บทที่ 633 บททดสอบ
เมื่อแรงกดดันมาถึงเขาหลินเฟิงรู้สึกว่าทั้งตัวถูกปกคลุมไปด้วยใยไหม
”ปล่อยออกมาหมด!”
เขาสงบใจลงทันทีจากที่ก่อนหน้าได้ปล่อยพลังวิญญาณออกมามากเกินไป
เขากลับมาปล่อยอยู่ในสถานะเสถียรถ้าปล่อยเกินขีดจำกัดร่างจะเกิดระเบิดจนตัวตาย
ในช่วงขณะที่พลังเข้ามาปกคลุมทั่วร่างขาทั้งสองข้างของหลินเฟิงยังคงเบาสบายอยู่ แต่หลังจากนั้นเขาก็ต้องคุกเข่าลง!
มันไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่เขาจะสู้กลับได้เลยมือและร่างของเขาต้านกับความว่างเปล่าที่หนักอย่างกับตะกั่ว
ยิ่งกว่านั้นมันยังหนักเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกเหมือนกับโลกทั้งใบกำลังกดทับมาที่ตัวเขาซึ่งมันกำลังจะขาดและหักลงในวินาทีต่อมา
เหงื่อเม็ดใหญ่เท่าเมล็ดถั่วร่วงหล่นจากใบหน้าเขากัดฟันตัวเองและรู้สึกเหมือนปอดระเบิด ทุกลมหายใจร้อนสุดขีดราวกับเปลวไฟ
ทั่วทั้งร่างสั่นสะท้านอย่างรุนแรงท้ายสุดหลังผ่านไปกว่าสิบวินาที เขาก็รับมันไม่ไหวอีกต่อไป ทั้งตัวร่วงหล่นลงมาในทันทีและไม่สามารถต้านไว้ได้อีกเลย
ความแข็งแกร่งของปรมาจารย์ดินแดนที่เหนือธรรมชาตินั้นช่างน่าหวั่นเกรงเพราะไม่มีพลังใดที่จะสามารถต่อต้านได้เลย เขารับรู้ได้ว่าแค่เพียงเสี้ยวหนึ่งแห่งสัมผัสจากพระเจ้าก็เพียงพอแล้วที่จะทำลายเขาจนไม่เหลือแม้แต่เศษเถ้าถ่าน
หัวใจของเขาถูกบดขยี้จนแทบจะระเบิดความรู้สึกเจียนตายแผ่ไปทั่วทุกรูขุมขน ภายใต้แรงกดดันนั้นเลือดทั้งตัวแทบจะหยุดไหลเวียนส่งผลให้สติของเขาพร่ามัวมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะขาดอากาศไปเลี้ยงสมอง หากเจอเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เขาคิดว่าเขาคงต้องตายแน่ ๆ!
แม้เว่ยจะทราบดีถึงระดับพลังของหลินเฟิงแต่กลับยังคงส่ายหน้า
เหตุผลที่เขาตั้งบททดสอบไม่เพียงแค่ไม่อยากให้สมบัติตกอยู่ในมือของคนธรรมดาเท่านั้นแต่เป็นเพราะต้องการปกป้องคนอื่น ๆ
หากคนที่อยากได้สิ่งประดิษฐ์ไม่มีสามัญสำนึกหรือเป็นคนไม่ดีมันจะนำไปสู่ความตายได้
ดังนั้นเฉพาะคนที่เหมาะสมเท่านั้นถึงจะได้ชิ้นส่วนนี้ไป
เขาไม่ยอมรับหลินเฟิงดังนั้นจึงโบกมือเพื่อสลายแรงกดดัน
แต่ทันใดนั้นเขาก็ตัวแข็งค้าง อาการตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในดวงตา
บนร่างของหลินเฟิงความยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการได้ปะทุขึ้นมาอย่างไม่ทันคาดคิด! แรงกดดันนี้มันกัดกินพลังของเขาแล้วย้อนกลับเข้ามาหาตัวเขาเอง!
ในวินาทีนั้นเว่ยถูกพลังนั้นทำให้ตกตะลึงและถอยหลังไปหลายก้าว!
”มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?”เขาพึมพำด้วยความประหลาดใจ
แรงกดดันนั้นยิ่งใหญ่กว่าของเขามากถึงแม้เขาจะยังอยู่ในยุครุ่งเรืองก็ยากจะต่อต้านได้
นี่เป็นแรงกดดันที่เหนือกว่าดินแดนพระเจ้าราวกับทะเลเมฆหมอกที่ให้บรรยากาศสูงส่งอีกทั้งยังเย็นชา ยากที่จะจินตนาการว่าเด็กหนุ่มดินแดนศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งจะสามารถระเบิดพลังเช่นนี้ได้
จิตใจของเว่ยเต็มไปด้วยความสงสัยดังนั้นพอโบกมือเสร็จเขาจึงฟื้นคืนสภาพที่กำลังจะตายของหลินเฟิงให้กลับมาเหมือนช่วงก่อนที่รับการทดสอบ หลินเฟิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงเต็มไปด้วยความงุนงง
”มานี่สิ”เว่ยเอ่ยกับเขา
หลินเฟิงเดินเข้าไปหาเขาเห็นมองมาที่เขาแล้วถามว่า “เจ้าซ่อนความลับอะไรไว้?”
หลินเฟิงชะงักเล็กน้อยสัญชาตญาณบอกกับเขาว่าเว่ยคงหมายถึงหลุมดำ
อย่างไรก็ตามต่อหน้าผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เขากลับไม่รู้สึกระแวงใด ๆ เลย และได้บอกเรื่องราวที่เกี่ยวหลุมดำออกไป
พอได้ยินคำบอกเล่าของหลินเฟิงดวงตาของเว่ยจึงกระพริบปริบ ๆ ด้วยความประหลาดใจ เขาถูคางไปมาแล้วกล่าว “มันคือหลุมดำที่ได้รับมอบจากเทพเจ้ามังกรอย่างแน่นอน ไม่สงสัยเลยว่าทำไมข้าถึงรู้สึกอย่างนั้น”
ดูเหมือนพลังที่ต้านแรงกดดันของเขาจะมาจากหลุมดำสินะ
มีเพียงเทพเจ้ามังกรเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกได้อย่างนี้เมื่อตอนที่เขายังอยู่ในระดับพระเจ้า
เมื่อเป็นอย่างนี้เว่ยจึงมองเข้าไปในดวงตาของหลินเฟิงอย่างซับซ้อนมากขึ้นเล็กน้อย
เขาถอนหายใจและกล่าว”มาๆ ช่วยเล่าเรื่องราวโลกภายนอกให้ข้าฟังหน่อย”
หลินเฟิงจึงเล่าเกี่ยวกับโลกภายนอกออกมาอย่างง่ายดาย
หลังจากที่ได้ฟังใบหน้าของเว่ยก็เคร่งเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ คิ้วของเขาที่ขมวดอยู่แสดงความกังวลออกมา
”ดังนั้นหายนะกำลังจะกลับมาอีกครั้ง?” เว่ยพึมพำกับตัวเอง
สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือในอนาคต ถึงแม้จะเป็นเทพเจ้ามังกรก็ยังไม่อาจจัดการกับสถานการณ์นั้นได้
เว่ยเงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นก็เอ่ยกับหลินเฟิงอย่างรวดเร็ว “ชิ้นส่วนนี้ หากเจ้าต้องการก็เอาไปได้เลย”
หลินเฟิงตะลึง:”หา? จริง ๆ เหรอขอรับ? ”
เว่ยพยักหน้า:”เจ้าคือคนที่เทพเจ้ามังกรเลือกและจะกลายมาเป็นผู้กอบกู้โลก เพราะงั้นข้าเลยเลือกที่จะช่วยเหลือเจ้า น่าเสียดายที่ข้าส่งเจ้าออกไปจากโลกนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงจะช่วยเจ้าได้มากกว่านี้ ”
จากคำกล่าวของเว่ยหลินเฟิงจึงได้รู้ถึงความปรารถนาของคนในโนโลก ความนับถือที่มีเว่ยจึงเพิ่มขึ้นมาอีกนิด
เขากล่าวซ้ำๆ : “อย่าพูดอย่างนั้นเลยขอรับ ผู้อาวุโส ท่านทำดีมากพอแล้ว ที่เหลือมอบให้ข้าทำเอง”
เขายืดอกและยกหัวขึ้นดวงตาของเขาสว่างไสว”ข้าจะพยายามออกไปจากที่นี่ให้ได้เพราะข้ายังมีภารกิจอยู่ ข้าจะต้องไม่ตายที่นี่”
เสียงของหลินเฟิงดังกังวานแผ่ไปทั่วพื้นที่นี้
เขาเคยเป็นแค่ไอ้ขี้แพ้แต่ตอนนี้ได้เติบโตมาเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบแล้ว
สายตาของเว่ยเต็มไปด้วยความชื่นชม:”ดีมาก มีคนหนุ่มเช่นเจ้าบนโลกนี้ ทำให้ข้ารู้สึกว่าโลกยังมีความหวังที่จะรอดพ้น!”
”ตอนนี้เจ้ายังมีสิ่งสำคัญอีกมากที่ต้องทำแทนที่จะคุยอยู่กับคนตายที่นี่งั้นข้าจะไม่รั้งเจ้าไว้แล้ว”
”เจ้าไปเถอะเพิ่มพลังให้ดี ๆ โลกนี้ข้าขอมอบให้เจ้าแล้ว! ”
พอเสียงของเว่ยจบลงหลินเฟิงก็รู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขาได้รับแรงกระแทกเป็นอย่างมาก พอกลับมามองเห็นเขาจึงพบว่าตัวเองได้กลับมาในพื้นที่ตรงตำแหน่งที่ยืนสัมผัสกับแสง
”หลินเฟิงหลินเฟิง?” ราชินีมังกรเรียกชื่อของเขา “เจ้าเป็นอะไรไป? เจ้าสบายดีหรือไม่?”
”ข้ากลับมาแล้วพระเจ้า” หลินเฟิงเอ่ย
เขาพูดต่อ”ที่จริง ข้าได้พบกับคนที่สร้างโลกนี้แล้ว”
”ผู้อาวุโสเว่ย?”เมื่อได้ยินเขาพูด ราชินีมังกรงก็มีสีหน้ากระจ่าง “ปรากฏว่าเป็นเขาที่สร้างมันนั่นเอง”
”เว่ยคือปรมจารย์ธาตุพื้นที่ผู้โด่งดังแต่เขาหายตัวไปในสงคราม ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปอยู่ไหน”
”เวลานี้ดูเหมือนว่าเขาคงจะผนึกปีศาจไว้ในร่างของตัวเอง”
หลินเฟิงพยักหน้าแล้วจับแสง
ราชินีมังกรประหลาดใจขึ้นมาอีกครั้ง:”เกิดอะไรขึ้น? เจ้าจับมันได้อย่างไร?”
”มันไม่มีการป้องกันแล้วเหรอ?”
หลินเฟิงอธิบายถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างง่ายๆ ให้ราชินีมังกรได้เข้าใจทุกสิ่ง
ต่อมาหลินเฟิงจึงกล่าวขอโทษ: “ขอโทษครับ เป็นเพราะข้า พวกเราเลยหลงทาง”
ราชินีมังกรส่ายหน้าแล้วกล่าว”ไม่เป็นไร ข้ารู้สึกได้ถึงลมปราณของน้องชายข้าแล้ว มันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เราสามารถตามหาด้วยการติดตามจากลมปราณได้”
”จริงเหรอ?”หลินเฟิงประหลาดใจและรีบเก็บกลุ่มแสงใส่ไว้ในแหวน แล้วเดินไปหาราชินีมังกร
เมื่อพวกเขาเดินมาถึงแอ่งน้ำพวกเขาก็ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น
บทที่ 634 อาการสั่น
มันเป็นแอ่งน้ำที่ค่อนข้างกว้างล้อมรอบไปด้วยปีศาจราวกับกำแพงเหล็ก ราวกับเมฆดำที่ปกคลุมอยู่พื้น คาดว่ามีจำนวนเกือบถึงพันคนซึ่งเต็มไปด้วยลมปราณที่หนักหน่วงและน่ากลัว
”มีเยอะมาก…”
หลินเฟิงรู้สึกเหมือนมีหินก้อนใหญ่มาถ่วงที่ใจเขาดึงใจกลับมาแล้วมันก็ร่วงไปอยู่ที่พื้น
ไม่ต้องกล่าวถึงปีศาจที่มากมายอย่างนี้เลยถึงแม้จะเป็นแค่หมู ก็ยังต้องใช้เวลาไล่จับมากแน่ ๆ ถูกไหม? ยิ่งกว่านั้น เขาก็รู้สึกได้ว่ายังมีอีกหลายตัวที่น่าจะจัดการได้ยาก
จะจัดการกับสถานการณ์ที่ยากเย็นเช่นนี้อย่างไรดี?
หลินเฟิงค่อยๆ ขยับสายตาด้วยความสงสัย ทันใดนั้นก็ได้เห็นสิ่งที่น่าสะพรึง รูม่านตาของเขาหดตัวอย่างฉับพลัน
ตรงกลางวงล้อมของปีศาจมีแสงสีม่วงขนาดใหญ่ปรากฏอยู่
รูปร่างของกลุ่มแสงคล้ายกับเปลวไฟที่ลุกไหม้เผยให้เห็นรสชาติแห่งความลุ่มหลง
โซ่ทองคำสี่เส้นที่ถูกตรึงไว้กับพื้นดินทะลุเข้าไปในมวลแสงปิดกั้นเงาสูงที่อยู่ในนั้น
เงานั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าปีศาจแต่กลับดูคลุมเครือมองเห็นได้ไม่ชัดเลย
พอมองไปที่เงามืดหลินเฟิงก็ใจสั่นขึ้นมา
ลมปราณอันมืดทึบจากเงานั้นทำให้เขาอึดอัดจนหายใจไม่ออก
อีกอย่างราชามังกรแห่งกาลเวลาที่ถูกปีศาจจับตัวไป
ในตอนนี้ราชามังกรแห่งกาลเวลาถูกบังคับให้คุกเข่าลงตรงหน้ากลุ่มแสงนั้น สองในสามคนที่อยู่ข้าง ๆ เป็นปีศาจที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม
ราชามังกรแห่งกาลเวลาจ้องมองไปที่กลุ่มแสงเปลวไฟสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา
”มันยังไม่ตาย…”ดวงตาของราชินีมังกรเต็มไปด้วยความตกใจ
จากประโยคนี้หลินเฟิงจึงเข้าใจความหมายของราชินีมังกรได้อย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาแสดงความพ่ายแพ้ในทันที
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเจ้านั่นราชาปีศาจ!
แต่ในตอนนั้นเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แม้จะอยู่ไกลออกมาแต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าถึงลมปราณของเขาจะน่าตกใจแต่ก็ยังไม่น่ากลัว
หลังรับการทดสอบจากเว่ยเขาจึงยืนยันได้ว่านั่นไม่ใช่ลมปราณที่ปรมาจารย์ขั้นพระเจ้า!
พอเขาบอกสิ่งที่คิดกับราชินีมังกรเขาก็ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ความแข็งแกร่งของเขายังไม่ฟื้นฟูกลับมา แต่จากลมปราณ น่าจะอยู่ขั้นดินแดนนักบุญยิ่งใหญ่”
ดินแดนนักบุญ!
มือของหลินเฟิงสั่นเบาๆ สำหรับเขาแล้ว ดินแดนนักบุญก็ไม่ต่างจากดินแดนพระเจ้า อีกอย่างก็แค่ถูกฆ่าตายในไม่กี่วินาที
หลินเฟิงพยายามสงบคลื่นในใจและถาม”พวกเขามาทำอะไรที่นี่ คน ๆ นั้นออกมาแล้วเหรอครับ? ”
ราชินีมังกรพยักหน้า:”แม้ข้าจะไม่อยากยอมรับ แต่จากผนึกโลกที่ลดลงจึงคาดว่าจะเป็นอย่างนั้น”
หลินเฟิงร่ำร้องขึ้นในใจแม่เจ้า เขาจะไล่จับทุกตัวยังไงไหว?ท่านอยากให้ข้าตายเหรอ?
เขาถามเสียงค่อย”งั้นก็ได้ มีวิธีอื่นอีกไหม?”
ใบหน้าที่สง่างามของราชินีมังกรไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
เมื่อเห็นแบบนี้หลินเฟิงจึงรู้คำตอบ สีหน้าของเขาจึงไม่น่าดูยิ่งกว่าเดิม
ที่กลางแอ่งน้ำเงาผนึกขนาดใหญ่เริ่มพูดออกมา
เสียงของเขาก้องกังวานไปทั้งแอ่งน้ำราวกับกลองใหญ่
”ราชามังกรแห่งกาลเวลาข้าไม่ได้เจอเจ้ามาหลายล้านปีแล้ว ดูเจ้าตกต่ำลงนะ”
”เมื่อก่อนเจ้าแข็งแกร่งมาพอที่จะส่งผลกระทบต่อดินแดนพระเจ้าแต่ตอนนี้เจ้ากลับตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ช่างน่าเวทนาจริง ๆ”
พอได้ยินอย่างนี้หลินเฟิงจึงประหลาดใจ
เขารู้ดีว่าเวลานี้สองราชามังกรไม่ได้อยู่จุดสูงสุดแต่ก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะเคยไปถึงจุดที่ส่งผลกระทบต่อดินแดนพระเจ้า
แต่พอมาคิดดูอีกทีราชามังกรที่มีชีวิตอยู่บนโลกมาอย่างยาวนาน เป็นธรรมดาที่จะมีความแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนั้นไม่ใช่เหรอ?
ราชามังกรแห่งกาลเวลาเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวอย่างโกรธแค้น”แม้จะเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะหยุดเจ้าให้ได้ในวันนี้อย่างแน่นอน!”
”หากเจ้าจะหนีข้าขอบอกไว้เลยว่าฝันไปเถอะ!”
เงามืดหัวเราะและกล่าว”มันยากมากจริง ๆ ที่เจ้าในตอนนี้จะสู้ข้าได้”
มันหันไปอีกด้านแล้วพูดขึ้น:”ยากหรือไม่ เจ้าสองคนที่ยอดเขาคือความมั่นใจของเจ้าสินะ?”
”หา?”ราชามังกรแห่งกาลเวลาประหลาดจากนั้นจึงมองไปที่ยอดเขา
ในทิศนั้นหลินเฟิงกับราชินีมังกรก็ตกตะลึงอยู่เช่นกัน
”ถูกเจอแล้ว!”ราชินีมังกรกล่าวอย่างรีบเร่ง “หนีไป”
พอได้ยินหลินเฟิงจึงรีบวิ่งย้อนไปข้างหลังอย่างไม่ลังเลเลย
”จะไปไหน?”เสียงของเงามืดแผ่ไปทั่วแอ่งน้ำ ทันใดนั้น หลินเฟิงกับราชินีมังกรก็รู้สึกเหมือนถูกอำนาจที่ทรงพลังหนีบเอาไว้ ราวกับพวกเขาถูกมือข้างหนึ่งจับไว้แน่นจนขยับไม่ได้เลย
”ตอนนี้พวกเราได้อยู่พร้อมหน้ามาคุยกันดี ๆ เถอะ ”
ขณะที่เสียงเงามืดจบลงหลินเฟิงกับราชินีมังกรก็ถูกพลังดึงกลับไปและตกไปอยู่ข้าง ๆ ราชามังกรแห่งกาลเวลา
ทันใดนั้นปีศาจนับพันที่ยืนอยู่ก็ก้าวถอยหลังด้วยแรงพลังอันหนักหน่วงและเสียงที่พร้อมเพียงจนดังทะลุไปถึงท้องฟ้า
เงาดำหัวเราะด้วยความประหลาดใจ:”ราชินีมังกร เจ้าตามมาถึงที่นี่ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม?”
จากนั้นสายตาของเขาจึงย้ายไปหลินเฟิงน้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นสงสัย: “แล้วเจ้า เจ้าเป็นมนุษย์ไม่ใช่เหรอ? ”
ราชามังกรแห่งกาลเวลามองไปที่พวกเขาอย่างตกตะลึง”พวกเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
ไม่มีใครตอบออกมาทั้งหลินเฟิงและราชินีมังกร
เงามืดหัวเราะ:”คงไม่ดีที่มีคนปิดบังเจ้าสินะ?”
”ข้าไม่คิดฝันเลยว่าจะสามารถโจมตีสองราชามังกรราชาได้ในทันทีที่พวกเขาปรากฏตัววันนี้ช่างเป็นวันดีนัก! หากข้ากลืนกินเจ้าทั้งคู่ลงไป คิดว่าคงไม่นานก็จะกลับมาสู่จุดสูงสุดได้สินะ? ”
”พอนึกถึงก็ทนรอไม่ไหวแล้ว”
ราชามังกรแห่งกาลเวลาตะโกน:”เพ้อเจ้อ!”
เงามืดส่งเสียงอย่างเย็นชา:”เพ้อเจ้อ? งั้นเจ้าก็เปิดตาให้กว้าง ๆ แล้วมองดูให้ดีซะ”
พอเงาดำเงียบลงหลินเฟิงกับอีกหลาย ๆ คนก็เงียบเช่นกัน
บรรยากาศนิ่งสนิทเหล่าปีศาจต่างเงียบเชียบ แต่ทว่าหลินเฟิงและคนอื่น ๆ กลับอยู่ในความวิตกกังวล
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังขึ้นบนท้องฟ้า ที่เหนือแอ่งน้ำไปทางด้านขวา ท้องฟ้าตรงนั้นเริ่มหมุนวนอย่างช้าและปรากฏสายฟ้าที่คล้ายกับมังกรตัวหนึ่งกระโจนอยู่บนนั้น
”ช่องมิติกำลังจะเปิดออก!”ราชามังกรแห่งกาลเวลาพึมพำ
ในเวลานี้เสียงของเงามืดก็ดังขึ้นอีกครั้ง: “ใกล้ถึงเวลาแล้ว ส่งของเสริมมาให้ข้า!”
ปีศาจสิบคนก้าวออกมาล้อมรอบไฟทันทีพวกเขาปลดปล่อยลมปราณของตัวเองออกมา แน่นอนว่าแต่ละคนต่างก็อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก
บรรยากาศแปลกประหลาดจนทำให้ผู้คนเชื่อมโยงกับคำว่าบูชายัญได้
จากนั้นเปลวไฟก็ยืดยาวออกมาจากหมวกเกราะของปีศาจทั้งสิบ! พอเปลวไฟทั้งสิบพุ่งเข้าไปในแสงไฟ สิบปีศาจจึงสูญสิ้นชีวิตและทิ้งร่างบนพื้น
”อ๊า…”
เงามืดร้องครางราวกับพึงพอใจจากนั้นร่างของเงาดำก็เคลื่อนไหวทันทีจนเห็นแค่เพียงประกายไฟแว่บผ่านไปบนโซ่ตรวน จากนั้นมันก็แตกออก!
แสงสีม่วงระเบิดออกกลายเป็นควันที่หนาทึบภายในควันมีบรรยากาศที่สูงส่งลอยหมุนวนและฟุ้งกระจายอยู่ในนั้น