Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1744 เถี่ยซู่อง

เรื่อง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1744 เถี่ยซู่อง

ตอนที่ 1744 เถี่ยซู่อง
แม้ว่าผู้เป็นอาจารย์จะพูดเช่นนี้ แต่ ในใจของกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งสองกลับไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น ในสายตาของพวกเขามองว่าหลี่ชิเย่ที่เสมือนดั่งมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่เป็นขอทานเช่นนี้ จะเป็นไปได้อย่างไรที่สามารถคิดค้นสร้างเคล็ดวิชาอะไรได้เล่า

กว่าสิบวันที่ผ่านมา ผู้เฒ่าได้เฝ้าสังเกตหลี่ชิเย่ตลอดมา แน่นอนที่สุด ทุกๆ ความเคลื่อนไหวของผู้เฒ่าก็หลอกสายตาทั้งสองของหลี่ชิเย่ไปไม่ได้ เพียงแต่หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปสนใจเขาเท่านั้นเอง โดยถือเสียว่าพวกเขาไม่มีตัวตนอย่างนั้น

ในที่สุด หลังจากผ่านไปสิบกว่าวัน ขณะที่หลี่ชิเย่ได้ไปนั่งอยู่หน้าหลุมสวรรค์ที่คล้ายดั่งบึงน้ำแล้ว ผู้เฒ่าได้พาศิษย์ทั้งสองของตนเดินเข้าไปทักทาย

“ข้า เถี่ยซู่อง พ่วงด้วยตำแหน่งเจ้าสำนักต้นไม้เหล็ก บังเอิญได้พบกับสหายที่นี่นับว่ามีวาสนาต่อกัน ไม่ทราบว่าสหายมีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร?” ผู้เฒ่าแสดงคารวะแบบจีนกล่าวต่อหลี่ชิเย่

ท่าทีของผู้เฒ่าเรียกได้ว่าหาได้ยากยิ่งนัก เขามีชื่อว่าเถี่ยซู่อง เป็นเจ้าสำนักของสำนักต้นไม้เหล็ก ในฐานะเป็นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่ง กลับสามารถให้เกียรติต่อหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งถึงเพียงนี้ นับว่าหาได้ยากนัก

อย่าว่าแต่เถี่ยซู่องที่มีฐานะเป็นถึงเจ้าสำนักคนหนึ่ง ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญตนธรรมดายังขี้คร้านจะสนใจหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นหลี่ชิเย่ในเวลานี้ทั้งเนื้อทั้งตัวมอมเมมดุจดั่งเป็นขอทานคนหนึ่ง

ท่าทางของหลี่ชิเย่ที่มองดูประกายของน้ำในบึงที่กระเพื่อมอย่างหมดอาลัยตายอยาก ไม่สนใจต่อเถี่ยซู่อง

ท่าทีที่โอหังอวดดีของหลี่ชิเย่สร้างความไม่พอใจให้กับศิษย์ทั้งสองของเถี่ยซู่อง ศิษย์ที่เป็นชายถึงกับตวาดเสียงทุ้มต่ำออกมาว่า “นี่ เจ้าหูหนวกหรือไง? ไม่ได้ยินอาจารย์ข้าพูดกับเจ้าหรือไง?”

กล่าวสำหรับศิษย์สองคนแล้วเรียกได้ว่าไม่พอใจอย่างยิ่ง แม้ว่าสำนักต้นไม้เหล็กของพวกเขาจะเป็นเพียงสำนักขนาดเล็กเท่านั้น แต่อาจารย์ของพวกเขาชั่วดีอย่างไรก็คือยอดฝีมือคนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นถึงเจ้าสำนัก ขณะที่ลักษณะของหลี่ชิเย่เหมือนดั่งกับขอทานของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น มนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งสามารถได้รับการชื่นชอบจากอาจารย์ของพวกเขาเช่นนี้ นับว่าเป็นเกียรติที่ยศสูงส่งแล้ว

“เฉินเอ๋อร์ ห้ามเสียมารยาท! เมื่อเถี่ยซู่องเห็นศิษย์ของตนตวาดเช่นนี้ จึงตวาดเสียงทุ้มต่ำออกมา จากนั้นแสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ข้าอบรมไม่เข้มงวด ขอสหายได้โปรดอภัย”

หลี่ชิเย่ไม่ได้สนใจต่อเถี่ยซู่อง ยังคงจ้องมองน้ำในบึงอย่างเหม่อลอย ท่าทีของหลี่ชิเย่สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งแกชายหนุ่มหญิงสาวทั้งสอง หากไม่เป็นเพราะอาจารย์ของพวกเขาอยู่ พวกเขาต่างต้องการลงมือสั่งสอนมนุษย์ปุถุชนธรรมดาผู้นี้

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ หลี่ชิเย่จึงได้หันหัวกลับมาอย่างช้าๆ มองดูเถี่ยซู่องทีหนึ่งเอ่ยขึ้นมาเชื่องช้าว่า “อยู่ๆ มาเอาอกเอาใจขนาดนี้ต้องหวังผลประโยชน์อยู่แล้ว แสดงว่าต้องการให้ข้าช่วยอะไรน่ะสิ”

“บังอาจ…” เฮ่อเฉินศิษย์หนุ่มของเถี่ยซู่องเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันมีสีหน้าที่ดูไม่จืดถึงขีดสุด ร้องตวาดเสียงดังออกมา

“ห้ามเสียมารยาท!” เถี่ยซู่องตวาดไล่ศิษย์ของตนให้ถอยไปทันที

แม้แต่ศิษย์สาวของเขาเสิ่นเสี่ยวซันก็ไม่พอใจเช่นกัน กล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “อาจารย์ เขาพูดจาลบหลู่ถึงเพียงนี้ ทำไมท่านจะต้องทน ก็แค่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น จะทำอะไรได้!”

“ถอยไป” เถี่ยซู่องสั่งให้ศิษย์ของตนถอยไป เข้าก้าวไปข้างหน้าโค้งคำนับอย่างงามและกล่าวต่อหลี่ชิเย่ว่า “ศิษย์ของข้าไร้ประสบการณ์ ไม่รู้จักผู้มีความรู้ความสามารถ ขอสหายได้โปรดอภัย”

หลี่ชิเย่มองดูเถี่ยซู่องทีหนึ่ง กล่าวเรียบเฉยขึ้นมาว่า “เห็นแก่เจ้าที่มีความจริงใจ ประทานที่นั่งให้ก็แล้วกัน” กล่าวพลางใช้มือตบพื้นดินข้างๆ

สถานที่ตรงนี้ไหนเลยจะมีที่นั่งอะไร มันก็แค่พื้นดินเท่านั้นเอง ขณะที่เถี่ยซู่องก็ไม่เอะอะโวยวาย ถลกชุดยาวที่สวมใส่อยู่แล้วนั่งลงข้างๆ

หลี่ชิเย่เห็นเถี่ยซู่องให้เกียรติถึงขนาดนี้ หัวเราะและกล่าวขึ้นเชื่องช้าว่า “ข้าแค่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าข้าเป็นผู้สูงส่งหละ”

“ผาไหม้ไฟคือสถานที่ที่อันตราย เหมือนถูกไฟเผาไฟย่าง ลำพังแค่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งไหนเลยจะมาถึงที่ตรงนี้ได้ ต่อให้สหายเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งจริงๆ แต่สามารถเดินทางมาถึงตรงนี้ได้ นับว่ายอดเยี่ยมเช่นใดแล้ว? การมาอยู่ท่ามกลางสถานที่ที่เลวร้ายเพียงนี้ แม้ว่าชุดของสหายที่สวมใส่จะดูไม่เรียบร้อยนัก แต่กลับมีท่าทีที่สงบผ่อนคลาย ย่อมเห็นได้ว่าสหายมีจิตใจที่เหนือกว่าผู้คน ดังนั้น ต่อให้สหายเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง ก็ต้องเป็นผู้ที่ไม่ธรรมดาแน่นอน”

หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของเถี่ยซู่อง และยิ้มกล่าวว่า “ตบะเจ้าแม้จะอ่อน แต่สายตาเจ้ากลับไม่เหมือนคนอื่น ยอดฝีมือจำนวนเท่าไรที่ไม่ได้มีสายตาเช่นเจ้า”

เฮ่อเฉิน และเสิ่นเสี่ยวซันที่เป็นศิษย์ทั้งสองของเถี่ยซู่องรู้สึกไม่พอใจอยู่ภายในใจสำหรับคำพูดของหลี่ชิเย่ ส่งเสียงไม่พอใจออกมา แม้ว่าอาจารย์ของพวกเขาจะไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรในชิงโจวมากนัก แต่ชั่วดีอย่างไรก็เป็นยอดฝีมือที่ก้าวไปจนถึงระดับชั้นราชาสัจธรรมแล้ว! เวลานี้ออกจากปากของมนุษย์ปุถุชนธรรมดากลับกลายเป็นว่ามีตบะอ่อน เจ้ามนุษย์ปุถุชนธรรมดาผู้นี้นับว่าวาจาสามหาวเหลือเกิน มีตาหามีแววไม่!

“ชมเกินไปแล้ว” เถี่ยซู่องไม่ได้รู้สึกพึงพอใจ และกล่าวว่า “เพียงละเอียดเพิ่มขึ้นนิดหนึ่ง รอบคอบเพิ่มขึ้นนิดหนึ่งเท่านั้นเอง”

“เจ้าคิดจะขอให้ข้าช่วยไขข้อฉงนสงสัย” หลี่ชิเย่มองดู เถี่ยซู่องที่ถ่อมตน ยิ้มกล่าวเฉยเมยขึ้นมา

“ท่านเป็นผู้วิเศษจริงๆ แค่มองแวบเดียวก็ดูออก” เถี่ยซู่องรู้สึกตระหนก แสดงคารวะแบบจีน และกล่าวว่า “ท่านคือมังกรแท้จริงที่ซ่อนตัวอยู่บนโลกมนุษย์ ข้าเสียมารยาทแล้วหละ”

ศิษย์ทั้งสองของเขาเฮ่อเฉินและเสิ่นเสี่ยวซันกลับไม่คิดเช่นนั้น เมื่อเห็นอาจารย์ของตนแสดงท่าทีให้ความเคารพหนักแน่นจริงจังถึงเพียงนี้ พวกเขารู้สึกว่าอาจารย์ของตนถูกเจ้ามนุษย์ปุถุชนธรรมดาผู้นี้ทำให้ตกใจจนเป็นดั่งกระต่ายตื่นตูมเท่านั้นเอง

“ไม่ธรรมดา” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และกล่าวว่า “ข้ารู้สึกแปลกใจอยู่นิดหนึ่ง เจ้าอาศัยอะไรมองว่าข้าเป็นผู้ที่สามารถไขข้อฉงนสงสัยให้กับเจ้าได้เล่า”

“ไม่กล้าปิดบังท่าน” เถี่ยซู่องรีบกล่าวว่า “ขณะอาจารย์ท่านยังมีชีวิตอยู่ได้บอกกับข้าว่า ดวงตาคือหน้าต่างหัวใจของคนเรา มันสามารถส่องตรงไปยังจิตบำเพ็ญเพียรของผู้บำเพ็ญตน รอยสลักของที่นี่ไม่มีใครสามารถอธิบายได้มาเป็นหมื่นชาติ ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อเห็นรอยสลักนี้แล้ว ดวงตาทั้งสองล้วนแล้วแต่ฉงนสนเท่ห์ ขณะที่ท่านกับมีแววตาที่สุกใส เป็นระเบียบ แม้ว่าราชันเซียนจะไม่รู้ถึงความลึกลับพิสดารของรอยสลักเหล่านี้ แต่ก็ไม่สามารถทำให้จิตใจของท่านต้องสับสน ดังนั้น ท่านน่าจะเป็นผู้ที่มีความเฉลียวฉลาด สามารถเบิกเมฆมองเห็นตะวัน สามารถมองเห็นความจริงท่ามกลางความขมุกขมัวได้”

“เยี่ยมมาก” หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “โชควาสนาของเจ้าไม่เท่าไร แต่เข้าใจมนุษย์และเหตุผลอย่างลึกซึ้ง การที่อาจารย์ของเจ้าสามารถพูดคำเช่นนี้ออกมาได้ ก็นับเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมมากคนหนึ่ง”

“ท่านชมเกินไปแล้ว” เถี่ยซู่องรีบกล่าวขึ้น พร้อมกับแสดงคารวะแบบจีน

ภายในใจศิษย์สองคนของเถี่ยซู่องกลับไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น ดวงตาทั้งสองสุกใสอะไรนั่น ไม่แน่นักเจ้ามนุษย์ปุถุชนธรรมดาผู้นี้อาจเป็นปัญญาอ่อนโดยกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็จะไม่มีปฏิกิริยาอะไรทั้งสิ้น

หลี่ชิเย่มองดูบึงน้ำด้วยท่าทีเอ้อระเหย หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่จึงได้กล่าวขึ้นเชื่องช้าว่า “มีเรื่องขอร้องข้าก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ว่าคนอย่างข้าทำอะไรอยู่ที่อารมณ์ ถ้าหากข้าอารมณ์ดีบางทีอาจจะชี้แนะคลายข้อฉงนให้ได้บ้าง”

“ถ้าหากท่านสามารถช่วยคลายฉงนให้ผู้น้อย สำนักต้นไม้เหล็กต้องตอบแทนอย่างงามแน่” เถี่ยซู่องรีบตอบ

“ธรรมดา…” หลี่ชิเย่กล่าวตัดบทเถี่ยซู่อง โบกมือเบาๆ และกล่าวว่า “ค่าตอบแทนแค่นั้นไม่อยู่ในสายตาของข้าด้วยซ้ำ พูดถึงแต่เรื่องแลกเปลี่ยนด้วยเงินทองไม่มีรสนิยมเอาเสียเลย”

“ท่านสั่งสอนได้ถูกต้อง”เถี่ยซู่องรีบเร่งกล่าวว่า “ขอเพียงท่านต้องการสิ่งใด ขอให้สั่งการมาได้เลย”

ท่าทีของหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งกลับวางมาดถึงเช่นนี้ สร้างความไม่พอใจยิ่งให้กับเฮ่อเฉิน และเสิ่นเสี่ยวซันที่เป็นศิษย์ทั้งสองของเถี่ยซู่อง อาจารย์ของพวกเขาชั่วดีอย่างไรก็คือระดับราชาสัจธรรม ถึงกับต้องโก้งโค้งให้กับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่เหมือนขอทานคนหนึ่ง พวกเขาทนดูต่อไปไม่ได้จริงๆ พวกเขาต่างไม่เข้าใจว่าอาจารย์ของตนไปโดนของเข้าอะไร ถึงกับนอบน้อมต่อมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งถึงเพียงนี้

ครั้นหลี่ชิเย่เห็นท่าทีที่เคารพนอบน้อมและจริงใจเช่นนี้ของเถี่ยซู่องแล้ว มองหน้าเขาอีกที แล้วกล่าวขึ้นเฉยเมยว่า “เอาเถอะ ข้าก็จะประทานวาสนาให้เจ้าก็แล้วกัน มีเรื่องอะไรก็ว่ามาได้เลย”

เฮ่อเฉิน และเสิ่นเซี่ยวซันแทบกระอักเป็นเลือดออกมา เมื่อเห็นท่าทีที่อวดดีเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ อาจารย์ของพวกเขาคือยอดฝีมือคนหนึ่ง เวลานี้เจ้ามนุษย์ปุถุชนธรรมดาผู้นี้กลับพูดจาสามหาวว่าจะประทานโชควาสนาให้กับอาจารย์ของพวกเขา

เถี่ยซู่องมองซ้ายมองขวา แล้วพูดขึ้นเบาๆ ว่า “ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะคุยกัน ท่านไปพักอาศัยที่สำนักข้าชั่วคราวดีหรือไม่?”

“เอาเถอะ ไหนๆ ข้าก็ไม่มีธุระอะไร ก็ตามเจ้าไปสักครั้งก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ

กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว การไปสำนักต้นไม้เหล็กเป็นเรื่องที่อย่างไรก็ได้ เวลานี้เขาได้ “เคล็ดวิชาคืนสู่ปุถุชน” มาแล้ว ได้เวลาที่ควรออกจากผาไหม้ไฟได้แล้ว

“เชิญท่าน” เถี่ยซู่องรีบเร่งลุกขึ้นยืนและกล่าว

“เดินทางมาไกล ข้ารู้สึกเหนื่อยอยู่บ้าง ช่วยจัดหารถม้าความเร็วสูงให้สักคันเถอะ” หลี่ชิเย่สั่งการต่อเถี่ยซู่อง

เถี่ยซู่องไม่พูดมากความ จัดหารถม้าวิเศษลากรถด้วยม้าวิเศษแปดตัวให้กับหลี่ชิเย่คันหนึ่ง

เฮ่อเฉิน และเสิ่นเซี่ยวซันที่เป็นศิษย์ทั้งสองคนรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง เมื่อเห็นอาจารย์ของตนให้ความเคารพนอบน้อมถึงเพียงนี้ สนองตอบทุกอย่างตามคำขอ แต่ว่า เมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าอาจารย์ของตนแล้วก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา

ครั้นเถี่ยซู่องจัดหารถม้ามาได้แล้ว หลี่ชิเย่ชี้ไปที่เสิ่นเสี่ยวซัน กล่าวเรียบเฉยขึ้นว่า “ให้นางเป็นผู้ควบคุมรถม้าให้ข้าก็แล้วกัน

“เจ้า…” สีหน้าของเสิ่นเซี่ยวซันพลันแดงก่ำ เมื่อถูกหลี่ชิเย่ชี้ตัวระบุให้เป็นสารถี แม้ว่าสำนักต้นไม้เหล็กพวกเขาจะเป็นสำนักขนาดเล็ก แต่นางอยู่ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ของสำนัก นับเป็นองค์หญิงคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าผู้คนจำนวนเท่าไรที่โปรดปราณนาง เวลานี้องค์หญิงของสำนักต้นไม้เหล็กคนนี้กำลังถูกมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งชี้ตัวให้เป็นสารถี ย่อมทำให้นางโกรธจนร่างสั่นเทิ้ม

“เจ้าหนู เกินไปแล้วนะ อย่าได้คืบเอาศอก…” แม้แต่ศิษย์น้องของเขาเฮ่อเฉินก็ร้องหาความเป็นธรรมให้กับศิษย์พี่ของตนเอง ร้องตวาดเสียงดังออกมา

“ถอยไป!” เถี่ยซู่องรีบตวาดห้ามเฮ่อเฉินที่กำลังโกรธเอาไว้ เฮ่อเฉินโกรธจนกัดฟันกรอด แต่ก็จนด้วยเกล้า

หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปสนใจเขา มองดูเสิ่นเสี่ยวซันทีหนึ่ง กล่าวท่าทีเรียบเฉยว่า “ขับรถม้าให้ข้าถือเป็นเกียรติของเจ้า” พูดขาดคำก้าวขึ้นไปบนรถม้า เอนกายและนอนเสียอย่างนั้นอยู่ตรงนั้น และหลับไปโดยพลัน

หลี่ชิเย่ที่มองนางเหมือนไม่มีตัวตน ทำให้เสิ่นเสี่ยวซันโกรธจนแทบกระอักเลือดออกมา สีหน้าดำคล้ำ มือทั้งสองถึงกับสั่นเทา นางพยายามอดกลั้นอารมณ์เต็มที่ไม่ลงมืออัดเจ้ามนุษย์ปุถุชนธรรมดาผู้นี้ให้สาแก่ใจ

“ซันเอ๋อร์ ขับรถให้มันดีๆ” เถี่ยซู่องสั่งการกับศิษย์ของตน

“อาจารย์…” เสิ่นเสี่ยวซันรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม อาจารย์ที่โปรดปรานตรมาโดยตลอด เวลานี้ก็ต้องการให้ตนไปเป็นสารถี คิดจะขอร้องต่ออาจารย์ของตน

เถี่ยซู่องกล่าวเสียงทุ้มต่ำออกมาว่า “เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความเจริญรุ่งเรืองหรือตกต่ำของสำนักต้นไม้เหล็ก ต้องปรนนิบัติท่านให้ดี หากใครไม่ให้ความเคารพ จะขับออกจากสำนัก!”

ท่าทีของเถี่ยซู่องเวลานี้เข้มงวดยิ่งนัก น้ำเสียงหนักแน่นจริงจังมาก

น้อยครั้งนักที่เสิ่นเสี่ยวซันจะได้เคยเห็นท่าทีของอาจารย์ในลักษณะเช่นนี้ ปรกติอาจารย์โปรดปรานตนมาโดยตลอด ในเมื่ออาจารย์พูดประกาศออกมาเช่นนี้ ต่อให้เสิ่นเสี่ยวซันไม่พอใจ หรือรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่ง ก็ได้แต่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนเอาไว้

เพียงแต่เสิ่นเสี่ยวซันนำเอาความอัดอั้นตันใจของตนระบายบนตัวของหลี่ชิเย่ ภายในใจของนางแค้นจนกัดฟันกรอด

อ่านตอนอื่นๆของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล คลิกเลย

แฟนเพจ