Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1743 เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน

เรื่อง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1743 เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน

ตอนที่ 1743 เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน
หลายสิบวันหลังจากที่หลี่ชิเย่มาถึงหลุมสวรรค์แล้ว เขาเหม่อมองอยู่ที่หลุมสวรรค์ทุกวัน บางครั้งนอนมองเหม่อไปบนท้องฟ้า มองทีก็นอนโดยไม่กระดิกตัวเลยเป็นเวลาหลายวันหลายคืนติดต่อกัน บางครั้งเขาหมอบอยู่บนหลุมสวรรค์ โดยเอาร่างกายของตนนอนทับอยู่บนรอยสลักนั่น เหมือนต้องการให้รอยสลักบนหลุมสวรรค์มาสลักบนร่างกายของตนเองอย่างนั้น บางครั้งดูเป็นปกติดี นั่งขัดสมาธิอยู่บนหลุมสวรรค์ ผ่อนลมหายใจเข้าออก เหมือนกำลังฝึกวิชาอย่างนั้น

ความจริงแล้ว ในมุมมองของผู้บำเพ็ญตนโดยทั่วไปแล้ว หลุมสวรรค์ไม่ได้มีอะไรเป็นความลับ ที่ตรงนี้ไม่ได้มีขุมทรัพย์เทวะอะไร และไม่มีสุดยอดเคล็ดวิชาอะไร ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสำหรับบรรลุหรือบำเพ็ญเพียรแต่อย่างใด

สถานที่ลักษณะเช่นนี้ เว้นแต่จะสามารถก้าวไปถึงระดับสูงเช่นราชันสวรรค์หุ้นหยวน ราชันเทพจงหนาน มิฉะนั้นแล้วการมาที่นี่ไม่ได้มีความหมายอะไรนัก

ขณะที่ราชันสวรรค์หุ้นหยวน ราชันเทพจงหนานพวกเขามาที่นี้ไม่ได้เพื่อบรรลุสัจธรรม พวกเขาเพียงต้องการศึกษาความลับสวรรค์อย่างละเอียดเท่านั้น

แน่นอนที่สุด กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ที่ตรงนี้ได้ซ่อนความลับที่มีเขารู้อยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นเอาไว้ อีกทั้งความลับนี้มีประโยชน์สำหรับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

แม้ว่าเก้าแดนกับแดนที่สิบจะมีหลายสิ่งที่เหมือนกัน แต่ก็มีไม่น้อยที่ต่างกัน เหมือนดั่งเรื่องการฝึก แม้ว่าพลังแก่นฟ้าดินของเก้าแดนสามารถหลอมกลั่นให้เป็นพลังขมุกขมัวได้ และพลังสัจธรรมก็สามารถกลั่นเป็นพลังของโลกในยุคดึกดำบรรพที่ฟ้าดินยังไม่ได้แยกเป็นสองส่วนได้เช่นกัน

แต่เมื่อมาถึงแดนที่สิบแล้ว พลังขมุกขมัว พลังของโลกในยุคดึกดำบรรพที่ฟ้าดินยังไม่ได้แยกเป็นสองส่วนก็จะบริสุทธิ์และทางตรงมากกว่า ดังนั้น เมื่อถึงแดนที่สิบแล้ว แม้ว่ายังคงสามารถอาศัยวิธีการฝึกแบบเก้าแดนมาฝึกฝนที่นี่ได้ แต่ว่า หากอาศัยผ่อนพลังแก่นฟ้าดินเข้าออก ควบคุมพลังสัจธรรมมาทำการฝึกต่อไปที่แดนสิบล่ะก็ ความเร็วหรือความก้าวหน้าในการฝึกก็จะเชื่องช้าลงไปมาก กระทั่งเหมือนการเดินของหอยทากอย่างนั้น

ย่อมไม่ต้องสงสัย หากผู้บำเพ็ญตนอาศัยวิธีการของเก้าแดนมาฝึกที่แดนสิบ เช่นนั้นแล้ว ความคืบหน้าในการฝึกของคนผู้นั้นก็จะไม่แตกต่างจากการฝึกของเจ้าทึ่มสักเท่าไร

ดังนั้น ต่อให้ราชันเซียนที่มีพลังที่แข็งแกร่งอย่างชะตาฟ้า เมื่อพวกเขามาถึงแดนที่สิบแล้วก็ต้องทำการดัดแปลงวิธีการฝึกของตนบ้าง

หลังจากที่ราชันเซียนมาถึงแดนที่สิบแล้ว จะมีสองทางเลือกให้เดิน ทางหนึ่งคือทำการฝึกชะตาฟ้าที่ตนได้สืบทอดมาจากเก้าแดนให้มันแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นต่อไป อีกทางหนึ่งคือยอมรับชะตาฟ้าของแดนที่สิบร่วมกัน เพื่อจะได้สืบทอดชะตาฟ้าให้มากขึ้นไปอีก

แต่ทว่า สำหรับผู้บำเพ็ญตนร้อยชาติพันธุ์ที่มีพื้นเพชาติกำเนิดจากแดนที่สิบอยู่แล้ว เคล็ดวิชาที่ราชันเซียนฝึกนั้นใช้ไม่ได้กับพวกเขา ดังนั้น ผู้บำเพ็ญตนร้อยชาติพันธุ์ในแดนสิบจะมีวิธีการฝึกเคล็ดวิชาที่เป็นของตนเอง

แน่นอน ผู้บำเพ็ญตนร้อยชาติพันธุ์จำนวนไม่น้อยที่อยู่ตามสิบสามทวีปได้แอบนำเอาวิธีการฝึกลองมาใช้ในการฝึกของตน และหรือนำมาดัดแปลง แต่ก็มีปรัชญาเมธีของร้อยชาติพันธุ์ที่ผ่านการศึกษาทดลองมายุคแล้วยุคเล่า สุดท้ายสามารถสร้างเคล็ดวิชาแต่ละวิชาขึ้นมา

เรื่องการฝึกของร้อยชาติพันธุ์คงต้องเอ่ยถึงราชันเซียนองค์หนึ่ง…ราชันเซียนว่านกุ

ราชันเซียนว่านกุคือราชันเซียนองค์แรกของเผ่าผี เขาเป็นราชันเซียนลำดับต้นๆ ที่ขึ้นไปยังแดนสิบ ผลงานของราชันเซียนว่านกุไม่นับว่ายิ่งใหญ่เหมือนดั่งราชันเซียนเจียวเหิงและราชันเซียนกู่ฉุน เป็นความจริงที่เขาไม่ได้พยายามทำเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ยืนสำหรับร้อยชาติพันธุ์สักเท่าไร เขาไม่ได้ก้าวออกมาต่อสู้กับบรรดาราชันและเหล่าเทพ

หลังจากราชันเซียนว่านกุมาถึงยังแดนที่สิบแล้ว เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ทุ่มเทไปกับการฝึกอย่างจิรงจัง ดูเหมือนเป็นผู้ที่ตัดขาดจากโลกภายนอกพยายามคลำหาหลักสัจธรรมวิถีทางอะไรอย่างนั้น

ด้วยสาเหตุนี้เอง ราชันเซียนว่านกุจึงได้บุกเบิกวิถีทางทางทำให้ราชันเซียนจากเก้าแดนในยุคต่อมาสามารถรองรับชะตาฟ้าของแดนที่สิบได้ด้วย หากจะพูดถึงผลงานทางด้านนี้ล่ะก็ ผลงานของราชันเซียนว่านกุปราศจากผู้เทียบเทียมโดยแท้จริง

นอกจากราชันเซียนว่านกุจะบุกเบิกเส้นทางที่ราชันเซียนในยุคหลังสามารถรองรับชะตาฟ้าของแดนสิบได้ด้วยนั้น ระหว่างที่เขาอยู่ที่แดนสิบก็ได้คิดค้นเคล็ดวิชาที่เหมาะแก่การฝึกของร้อยชาติพันธุ์ขึ้นมาได้ไม่น้อยทีเดียว

ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ชนยุคหลังของร้อยชาติพันธุ์ทุกคนที่ก้าวสู่เส้นทางการฝึกวิชา ผู้คนจำนวนมากจะยากจะมองข้ามบุคคลอย่างราชันเซียนว่านกุไปได้

มนุษย์ปุถุชนธรรมดาของร้อยชาติพันธุ์ในสิบสามทวีปที่เพิ่งจะเริ่มต้นก้าวสู่เส้นทางการฝึกวิชาจำนวนมาก จึงมักจะเริ่มต้นการฝึกด้วยเคล็ดวิชาพื้นฐานที่ดีที่สุด พบเห็นบ่อยที่สุดในสิบสามทวีป……..เคล็ดหมื่นวิชา!

ขณะที่ “เคล็ดหมื่นวิชา” คิดค้นและสร้างขึ้นโดยราชันเซียนว่านกุนั่นเอง ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นเผ่าผี หรือเผ่าวิญญาณเทพ ล้วนแล้วแต่เหมาะที่จะฝึกวิชานี้ทั้งสิ้น ขณะเดียวกันเคล็ดวิชานี้ก็คือหนึ่งในสามเคล็ดวิชาที่ฝึกกันแพร่หลายมากที่สุดในสิบสามทวีป

ผู้บำเพ็ญตนน้อย หรือผู้บำเพ็ญตนที่เพิ่งเข้าสู่สำนักใหม่ๆ พวกเขาไม่สามารถเหมือนดั่งบรรดาสำนักใหญ่ที่สามารถเริ่มต้นการฝึกด้วยสุดยอดเคล็ดวิชาที่ปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้า หรือฝึกเคล็ดราชันเซียนได้ ดังนั้น ผู้บำเพ็ญตนเหล่านี้จึงได้แต่ฝึกวิชาพื้นฐานเริ่มต้นธรรมดาที่เหมาะสำหรับร้อยชาติพันธุ์ ดังนั้น “เคล็ดหมื่นวิชา” จึงมักจะกลายเป็นเคล็ดวิชาที่พวกเขาเลือกอยู่เสมอๆ

หากจะกล่าวว่า “เคล็ดหมื่นวิชา”คือเคล็ดวิชาพื้นฐานเริ่มต้นสำหรับร้อยชาติพันธุ์ล่ะก็ เช่นนั้นแล้ว “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” ก็จะเป็นเคล็ดวิชาพื้นฐานเริ่มต้นที่เหมาะที่สุดสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้ว

เคล็ดหมื่นวิชาและเคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชนล้วนแล้วแต่เป็นหนึ่งในสามเคล็ดวิชาที่แพร่หลายมากที่สุดในสิบสามทวีป ขณะที่เคล็ดหมื่นวิชาคือเคล็ดวิชาที่เหมาะแก่การฝึกสำหรับผู้บำเพ็ญตนทุกๆ ชาติพันธุ์ แน่นอน ผู้บำเพ็ญตนชาติพันธุ์อื่นๆ ก็สามารถฝึกเคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชนได้เหมือนกัน แต่ว่า ยังคงเป็นเผ่ามนุษย์ที่สามารถฝึกเคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชนแล้วได้รับประสิทธิผลมากที่สุด

“เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” ไม่เพียงเป็นเคล็ดวิชาพื้นฐานเริ่มต้นที่มีความเหมาะสมที่สุด ขณะเดียวกัน มันแพร่หลายได้กว้างขวางมาก มีตำราเป็นพันเป็นหมื่นเล่ม ทุกๆ เล่มจะมีข้อแตกต่างกันอยู่ เนื่องจากชนในยุคหลังเคยทำการปรับปรุงเนื้อหาของ “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” เพื่อให้เหมาะสมกับการฝึกของตน หรือของผู้เยาว์ของตน

แม่จะกล่าวว่า “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” มีการแพร่หลายในสิบสามทวีปอย่างกว้างขวาง แต่ว่าในสิบสามทวีปกลับไม่มีใครรู้ว่าใครคือผู้คิดค้น “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” ขึ้นมา “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน”ได้เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหันในยุคที่เนิ่นนานมาก จึงไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นผู้คิดค้น ไม่มีใครรู้ว่ามันแพร่หลายมาจากที่ใด

แม้ว่ายุคหลังจะมีการคาดเดากันต่างๆ นานา บ้างคิดว่าราชันเซียนเจียวเหิงเป็นผู้คิดค้นขึ้น และบางคนคิดว่าเป็นปรัชญาเมธีเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นผู้คิดค้นขึ้นมา

ความจริงแล้ว ผู้คิดค้น “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” คืออีกาทมิฬ หลังจากที่อีกาทมิฬมาถึงแดนที่สิบแล้ว เคยศึกษาค้นคว้าการฝึกวิชาในแดนที่สิบ แต่ว่าตอนที่อีกาทมิฬคิดค้น “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” ไม่เพียงต้องการให้เผ่ามนุษย์ได้ฝึกเท่านั้น เขายังได้นำ “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” เชื่อมโยงไปยังระดับที่สูงกว่านั้น ในนั้นเกี่ยวพันถึงเคล็ดวิชาปราบสวรรค์ในภายหลังอีกด้วย

เพียงแต่ภายหลังจากการที่ “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” มีการแพร่หลายเป็นระยะเวลาที่นานมาก มีฉบับที่แตกต่างกันออกไปมากขึ้นทุกทีๆ สุดท้ายแล้ว ผู้ที่สามารถฝึก “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” จนถึงขั้นระดับสุดยอดได้อย่างแท้จริง สามารถฝึกจนกระทั่งเชื่อมโยงไปถึงเคล็ดวิชาปราบสวรรค์ได้นั้นมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

การกลับมาครั้งนี้ของหลี่ชิเย่ วิชาพื้นฐานเบื้องต้นที่เขาเลือกฝึกก็คือ “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” เขาไม่ไปฝึกเคล็ดวิชาของเก้าแดนอีก เนื่องจากเคล็ดวิชาของเก้าแดนใช้การไม่ได้ในแดนที่สิบ

แม้ว่าความทรงจำเกี่ยวกับ “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน”จะถูกลบเลือนไปนานแล้ว แต่ทว่า ครั้งนั้น “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” ถูกคิดค้นขึ้นที่หลุมสวรรค์แห่งนี้ ดังนั้น การที่หลี่ชิเย่กลับมายังสถานที่เดิมอีกครั้ง แล้วทำการพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดกับรอยสลักแต่ละรอย “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” ที่ถูกลบเลือนไปในครั้งนั้นก็ค่อยๆ ผุดขึ้นมาในสมองทีละอย่างๆ

การที่หลี่ชิเย่กลับมาถิ่นเก่าย่อมมีเป้าหมายของเขาอยู่แล้ว แม้ว่าในสิบสามทวีปจะมีตำรา “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” แพร่หลายกันอยู่จำนวนมหาศาล กระทั่งเรียกได้ว่าสามารถหาซื้อได้ตามแผงขายที่วางตามถนนในเมืองขนาดเล็กได้

แต่ “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” ที่หลี่ชิเย่ต้องการคือเล่มที่บริสุทธิ์ที่สุด ไม่ใช่เล่มที่ถูกแก้ไขจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมเหล่านั้น จึงได้กลับมาเยือนที่เดิม

ยิ่งไปกว่านั้น เบื้องหลัง “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” เกี่ยวพันถึงเคล็ดวิชาปราบสวรรค์ ซึ่งความลึกลับพิสดารที่อยู่ด้านในไม่มีอะไรเทียบได้กับการได้กลับมาเยือนหลุมสวรรค์อีกแล้ว เนื่องจากหลุมสวรรค์ความลับเกี่ยวกับสงครามที่ไม่มีใครรู้ เบื้องหลังเกี่ยวพันกับการยกทัพเดินทางไกลเพื่อปราบปราม!

ในขณะที่หลี่ชิเย่กำลังทำการบรรลุถึง “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน”อยู่นั้น ผู้บำเพ็ญตนจำนวนหนึ่งที่อยู่ที่หลุมสวรรค์เพียงมองเขาด้วยสายตาที่น่าเกรงขามเท่านั้นเอง ถ้าหากไม่เป็นเพราะผู้บำเพ็ญตนส่วนใหญ่ที่นึกถึงฐานะของตนไม่คุ้มค่าที่ต้องลงมือกับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งล่ะก็ คงมีผู้บำเพ็ญตนจัดการโยนหลี่ชิเย่ที่เสมือนดั่งเป็นขอทานคนหนึ่งออกไปนานแล้ว

หลี่ชิเย่บางครั้งนอนอยู่บนหลุมสวรรค์ บางครั้งนอนทับรอยสลัก บางครั้งนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นเสมอๆ…บรรดาผู้บำเพ็ญตนที่อยู่บริเวณหลุมสวรรค์มองดูท่าทีของหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งที่ฝันเฟื่องเท่านั้นเอง

เนื่องจากมีดาวรุ่งจำนวนมากที่เคยบรรลุสัจธรรมที่นี่มาแล้วแต่ก็ไม่ได้อะไรกลับไป ขณะที่หลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งก็คิดจะบรรลุสัจธรรมที่นี่ มันก็คือคนฝันเฟื่องคนหนึ่งเท่านั้น!

แน่นอน ก็มีผู้ที่สังเกตหลี่ชิเย่อยู่เหมือนกัน เป็นผู้เฒ่าผู้หนึ่งที่มีรูปร่างผอมบาง ที่บริเวณคางไว้เป็นเคราแพะอยู่

ด้านหลังของผู้เฒ่าติดตามด้วยกลุ่มคนรุ่นใหม่สองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ชายหนุ่มมีบุคลิกลักษณะองอาจห้าวหาญฉับไว หญิงสาวงดงามน่าประทับใจอรชรอ้อนแอ้น นับเป็นหญิงงามที่หาได้ยากยิ่งคนหนึ่ง หนุ่มสาวคู่นี้เป็นศิษย์ของผู้เฒ่า พวกเขาต่างติดตามอยู่ด้านหลังของผู้เฒ่าเฝ้าสังเกตหลี่ชิเย่อยู่

ผู้เฒ่าดูจะให้ความสนใจในตัวของหลี่ชิเย่เป็นอันมาก เรียกได้ว่าในสิบกว่าวันที่ผ่านมา หลี่ชิเย่ไปถึงไหนเขาก็จะตามไปถึงที่นั่น เขาจ้องมองดูหลี่ชิเย่ที่กำลังพิเคราะห์พิจารณารอยสลักของที่นี่

ผู้เฒ่าที่ให้ความสนใจต่อหลี่ชิเย่อย่างยิ่ง แต่ศิษย์สองคนที่ติดตามอยู่ด้านหลังของเขากลับไม่คิดเช่นนั้น ศิษย์ที่เป็นชายหนุ่มถึงกับกล่าวว่า “อาจารย์ มนุษย์ปุถุชนธรรมดาผู้นี้มีอะไรที่ทำให้อาจารย์ต้องให้ความสำคัญขนาดนี้”

“บนโลกใบนี้ผู้ที่มีอะไรแปลกเป็นพิเศษมีอยู่มากมาย ทุกแห่งหนล้วนแล้วแต่พยัคฆ์หมอบมังกรเร้นกายทั้งสิ้น สำนักต้นไม้เหล็กของเราเป็นเพียงสำนักขนาดเล็กๆ เท่านั้น ยากจะมีมองแยกแยะคนมีความสามารถได้ชัดเจน ดังนั้น ควรจะให้ความสนใจเรื่องราวต่างๆ เฝ้าสังเกตอย่างจริงจัง บางทีอาจได้รับผลประโยชน์ที่เหนือความคาดคิดก็เป็นได้”

“ที่อาจารย์สั่งสอนนั้นคือเหตุผล ผู้บำเพ็ญตนควรมีความระมัดระวังละเอียดรอบคอบ แต่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น การมาบรรลุธรรมที่หลุมสวรรค์ของเขาเป็นเพียงการฝันเฟื่องเท่านั้นเอง แม้แต่ดาวรุ่งของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่ายังยากจะได้ดอกผลไปจากที่นี่ อาศัยตัวเขาที่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดามันก็แค่ฝันกลางวันเท่านั้นเอง” ศิษย์สาวที่งดงามน่าประทับใจก็รู้สึกว่าหลี่ชิเย่ไม่มีความน่าสนใจ

พวกเขาติดตามอาจารย์มาที่นี่ก็เพื่อฝึกฝนขัดเกลา แต่เวลานี้กลับเสียเวลาอยู่กับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง มันเป็นอะไรที่ไม่คุ้มค่าเลยโดยแท้

จะไปโทษศิษย์ทั้งสองของผู้เฒ่าผู้นี้ที่มองหลี่ชิเย่ด้วยลักษณะเช่นนี้ก็ไม่ถูก เนื่องจากหลี่ชิเย่ในเวลานี้ฐานเต๋าถูกทำลายสิ้น ไม่เหลือซึ่งวิชาใดๆ ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าเขาคือมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

“จะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก” ผู้เฒ่าส่ายหัวเบาๆ และกล่าวว่า “ก็เพราะมีคนที่ฝันกลางวัน จึงได้มีเซียนหวางของร้อยชาติพันธุ์ในวันนี้ เฉกเช่นเผ่าพันธุ์มนุษย์พวกเราก็ไม่ได้ฝึกวิชาได้ตั้งแต่แรกเริ่ม เป็นเพราะมีปรัชญาเมธีชนรุ่นก่อนที่วาดฝัน มีความปรารถนาที่เพ้อเจ้อ จึงได้มีความเจริญรุ่งเรืองของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในวันนี้ มีสารพัดสำนักของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในวันนี้ มีเคล็ดวิชานับไม่ถ้วนในวันนี้ บางครั้งความคิดที่เพ้อฝันก็คือสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่”

อ่านตอนอื่นๆของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล คลิกเลย

แฟนเพจ