ตอนที่ 1748 หญิงงามช่วยเปลื้องผ้า
ภายในห้องอาบน้ำ เสิ่นเสี่ยวซันได้จัดเตรียมน้ำอุ่นไว้เรียบร้อยแล้ว อุณหภูมิของน้ำก็อุ่นได้ที่พอดิบพอดี
หลังจากที่เสิ่นเสี่ยวซันได้จัดเตรียมเครื่องใช้สำหรับอาบน้ำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จึงปั้นหน้ากล่าวน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จัดเตรียมเรียบร้อย สามารถอาบน้ำได้แล้ว”
ภายในใจของเสิ่นเสี่ยวซันไม่เต็มใจอย่างยิ่ง กล่าวสำหรับนางแล้วแม้เปรียบไม่ได้กับองค์หญิงหรือธิดาศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นเจ้าลัทธิ แต่ชาติกำเนิดของนางไม่ได้ต่ำต้อย เป็นศิษย์เอกของสำนักต้นไม้เหล็ก นับได้ว่าเป็นกิ่งทองใบหยกเช่นกัน เวลานี้กลับต้องมาเป็นคนรับใช้ให้กับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง แล้วจะให้เสิ่นเสี่ยวซันรู้สึกดีใจได้อย่างไรกัน
หากไม่เป็นเพราะคำสั่งอาจารย์ไม่อาจขัดได้ นางคงจัดการซ้อมหลี่ชิเย่ไปแล้ว อย่าว่าแต่ให้นางมาคอยปรนนิบัติหลี่ชิเย่เลย
หลี่ชิเย่ยืนอยู่ตรงนั้น มองดูอ่างอาบน้ำที่ไอน้ำลอยตลบอบอวล ยื่นมือทั้งสองข้างออกไป กล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “เปลื้องผ้าให้กับข้า”
“เจ้า” สีหน้าของเสิ่นเสี่ยวซันพลันเปลี่ยนไป นางเข้าใจว่าการปรนนิบัติหลี่ชิเย่อาบน้ำเพียงแค่จัดเตรียมเครื่องใช้ก่อนอาบน้ำเท่านั้น ไม่นึกเลยว่าถึงกับต้องให้นางทำเรื่องเช่นนี้ด้วย
“เจ้าอย่าเกินเลยมากไปนัก” เสิ่นเสี่ยวซันทั้งโกรธทั้งโมโห นางยังคงเป็นสาวเป็นแส้ ชายหญิงไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน อย่าว่าถอดเสื้อผ้าให้กับผู้ชายคนหนึ่งเลย นางยังไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายเสียด้วยซ้ำ
หลี่ชิเย่เพียงจ้องมองนางด้วยท่าทีเย็นชา กล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “เร็วๆ หน่อย!”
เสิ่นเสี่ยวซันถูกยั่วโมโหจนร่างสั่นเทิ้ม ถึงกับจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ แต่หลี่ชิเย่กลับมีท่าทีที่นิ่งมากไม่หวั่นไหว เพียงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเย็นชาและมองดูนางอย่างสงบนิ่ง
เสิ่นเสี่ยวซันทั้งโกรธทั้งโมโห สุดท้ายนางกัดฟันและเริ่มเปลื้องผ้าให้กับหลี่ชิเย่ แต่ว่า นางยังไม่เคยเปลื้องผ้าให้กับผู้ชายมาก่อน นิ้วทั้งสิบถึงกับสั่นเทา ท่าทางเก้งก้างไม่คล่องแคล่วแม้แต่น้อยนิด
“เห็นทีเจ้าจะต้องหมั่นฝึกฝนให้ดี มาตรฐานการเปลื้องผ้าเช่นนี้หากเป็นเวลาปรกติข้ายังรังเกียจเลย เวลานี้ได้แต่ฝืนทนเอา” ขณะที่เสิ่นเสี่ยวซันกำลังเปลื้องผ้าให้กับหลี่ชิเย่อยู่นั้น หลี่ชิเย่ได้กล่าวท่าทีเรียบเฉยขึ้นมา
“เจ้า” สีหน้าของเสิ่นเสี่ยวซันดูปั้นยากถึงขีดสุด นัยน์ตาของนางพ่นเป็นไฟแห่งความโกรธออกมา เวลานี้นางบังเกิดอารมณ์อยากจะจับหลี่ชิเย่ฉีกให้แหลกเป็นชิ้นๆ นางถึงกับกัดฟันกรอด
แต่ทว่า ถึงแม้เสิ่นเสี่ยวซันจะโกรธจนนัยน์ตาทั้งสองแทบพ่นเป็นไฟออกมา หลี่ชิเย่ก็เพียงแค่มองหน้านางด้วยท่าทีเรียบเฉยทีหนึ่งเท่านั้น
ไม่ง่ายนัก ในที่สุดเสิ่นเสี่ยวซันได้จัดการเปลื้องผ้าให้กับหลี่ชิเย่จนหมดสิ้น ขั้นตอนตรงนั้นเป็นไปด้วยความเก้อเขินอึดอัด นางไม่กล้าจ้องมองหลี่ชิเย่โดยตรง ก้มหน้าก้มตาสนิท ครั้นนิ้วมือของนางไปแตะต้องกับกล้ามเนื้อที่แน่นหนาแล้วมีความรู้สึกเหมือนถูกไฟลวกอย่างนั้น
หลังจากที่จัดการเปลื้องผ้าให้กับหลี่ชิเย่จนล่อนจ้อนแล้ว เสิ่นเสี่ยวซันรีบหันหลังกลับ เวลานี้ใบหน้าของนางแดงก่ำ นาทีนี้นางทั้งโมโหทั้งอาย ทั้งหมดล้วนเกิดเพราะไอ้เลวคนนี้ ทำให้นางถึงกับกัดฟันกรอด!
ท่าทางของหลี่ชิเย่นั้นเรียบเฉยมาก เมื่อเปรียบกับเสิ่นเสี่ยวซันที่โกรธและเก้อเขิน เรื่องเช่นนี้สำหรับเขาแล้ว มันก็เป็นแค่เรื่องที่ธรรมดายิ่งนัก หากเป็นช่วงเวลาปรกติ ผู้หญิงเช่นเสิ่นเสี่ยวซันไม่มีคุณสมบัติพอที่จะปรนนิบัติเขาเสียด้วยซ้ำ
หลี่ชิเย่ก้าวเท้าลงไปในสระน้ำ แอนกายอยู่ในน้ำสั่งการต่อเสิ่นเสี่ยวซันว่า “เข้ามานวดหลังคลายเส้นให้กับข้า”
“เจ้า” เมื่อเสิ่นเสี่ยวซันได้ยินคำพูดเช่นนี้โมโหจนแทบกระอักเป็นเลือดออกมา นางยังเข้าใจว่าคงสุดเพียงเท่านี้ ไม่นึกเลยว่าหลี่ชิเย่ยังคงมีข้อเรียกร้องที่เกินเลยมากไปกว่านี้
“เจ้าคนแซ่หลี่ เจ้าอย่าทำเกินไป!” เสิ่นเสี่ยวซันกล่าวเสียงเขียวขึ้นมาด้วยความโกรธ
“สวะ!” หลี่ชิเย่เพียงมองหน้าเสิ่นเสี่ยวซันทีหนึ่ง กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “เจ้าคิดว่าข้ามีเรื่องร้องขอต่อสำนักต้นไม้เหล็กรึ เป็นสำนักต้นไม้เหล็กที่มีเรื่องร้องขอต่อข้า สำนักต้นไม้เหล็กพวกเจ้าจะรุ่งเรืองหรือตกต่ำขึ้นอยู่กับความคิดชั่ววูบพวกเจ้า! เจ้าเทียบกับอาจารย์ของเจ้าเป็นอย่างไร? อาจารย์ของเจ้ามีสายตาที่แหลมคมกว่าเจ้า มีความคิดอันประเสริฐ เก่งกว่าเจ้า อยู่ต่อหน้าข้ายังต้องก้มโค้งให้ข้ามิใช่รึ หากไม่เป็นเพราะเห็นแก่อาจารย์เจ้าที่เคารพนบนอบล่ะก็ ข้าขี้คร้านจะก้าวข้ามธรณีประตูสำนักต้นไม้เหล็กแม้เพียงก้าวเดียว รีบเข้ามาเดี๋ยวนี้!”
ใบหน้าของเสิ่นเสี่ยวซันเดี๋ยวแดงเดี๋ยวเขียวเมื่อถูกหลี่ชิเย่ตำหนิด้วยท่าทีเรียบเฉย คำพูดของหลี่ชิเย่ใม่ไว้หน้านางอย่างสิ้นเชิง กระทั่งทำลายความหยิ่งในศักดิ์ศรีของนางลงทันที ส่งผลให้นางโมโหจนร่างสั่นเทา ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรืออับอายกันแน่
ท่ามกลางความอับอายระคนความโกรธ เสิ่นเสี่ยวซันกระทั่งรู้สึกถึงหนังหัวด้านชา เดินเข้าไปข้างกายหลี่ชิเย่ด้วยความมึนงง ได้แต่นั่งยองๆ ช่วยนวดหลังผ่อนคลายหัวไหล่ให้กับหลี่ชิเย่
ความจริงแล้ว เสิ่นเสี่ยวซันไม่เคยทำงานเกี่ยวกับการปรนนิบัติผู้อื่นมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงช่วยนวดไหล่คล้ายเส้นเอ็นให้กับผู้ชาย ดังนั้น ในขณะที่นางช่วยนวดหลังคลายเส้นเอ็นให้กับหลี่ชิเย่นั้น นิ้วทั้งสิบของนางเหมือนพันกันเป็นเงื่อนปมอย่างนั้น ดูเก้งก้าง ไม่ลื่นไหลคล่องแคล่วแม้แต่น้อย
ไม่ง่ายนักกว่าเสิ่นเสี่ยวซันจะได้สติกลับมาจากอาการมึนงง พลันมีใบหน้าที่แดงก่ำ นางทั้งโกรธทั้งอับอายสุดจะควบคุม การปรนนิบัติผู้ชายอาบน้ำ นวดหลังคลายเส้นเอ็นให้ผู้อื่นเรียกได้ว่าเป็นงานที่ต่ำต้อยมาก เวลานี้นางในฐานะศิษย์เอกของสำนักต้นไม้เหล็กกลับจะต้องมาทำงานลักษณะเช่นนี้ แล้วจะให้นางกล้ำกลืนกับสิ่งนี้ได้อย่างไร ดังนั้น นางจึงลงมือหนักขึ้นบีบเอ็นและกระดูกเข้าให้อย่างแรง หากไม่เป็นเพราะคำสั่งอาจารย์ขัดไม่ได้ นางแทบอยากจะบีบเอ็นและกระดูกของหลี่ชิเย่ให้แหลกละเอียดให้มันรู้แล้วรู้รอดไป!
แน่นอน ความเจ็บปวดแค่นี้กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้วไม่นับเป็นอะไร เขาเพียงมองหน้าเสิ่นเสี่ยวซันทีหนึ่ง และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “อาจารย์ของพวกเจ้ากลับเป็นผู้มีความสามารถที่หาได้ยาก แม้ว่าพรสวรรค์จะใช้ไม่ได้ แต่เรื่องการมองหลักทำนองคลองธรรมทะลุปรุโปร่งได้อย่างชัดเจน มีคู่สายตาที่มองคนได้ออก จุดนี้กระทั่งระดับปราชญาสัจธรรม ระดับสวรรค์สัจธรรมจำนวนมากก็ห่างชั้นเทียบไม่ได้กับเขา…”
“เฉกเช่นเจ้า ในสายตาผู้บำเพ็ญตนอย่างพวกเจ้ามีเพียงสุดยอดเคล็ดวิชา มีเพียงพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งหรืออ่อนด้อย น้อยมากที่จะอาศัยนัยน์ตาทั้งสองไปมองดูโลกมองดูน้ำใจคนและจารีตประเพณี ดังนั้น เฉกเช่นพวกไร้สมองอย่างพวกเจ้า ถูกผู้อื่นเขาเข่นฆ่า กระทั่งถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ก็ไม่นับเป็นเรื่องแปลก”
“ฮึ พูดแบบนี้แสดงว่าเจ้าคือผู้มีความสามารถเหนือโลกหล้าของมนุษย์ปุถุชนน่ะสิ มีฝีมือที่ยอดเยี่ยมมากสินะ” เสิ่นเสี่ยวซันส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจออกมา และกล่าวด้วยความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม และนับเป็นครั้งแรกที่นางโต้ตอบกับหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีปรกติ
“เจ้าคิดว่าอย่างไรหละ?” หลี่ชิเย่ไม่แสดงอาการโกรธ กล่าวเรียบเฉยว่า “เจ้าคิดว่าตนเองนั้นเทียบกับอาจารย์แล้วเป็นอย่างไร? หากพูดถึงด้านพรสวรรค์ เป็นความจริงที่อาจารย์เจ้าสู้เจ้าไม่ได้ แต่เจ้าลองเปลี่ยนมุมมองนิดหนึ่ง ถ้าหากวันหนึ่งเจ้าได้เป็นเจ้าสำนัก เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถทำได้โดดเด่นมากกว่าอาจารย์ของเจ้าหรือไม่?”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้เสิ่นเสี่ยวซันต้องนิ่งเงียบขึ้นมา หากพูดถึงพรสวรรค์นางมีพรสวรรค์ที่สูงกว่าอาจารย์แน่นอน แต่หากพูดถึงการนั่งในตำแหน่งของอาจารย์ นางไม่แน่เสมอว่าจะทำได้ดีไปกว่าอาจารย์
ภายใต้การปกครองของเถี่ยซู่อง แม้ว่าสำนักต้นไม้เหล็กไม่ได้มีทีท่าว่าจะรุ่งเรืองหรือมีทีท่าจะผงาดขึ้นมาได้ แต่ก็นับว่ามีความมั่นคงและสงบสุข บรรดาศิษย์และผู้อาวุโสภายในสำนักต่างเลื่อมใสในตัวของเขา อีกทั้งเขายังมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวนักกับสำนัก และแคว้นเจ้าลัทธิอยู่จำนวนไม่น้อย คบหามิตรสหายจำนวนไม่น้อย ในเรื่องการจัดการกับความขัดแย้งระหว่างสำนักด้วยกันเขาก็สามารถจัดการได้อย่างคล่องแคล่วและไม่ยากเย็นอะไรนัก
หากจะกล่าวว่า ในอนาคตด้านการบำเพ็ญเพียรนางต้องเหนือกว่าอาจารย์แน่ จุดนี้เสิ่นเสี่ยวซันมีความมั่นใจในตนเองมาก แต่หากว่าให้นางเป็นเจ้าสำนักของสำนักต้นไม้เหล็ก นางก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองสามารถทำได้โดดเด่นมากไปกว่าอาจารย์ของตนได้หรือไม่
“เจ้าคิดว่าอาจารย์ของเจ้าเป็นคนไร้สมองหรือไม่? หรือว่าอาจารย์ของเจ้าเป็นประเภทไม่มีศักดิ์ศรี เห็นใครก็ก้มลงเลียยอมสยบ” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยกับเสิ่นเสี่ยวซัน
“ไม่ใช่แน่นอน” เสิ่นเสี่ยวซันตอบทันควันโดยไม่ต้องคิด แน่นอน นางย่อมไม่อนุญาตให้ใครมาใส่ร้ายอาจารย์ของนาง และกล่าวว่า “อาจารย์ของข้าย่อมไม่ใช่คนประเภทนั้น! เขาเป็นผู้ที่ฉลาดหลักแหลมและมองการณ์ไกลคนหนึ่ง!”
“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” เวลานี้ ยากนักที่หลี่ชิเย่จะมีอารมณ์เช่นนี้ กล่าวเรียบเฉยว่า “ในเมื่ออาจารย์ของเจ้าไม่ใช่พวกไร้สมอง แต่กลับให้ความเคารพกับข้าเพียงนี้ หรือเป็นเพราะสมองของอาจารย์เจ้ามีปัญหา? ถ้าหากข้าไม่มีค่าพอ มันคุ้มค่ารึที่อาจารย์ของเจ้าต้องคุกเข่าเอาใจเช่นนี้? หากข้าไม่มีความสามารถ มีรึจะไม่มองผู้บำเพ็ญตนเช่นพวกเจ้าอยู่ในสายตา? เจ้าคิดว่าข้าเป็นสวะประเภทที่โง่เขลาอวดดีและไม่กลัวตายจริงหรือ?”
คำพูดของหลี่ชิเย่พลันทำให้เสิ่นเสี่ยวซันต้องนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา เมื่อนึกให้ละเอียดแล้วคำพูดของหลี่ชิเย่ใช่จะไม่มีเหตุผล อาจารย์ของนางใช่เป็นคนไร้สมอง ยิ่งไม่ใช่ประเภทที่ยอมเอาใจกระทั่งมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ไม่มีค่าอะไรคนหนึ่งสุ่มสี่สุ่มห้า!
เวลานี้ อาจารย์ของเขาให้ความเคารพนบนอบต่อมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งถึงเพียงนี้ ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าหลี่ชิเย่มีคุณค่าพอ
นางไม่พอใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็แค่มีอคติต่อหลี่ชิเย่ มองหลี่ชิเย่ว่าเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึงตั้งแต่แรก เป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น โดยเฉพาะกับท่าทีของหลี่ชิเย่ทำให้นางบังเกิดความไม่พอใจมากมาย ความอคติและเพลิงแห่งความโกรธจึงได้บดบังดวงตาทั้งสองของนางเอาไว้
เวลานี้เมื่อนึกดูให้ละเอียด การที่อาจารย์ของนางให้นางทำเช่นนี้ย่อมมีเหตุผลของเขา เป็นไปไม่ได้ที่อาจารย์ของนางจะให้ศิษย์เอกของเขาไปปรนนิบัตินายหมูนายหมาที่ไหนก็ได้
“เอาหละ อย่าทำเหม่ออีกเลย ตั้งใจหน่อย” ขณะที่เสิ่นเสี่ยวซันกำลังนึกอย่างละเอียดรอบคอบอยู่นั้น เสียงของหลี่ชิเย่ได้ดังขึ้นข้างหูของนาง
เมื่อเสิ่นเสี่ยวซันได้สติกลับมา ถึงกับโมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แม้ว่าการการะทำของอาจารย์จะมีเหตุผล แต่ท่าทีของหลี่ชิเย่ทำให้นางต้องเดือดดาล แต่ก็จนด้วยเกล้า
หลังจากได้สติกลับมาเสิ่นเสี่ยวซันนวดหลังผ่อนคลายเส้นเอ็นให้กับหลี่ชิเย่ เทียบกับก่อนหน้านั้น เวลานี้จิตใจของนางนับว่าสงบลงไม่น้อยทีเดียว เพลิงโกรธภายในใจก็สงบลงไม่น้อย อาจารย์ของนางในฐานะเป็นผู้นำสำนัก เพื่อสำนักต้นไม้เหล็กแล้วยังยินดีก้มโค้งให้กับหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ท่าทีเคารพนอบน้อมอย่างยิ่ง นางเป็นเพียงศิษย์เอกคนหนึ่งเท่านั้นมีสิทธิ์อะไรไปวางมาดให้สูงกว่าผู้เป็นอาจารย์ได้อย่างไรเล่า?
ดังนั้น เมื่อคิดได้แล้ว เพลิงโกรธในใจของเสิ่นเสี่ยวซันจึงสงบลงไม่น้อย และท่าทีก็อ่อนลงมากทีเดียว ขณะเดียวกันก็มีความตั้งใจมากขึ้น ดังนั้น เมื่อนางตั้งใจนวดหลังคลายเส้นให้กับหลี่ชิเย่ จากเดิมท่าทางของนางที่ดูเก้งก้างก็ค่อยๆ มีความชำนาญมากขึ้น
“อืมม” หลี่ชิเย่ที่เสพสุขอยู่กับการปรนนิบัติของเสิ่นเสี่ยวซันจึงเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ไม่เลว จิตแปรเปลี่ยนได้ไม่เลวนัก แม้ว่ายังมีความไม่พอใจอยู่บ้าง อย่างน้อยเจ้ายังเข้าใจได้ว่าอะไรคือตื้นอะไรคือลึก เมื่อผิดแล้วรู้จักแก้ไข ย่อมไม่มีสิ่งใดดีไปกว่านี้อีกแล้ว”
“ปรกติเจ้าพูดแบบนี้กับคนอื่นอย่างนั้นรึ?” เสิ่นเสี่ยวซันย่อมจะไม่พอใจอยู่แล้ว นางที่เป็นสาวเป็นแส้คนหนึ่งมาคอยปรนนิบัติหลี่ชิเย่อย่างดี ขอบคุณสักคำยังไม่มี กลับวิพากวิจารณ์นางเช่นนี้ แล้วจะให้นางพอใจได้รึ?
“เจ้าต้องการให้ข้าพูดความจริงรึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวสำหรับความไม่พอใจของเสิ่นเสี่ยวซัน
“ฮึ เจ้ายังมีคำพูดใดที่ไม่กล้าพูด เจ้าจำเป็นต้องให้ข้าเห็นด้วยก่อนรึ?” เสิ่นเสี่ยวซันส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจออกมา
“คำพูดนี้มีเหตุผล” ยากนักที่หลี่ชิเย่จะพยักหน้าอย่างจริงจังกับคำพูดของเสิ่นเสี่ยวซัน จากนั้นยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ปรกติข้าพูดเช่นนี้หรือไม่ข้าเองก็ไม่ได้สังเกต แต่ว่า มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ยืนยันได้ก็คือ หากเป็นช่วงปรกติ อย่าว่าแต่พูดคุยกับข้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงปรนนิบัติข้า เกรงว่าเจ้าไม่มีโอกาสแม้จะได้พบกับข้า”