ตอนที่ 1791 ที่สุดของชุดตัวอ่อน
ครั้นเถี่ยซู่องได้ยินคำพูดก่อนไปจากของหลี่เทียนเหาแล้วถึงกับหวาดกลัวด้วยความหวาดระแวง ถึงกับจิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่าย ในเวลานี้เขาไม่รู้ว่าควรจะยินดีหรือกังวลดี
ภายในระยะเวลาอันใกล้นี้ตระกูลราชันฉีหลินจะจัดให้มีการทดสอบขึ้นมา ในวันที่มีการทดสอบจะจัดกำลังคุ้มกันอย่างเข้มงวดภายในเขตของฉีหลิน และจะมีระดับผู้ยิ่งใหญ่คอยอำนวยการจัดงานในครั้งนี้
เวลานี้ หลี่ชิเย่ได้สร้างสถานการณ์ใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมา ด้วยการเป็นศัตรูกับสำนักขนาดใหญ่มากมายที่อยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลราชันฉีหลิน เกิดตระกูลขุนนางโบราณหนานหยาง และสำนักเจอเย่อพวกเขาไปสุมเพลิงต่อหน้าตระกูลราชันฉีหลินขึ้นมา ไม่เพียงแต่ทำให้หลี่ชิเย่มีศัตรูที่แข็งแกร่งเท่านั้น ยังพลอยทำให้สำนักต้นไม้เหล็กของพวกเขาต้องกลายเป็นเถ้าธุลีอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้เถี่ยซู่องรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน เวลานี้เขาไม่รู้ว่าการติดตามหลี่ชิเย่จะเป็นความโชคร้ายหรือโชคดีกันแน่ แต่ในขณะนี้สำนักต้นไม้เหล็กก็ไม่มีทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นโชคร้ายหรือโชคดีก็ตาม สำนักต้นไม้เหล็กของพวกเขาก็ได้เดิมพันเอาไว้บนตัวของหลี่ชิเย่จนหมดแล้ว
“นายท่าน เดินทางปลอดภัย ไม่ส่งหล่ะนะ” เทียบกับเถี่ยซู่องที่อกสั่นขวัญแขวนแล้ว เซิ่นเหล่าลิ่วกลับดูผ่อนคลายยิ่งนัก ขณะที่พวกของหลี่เทียนเหาเดินจากไปไกล เขายังคงร้องทักทายด้วยเสียงอันดังออกไป
ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่จึงได้มองดูเซิ่นเหล่าลิ่วอย่างเชื่องช้าหลังจากที่พวกของหลี่เทียนเหาเดินจากไปแล้ว กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “ทำไมเจ้าถึงได้มาที่แดนอาถรรพ์เทพกำแหงได้?”
“เหอะ เหอะ เหอะ ท่าน ท่านอย่าเข้าใจผิด ข้าน้อยไม่ได้ติดตามท่านมา” แม้จะเป็นเพียงคำพูดที่เฉยเมยเท่านั้น แต่เซิ่นเหล่าลิ่วกลับรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนทันที เขารีบกล่าวว่า “เหอะ เหอะ เหอะ ข้าน้อยแค่ต้องการมาได้ประโยชน์บ้างโดยไม่ต้องลงทุน ก็ที่นี่ไม่ใช่รึที่เล่าลือกันว่าเป็นสถานที่ที่เทพกำแหงถูกสังหาร แหะ แหะ แหะ ฟังว่าครั้งนั้นศพของเทพกำแหงหายไปโดยไร้ร่องรอย ดังนั้น วันนี้ข้าจึงต้องการมาเผื่อได้โชคก้อนใหญ่ ไม่นึกเลยว่าจะมาพบท่านที่นี่”
“เอาเถอะ ข้ากำลังขาดผู้ที่จะมาใช้งานพอดีเลย เจ้ามาก็ดีแล้ว” หลี่ชิเย่ไม่ใส่ใจ โบกมือเบาๆ
“ขอเพียงท่านมีสิ่งใดที่ให้ข้าน้อยรับใช้ สั่งการมาได้เลย” เมื่อได้ยินว่าหลี่ชิเย่ต้องการใช้ตน เขาพลันมีแววตาที่เป็นประกาย สุกใสมากกว่าการได้เห็นทรัพย์สินเงินทองเสียอีก ทำท่าถูมือไปมาทันที และกล่าวด้วยความดีใจ
ตัวของเซิ่นเหล่าลิ่วมีประวัติความเป็นมาที่น่ากลัวยิ่งนัก ทั้งยังมีความรู้ประสบการณ์กว้างขวาง ยอดฝีมือโดยทั่วไป ต่อให้เป็นผู้สืบทอดของสายสำนักราชันเซียนก็ไม่อยู่ในสายตาของเขา แต่หลี่ชิเย่กลับแตกต่างกัน มีเพียงเซิ่นเหล่าลิ่วเองที่เข้าใจภายในใจว่า เฉกเช่นผู้ยิ่งใหญ่อย่างหลี่ชิเย่นั้นสูงเกินกว่าที่จะเอื้อมถึง ถ้าหากสามารถเชื่อมสัมพันธ์กับผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หละก็ จะได้รับประโยชน์ไม่มีสิ้นสุดไปชั่วชีวิต!
แม้ว่าเซิ่นเหล่าลิ่วจะไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด ผู้ยิ่งใหญ่เฉกเช่นหลี่ชิเย่จึงได้ปรากฎตัวในโลกมนุษย์ในฐานะของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง เขาไม่กล้าเอ่ยถาม แต่เซิ่นเหล่าลิ่วเข้าใจว่ายุคสมัยในอนาคตจะต้องมีเรื่องราวที่สะเทือนฟ้าอย่างแน่นอน
นี่แหละคือหนึ่งในเหตุผลที่เซิ่นเหล่าลิ่วตัดสินใจขั้นเด็ดขาดที่จะติดตามหลี่ชิเย่ ลางสังหรณ์บอกเขาว่า การติดตามหลี่ชิเย่รับรองว่าจะต้องเป็นการตัดสินใจเลือกที่ถูกต้องมากที่สุดในชีวิต และลางสังหรณ์ของเขาไม่เคยผิดพลาดมาก่อน
“ตามมา” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มตามใจนิดหนึ่งกับท่าทีที่แสดงออกถึงความดีใจนั่น ออกเดินทางต่อไป
หลี่ชิเย่นำพาพวกเซิ่นเหล่าลิ่วมุ่งไปข้างหน้าต่อไป หลี่ชิเย่ได้ทำการสำรวจตรวจสอบพื้นที่ของแดนอาถรรพ์เทพกำแหงพักหนึ่ง สุดท้าย สายตาของเขาได้ไปหยุดอยู่ที่เป้าหมายซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณส่วนที่ลึกเข้าไปภายในแดนอาถรรพ์เทพกำแหง
“พวกเจ้าออกไปก่อน ไปรอข้าด้านนอกบริเวณยอดเขามองสิ่งศักดิ์สิทธิ์” หลี่ชิเย่สั่งการต่อพวกของเถี่ยซู่อง และจ้องมองไปยังบริเวณส่วนที่ลึกเข้าไปภายในแดนอาถรรพ์เทพกำแหง เขาเตรียมจะเข้าไปภายในบริเวณส่วนลึกของแดนอาถรรพ์เทพกำแหง
พวกของเถี่ยซู่องไม่กล้าพูดอะไร แสดงความคารวะอย่างงามต่อหลี่ชิเย่ ก่อนจาก เสิ่นเสี่ยวซันได้เอ่ยขึ้นเบาๆ ข้างกายหลี่ชิเย่ว่า “รักษาตัวด้วย ท่านต้องระวังตัวนิดหนึ่ง” จากนั้น ค่อยติดตามพวกของเถี่ยซู่องจากไป
“ไปเถอะ เข้าไปดูกัน ที่สมควรปรากฏก็ต้องปรากฏออกมา พื้นที่แห่งนี้เงียบสงัดมาเป็นเวลานานมากแล้ว สมควรได้เวลาถือกำเนิดขึ้นใหม่อีกครั้งได้แล้ว” หลี่ชิเย่สั่งการต่อเซิ่นเหล่าลิ่ว
เซิ่นเหล่าลิ่วไม่พูดอะไรให้มากความติดตามหลี่ชิเย่เข้าไปทันที กระทั่งเรียกได้ว่าออกจะดีใจอย่างยิ่งด้วยซ้ำ เมื่อเปรียบกับพวกของเถี่ยซู่องแล้ว เซิ่นเหล่าลิ่วมีความเข้าใจในแดนอาถรรพ์เทพกำแหงมากกว่าเสียอีก แต่เมื่อเขาประเมินจากท่าทีของหลี่ชิเย่แล้ว เซิ่นเหล่าลิ่วเข้าใจได้ว่าหลี่ชิเย่รู้อะไรมากกว่าเขาอีก เขาจึงไม่มีความจำเป็นต้องอวดรู้ต่อหน้าหลี่ชิเย่
หลี่ชิเย่พาเซิ่นเหล่าลิ่วก้าวเดินไปข้างหน้า และทำการสำรวจตรวจสอบแดนอาถรรพ์เทพกำแหงอยู่เป็นระยะ เขาได้ทำการสำรวจตรวจสอบพื้นที่แห่งนี้ละเอียดมาก
“ท่านมาที่แห่งนี้ด้วยจุดประสงค์อันใดรึ?” หลังจากที่ติดตามหลี่ชิเย่มาได้ระยะหนึ่งแล้ว เซิ่นเหล่าลิ่วในเวลานี้ที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินจึงมีความกล้ามากขึ้น เอ่ยถามขึ้นมาแผ่วเบา
“แล้วเจ้าหละมาที่นี่ด้วยเหตุอันใด?” หลี่ชิเย่เหลือบมองเซิ่นเหล่าลิ่วทีหนึ่ง และเอ่ยขึ้นเฉยเมย
“เหอะ เหอะ เหอะ ไม่กล้าปิดบังท่าน ข้าน้อยมาเพื่อสมบัติวิเศษ” เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่ เซิ่นเหล่าลิ่วไม่กล้าปิดบังหลี่ชิเย่อยู่แล้ว รีบกล่าวว่า “เหอะ ใต้เท้าก็ต้องรู้อยู่แล้วว่า ครั้งนั้น ราชันเซียนตี้อิเจี้ยนได้ยิงเกาทัณฑ์เพียงดอกเดียวสังหารเทพกำแหงจากระยะที่ห่างไกลถึงหนี่งล้านล้านลี้ ต่อมาศพของเทพกำแหงก็ปราศจากร่องรอยตลอดมา ไม่เคยมีผู้ใดค้นพบ ดังนั้น ข้าน้อยจึงบังอาจคาดเดาว่า ศพของเทพกำแหงจะต้องอยู่ที่นี่”
“พูดมีเหตุผล” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมยนิดหนึ่ง
เซิ่นเหล่าลิ่วหัวเราะแห้งๆ และกล่าวว่า “ในเมื่อศพของเทพกำแหงยังอยู่ที่นี่ งั้นสมบัติก็ต้องอยู่ อย่าว่าแต่สมบัติในตัวของเทพกำแหงเลย เหอะ เหอะ แม้แต่เกาทัณฑ์ของราชันเซี้ยนตี้อิเจี้ยนที่สังหารเทพกำแหงดอกนั้น ก็ต้องเป็นอาวุธร้ายกาจที่หาใดเทียมไม่ได้ในหล้า หากสามารถได้มันมาก็ถือว่าได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่แล้ว”
“มาเพื่อสิ่งเพียงเท่านี้หน่ะหรือ?” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมย
“ข้าน้อยไม่มีความคิดอื่นใดจริงๆ” เซิ่นเหล่าลิ่วรึสึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อถูกหลี่ชิเย่เหลือบตามองทีหนึ่ง รีบอธิบายยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตนเอง
“อาศัยชาติกำเนิดของเจ้า ข้ากลับไม่เชื่อว่าเจ้าจะไม่เคยได้ยินคำเล่าลือมาบ้าง” หลี่ชิเย่หัวเราะออกมาเบาๆ และส่ายหน้าเบาๆ
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำเอาเซิ่นเหล่าลิ่วตะลึงนิดหนึ่ง เขาถึงกับกล่าวว่า “ท่าน ข่าวลือเรื่องนี้เป็นความจริงรึ? เรื่อง เรื่องนี้ก่อนหน้านั้นข้าไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก”
“ถ้ามองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่บางทีมันกลับดูเป็นจริงยิ่งกว่าเรื่องจริงเสียอีก” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยขึ้นมา
“หรือว่าในครั้งนั้น เทพกำแหงไปได้ของวิเศษที่ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งมาชิ้นหนึ่งจริงๆ ? กระทั่งเรียกได้ว่าสามารถจี้ติดตำราพิชัยสงครามสวรรค์ หรือล้ำหน้ากว่าตำราพิชัยสงครามสวรรค์?” คำพูดของหลี่ชิเย่ทำเอาเซิ่นเหล่าลิ่วพลันตกใจยิ่งนัก รีบเร่งกล่าวว่า “หรือว่าเป็นชุดตัวอ่อนระดับเซียนแท้จริงรึ!”
“ชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริง?” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว มันมีเรื่องดีๆ ขนาดนี้ที่ไหนกัน และถ้าหากว่าเรื่องชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงเป็นเรื่องจริง เกรงว่าจอมราชันและเซียนหวังในสิบสามทวีป หรือราชันเซียนของเก้าแดนคงนั่งกันไม่ติดนานแล้ว ยังจะหลงเหลือให้เจ้ามาเก็บรึ? นับแต่อดีตกาลที่ผ่านมา ชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงเคยปรากฎออกมาแค่เพียงห้าชุดเท่านั้นเอง”
“ที่ท่านพูดมาก็ถูก เป็นข้าที่เลอะเลือนเอง” เซิ่นเหล่าลิ่วรู้สึกว่าคำพูดนี้มีเหตุผล และกล่าวว่า “ถ้าหากครั้งนั้นเทพกำแหงมีชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงอยู่กับตัวจริง เขาก็คงไม่ต้องตายอนาถภายใต้เกาทัณฑ์เพียงดอกเดียวของราชันเซียนตี้อิเจี้ยนหรอกนะ!”
นับแต่อดีตกาลที่ผ่านมา ชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงก็มีเพียงห้าชุดเท่านั้นเอง สิ่งที่แม้กระทั่งจอมราชันเซียนหวัง หรือราชันเซียนจากเก้าแดนยังต้องติดตามไล่ล่า ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะปรากฎอยู่ที่ตรงนี้
“แม้ว่าจะไม่ใช่ชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริง แต่ว่า ในครั้งนั้นเทพกำแหงไปได้ชุดตัวอ่อนมาชุดหนึ่งจริงๆ มันมีความหมายที่ยิ่งใหญ่มาก มิฉะนั้นล่ะก็เทพกำแหงก็คงไม่รีบเร่งที่จะทะลุทะลวงให้ได้ดวงตราสัญลักษณ์ดวงที่สิบสอง เขาต้องการกลั่นบูชาชุดดังกล่าวอย่างเต็มที่หลังจากที่ตนได้บรรลุเป็นเทพโบราณแล้ว เพื่อสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมา เขาคิดจะอาศัยชุดตัวอ่อนดังกล่าวให้กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในหล้า!”
“ชุดตัวอ่อนอะไร?” แววตาของเซิ่นเหล่าลิ่วพลันสุกใสขึ้นมา เขาเองเคยได้ยินตำนานมาบ้าง แต่มันหยุดอยู่แค่เป็นตำนานเท่านั้น ไม่มีใครที่รู้ถึงรายละเอียดว่าครั้งนั้นเทพกำแหงไปได้อะไรมา
“ชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเรียบเฉย
“ชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์?” เซิ่นเหล่าลิ่วถึงกับตะลึงนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ กล่าวสำหรับผู้คนจำนวนมากแล้ว ชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ก็นับเป็นชุดตัวอ่อนที่ไม่เลวนัก แน่นอน สำหรับเซิ่นเหล่าลิ่วแล้วไม่นับเป็นอะไร
“คงไม่ใช่ชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่เกินกว่าหมื่นกระมัง!” เมื่อเซิ่นเหล่าลิ่วได้สติกลับมาแล้วให้นึกถึงตำนานเรื่องหนึ่งถึงกับหรู้สึกผวา ร้องเสียงหลงออกมา
ชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์นับเป็นชุดตัวอ่อนที่เมีชั้นคุณภาพต่ำที่สุดในบรรดาชุดตัวอ่อนทั้งหมด แต่ว่าชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์กลับมีข้อได้เปรียบที่ชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพอื่นไม่มี จำนวนตัวอ่อนของชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์สามารถมีจำนวนมากกว่าชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพอื่นมากทีเดียว ดังนั้น หาเทียบกับชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพอื่นๆ แล้ว ชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์จัดอยู่ในชั้นคุณภาพต่ำสุด แต่เมื่อไหร่ที่จำนวนตัวอ่อนของชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ทะลุระดับสูงสุดระดับหนึ่งแล้ว จะเป็นอะไรที่น่าตกใจมาก
กล่าวสำหรับชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์แล้ว จำนวนตัวอ่อนหกร้อยชิ้นคือขั้นสูงสุด แต่ถ้าหากเป็นชุดตัวอ่อนที่เกิดจากตัวอ่อนเกินกว่าหกร้อยชิ้นขึ้นไป เช่นนั้นแล้วชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ลักษณะเช่นนี้ก็จะมีคุณภาพที่ก้าวกระโดดขึ้นไป
ความจริงแล้ว บนโลกนี้ยากจะได้เห็นชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่ประกอบด้วยตัวอ่อนมากกว่าหกร้อยชิ้น หาได้ยากมา สำหรับชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่ทะลุหลักพันชิ้นยิ่งหาได้ยากกว่าอีก
ยังมีอีกตำนานหนึ่งกล่าวเอาไว้ว่า ชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์สามารเกินกว่าหนึ่งหมื่น แต่มันเป็นเพียงตำนานเท่านั้น ผู้คนในโลกหล้าไม่มีใครได้เคยเห็นชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่มีตัวอ่อนเกินกว่าหนึ่งหมื่นชิ้น พวกเขายิ่งไม่สามารถจินตนาการได้ว่าชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์เกินกว่าหมื่นจะดำรงอยู่ในสถานะเช่นใดกันแน่
“บนโลกนี้มีชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่เกินกว่าหมื่นจริงหรือ?” แม้แต่เซิ่นเหล่าลิ่วก็รู้สึกเหม่อลอยอยู่บ้าง และกล่าวว่า “ในสิบสามทวีป ชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่มีจำนวนตัวอ่อนมากที่สุดได้รับการยืนยันแล้วคือ ชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่ประกอบด้วยชุดตัวอ่อนจำนวนเจ็ดพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบเจ็ดชิ้น ได้รับการยกย่องว่าเป็นชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่มีความแข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุด ครอบครองโดยจอมเทพผู้หนึ่ง
ตำนานเกี่ยวกับชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์นั้น เซิ่นเหล่าลิ่วรู้มามากที่เดียว เขาเองก็เคยได้ยินตำนานเรื่องชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่เกินกว่าหมื่นชิ้น แต่มันเป็นเพียงตำนานเท่านั้นเอง ไม่เคยได้รับการยืนยัน และในโลกนี้ยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครที่ได้เคยเห็นชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่เกินกว่าหมื่นมากับตาตนเอง
“ชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่ประกอบจากชุดตัวอ่อนจำนวนเจ็ดพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบเจ็ดชิ้นก็สามารถได้รับการยกย่องว่าเป็นชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดรึ?” หลี่ชิเย่หัวเราะและส่ายหน้าว่า “งั้นเจ้าจะให้ชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่ประกอบขึ้นจากตัวอ่อนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าชิ้นไปไว้ที่ไหน?”
“เก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าชิ้น!” เซิ่นเหล่าลิ่วถึงกับใจหายใจคว่ำเมื่อได้ยินยอดขนาดนี้ ต้องยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ เขาถึงกับกระโดดตัวลอย กล่าวด้วยความตกใจว่า “นี่ นี่ นี่เป็นตำนานที่เป็นเรื่องจริง! ตำนานที่เป็นที่สุดของชุดตัวอ่อน!”
“ถูกต้อง มันดำรงอยู่เช่นนั้นจริงๆ และมันยังเป็นชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่แข็งแกร่งและประกอบด้วยตัวตัวอ่อนจำนวนมากที่สุด
“ชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์จำนวนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าชิ้นนะเนี่ย” เวลานี้ เซิ่นเหล่าลิ่วถึงกับเหม่อลอย พึมพำออกมาว่า “แม้ว่าชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์เช่นนี้ไม่สามารถเทียบได้กับชุดของเซียนแท้จริง แต่เกรงว่าสามารถช่วงชิงความเป็นหนึ่งกับตำราพิชัยสงครามสวรรค์นะเนี่ย!”
“ที่สุดของชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่เคยปรากฏในโลกนี้ มันมีเสน่ห์ที่เป็นหนึ่งไม่มีสองโดยแท้จริง” หลี่ชิเย่อดที่จะพยักหน้าและกล่าว
ในเวลานี้ เซิ่นเหล่าลิ่วเองก็คิดถึงความน่าจะเป็นอย่างไม่สิ้นสุด มันเป็นชุดตัวอ่อนที่มีลักษณะเช่นใดกันนะ ชุดตัวอ่อนที่ประกอบขึ้นมาจากตัวอ่อนจำนวนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าชิ้น คงยากที่จะจินตนาการถึงพลานุภาพของมันได้ว่าแข็งแกร่งและทรงพลังเช่นใด!