Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1764 ของล้ำค่าราคาแพงลิ่ว

เรื่อง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1764 ของล้ำค่าราคาแพงลิ่ว

ตอนที่ 1764 ของล้ำค่าราคาแพงลิ่ว
แต่ทว่า คณะของหลี่ชิเย่ก็นับว่าแปลกประหลาดดี ลองคิดดู มนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งพาผู้บำเพ็ญตนสามคนมาเดินซื้อของ ผู้บำเพ็ญตนสามคนที่เดินตามหลังมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งท่าทางเหมือนเป็นภรรยาอย่างนั้น พลันที่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าไม่เคยเข้าสังคมมาก่อน

ขณะที่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนนั้นกลับดีกว่าเสียอีก ท่าทางไม่เกรงใจใคร เหมือนว่าก้าวเดินไปที่ใดก็คล้ายดั่งกำลังเดินเล่นในสวนหลังบ้านของตนเองอย่างนั้น เหมือนว่าเดินไปถึงไหนเขาก็มีท่าทีที่กร่างเช่นนี้

ทุกคนที่ได้เห็นล้วนแล้วแต่แปลกใจกับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาลักษณะเช่นนี้ เกรงว่าคงเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ยโสมากที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยพบเห็น

พนักงานภายในร้านนับว่ามีสายตาที่ร้ายกาจมาก พลันที่มองเห็นก็รู้ได้ทันทีว่า ลูกค้ากลุ่มนี้ต้องมีหลี่ชิเย่เป็นผู้นำอย่างแน่นอน

สิ่งนี้ได้สร้างความอึดอัดให้กับผู้เป็นพนักงานขายอยู่ไม่น้อย แม้ว่าผู้คนสามารถดูรู้ได้ทันทีว่าพวกของเสิ่นเสี่ยวซันมีชาติกำเนิดมาจากสำนักขนาดเล็ก แต่ชั่วดีอย่างไรพวกเขาก็คือผู้บำเพ็ญตน โดยเฉพาะสือโส่ว แม้ทักษะยุทธของเขาไม่นับว่าดีในหมู่มวลของผู้บำเพ็ญตน แต่ทว่า หากจะนับในกลุ่มของสำนักขนาดเล็กแล้ว ถือว่าเป็นบุคคลที่ใช้ได้อยู่

โดยปรกติแล้ว ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญตนที่มีชาติกำเนิดจากสำนักขนาดเล็กก็จะดูแคลนต่อมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ในสายตาของผู้บำเพ็ญตนมนุษย์ปุถุชนธรรมดาไม่ได้ต่างอะไรกับมดปลวกสักเท่าไร แต่เป็นไงล่ะพวกของสือโส่วสามคนนั่น พวกเขาเดินอยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่คล้ายดั่งผู้ติดตามอย่างนั้น ขณะที่หลี่ชิเย่ที่เดินกร่างนั่นจึงเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง

การรู้สึกอึดอัดของพนักงานขายในร้านก็ส่วนของการอึดอัด แต่ เขายังคงแสดงออกให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น เขาแนะนำต่อหลี่ชิเย่ว่า “ไม่ทราบว่าลูกค้าท่านนี้ต้องการอะไรรึ?”

“มามองหาว่าที่ตรงนี้ของพวกเจ้ามีของล้ำค่าอะไรที่เข้าตาข้าได้บ้าง” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวออกมาตามอารมณ์

พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา แม้แต่พนักงานขายก็ตะลึง เกรงว่าคงเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ยโสที่สุด และพาลมากที่สุดเท่าที่เคยพบเห็นมาชั่วชีวิต มนุษย์ปุถุชนธรรมดาทั่วไปเมื่อมาเห็นสถานที่ลักษณะเช่นนี้แล้ว อย่าว่าแต่เดินเข้าไปในร้านเลย กระทั่งยืนอยู่หน้าร้านยังเข่าอ่อนได้

เอากับเขาสิสำหรับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ พลันเปิดปากก็เปี่ยมด้วยความอหังการ ถึงกับพูดออกมาว่า ที่ตรงนี้ของพวกเขามีของล้ำค่าอะไรที่เข้าตาเขาได้ เป็นที่ทราบกันดีว่า ร้านค้าแห่งนี้ของพวกเขามีตระกูลราชันฉีหลินอยู่เบื้องหลัง มีของล้ำค่าหายากเป็นจำนวนมากกระทั่งระดับหัวหน้าพรรคและกษัตริย์ผู้ครองแคว้นของสำนักและแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากก็มาหาซื้อของล้ำค่าและแร่ศักดิ์สิทธิ์จากร้านของพวกเขา

แม้แต่กษัตริย์แห่งแคว้นยังไม่กล้าพูดจากโอหังว่าที่ตรงนี้ของพวกเขามีของล้ำค่าที่เข้าตาหรือไม่

เป็นไงหละกับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนที่อยู่ตรงหน้า พลันพูดออกมาก็ทำเอาแทบช็อก คำพูดที่โอหังเช่นนี้เป็นคำพูดโอหังและพาลที่สุดที่ผู้เป็นพนักงานขายเคยได้ยินมาชั่วชีวิต

พวกของเสิ่นเสี่ยวซันถึงกับกลัวด้วยความหวาดระแวงขณะที่หลี่ชิเย่พูดคำพูดที่โอหังและพาลออกมา โดยเฉพาะเสิ่นเสี่ยวซันนั้นถึงกับมีเหงื่อซึมออกมาจากฝ่ามือ เนื่องจากนางรู้ว่าในกระเป๋าคุณชายไม่มีศิลาขมุกขมัวเลยแม้แต่เม็ดเดียว

ลองคิดดู คนที่ไม่มีเงินแม้แต่นิดเดียวอย่างหลี่ชิเย่ ถึงกับกล่าววาจาสามหาวแล้วจะไม่ให้เสิ่นเสี่ยวซันต้องหวาดกลัวได้อย่างไร เกิดผู้อื่นรู้ว่าคุณชายไม่มีเงินแม้แต่นิดเดียว มิเป็นที่ขบขันกันรึ เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาคงต้องมุดเข้าไปอยู่ในรูก็แล้วกัน

แต่ว่า พนักงานขายในร้านนับว่าผ่านโลกมาแล้ว แขกประเภทไหนที่เขาไม่เคยพบมาก่อน ดังนั้น เขาเพียงยิ้มนิดหนึ่ง และพาหลี่ชิเย่ไปถึงตู้ๆ หนึ่ง แนะนะของล้ำค่าชิ้นหนึ่งว่า “ลูกค้าคิดว่าของล้ำค่าชิ้นนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

“เสื้อขนซวนหนี (ซวนหนีเป็นลูกมังกรตัวที่แปดในตำนาน) เป็นเสื้อเกราะคุ้มกายเดินทองระดับกษัตราสัจธรรม สวมเสื้อเกราะตัวนี้แล้วรับรองว่าลูกค้าจะมีความปลอดภัยยิ่งนัก ที่สำคัญก็คือ เสื้อเกราะตัวนี้มีสรรพคุณด้านการป้องกัน ต่อให้พลังลมปราณไม่แข็งแกร่งพอ กลิ่นอายขมุกขมัวอ่อนเกินไปก็ไม่เป็นปัญหา” พนักงานขายในร้านอธิบายอย่างละเอียดให้กับหลี่ชิเย่

พวกเสิ่นเสี่ยวซันที่ติดตามหลี่ชิเย่อยู่ด้านหลังเมื่อได้เห็นเสื้อเกราะตัวนี้พลันถูกดึงดูดเอาไว้ แม้แต่เฮ่อเฉินยังต้องอ้าปากค้าง ในสำนักต้นไม้เหล็กของพวกเขาก็มีอาวุธระดับกษัตราสัจธรรมอยู่ชิ้นหนึ่ง และอาวุธชิ้นนี้ก็คืออาวุธที่ทรงพลังมากที่สุดของสำนัก ขณะเดียวกันก็เป็นอาวุธระดับกษัตราสัจธรรมเพียงชิ้นเดียวของสำนักต้นไม้เหล็กพวกเขา

อาวุธชิ้นนี้อยู่ในมือของอาจารย์พวกเขา แน่นอน ในฐานะเจ้าสำนักต้นไม้เหล็ก ซ้ำยังเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนัก เถี่ยซู่องมีสิทธิ์ครอบครองอาวุธระดับกษัตราสัจธรรมนี้โดยแท้จริง

เสื้อเกราะลักษณะเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นเสิ่นเสี่ยวซัน และหรือสือโส่วกับเฮ่อเฉินล้วนแล้วแต่ชื่นชอบเมื่อได้เห็น ถ้าหากพวกเขาสามารถได้อาวุธระดับกษัตราสัจธรรมมาครอบครองสักชิ้นหนึ่งก็พึงพอใจเป็นที่สุดแล้ว ส่วนที่ว่าคุณภาพเป็นเช่นใดนั้น ไม่ได้มีความสำคัญแต่อย่างใดแล้ว

สำหรับหลี่ชิเย่แล้ว อาวุธระดับเช่นนี้เขาขี้คร้านจะมองดูสักครั้งด้วยซ้ำ กล่าวว่า “ช่างเถอะ มีของล้ำค่าที่เป็นระดับของล้ำค่าประจำร้านอะไรบ้างช่วยแนะนำให้หน่อย”

พลันที่หลี่ชิเย่กล่าวคำๆ นี้ออกไป แม้แต่พวกของเสิ่นเสี่ยวซันสามคนยังต้องอ้าปากค้างทันที พวกเขาต่างงงงันอยู่ตรงนั้น แม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีว่าหลี่ชิเย่นั้นอหังการมาก แต่ไม่นึกว่าจะอหังการถึงขั้นนี้

แม้แต่พนักงานขายที่คอยให้บริการก็ต้องยืนเซ่ออยู่ตรงนั้น เขาเองก็งงงันเหมือนกัน นี่คือผู้ที่อหังการ และยโสมากที่สุดเท่าที่เขาได้เคยพบเห็นมาชั่วชีวิต!

เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น อ้าปากก็จะเอาของล้ำค่าประจำร้านของพวกเขา มันช่างยโสเพียงใด และอหังการเช่นใด อย่าว่าแต่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเลย ต่อให้เป็นกษัตริย์แห่งแคว้น หรือหัวหน้าพรรค เมื่อมาถึงร้านของพวกเขาก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอดูของล้ำค่าประจำร้านของพวกเขา

เป็นที่ทราบกันดี ของล้ำค่าหลายๆ ชิ้นในร้านกระทั่งกษัตริย์แห่งแคว้น หรือหัวหน้าพรรคก็ไม่มีปัญญาซื้อ

เป็นไงล่ะเวลานี้ แค่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งแท้ๆ กลับเอ่ยปากต้องการดูของล้ำค่าประจำร้านของพวกเขา เขาไม่เคยพบเจอมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเช่นนี้มาก่อน เวลานี้ ตัวพนักงานขายไม่สามารถบรรยายจิตใจของตนในเวลานี้ด้วยตัวอักษรอีกแล้ว

ผู้บำเพ็ญตนและยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในร้านเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่แล้ว พวกเขาอดที่จะจ้องมองดูหลี่ชิเย่หลายครั้ง ต่างรู้สึกว่ามนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ชื่อหลี่ชิเย่คนนี้ยโสเหลือเกิน

“ทายาทเศรษฐีมาจากไหนกัน ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ” ผู้บำเพ็ญตนบางคนถึงกับส่ายหัวและกล่าวเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่

แน่นอนที่สุด ผู้บำเพ็ญตน และยอดฝีมือที่อยู่ในเหตุการณ์ส่วนใหญ่ขี้คร้านจะไปสนใจหลี่ชิเย่ ในสายตาของพวกเขามองว่าหลี่ชิเย่ก็แค่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเท่านั้น ทำให้ผู้อื่นต้องเมินใส่

ไม่ง่ายนัก กว่าพวกของเสิ่นเสี่ยวซันจะได้สติกลับมา พวกเขาต่างไม่กล้าสบตากับผู้อื่น เนื่องจากท่าทีที่ยโสและอหังการของหลี่ชิเย่ทำเอาพวกเขาต้องหวาดกลัวด้วยความหวาดระแวง กลัวจะทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ พนักงานขายที่ได้สติกลับมา เขาถึงกับยิ้มเจื่อนๆ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้วท่าทีของเขาคืออย่างไรก็ได้ คนอื่นจะคิดว่าหลี่ชิเย่ยโสเกินไป โอหังเกินไป ขณะที่กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้วมันคือคำพูดธรรมดาๆ เท่านั้นเอง

สุดท้ายแล้ว พนักงานขายได้แต่นำคณะของหลี่ชิเย่ไปยังด้านหน้าตู้ที่ตั้งอยู่กึ่งกลางร้านมากที่สุด โดยที่ไม่มีผู้ใดยื่นอยู่บริเวณด้านหน้าตู้นี้เลย

ที่เป็นเช่นนี้เหตุผลง่ายมาก คนที่เคยมาร้านแห่งนี้มาแล้วต่างก็รู้ว่า ของล้ำค่าที่อยู่ในตู้กึ่งกลางร้านเป็นของล้ำค่าที่มีราคาสูงลิบลิ่ว แม้แต้ระดับหัวหน้าพรรคก็ไม่สามารถซื้อได้ หรือต่อให้มีคนที่สามารถยอมรับราคานั้นได้จริงๆ ร้านตระกูลฉีก็ไม่แน่ว่าจะยอมขายให้ เนื่องจากของล้ำค่าเหล่านี้ไม่เพียงมีราคาสูงลิบลิ่ว เวลาที่ร้านตระกูลฉีจะขายยังต้องดูว่าผู้ซื้อมีประวัติความเป็นมาเช่นใดอีกด้วย

“ของล้ำค่าหลายชิ้นที่อยู่ในตู้นี้ก็คือของล้ำค่าที่มีราคาสูงที่สุดของทางร้านแล้วหละ” พนักงานขายกล่าวด้วยท่าทีจนด้วยเกล้า

ของล้ำค่าหลายชิ้นที่จัดเรียงอยู่ในนั้นแม้แต่ระดับหัวหน้าพรรคของพรรคขนาดใหญ่ก็สู้ราคาไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคณะของหลี่ชิเย่เลย แม้พนักงานขายจะรู้อยู่แล้วว่าคณะของหลี่ชิเย่รับราคาไม่ได้ แต่ก็ต้องพาพวกเขามาดู ใครใช้ให้พวกเขาเป็นคนค้าขายหละ ย่อมไม่สามารถไล่ลูกค้าออกไปนอกร้านอยู่แล้ว

แต่ทว่า เพราะรู้อยู่แล้วว่าพวกของหลี่ชิเย่รับราคาไม่ได้ ดังนั้น พนักงานขายก็ขี้คร้านจะทำการแนะนำอีกแล้ว

ภายในตู้ใบนี้ได้จัดวางของล้ำค่าเอาไว้หลายชิ้น สองชิ้นในจำนวนนั้นถูกวางเอาไว้ตรงกลางตู้มากที่สุด ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าสองชิ้นดังกล่าวเป็นสองชิ้นที่มีราคาสูงที่สุดแล้ว

พวกของเสิ่นเสี่ยวซันก็ติดตามอยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่ ถ้าหากคราวนี้ไม่ได้หลี่ชิเย่พาพวกเขาเข้ามา พวกเขาคงไม่กล้าพอที่จะเหยียบเข้ามาในร้าน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการขอดูของล้ำค่าประจำร้านแล้วหละ

หนึ่งในจำนวนของล้ำค่าคือพิณโบราณ พิณโบราณนี้มีลักษณะโบราณเรียบง่าย ต่อให้เป็นคนที่ไม่รู้จักอะไรเลย เมื่อเห็นพิณโบราณนี้แล้วก็เข้าใจได้ว่าพิณโบราณนี้ต้องมีอายุไม่น้อยเลยทีเดียว

นอกจากพิณโบราณนี้แล้ว ของล้ำค่าอีกชิ้นเป็นกล่องไม้ขนาดเล็กใบหนึ่ง กล่องไม้นี้มีขนาดเท่าฝ่ามือ ดูไปแล้วกล่องไม้ใบนี้จะเป็นชิ้นเดียวกัน เหมือนว่าเป็นการแกะสลักจากท่อนไม้ท่อนหนึ่ง อีกทั้งกล่องไม้นี้มีสีออกไปทางสีเขียวจางๆ เหมือนแกะสลักขึ้นมาจากต้นจันทร์โบราณ

เนื่องจากกล่องไม้ดังกล่าวเป็นเนื้อเดียวกัน จึงไม่สามารถเปิดออกมาได้ และไม่สามารถรู้ได้ว่าข้างในบรรจุสิ่งใดเอาไว้

การที่ของล้ำค่าทั้งสองชิ้นถูกจัดวางอยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางตู้ ก็คือของล้ำค่าสองชิ้นที่มีค่ามากที่สุด แต่ว่า ผู้คนไม่สามารถรู้ได้ว่าของล้ำค่าสองชิ้นนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร

พวกของเสิ่นเสี่ยวซันสามคนมองดูของล้ำค่าสองสิ่งอย่างละเอียด พวกเขาดูไม่ออกว่าสิ่งของสองสิ่งนี้ล้ำค่าที่ตรงไหน เมื่อเทียบกับของล้ำค่าชิ้นอื่นๆ ในตู้เดียวกัน กลับกลายเป็นว่าของล้ำค่าทั้งสองนี้ไม่มีความสะดุดตายิ่งกว่าเสียอีก

แต่ว่า ในเมื่อทางร้านได้จัดวางสองสิ่งนี้ไว้ตรงกลาง ย่อมต้องมีเหตุผลของทางร้าน

แม้ว่าของล้ำค่าทั้งสองชิ้นจะถูกจัดวางอยู่ตรงกลางตู้ แต่กลับไม่ได้ระบุราคาเอาไว้ ไม่รู้ว่าทางร้านได้กำหนดราคาเอาไว้เท่าไร

สำหรับของล้ำค่าทั้งสองชิ้น หลี่ชิเย่เพียงมองดูพิณโบราณแค่แวบเดียวเท่านั้น แล้วขี้คร้านจะมองดูมันอีกเลย สายตาของเขาพลันตกไปอยู่ที่กล่องไม้ใบนั้น เหมือนว่ากล่องไม้ใบนั้นมีเสน่ห์ดึงดูดที่ไม่สิ้นสุด ทำการดึงดูดเอาไว้อย่างจริงจัง

ที่ตรงกันข้ามกับหลี่ชิเย่ก็คือ ด้านของพวกเสิ่นเสี่ยวซันกลับถูกพิณโบราณดึงดูดใจเอาไว้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พิณโบราณหลังนี้ก็ต้องมีแรงดึงดูดมากกว่ากล่องไม้ที่ไม่สะดุดตาแม้แต่น้อยนั่นอยู่แล้ว

เมื่อพิณโบราณไม่ได้มีการแสดงราคาเอาไว้ ทำให้เฮ่อเฉินรู้สึกแปลกใจอย่างยิ่ง ในเมื่อเป็นของล้ำค่าประจำร้าน เฮ่อเฉินก็อยากรู้นักว่ามันมีราคาเท่าไรกันแน่

“เพราะอะไรพิณหลังนี้จึงไม่แสดงราคาหละ?” ไม่ง่ายนัก กว่าเฮ่อเฉินจะรวบรวมความกล้าขึ้นมา แล้วเอ่ยถามกับพนักงานขายไป

พนักงานขายผู้นี้นับว่ามีอัธยาศัยดี เขายิ้มกล่าวว่า “พิณหลังนี้มีประวัติความเป็นมาที่สะเทือนฟ้า เรียกได้ว่าประเมินค่าไม่ได้ ไม่เพียงเรื่องของราคา ยังต้องขายให้กับผู้มีวาสนาเท่านั้น”

เสิ่นเสี่ยวซันหลุดปากกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นของที่ประเมินค่าไม่ได้ ทำไมจะต้องขายหละ?”

พนักงานขายได้แต่อมยิ้มแต่ไม่ยอมตอบคำถามของนาง

“เรื่องของพิณหงส์หลังนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด” ขณะที่พนักงานขายกำลังอมยิ้มไม่ตอบอะไรนั้น หลี่ชิเย่ที่สายตาจดจ้องอยู่แต่กล่องไม้ใบนั้นได้กล่าวเฉยเมยขึ้นมา

อ่านตอนอื่นๆของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล คลิกเลย

แฟนเพจ