Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1783 หลี่ชิเย่ คนโหดอันดับหนึ่ง

เรื่อง ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1783 หลี่ชิเย่ คนโหดอันดับหนึ่ง

ตอนที่ 1783 หลี่ชิเย่ คนโหดอันดับหนึ่ง
ทุกคนต่างอยู่ในอาการนิ่งเงียบ มองดูรัชทายาทเทียนหวงที่ถูกสังหารตรึงเอาไว้บนโต๊ะพนัน ใครจะไปคาดคิดว่ามนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งถึงกับกล้าสังหารรัชทายาทของสายสำนักราชันเซียนได้

หากเปลี่ยนเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาอื่นๆ ต่อให้จับรัชทายาทเทียนหวงมัดอยู่ตรงหน้าให้เขาฆ่า เกรงว่าคงไม่มีมนุษย์ปุถุชนคนใดกล้าลงมือ แต่เวลานี้ มนุษย์ปุถุชนธรรมดา ผู้นี้กลับจัดการสังหารรัชทายาทเทียนหวงโดยไม่ลังเลอะไรเลย แถมยังเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนฆ่าเป็ดฆ่าไก่ไปตัวหนึ่งอย่างนั้น

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เวลานี้มีบางคนถึงกับหนาวสะท้านขนลุกซู่ในใจ มีความรู้สึกว่ามนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนนี้ที่มีวิชาต่ำต้อยจนสามารถมองข้ามไปได้คนนี้คือคนฆ่าสัตว์คนหนึ่ง มือคู่นั้นของเขาไม่รู้ว่าเปื้อนเลือดมาแล้วเท่าไร

สำหรับพวกเสิ่นเสี่ยวซัน สามคนถึงกับอ้าปากค้าง ถูกทำให้หวั่นไหวจนพูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน

กล่าวสำหรับพวกเขา ปรกติแล้วเฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในฐานะรัชทายาทเทียนหวงนั้น คือผู้ที่อยู่ในฐานะสูงส่ง สำนักขนาดเล็กเช่นพวกเขาทำได้แค่แหงนมองพวกเขาเหล่านี้ ภายในใจของพวกเสิ่นเสี่ยวซันเปี่ยมไปด้วยความเคารพยำเกรงสำหรับผู้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นนี้ เนื่องจากผู้ดำรงในสถานะเช่นนี้แค่อาศัยนิ้วเดียวก็สามารถสังหารพวกเขาได้แล้ว

เวลานี้ หลี่ชิเย่กลับจัดการสังหารรัชทายาทเทียนหวงด้วยการตรึงเอาไว้บนโต๊ะพนันเป็นๆ การได้มองเห็นภาพเช่นนี้กับตาตนเอง ช่างเป็นสิ่งที่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของพวกเขาเพียงใด

“เฮ่อ ใยต้องทำเช่นนี้เล่า” เสิ่นเหล่าลิ่วปราบมือหัวเราะร่า จากนั้นมุดปะปนเข้าไปในฝูงชนแล้วหายตัวไป

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ นิดหนึ่งกับพฤติกรรมของเซิ่นเหล่าลิ่วเท่านั้น เขาขี้คร้านจะไปจ้องมองศพของรัชทายาทเทียนหวงอีกสักครั้งด้วยซ้ำ กล่าวเฉยเมยว่า “เหยื่อลักษณะนี้ไม่พอให้ข้าอุดขี้ฟันด้วยซ้ำ” พูดจบหันหลังจากไปทันที

คำพูดของหลี่ชิเย่พลันทำให้ผู้คนบังเกิดความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย หรือบางทีรัชทายาทเทียนหวงถูกคนเขาจับจ้องเอาไว้แต่แรกแล้ว เขาได้กลายเป็นเหยื่อในสายตาของผู้อื่นแต่แรกอยู่แล้ว

ขณะที่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาผู้นี้ที่จับจ้องรัชทายาทเทียนหวงเอาไว้นั้น ไม่เพียงต้องการรีดเอาทุกสิ่งทุกอย่างบนตัวของเขาจนหยดสุดท้ายเท่านั้น ทั้งยังต้องการกลืนกินตัวเขาเป็นๆ อีกด้วย

เมื่อนึกถึงความน่าจะเป็นข้อนี้แล้ว ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับสั่นเทา ในสายตาของผู้คนจำนวนไม่น้อยมองว่า มนุษย์ปุถุชนผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นสัตว์ดุร้ายที่อ้าปากกลืนกินผู้คนได้ทุกเวลา ทั้งยังเป็นสัตว์ดุดร้ายที่กัดกินจนไม่เหลือซากอีกด้วย

กรณีของรัชทายาทเทียนหวงก็คือตัวอย่างสดๆ รัชทายาทเทียนหวงไม่เพียงต้องสูญเสียชีวิตเท่านั้น ยังถูกมนุษย์ปุถุชนธรรมดาตรงหน้าผู้นี้รีดเอาของวิเศษและเงินทองทั้งหมดจนแห้ง!

ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมากต้องตัวสั่นเหมือนดั่งลูกนก มนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่อยู่ตรงหน้าไม่เพียงเป็นแค่ผู้ชำนาญการศิลาคนหนึ่งเท่านั้น!

“ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไร” จังหวะที่หลี่ชิเย่กำลังเดินจากไป ระดับบรรพบุรุษของร้านศิลาได้โผล่หน้าออกมา เอ่ยถามด้วยท่าทีที่เกรงใจและให้ความเคารพออกมา

“คนโหดอันดับหนึ่ง หลี่ชิเย่” หลี่ชิเย่แจ้งชื่อและฉายาของตน แล้วหายไปนอกประตู

เมื่อพวกของเสิ่นเสี่ยวซันได้สติกลับมา พวกเขารีบเร่งติดตามขึ้นไปให้ทัน และก้าวตามอยู่ด้านหลังหลี่ชิเย่

หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้แจ้งชื่อ และฉายา คนโหดอันดับหนึ่งหลี่ชิเย่ออกมาแล้ว หลายคนพยายามคิดเท่าไรก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน พวกเขาไม่รู้อยู่แล้วว่าคนโหดอันดับหนึ่งหลี่ชิเย่คือใครอยู่แล้ว

หลังจากที่หลี่ชิเย่ไปจากเมืองประจิมแล้วก็ไม่ได้แวะไปเที่ยวต่อ เนื่องจากในเมื่อประจิมไม่มีสิ่งใดสามารถเข้าตาของเขาอีกแล้ว

พวกของเสิ่นเสี่ยวซันติดตามหลี่ชิเย่กลับไปถึงยังโรงเตี้ยม ตลอดทางที่เดินกลับมา พวกเสิ่นเสี่ยวซัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาสักคำ แม้แต่เฮ่อเฉินที่ก่อนหน้านั้นมีอารมณ์อยู่บ้างก็ไม่กล้าส่งเสียงออกมา เขาเดินก้มหน้าต่ำมากๆ

หลังจากกลับไปถึงโรงเตี้ยมแล้ว หลี่ชิเย่ได้นั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหน้าเตียง ขับเคลื่อนเคล็ดวิชา รับเอากลิ่นอายขมุกขมัว และพลังของโลกดึกดำบรรพ์เข้าไป จากการที่กลิ่นอายขมุกขมัวตลบอบอวล ทำให้กลิ่นอายขมุกขมัวภายในลัคนาของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เกือบจะได้หนึ่งพันลิตรแล้ว ขอเพียงเติมเต็มกลิ่นอายขมุกขมัวครบหนึ่งพันลิตร เขาจะทะลุทะลวงคอขวดของระดับธุลีสัจธรรม เข้าสู่ตะนอยสัจธรรม

“แว้งค์” ในที่สุดหลี่ชิเย่ก็ได้ผ่อนกลิ่นอายขมุกขมัวเข้าออกจนสามารถสะสมกลิ่นอายขมุกขมัวจนครบหนึ่งพันลิตร ฉับพลันนั้น ทำให้เข้าทะลุระดับธุลีสัจธรรมขึ้นไปสู่ระดับตะนอยสัจธรรม

ขณะที่หลี่ชิเย่ทะลุผ่านระดับธุลีสัจธรรมนั้น ไม่ว่าจะเป็นลัคนาทั้งสิบสามของเข้า หรือว่าร่างกายของเขา ถึงกับเริ่มเปล่งประกายจางๆ ออกมา

หลังการต่อสู้กับพวกของซื่อตี้ ปรากฏว่าหลี่ชิเย่ตายอนาถ แม้ว่ารอยประทับมรณะจะช่วยให้เขาคืนชีพขึ้นมาใหม่ แต่เนื่องจากพวกของราชันซื่อตี้แข็งแกร่งเหลือเกิน พวกเขาได้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อหลี่ชิเย่เหนือกว่าคนอื่นๆ ชนิดไม่เห็นฝุ่น ดังนั้นต่อให้รอยประทับมรณะได้ย้อนคืนสิบสามลัคนา และสี่ยอดกายเซียนของหลี่ชิเย่ได้ แต่ว่าทักษะยุทธทั้งหมดของหลี่ชิเย่ถูกทำลาย ทำให้พลังวัตรของเขาสลายไปจนสิ้น

แม้ว่าสิบสามลัคนาและสี่ยอดกายเซียนยังคงอยู่ แต่ปราศจากพลังคอยเกื้อหนุน ทำให้หลี่ชิเย่ยากที่จะสำแดงฝีมือที่ปราศจากผู้ต่อกรออกมา

แต่ว่าจากการที่หลี่ชิเย่เริ่มต้นฝึกขึ้นมาใหม่ จากการที่เขาผ่อนกลิ่นอายขมุกขมัวเข้าออก พลังของโลกยุคดึกดำบรรพ์มีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สิบสามลัคนา และสี่ยอดกายเซียนค่อยๆ ฟื้นคืน

หลังจากทะลวงผ่านระดับธุลีสัจธรรม ทำให้หลี่ชิเย่ก้าวเข้าสู่ตะนอยสัจธรรม ซึ่งตะนอยสัจธรรมนี้ร้องการกลิ่นอายขมุกขมัวจำนวนห้าพันลิตร ถ้าหากหลี่ชิเย่ สามารถครอบครองกลิ่นอายขมุกขมัวได้ห้าพันลิตรแล้ว เขาก็จะสามารถทะลุผ่านจุดที่เป็นคอขวดของตะนอยสัจธรรมเข้าสู่กิมิชาติสัจธรรม

หลี่ชิเย่ยังคงผ่อนเข้าออกกลิ่นอายขมุกขมัว ควบคุมพลังของโลกในยุคดึกดำบรรพ์ รับรู้ถึงการเต้นของชีพจรฟ้าดิน เหมือนว่าตัวเขากับฟ้าดินได้หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ด้านนอกปรากฏเสียงเคาะประตู “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” ดังขึ้น

“เข้ามา” หลี่ชิเย่กล่าวขณะที่ตาทั้งสองข้างไม่ได้ลืมขึ้นมา

“เอี๊ยด” เสียงผลักประตูดังขึ้น เถี่ยซู่องได้เดินเข้ามาจากด้านนอก เมื่อเห็นหลี่ชิเย่กำลังนั่งผ่อนกลิ่นอายขมุกขมัวอยู่จึงไม่กล้าส่งเสียงออกมา ยืนห้อยแขนสองข้างอยู่ตรงนั้น

เถี่ยซู่องได้จัดการเรื่องราวต่างๆ จนเสร็จสิ้น ดังนั้น จึงรีบมาสมทบกับพวกของหลี่ชิเย่

เมื่อได้รับฟังเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากปากของพวกเสิ่นเสี่ยวซันแล้ว ทำเอาเถี่ยซู่องตระหนกตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง และทำให้เถี่ยซู่องเข้าใจทันทีว่าเขามองคนพลาดไปแล้ว หลี่ชิเย่ไม่ได้เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่เปี่ยมด้วยความรู้เท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าหลี่ชิเย่จัดการสังหารรัชทายาทเทียนหวงด้วยการตรึงเอาไว้บนโต๊ะพนัน ยิ่งทำให้เขาตกใจจนเข่าอ่อน เกือบจะนั่งก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ หลี่ชิเย่จึงได้ลืมตาทั้งสองขึ้นมาอย่างช้าๆ และจ้องมองไปที่เถี่ยซู่อง

แววตาของหลี่ชิเย่ในเวลานี้ช่างเรียบเฉยเหลือเกิน ไม่มีลักษณะที่น่าเกรงขามแต่อย่างใด แต่เมื่อเถี่ยซู่องถูกตาของหลี่ชิเย่จ้องมอง เขาถึงกับเข่าอ่อนทั้งสองข้างกระทั่งไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง

“ปุ” เถี่ยซู่องรู้สึกเข่าอ่อนทั้งสองข้างและต้องคุกเขาลง กล่าวด้วยท่าทีหวาดกลัวว่า “ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ไม่ทราบว่าเป็นท่านเซียน หากข้าน้อยมีสิ่งใดล่วงเกิน ขอท่านเซียนได้โปรดลงโทษ…”

เถี่ยซู่องในขณะนี้เรียกว่าตกใจเต็มที่จริงๆ ลองนึกภาพดู หลี่ชิเย่กล้าที่จะสังหารแม้กระทั่งรัชทายาทเทียนหวง นับประสาอะไรกับสำนักต้นไม้เหล็ก ลองนึกดู ก่อนหน้านั้น ศิษย์ของเขาไม่ให้ความเคารพต่อหลี่ชิเย่ โทษเพียงพอที่จะทำให้สำนักต้นไม้เหล็กถูกทำลายล้างร้อยครั้งพันครั้งแล้ว

“ลุกขึ้นมาเถอะ ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด” หลี่ชิเย่มองดูเถี่ยซู่องทีหนึ่งแล้วโบกมือเบาๆ

ไม่ง่ายนักกว่าเถี่ยซู่องที่กลัวด้วยความหวาดระแวงจะลุกขึ้นยืนได้ ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงยืนได้ไม่มั่นคงนัก จะไม่ให้เขาต้องตกใจได้อย่างไร เมื่อเทพองค์ใหญ่ขนาดนี้อยู่ตรงหน้าของเขาใกล้แค่นี้เขากลับมองไม่เห็น

เวลานี้ เถี่ยซู่องไม่รู้ว่าควรเอามือทั้งสองข้างไปซุกไว้ที่ตรงไหนดี เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่ เขาก็เสมือนหนึ่งเป็นมดปลวกที่เดินอยู่บนพื้นเท่านั้นเอง

“เรื่องนั้นเจ้าดำเนินการไปถึงไหนแล้วหละ?” หลี่ชิเย่ มองดูเถี่ยซู่องที่ก้มหน้าต่ำและเอ่ยถามขึ้นมาตามอารมณ์

พลันที่เถี่ยซู่องได้ยินคำถามคำนี้แล้ว แทบจะทำให้วิญญาณเขาต้องออกจากร่าง รีบโบกไม้โบกมือว่า “เป็นข้าน้อยที่มีตาหามีแววไม่ เรื่องทดสอบเป็นเรื่องล้อเล่นเท่านั้น ทำให้ท่านเซียนต้องเสียงานเสียการ…”

เวลานี้ ต่อให้เถี่ยซู่องกล้าดีอย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่กล้าขอให้หลี่ชิเย่ไปเข้าร่วมการทดสอบ หลี่ชิเย่ไม่ลงโทษเขาโทษฐานไม่ให้ความเคารพ เขาก็ขอบคุณเป็นที่สุดแล้ว

“ช่างเถอะ เจ้าเองไม่ต้องทำตื่นเต้น ข้าไม่ได้คิดจะตำหนิอะไรเจ้า ถ้าหากข้าต้องการตำหนิเจ้าล่ะก็ เจ้าคงไม่มีโอกาสได้มายืนอยู่ต่อหน้าของข้า” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเรียบเฉย

เถี่ยซู่องถึงกับหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ เขารู้สึกได้ว่าเหงื่อท่วมตัว ตกใจแทบแย่

“เรื่องนี้สุดแล้วแต่เจ้าก็แล้วกัน ข้าจะไปที่ตระกูลราชันฉีหลินด้วยตนเองสักครั้ง เมื่อไปถึงตระกูลราชันฉีหลินแล้ว ข้าจะช่วยพูดให้กับสำนักต้นไม้เหล็กของเจ้า” หลี่ชิเย่พูดเฉยเมยขึ้นมา

ครั้นเถี่ยซู่องได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่แล้วพลันยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น เมื่อครู่นี้เขาตกใจแทบแย่ เวลานี้มาได้ยินคำพูดเช่นนี้ กล่าวสำหรับเขาแล้วตื่นตกใจและดีใจมาแบบกะทันหันเหลือเกินย เขาปรับตัวแทบไม่ทัน

ถ้าหากสามารถพูดชมหลายคำต่อหน้าตระกูลราชันฉีหลินล่ะก็ กล่าวสำหรับสำนักต้นไม้เหล็กของพวกเขาย่อมเป็นอะไรที่แตกต่าง กระทั่งเรียกได้ว่าสามารถเกี่ยวพันของตระกูลราชันฉีหลิน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เขาพยายามให้บรรลุผลมาโดยตลอด!

“ที่ข้าให้ความสำคัญในตัวเจ้าไม่เพียงเพราะท่าทีที่เคารพนอบน้อมนั่นของเจ้า และไม่เพียงเพราะเจ้าประจบข้า” หลี่ชิเย่มองดูเถี่ยซู่องที่กำลังตะลึงอยู่ และกล่าวเรียบเฉยว่า “ที่ข้าให้ความสำคัญกับเจ้าเป็นเพราะสติปัญญาของเจ้า สายตาที่แหลมคมของเจ้าคู่นั้น แม้ว่าเจ้ามีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อย ชาติกำเนิดเป็นเพียงสำนักขนาดเล็ก แต่ว่ากลับมีสติสัมปชัญญะที่แม้แต่สำนักเจ้าลัทธิจำนวนมากก็ไม่มี เจ้าวางสติปัญญาของเจ้าไว้เรียบมาก ถือว่าจุดนี้เจ้าทำได้ดีมาก!”

ครั้นเถี่ยซู่องได้ยินคำพูดนี้แล้วถึงกับร่างสั่นเทิ้ม รีบก้มลงกราบและกล่าวด้วยความเคารพว่า “บุญคุณยิ่งใหญ่ที่ท่านเซียนมีต่อสำนักต้นไม้เหล็ก พวกเราต้นไม้เหล็กจะไม่มีวันลืมเลือนเลย ข้าจะต้องจัดตั้งป้ายบูชาอายุมั่นขวัญยืนให้กับท่านเซียน บูชาท่านเซียนตลอดไป”

“เอาเถอะ กลับออกไปเถอะ” หลี่ชิเย่พยักหน้าและโบกมือเบาๆ

เถี่ยซู่องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กราบอีกครั้งแล้วล่าถอยออกไปด้วยความเคารพ

หลังจากที่เถี่ยซู่องล่าถอยออกไปแล้ว นิ้วหลี่ชิเย่จิ้มออกไปตามอารมณ์ทีหนึ่ง อำพรางช่องว่างเอาไว้ แล้วค่อยๆ หยิบเอาของออกมาสิ่งหนึ่ง เป็นกล่องไม้ที่ได้มาจากร้านตระกูลฉีนั่นเอง

กล่องไม้กล่องนี้มีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกัน และมีสีเขียวจางๆ ทั้งใบ เหมือนหนึ่งว่ากล่องไม้ใบนี้แกะสลักขึ้นมจากไม้จันทร์หยกเขียว

ยากนักที่หลี่ชิเย่จะมีท่าทีหนักแน่นจริงจังขนาดนี้ หลังจากที่ได้หยิบเอากล่องไม้ใบนี้ออกมาแล้ว

แม้ว่าหลี่ชิเย่เคยบอกกับเถ้าแก่ร้านเฒ่าของร้านตระกูลฉีว่า เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าภายในกล่องไม้บรรจุสิ่งใดเอาไว้ ความจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ ภายในใจของเขารู้ถึงประวัติความเป็นมาของกล่องไม้ใบนี้แล้ว

เรียกได้ว่ากล่องไม้ใบนี้มีประวัติความเป็นมาที่น่าตกใจ กระทั่งเคยมีผู้คนจำนวนมากที่ตามหาของสิ่งนี้มาก่อน แต่ว่ากลับไม่เคยมีใครได้เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของสิ่งนี้เท่านั้นเอง เนื่องเพราะเหตุนี้เอง จึงไม่เคยมีใครรู้ถึงคุณค่าที่แท้จริงของกล่องไม้ใบนี้เสมอมา

อ่านตอนอื่นๆของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล คลิกเลย

แฟนเพจ