ตอนที่ 1796 ก้าวขึ้นสู่ยอดเขาชมเทพ
ความจริงแล้ว เสิ่นจินหลงเองก็อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นจริงให้รู้แล้วรู้รอดไป นับตั้งแต่เขาได้พบกับธิดาราชันฉีหลินครั้งแรกเมื่อครั้งนานมาแล้ว เขาก็เคลิบเคลิ้มหลงใหลในตัวนาง
เวลานี้ หากธิดาราชันฉีหลินสืบทอดเป็นกษัตริย์ของตระกูลราชันฉีหลิน นางก็จะไม่มีการแต่งออก ซี่งนับเป็นข่าวที่ดีที่สุดของเสิ่นจินหลงอย่างไม่ต้องสงสัย
ในขณะที่ยังไม่มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้หลุดออกมา ระดับบรรพบุรุษของสำนักเจอเยื่อก็ได้มีแนวความคิดเช่นนี้แล้ว ดังนั้น บรรพบุรุษของสำนักเจอเยื่อจึงได้เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้อ้อมๆ กับบรรพบุรุษของตระกูลราชันฉีหลิน
ข้างฝ่ายบรรพบุรุษของตระกูลราชันฉีหลินไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมาต่อเรื่องดังกล่าว เนื่องจากสำนักเจอเยื่อนับเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนักจริงๆ และเสิ่นจินหลงก็นับเป็นต้นกล้าที่ไม่เลวนัก
แต่ทว่า ธิดาราชันฉีหลินกลับปฏิเสธทันควันกับการเกี่ยวดองสมรสเช่นนี้ เนื่องจากนางมุ่งที่จะครอบครองชะตาฟ้า จึงไม่ได้คำนึงถึงเรื่องความรักของหนุ่มสาว
หลังจากที่เสิ่นจินหลงถูกธิดาราชันฉีหลินปฏิเสธแล้วเขาไม่ได้ท้อแท้ เขารู้สึกว่าเป็นเพราะโอกาสยังไม่สุกงอมเท่านั้น ขอเพียงเขาแสดงตนให้ดีๆ ย่อมมีโอกาสได้รับความโปรดปรานจากธิดาราชันฉีหลินเข้าสักวัน เนื่องจากไม่มีใครในเขตฉีหลินที่ดีเด่นมากไปกว่าตัวเขาเสิ่นจินหลงอีกแล้ว และไม่มีใครที่คู่ควรกับธิดาราชันฉีหลินเหมือนดั่งตัวเขาเสิ่นจินหลงอีกแล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง การที่ธิดาราชันฉีหลินจะเสด็จมาด้วยตนเองในครั้งนี้ เสิ่นจินหลงจึงได้พยายามเป็นพิเศษ เขาจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้ดีที่สุด ต้องทำให้ธิดาราชันฉีหลินพึงพอใจให้ได้ เพื่อประทับเป็นความทรงจำให้กับธิดาราชันฉีหลินให้จงได้ ไม่แน่นักอาจได้รับการโปรดปรานจากธิดาราชันฉีหลินนับจากนี้ไปก็เป็นได้
“ไม่ทราบว่าพี่เสิ่นจะไปสู่ขอต่อตระกูลราชันเมื่อไหร่รึ?” ขณะที่ทุกคนต่างเอ่ยถึงเรื่องนี้กันอยู่ หลี่เทียนเหาก็ได้พูดทีเล่นทีจริงขึ้นมา
แน่นอนที่สุด เสิ่นจินหลงย่อมจะไม่เอ่ยถึงเรื่องที่ถูกธิดาราชันฉีหลินปฏิเสธมาแล้ว เขาทำท่ายืดอกขึ้น ท่าทีแสดงออกว่าอยู่เหนือผู้คน และทำเหมือนเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กล่าวเฉยเมยว่า “รอให้ถึงวันที่ทุกอย่างพร้อมแล้วก็จะแจ้งให้พี่หลี่ทราบเอง”
“ถ้าหากว่าทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองสมรสกัน มันคือเรื่องมงคลที่ยิ่งใหญ่ของเขตฉีหลินพวกเรา และเป็นความโชคดีของเหล่าสรรพชีวิตในเขตฉีหลินของพวกเรา” ในเวลานี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยก็ทยอยแสดงความยินดีต่อเสิ่นจินหลง
แม้ว่ามีผุ้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกไม่สบายใจ แต่หากจะว่ากันตามตรงแล้ว มันก็เป็นความจริงที่ในเขตฉีหลินมีเพียงเสิ่นจินหลงที่มีโอกาสได้รับความรักจากธิดาราชันฉีหลินมากที่สุด
เมื่อเสิ่นจินหลงถูกผู้คนยกยอ ทำให้เขาบังเกิดความรู้สึกทระนงในตนเองขึ้นมา แม้ว่าเขาจะแสดงออกด้วยท่าทีการยิ้มที่เรียบเฉย แต่ภายในใจได้ตัดสินใจแล้วว่า การได้พบกับธิดาราชันฉีหลินในครั้งนี้จะต้องแสดงออกให้ประทับใจ เพื่อสร้างความประทับใจลึกซึ้งแก่ธิดาราชันฉีหลิน ไม่แน่นักอาจส่งผลให้มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ใจของสาวงามมาครอง
ภายในระยะเวลาอันสั้น ยอดเขาชมเทพก็ถูกจัดตกแต่งเอาไว้อย่างดี มองดูแล้วยอดเขาชมเทพก็คล้ายดั่งเป็นภูเขาเซียนลูกหนึ่งอย่างนั้น ในขณะนี้กล่าวสำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากแล้ว ทุกสิ่งพร้อมสรรพ รอเพียงการมาถึงของธิดาราชันฉีหลินเท่านั้น
เถี่ยซู่องรู้ว่ารัชทายาทแคว้นซีถัวหวังเซี่ยวเทียนต้องการหาเรื่องพวกเขา แต่ว่า พวกเขาก็ไม่กล้าไปจากยอดเขาชมเทพ เพื่อป้องกันไม่สามารถสมทบกับหลี่ชิเย่ ดังนั้น เขาจึงได้พาพวกของเสิ่นเสี่ยวซันไปให้ไกลจากสายตาของหวังเซี่ยวเทียน ขอเพียงหวังเซี่ยวเทียนมองไม่เห็นพวกเขา ก็จะไม่มาหาเรื่องพวกเขา
แน่นอนที่สุด พวกของเฮ่อเฉินยังคงต้องการรั้งอยู่บนยอดเขาเพื่อได้เห็นรูปโฉมของธิดาราชันฉีหลินด้วยตาของตนเอง
ท่ามกลางการรอคอยของพวกเถี่ยซู่องศิษย์อาจารย์ทั้งสี่คน ในที่สุดก็รอจนกระทั่งการมาของหลี่ชิเย่จนได้ เมื่อพวกเขามองเห็นเงาของหลี่ชิเย่แต่ไกลนั้น พวกของเถี่ยซู่องศิษย์อาจารย์ต่างถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เป็นความรู้สึกที่เหมือนได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้ง
พวกเขาเหมือนขาดแกนหลักไปทันทีที่ไม่มีหลี่ชิเย่อยู่ข้างกาย เหมือนสูญเสียผู้คอยสนับหนุนไปโดยพลัน ขอเพียงมีหลี่ชิเย่อยู่ข้างกาย ต่อให้หลี่ชิเย่ไม่ได้ขยับกระกระทั่งนิ้วมือ ก็สามารถให้ความรู้สึกถึงความปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
พวกของเถี่ยซู่องรีบเร่งเดินเข้าไปหา หลังจากที่ได้เห็นหลี่ชิเย่แล้ว
“ข้ามาผิดที่แล้วรึ?” หลี่ชิเย่ที่เพิ่งเดินมาถึงบริเวณตีนเขาของยอดเขาชมเทพ เขารู้สึกแปลกใจที่มองเห็นหอแต่ละหลัง และสะพานที่ปรากฏอยู่บนยอดเขาชมเทพ ยอดเขาชมเทพในเวลานี้มองเห็นเมฆหมอกที่วูบวาบ ล้อมรอบด้วยกลิ่นอายขมุกขมัว คนที่ไม่รู้ความจริงยังเข้าใจว่ายอดเขาชมเทพได้กลับกลายเป็นที่ตั้งหลักของสำนักใดสำนักหนึ่งไปแล้ว
“ไม่ ท่านไม่ได้มาผิดที่ ที่นี่แหละคือยอดเขาชมเทพ เพียงแต่ ธิดาราชันฉีหลินจะเสด็จมาด้วยตนเอง ดังนั้น บรรดาผู้กล้าที่อยู่ในเขตฉีหลินจึงทำการตกแต่งยอดเขาชมเทพเสียใหม่” เถี่ยซู่องที่หายใจด้วยความโล่งอกหลังจากได้พบกับหลี่ชิเย่ จึงรีบเร่งชี้แจงต่อหลี่ชิเย่
“ไม่ได้มาผิดที่ก็ดีแล้ว พวกเราขึ้นไปกันเถอะ” หลี่ชิเย่พยักหน้า โดยไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่ธิดาราชันฉีหลินจะเสด็จอะไรนั่น การมาที่ยอดเขาชมเทพของพวกเขาก็เพื่อต้องการสังเกตุดูดวงดาวบนท้องฟ้า เพื่อกำหนดจุดที่แน่นอนในแดนอาถรรพ์เทพกำแหง เพื่อกำหนดตำแหน่งที่ศพของเทพกำแหงจะปรากฏขึ้นมา
“เกรงว่านายน้อยของตระกูลหนานหยาง และรัชทายาทจินหลงคงไม่ยอมให้พวกเราขึ้นไป” เวลานี้ เสิ่นเสี่ยวซันได้กล่าวด้วยความกังวลว่า “เมื่อครู่ข้าได้เห็นพวกของนายน้อยหนานหยางเริ่มกระชับพื้นที่ด้วยการไล่พวกสำนักขนาดเล็กลงจากเขา”
การที่พวกของหลี่เทียนเหา และเสิ่นจินหลงต้องการจัดเตรียมพื้นที่ใช่จะเป็นเรื่องแปลก พวกเขาต้องการให้การต้อนรับการมาของธิดาราชันฉีหลินอย่างดี พวกเขาจึงไม่ต้องการให้มีผู้อื่นปะปนอยู่ในนั้น ยิ่งไปกว่านั้น กล่าวสำหรับบรรดากษัตริย์เจ้าสำนักของเหล่าแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนไม่น้อยที่ตั้งอยู่ในเขตฉีหลินนั้น การที่พวกเขาจะมีโอกาสได้พบเห็นธิดาราชันฉีหลินสักครั้งใช่จะเป็นเรื่องง่ายดาย ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้ใครมาแย่งเอาความโดดเด่นไป ด้วยเหตุนี้เอง ต่อให้หลี่เทียนเหาและเสิ่นจินหลงพวกเขาไม่คิดเช่นนี้ พวกยอดฝีมือของแคว้นเจ้าลัทธิต่างๆ ก็ต้องจัดการขับไล่ผู้บำเพ็ญตนที่มาจากสำนักขนาดเล็กลงจากเขาไป
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้น และกล่าวว่า “สถานที่ที่ข้าคิดจะไป ยังจะมีใครขวางข้าได้”
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำเอาเถี่ยซู่องถึงกับตกใจยิ่งนัก เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีมาแต่แรกแล้ว เวลานี้ เขารู้แล้วว่าเพราะเหตุใดเขาจึงมีลางสังหรณ์เช่นนี้ได้
“ท่าน ไม่อย่างนั้นพวกเรารออีกสักครู่ค่อยขึ้นไปก็แล้วกัน รอให้งานเลิกแล้วค่อยขึ้นไปก็ยังไม่สาย เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเราก็จะได้รู้สึกสงบพอดี” เถี่ยซู่องรีบพูดเกลี้ยกล่อม
เถี่ยซู่องไม่ต้องการให้บรรพบุรุษน้อยที่อยู่ตรงหน้าทำเรื่องใหญ่โตขึ้นมา เกิดเป็นศัตรูกับตระกูลราชันฉีหลินขึ้นมา แล้วสำนักต้นไม้เหล็กยังจะอยู่ได้อีกรึ?”
“ไม่ต้อง ขึ้นไปเดี๋ยวนี้” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉย ขาดคำเดินไปยังยอดเขาชมเทพในทันที
เถี่ยซู่องและสือโส่วทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ติดตามขึ้นไป ตรงกันข้ามเฮ่อเฉินกลับรู้สึกดีใจอยู่หลายส่วน เนื่องจากการขึ้นไปบนยอดเขาชมเทพ เขาก็จะได้เห็นธิดาราชันฉีหลินได้แล้ว
ด้านล่างของยอดเขาชมเทพได้มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเฝ้ารักษาการอยู่ อย่าว่าแต่ผู้บำเพ็ญตนของสำนักขนาดเล็กเลย แม้แต่ผู้บำเพ็ญตนทั่วๆ ไปหากไม่มีชื่อเสียงและฐานะ ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปยังยอดเขาชมเทพ ล้วนแล้วแต่ถูกขัดขวางเอาไว้
ว่าไปแล้วก็นับเป็นเรื่องแปลก ขณะที่หลี่ชิเย่ก้าวขึ้นสู่ยอดเขาชมเทพนั้น เขาเพียงมองหน้าผู้บำเพ็ญตนที่เฝ้ายอดเขาชมเทพทีหนึ่ง บรรดาผู้บำเพ็ญตนที่เฝ้าอยู่เหมือนหนึ่งไม่เห็นพวกเขาอย่างนั้น ถึงกับปล่อยให้พวกเขาขึ้นไปยังยอดเขาชมเทพตามอำเภอใจ
การที่สามารถก้าวเดินขึ้นไปยังยอดเขาชมเทพแบบผ่านตลอดโดยไม่ได้รับการขัดขวาง เรื่องเช่นนี้กล่าวสำหรับพวกของเสิ่นเสี่ยวซันแล้ว พวกเขาต่างรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่เฝ้าอยู่ปากทางขึ้นสู่ยอดเขาเหมือนว่ามองพวกเขาไม่เห็นโดยสิ้นเชิง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ พวกเขาไม่ได้มีการล่องหนหายตัว เป็นไปได้อย่างไรที่บรรดาผู้บำเพ็ญตน เหล่านี้จะมองไม่เห็นพวกเขาเล่า
สิ่งนี้แหละคือหนึ่งในความน่ากลัวของตำราระลึก หลี่ชิเย่เพียงจ้องมองบรรดาผู้บำเพ็ญตนที่เฝ้าอยู่ทีหนึ่ง ก็สามารถควบคุมจิตใจของพวกเขา สั่นคลอนจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของพวกเขาในทันที
แน่นอนที่สุด การที่บรรดาผู้บำเพ็ญตนเหล่านี้มีทักษะยุทธที่อ่อนก็เป็นสาเหตุหนึ่ง มิฉะนั้นล่ะก็ ไม่แน่เสมอไปว่าอาศัยการมองเพียงแวบเดียวก็สามารถควบคุมจิตใจของพวกเขาเอาไว้ได้
กล่าวสำหรับหวังเซี่ยวเทียนแล้ว วันนี้คือวันที่เขามีความสุขมากวันหนึ่ง แม้ว่าระยะหลังเรื่องราวหลายสิ่งหลายอย่างไม่สู้จะราบรื่นนัก แต่สำหรับเขาแล้ว วันนี้เป็นวันที่เขาสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้เป็นกอบเป็นกำมากที่สุดวันหนึ่ง เนื่องจากเขาสามารถรู้จักกับผู้สืบทอด หรือระดับอาวุโสของแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ณ เขาชมเทพแห่งนี้
การที่สามารถคบหากับผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ จะกลายเป็นต้นทุนให้กับหวังเซี่ยวเทียนในอนาคต ซึ่งคงมีโอกาสได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ในเขตฉีหลินแห่งนี้
ขณะที่หวังเซี่ยวเทียนกำลังรู้สึกยินดีปรีดา ทันใดนั้น เขาพลันมองเห็นร่างเงาที่คุ้นเคยหลายคน เป็นพวกเถี่ยซู่องสี่คนนั่นเอง
“ที่ตรงนี้เป็นสถานที่ที่พวกเจ้ามาได้อย่างนั้นรึ?” หวังเซี่ยวเทียนปรี่เข้าหาทันที ตวาดออกไปว่า “ไสหัวลงจากเขาเดี๋ยวนี้ และคุกเข่าอยู่ตรงนั้นแต่โดยดี มิฉะนั้นล่ะก็จะลงโทษด้วยกฎ!”
หวังเซี่ยวเทียนแสดงออกต้องการวางอำนาจ แม้ว่าจะมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่ไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ก็ขี้คร้านจะยุ่งเกี่ยวด้วย จะอย่างไรเสีย สำนักต้นไม้เหล็กก็คือสำนักขนาดเล็กที่อยู่ภายใต้การปกครองของแคว้นซีถัวเท่านั้น
“คนข้างกายข้าต้องให้เจ้ามาทำเอะอะโวยวายใส่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ในขณะที่พวกของเถี่ยซู่องต่างไม่กล้าปริปากพูดอะไรออกมานั้น เสียงเอ้อระเหยของหลี่ชิเย่ก็ได้ดังขึ้น
ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ได้ก้าวเดินขึ้นมา เขาเพียงกวาดตามองดูรอบๆ นิดหนึ่งเท่านั้น
“เป็นเจ้าอีกแล้ว” รัชทายาทแคว้นซีถัวถึงกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ เรื่องราวสารพันที่ไม่สมปรารถนาระยะหลัง ล้วนแล้วแต่มีสาเหตุมาจากมนุษย์ปุถุชนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ทั้งสิ้น
“หมาดีย่อมไม่ขวางทาง ไสหัวไปข้างๆ เสีย” หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะมองหน้ารัชทายาทแคว้นซีถัวสักครั้งด้วยซ้ำ เวลานี้สายตาของเขาตกอบู่ที่บริเวณริมหน้าผา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะแก่การเฝ้าดูแดนอาถรรพ์เทพกำแหงที่ดีที่สุด
“เจ้าคนที่ไม่รู้จักคำว่าตาย วันนี้สถานการณ์ประจวบเหมาะ เหล่าผู้กล้ารวมตัวกันพร้อมหน้าที่นี่ ไหนเลยให้เจ้าทำกำเริบเสิบสานได้!” รัชทายาทแคว้นซีถัวโกรธเคืองยิ่งนัก เขาต้องเสียเปรียบต่อหลี่ชิเย่มาหลายครั้ง เวลานี้หลี่ชิเย่ทำให้เขาต้องขายหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย แล้วจะให้รัชทายาทแคว้นซีถัวทนได้อย่างไร
มือข้างหนึ่งของรัชทายาทแคว้นซีถัวยื่นเข้าไปคว้าตัวหลี่ชิเย่ พลันที่เขาลงมือก็ปรากฏเป็นเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นมา เขาไม่เชื่อว่ามนุษย์ปุถุชนตรงหน้าที่มีทักษะยุทธอ่อนด้อยจนละเลยมองข้ามไปได้จะทำอะไรได้ ดังนั้น พลันที่เขาลงมือคือตั้งใจบีบหลี่ชิเย่ให้ตายคามือ
“เอิกก” รัชทายาทแคว้นซีถัวไม่สามารถบีบหลี่ชิเย่ให้ตายคามือได้ ตรงกันข้าม เขากลับถูกบีบคอเอาไว้โดยพลัน ตัวของเขาถูกยกให้ลอยสูงขึ้นเหนือพื้นดิน คอของเขาถูกบีบเอาไว้เสียแน่นจนตาถลน หายใจไม่ออก
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พลันดึงดูดสายตาได้เป็นจำนวนไม่น้อย บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่บนยอดเขาทยอยกันมองมาทางด้านนี้
ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกตกใจยิ่ง กับภาพแปลกประหลาดที่เห็นอยู่ตรงหน้า
ลักษณะของรัชทายาทแคว้นซีถัวเวลานี้ถูกบีบคอเอาไว้ชัดๆ และถูกคนเขาจับยกตัวสูงจากพื้นดินเป็นอันมาก แต่ว่าไม่เห็นว่าใครเป็นผู้ลงมือ เนื่องจากเวลานี้ไม่มีมือของผู้ใดที่ไปบีบคอของรัชทายาทแคว้นซีถัวเอาไว้
เวลานี้ เหมือนว่ามีมือข้างหนึ่งที่มองไม่เห็นกำลังบีบคอของรัชทายาทแคว้นซีถัวเอาไว้อย่างมั่นคง และมือที่ไร้รูปข้างนี้พร้อมจะบีบรัชทายาทแคว้นซีถัวให้ตายคามือได้อย่างนั้น
ผู้คนจำนวนมากต่างทยอยกันมองหาว่ามีผู้ที่มีทักษะยุทธสูงส่งคอยลงมืออย่างลับๆ เมื่อเห็นรัชทายาทแคว้นซีถัวถูกบีบคอเอาไว้
ความจริงแล้วพวกของเสิ่นเสี่ยวซันเองก็ตกใจเป็นอันมาก เมื่อมองเห็นรัชทายาทแคว้นซีถัวถูกมือที่ไร้รูปบีบคอและร่างกายของเขาถูกยกให้ลอยขึ้นสูงมาก