ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่นะ?” ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ไม่รู้จักนาง รู้สึกแปลกใจและอยู่เหนือความคาดคิดอย่างมาก กล่าวว่า “ภายใต้พลังสยบของเสินจื่อโจว นางยังคงสามารถยืนหยัดช่วงชิงความเป็นหนึ่งกับโอรสสวรรค์ปกสมุทรได้ ผู้หญิงที่มีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ทำไมถึงไม่มีชื่อเป็นที่ประจักษ์เล่า?”

“แม่นาง เจ้าหนีไปไหนไม่พ้นหรอกนะ เสินจื่อโจวกว้างใหญ่ไพศาล คิดจะหนีออกไปได้ คงเป็นความฝันของคนปัญญาอ่อน” โอรสสวรรค์ปกสมุทรยืนมองอย่างเย้ยหยันอยู่บนท้องฟ้ากล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “แม่นางหากรู้จักกาลเทศะล่ะก็ มอบแผ่นภาพใบนั้นออกมา ข้าจะไม่ทำให้แม่นางต้องลำบากใจอีก”

ทุกคนต่างไม่รู้จักผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งไม่รู้ว่าแผ่นภาพที่โอรสสวรรค์ปกสมุทรพูดถึงนั้นคืออะไร แต่ว่า สามารถทำให้โอรสสวรรค์ปกสมุทรตามล่านางมาตลอดทาง ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าแผ่นภาพนั้นต้องล้ำค่ายิ่ง และมีความยอดเยี่ยมมาก

“ฝันไปเถอะ” แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะได้รับบาดเจ็บ ลุกขึ้นยืนและกล่าวอย่างเย็นชาออกมา แม้จะตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายเพียงนี้ นางยังคงมีท่าทีที่ยิ่งใหญ่ ยังคงมีความล้ำเลิศหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร

“ในเมื่อแม่นางยังคงหลงงมงายเช่นนี้ งั้นก็อย่าโทษข้าที่ลงมือโหดเหี้ยมแล้วล่ะ” นัยน์ตาของโอรสสวรรค์ปกสมุทรส่งประกายน่าเยือกเย็น เผยให้เห็นถึงปณิธานการฆ่าออกมา กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “การเป็นศัตรูกับสำนักแตรสังข์ของข้า เป็นการหาเรื่องเจ็บตัว!”

“สำนักแตรสังข์นับเป็นตัวอะไร” ในเวลานี้เอง เสียงเชื่องช้าเสียงหนึ่งดังขึ้น ปรากฏบุรุษคนหนึ่งนำพาผู้หญิงสองคนเหินฟ้ามาถึง

“คนโหดอันดับหนึ่งมาแล้ว” ไม่รู้ว่าเสียงใครที่ร้องตะโกนออกมา เมื่อเห็นบุรุษที่เหินฟ้าเข้ามา หวาดกลัวจนหน้าถอดสี

“คนโหดมาอีกแล้ว” ยอดฝีมือจำนวนมากต่างทยอยกันหลบห่างออกไปใม่กล้าอยู่ใกล้ เมื่อเห็นการมาถึงของหลี่ชิเย่ ความจริงแล้ว ผู้คนจำนวนมากที่ได้เห็นการมาของคนโหดอันดับหนึ่งแล้วต่างรู้สึกสั่นเทาภายในใจ รู้ว่าเรื่องไม่ดีจะเกิดขึ้นอีกแล้ว

หลังจากที่หลี่ชิเย่มาถึงแล้ว พลันทำให้โอรสสวรรค์ปกสมุทรที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าส่งสายตาที่เยือกเย็นออกมา จ้องมองหลี่ชิเย่อย่างน่าเกรงขาม

ผู้หญิงที่ได้รับบาดเจ็บหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นการมาของหลี่ชิเย่ นางไม่ใช่ใครอื่น คือซูหย่งหวงที่มาเสินจื่อโจวก่อนหน้าหลี่ชิเย่ก้าวหนึ่งนั่นเอง

“หลี่ชิเย่…” สายตาเยือกเย็นของโอรสสวรรค์ปกสมุทรจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “บุญคุณความแค้นระหว่างเจ้ากับสำนักแตรสังข์ของเรา ช้าหรือเร็วสำนักแตรสังข์พวกเราจะต้องคิดบัญชีกับเจ้าแน่ แต่ เรื่องในวันนี้ทางที่ดีเจ้าอย่าสอด มิฉะนั้นล่ะก็…”

“มิฉะนั้นพ่องมึงสิ…” ขาดคำ “ปัง” หลี่ชิเย่พลันปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของโอรสสวรรค์ปกสมุทร อาศัยท่วงท่าที่รวดเร็วสุดเปรียบเปรยยกเท้าเหยียบลงไป โดยที่โอรสสวรรค์ปกสมุทรไม่ทันที่จะตอบโต้ ถูกยันตกลงกระแทกกับพื้นจนพื้นตรงนั้นกลายเป็นหลุมขนาดลึกทันที และกระอักเลือดออกมาอย่างแรง

หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าก้มมองโอรสสวรรค์ปกสมุทรและกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “สำนักแตรสังข์นับเป็นตัวอะไร แค่พวกชื่อเสียงจอมปลอมฝูงหนึ่งเท่านั้น บังอาจกล้าอวดบารมีต่อหน้าข้า!”

ท่าที่ที่พาลและไร้เหตุผลเช่นนี้ ท่าทีที่ปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ พลันทำให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ

ความดุร้ายของคนโหดอันดับหนึ่งที่ฮึกเหิมถึงเพียงนี้ ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียงได้ มิน่าล่ะ ถึงได้กลายเป็นศัตรูผู้แข็งแกร่งของเมิ่งเจิ้นเทียน ความไร้เทียมทานเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนมากน้อยเท่าไรที่ต้องรู้สึกสั่นเทาในใจ

สำหรับปีศาจทะเลด้วยแล้วยิ่งมีสีหน้าที่ขาวซีด โอรสสวรรค์ปกสมุทรคือผู้ที่มีโอกาสมากที่สุดของปีศาจทะเลที่จะก้าวไปถึงตำแหน่งเทพเจ้าแห่งทะเล มาวันนี้กลับถูกหลี่ชิเย่ทำร้ายอยู่ข้างเดียว

……………………………………………….

อ่านตอนอื่นๆของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล คลิกเลย

แฟนเพจ