Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1765 พิณเรียกหงส์

เรื่อง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1765 พิณเรียกหงส์

ตอนที่ 1765 พิณเรียกหงส์
เฮ่อเฉินถึงกับบังเกิดความกล้าขึ้นมาเมื่อได้ยินหลี่ชิเย่เอ่ยปาก รีบถามขึ้นมาว่า “พิณโบราณนี้มีอะไรลึกลับกันแน่?”

ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร เมื่อหลี่ชิเย่เปิดปากพูดออกมา พวกเฮ่อเฉินพลันรู้สึกว่าตัวเองมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นมาบ้าง มีหลี่ชิเย่คอยหนุนหลังทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนว่าทุกเรื่องราวก็สามารถผ่านไปได้อย่างนั้น

หลี่ชิเย่ยังคงจ้องมองอยู่กับกล่องไม้ที่เป็นเนื้อเดียวกันนั่น ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยมองดูพิณโบราณนั่นอีกสักครั้ง ดุจดั่งกล่องไม้ใบนั้นคือหญิงงามที่งามที่สุดในหล้าอย่างนั้น

“ลูกค้ามีสายตาที่เยี่ยมมาก มีประสบการณ์ ถึงกับรู้จักพิณเรียกหงส์” ความจริง พนักงานขายก็ตื่นตระหนกยิ่งนัก

แรกทีเดียว พนักงานขายยังเข้าใจว่าหลี่ชิเย่คือพวกทายาทเศรษฐี ยิ่งกว่านั้นอาจเป็นไปได้ว่าเป็นลูกนอกสมรสของยอดฝีมือสำนักเจ้าลัทธิสักแห่ง ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้มีผู้บำเพ็ญตนสามคนที่คอยติดตามเขาอยู่ด้านหลัง

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในสายตาของพนักงานขายมองว่า หลี่ชิเย่ก็แค่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าพนักงานขายไม่ได้ไปดูแคลนหลี่ชิเย่เป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้มองหลี่ชิเย่อยู่ในสายตา เขามองว่าหลี่ชิเย่เป็นเพียงลูกค้าที่ธรรมดาจนไม่รู้จะธรรมดาอย่างไรคนหนึ่งเท่านั้น

แต่ว่า เวลานี้จะไม่ให้เขาต้องตกใจได้อย่างไร เมื่อหลี่ชิเย่พลันเปิดปากก็สามารถบอกถึงชี่อของพิณเรียกหงส์ได้ทันที เนื่องจากระดับหัวหน้าพรรค กษัตริย์แห่งแคว้นจำนวนมากที่มาที่ร้านก็ไม่รู้ว่าพิณหลังนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร และไม่สามารถบอกถึงชื่อของมันได้

เวลานี้ หลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น กลับสามารถบอกชื่อของพิณได้อย่างง่ายดาย แล้วจะไม่ให้พนักงานขายตกใจได้อย่างไร

ดูเหมือนหลี่ชิเย่จะไมได้ยินคำพูดของพวกเขาอย่างนั้น จ้องมองแต่กล่องไม้ใบนั้นโดยมีการกะพริบตา แม้แต่พนักงานขายก็ไม่เข้าใจว่า เจ้ากล่องไม้ใบนี้มันน่าสนใจตรงไหน

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ หลี่ชิเย่จึงได้ละสายตากลับมาจากกล่องไม้ใบนั้น ในเวลานี้เองเขาได้เหลือบตามองดูพิณเรียกหงส์ทีหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “พิณเรียกหงส์นี้นับเป็นของดีโดยแท้ เรียกมันว่าเป็นของที่ประเมินค่าไม่ได้ก็ไม่นับว่าเกินเลย แต่ว่า เวลานี้มันอยู่ในมือพวกเจ้ามีค่าไม่ต่างอะไรกับไม้ฟืนห่วยๆ ที่ไร้ค่าสักเท่าไร เอามันมาใช้แทนฟืนยังจะดีกว่า”

พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำเอาพวกของเฮ่อเฉินสามคนมีใบหน้าที่ขาวซีด ควรรู้ว่าพิณที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือหนึ่งในของล้ำค่าที่มีค่าที่สุดของร้านนี้ เวลานี้หลี่ชิเย่ถึงกับหาญกล้าบอกว่าพิณเรียกหงส์หลังนี้ไม่แตกต่างอะไรกับไม้ฟืนห่วยๆ เป็นการจงใจทำให้ร้านนี้ต้องอับอาย จงใจหาเรื่องกับทางร้านชัดๆ

ไม่ว่าร้านไหนก็ตาม ของล้ำค่าประจำร้านถูกใครเขาหาว่าเป็นฟืนห่วยๆ ล่ะก็ หากรุนแรงก็จึงขั้นเจ้าของร้านขอแลกชีวิตกับบุคคลผู้นั้น

ดังนั้น พลันที่หลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ ไม่เพียงพวกเสิ่นเสี่ยวซันสามคนต้องตกใจจนหน้าซีด แม้แต่พนักงานขายที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นพลันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เขามีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นกล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “นายท่าน จะกินอะไรก็กินได้ แต่จะมาพูดแบบนี้ไม่ได้ ร้านตระกูลฉีพวกเราเป็นร้านที่มีชื่อเสียง!”

“ไม่ผิด ร้านตระกูลฉีเป็นร้านที่มีชื่อเสียง” หลี่ชิเย่ ไม่ได้ใส่ใจว่าพนักงานขายจะมีท่าทีอย่างไร กล่าวเฉยเมยว่า “พิณเรียกหงส์ก็นับเป็นของล้ำค่าที่ไม่มีสิ่งใดเทียบเทียมชิ้นหนึ่ง แต่ หากไม่มีจังหวะดนตรีหงส์ ตัวพิณเรียกหงส์ก็ไร้ค่า มีเพียงพิณเรียกหงส์เข้าคู่กับจังหวะดนตรีหงส์ พิณเรียกหงส์จึงมีมูลค่า และล้ำค่าปราศจากผู้เทียบเทียม…”

“…ในเมื่อพวกเจ้าสามารถนำพิณเรียกหงส์ออกขาย แสดงว่าพวกเจ้าไม่มีจังหวะดนตรีหงส์อยู่ในมือ ถ้าหากพวกเจ้ามีจังหวะดนตรีหงส์ในมือล่ะก็ เกรงว่าพวกเจ้าคงไม่สามารถตัดใจเอาออกมาขายได้ ที่ว่าขายให้กับผู้มีวาสนาอะไรนั่น พวกเจ้าแค่ต้องการล่อให้ผู้ที่มีจังหวะดนตรีหงส์อยู่ในมือให้ปรากฎออกมาเท่านั้น เมื่อถึงตอนนั้นพวกเจ้าก็เจรจาได้ นี่แหละคือที่ว่าขายให้กับผู้มีวาสนา!” หลี่ชิเย่พูดเจื้อยแจ้วเสมือนหนึ่งเป็นสมบัติในบ้านของตนอย่างนั้น

พนักงานขายถึงกับตกใจด้วยความหวาดผวาเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ ก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งเหมือนเห็นผีอย่างนั้น เนื่องจากสิ่งนี้เป็นความลับทางการค้าของพวกเขา บุคคลภายนอกไม่อาจล่วงรู้ได้ อีกทั้งพนักงานขายภายในร้านล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ที่ถ่ายทอดมากับมือ ผ่านการทดสอบอย่างเข้มข้น เป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดเผยความลับขั้นสูงสุดออกไปได้ เวลานี้หลี่ชิเย่กลับสามารถพูดออกมาได้ถูกต้อง แล้วจะไม่ทำให้พนักงานขายต้องตกใจได้อย่างไร

“นายท่านพูดเล่นแล้วหละ” พนักงานขายรีบหัวเราะเจื่อนๆ เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องนี้ แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม เวลานี้พนักงานขายจ้องมองดูหลี่ชิเย่เสมือนหนึ่งเห็นผีอย่างนั้น

ภายในร้านมีผู้เฒ่าผู้หนึ่งนั่งอยู่ ผู้เฒ่าผู้นี้คือเถ้าแก่ร้านของร้านนี้ เขานั่งอยู่ด้านหลังของร้าน ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าพรรค หรือกษัตริย์แห่งแคว้นเข้ามาในร้าน เขาก็จะไม่ลุกขึ้นไปให้การต้อนรับ กระทั่งไม่มองมากกว่าครั้งด้วยซ้ำ

เถ้าแก่ร้านเฒ่าผู้นี้คือยอดฝีมือที่น่ากลัวคนหนึ่งของตระกูลราชันฉีหลิน การมานั่งประจำอยู่ในร้านของเขาไม่ได้เพื่อต้อนรับลูกค้า เป็นการนั่งคุมร้านของเขา หากมีใครก่อกวนหาเรื่องจะต้องถูกเขาสยบอย่างแน่นอน

จะอย่างไรเสียภายในร้านตระกูลฉีมีของล้ำค่าอยู่เป็นจำนวนมาก แน่นอน ร้านค้าในลักษณะเช่นนี้ย่อมต้องการอาศัยยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมานั่งคุม เพื่อป้องกันเกิดเหตุขึ้นมา

ขณะที่หลี่ชิเย่พูดเจื้อยแจ้วถึงเรื่องพิณเรียกหงส์และจังหวะดนตรีหงส์นั้น เถ้าแก่ร้านเฒ่าผู้นี้พลันลืมตาทั้งสองขึ้นมา จ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ในทันที โดยที่ไม่ได้ละสายตาไปไหนเป็นเวลานาน

หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะสนใจกับสิ่งนี้ เขามองดูกล่องไม้ใบนั้นเอ่ยขึ้นมาเฉยเมยว่า “กล่องไม้ใบนี้ขายราคาเท่าไร?”

“เรื่องนี้” หลังจากที่พนักงานขายผู้นี้ได้สติกลับมา รีบเร่งตอบว่า “นายท่าน กล่องไม้ใบนี้เป็นของฝากขาย เป็นสหายผู้หนึ่งนำมาฝากขายที่นี่ สหายผู้นั้นต้องการแลกกับเคล็ดวิชาป้องกันระดับจอมราชันเล่มหนึ่ง ของเผ่าไหนก็ได้”

ก่อนหน้านั้นท่าทีของพนักงานขายผู้นี้กล่าวได้ว่าอบอุ่น แต่เป็นท่าทีของอาชีพ แต่ว่า เวลานี้ท่าทีของพนักงานขายผู้นี้ดูจะให้ความเคารพมากขึ้น ท่าทีในเวลานี้ไม่ได้มาจากท่าทีที่เป็นเพราะอาชีพของเขา

ความจริงแล้ว ตัวพนักงานขายเองก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับกล่องไม้ใบนี้เลย เนื่องจากกล่องไม้นี้เป็นการฝากขายจสกตระกูลขุนนางโบราณตระกูลหนึ่ง และตระกูลขุนนางโบราณตระกูลนี้กับร้านตระกูลฉีก็จักกันเป็นอย่างดี มีความสัมพันธ์ที่ดีมาก

กล่องไม้ใบนี้เป็นสมบัติประจำตระกูลของตระกูลขุนนางโบราณตระกูลนี้ ได้สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ แต่ทว่า เจ้าบ้านแต่ละรุ่นของตระกูลขุนนางโบราณตระกูลนี้ล้วนแล้วแต่ ไม่ทราบถึงประวัติความเป็นมาของกล่องไม้ใบนี้ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากล่องไม้ใบนี้ล้ำค่าที่ตรงไหน สรุปคือกล่องไม้ใบนี้ได้มีการสืบทอดต่อกันมาในฐานะสมบัติประจำตระกูล

ลือกันว่า กล่องไม้ใบนี้ได้สืบทอดต่อกันมานับจากรุ่นแรกของตระกูล อีกทั้งปฐมบรรพบุรุษรุ่นแรกของตระกูลก็ได้บอกกล่าวต่อลูกหลานไว้ว่า กล่องไม้ใบนี้เป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้ ไม่มีสิ่งใดสามารถมาแลกเปลี่ยนได้ ได้แต่เก็บไว้ให้กับผู้ที่มีวาสนา มีเพียงผู้มีวาสนาเท่านั้นที่สามารถเปิดกล่องไม้ใบนี้ได้

แต่ว่ากล่องไม้ใบนี้สืบทอดมารุ่นสู่รุ่นกลับไม่มีลูกหลานคนไหนสามารถเปิดออกได้ กล่าวสำหรับตระกูลขุนนางโบราณตระกูลนี้แล้ว พวกเขาที่สืบทอดกันมาแต่ละรุ่นก็ไม่เคยมีใครรู้ได้ว่าข้างในกล่องไม้บรรจุสิ่งใดเอาไว้

กระทั่งสืบทอดมาถึงรุ่นนี้แล้ว ตระกูลขุนนางโบราณตระกูลนี้เริ่มเสื่อมลง ดังนั้น ด้วยความจนด้วยเกล้า ตระกูลขุนนางโบราณตระกูลนี้จึงคิดนำเอากล่องไม้ใบนี้ออกขาย โดยแลกเปลี่ยนกับเคล็ดวิชาป้องกันระดับจอมราชัน คาดหวังว่าสามารถอาศัยสิ่งนี้ผงาดขึ้นมาได้อีกครั้ง

ความจริงแล้ว ขณะที่มีการนำเอากล่องไม้ใบนี้มาฝากขายนั้น บรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุด และบรรพบุรุษที่มีประสบการณ์มากที่สุดของพวกเขาก็ไม่สามารถรู้ได้ว่ากล่องไม้ใบนี้ล้ำค่าที่ตรงไหน และไม่สามารถเปิดกล่องไม้ใบนี้ได้

หากไม่เป็นเพราะร้านตระกูลฉีกับตระกูลขุนนางโบราณตระกูลนี้คบกันมาหลายชั่วคน อีกทั้งยังรู้ตื้นลึกหนาบางทุกอย่าง ร้านตระกูลฉีของพวกเขาก็ไม่กล้าฝากขายกล่องไม้ลักษณะเช่นนี้จะอย่างไรเสีย เคล็ดวิชาระดับจอมราชันคือสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ ไม่ว่าใครก็คงไม่โง่ถึงขั้นนำมาเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน

กล่องไม้ใบหนึ่งแลกกับเคล็ดวิชาระดับจอมราชัน เว้นแต่คนผู้นั้นจะเสียสติไปแล้ว โดยทั่วไปเป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องเช่นนี้ได้

เมื่อพวกของเสิ่นเสี่ยวซันได้ฟังคำพูดเช่นนี้แล้ว พวกเขาถึงกับมองหน้ากันและกัน มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย หากเป็นพวกเขาได้ครอบครองเคล็ดวิชาจอมราชันสักแขนงหนึ่ง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จำนำไปแลกกับกล่องไม้ลักษณะเช่นนี้ใบหนึ่ง

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมยนิดหนึ่งสำหรับคำพูดเช่นนี้ เวลานี้เขาได้ละสายตากลับมา มองไปรอบๆ ทันใดนั้นสายตาของเขาตกไปอยู่ที่สินค้าชิ้นหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลกันนัก

หลี่ชิเย่เดินเข้าไปหา มองดูสิ่งที่อยู่ตรงหน้า พินิจพิจารณาอย่างละเอียด

พนักงานขายและพวกเสิ่นเสี่ยวซันสามคนรีบติดตามไป ขณะนี้ สิ่งที่หลี่ชิเย่เพ่งมองอย่างพินิจพิเคราะห์เป็นถ้วยที่เหมือนถ้วยหยกใบหนึ่ง แต่ว่าฐานของถ้วยยกสูงขึ้นมาก หากสูงมากกว่านี้อีกสักนิดล่ะก็ ถ้วยหยกใบนี้คงกลายเป็นเชิงเทียนไปแล้ว

ถ้วยหยกใบนี้ได้วาดรูปของมังกรเอาไว้ตัวหนึ่ง มังกรทองตัวน้อยที่อยู่ตรงนั้นเหมือนว่าสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้ ดูเหมือนจริงมาก ดุจดั่งมังกรน้อยตัวนี้ถูกผนึกเอาไว้ภายในถ้วยหยกใบนี้จริงๆ

ครั้นเดินเข้าไปใกล้กับถ้วยหยกใบนี้ ปรากฏกลิ่นอายที่มีความสุขและอบอุ่นสายหนึ่งพุ่งเข้ามาปะทะใบหน้า ทำให้รู้สึกสบายไปทั่วทั้งร่าง เหมือนว่าสามารถทำให้ลมปราณของคนวิวัฒนาการไปไม่หยุดนิ่งอย่างนั้น

“นี่มัน” เมื่อเสิ่นเสี่ยวซันเดินเข้าไปใกล้ถ้วยหยกใบนี้แล้วก็ต้องตระหนกตกใจขึ้น เนื่องจากนางรับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงความพิสดารของถ้วยหยกใบนี้ เหมือนว่าลมปราณของตนพลันถูกทำให้บริสุทธิ์อย่างนั้น หรือจะกล่าวให้ถูกต้องมากกว่าก็คือทำให้สายเลือดของนางกลับกลายเป็นบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นอย่างนั้น

สรุปก็คือ เสิ่นเสี่ยวซันไม่สามารถเปรียบเปรยถึงความรู้สึกเช่นนี้ได้ ดังนั้น แม้ว่านางไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับตัวสินค้าก็สามารถรู้ได้ทันทีว่า เจ้าถ้วยหยกใบนี้ต้องเป็นของวิเศษที่สุดยอดมากชิ้นหนึ่ง

“นี่คือถ้วยมังกรทอง” พนักงานขายรีบยิ้มเฉ่งอธิบายว่า “ถ้วยใบนี้สร้างขึ้นจากจอมเทพผู้หนึ่งของเผ่าเทพ ถ้วยใบนี้แกะสลักขึ้นมาจากหยกเทวะเซิ่นหวูหยั่ง จากนั้นอาศัยเลือดของมังกรเจียวหลงจากเผ่ามังกรดึกดำบรรพ์มาวาดเป็นรูปมังกรทอง จากนั้นยังได้อาศัยสุดยอดเคล็ดวิชาหลอมสร้างขึ้นมา ของวิเศษชิ้นนี้สามารถกลั่นสายเลือดให้บริสุทธิ์ ขจัดสิ่งแปลกปลอมคงไว้ซึ่งแก่น สามารถทำให้สายเลือดมีอานุภาพแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะยอดฝีมือที่มีเลือดบรรพบุรุษในครอบครอง

พวกของเสิ่นเสี่ยวซันรู้สึกเย็นวาบขึ้นในใจเมื่อได้ฟังคำพูดของพนักงานขายแล้ว เนื่องจากเลือดบรรพบุรุษเป็นสายเลือดที่สูงส่งมาก ผู้ที่มีสายเลือดบรรพบุรุษในครอบครองบ่งบอกว่าเป็นหงส์และมังกรในหมู่มวลมนุษย์ ย่อมจะมีอนาคตที่ปราศจากขีดจำกัด

“นับว่าเป็นของดีชิ้นหนึ่งโดยแท้” หลี่ชิเย่ที่มองดูถ้วยหยกใบนี้หัวเราะขึ้นมา จากนั้นเอื้อมมือไปหยิบถ้วยหยกใบนั้น

หากเป็นก่อนหน้า เกรงว่าพนักงานขายคงไม่ต้องการให้หลี่ชิเย่ไปแตะต้องสิ่งที่แตกหักง่ายเช่นนี้ เกรงว่ามนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งคงสู้ราคาไม่ไหว แต่ว่า เวลานี้พนักงานขายผู้นี้ก็ไม่ขัดขวางหลี่ชิเย่ที่ยื่นมือไปหยิบถ้วยหยกใบนั้น

หลี่ชิเย่เพิ่งจะหยิบเอาถ้วยหยกใบนั้นขึ้นมา ทันใดนั้น ปรากฎมือข้างหนึ่งที่ยื่นมาจากด้านข้างจัดการคว้าเอาถ้วยหยกใบนี้ไปจากมือ กล่าวด้วยท่าทีที่พาลยิ่งนักว่า “ถ้วยหยกใบนี้ข้าซื้อแล้ว ราคาเท่าไร”

เมื่อถ้วยหยกใบนี้ถูกแย่งชิงไป พวกของเสิ่นเสี่ยวซันต่างทยอยกันหันไปมอง ผู้ที่แย่งชิงถ้วยหยกใบนี้ไปเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง

ชายหนุ่มผู้นี้สวมใส่ชุดของกษัตริย์ ชายเสื้อปักรูปหงส์เอาไว้ ชายหนุ่มผู้นี้รูปร่างสูงและรูปงาม ด้วยท่าทีที่บีบคั้นผู้คน ขณะที่ดวงตาของเขาลืมตาหลับตานั้นปรากฎประกายน่ากลัวแวบวับออกมา

บริเวณกลางหน้าผากมีศิลาหยกสีเขียวชิ้นหนึ่งเป็นที่สะดุดตามาก พลันที่มองเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเขามีชาติกำเนิดมาจากเผ่ามนุษย์ศิลา!

…………………………………………………………………………

อ่านตอนอื่นๆของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล คลิกเลย

แฟนเพจ