บทที่ 637 ความวุ่นวายในโรงแรม
จิตใจของหลินเฟิงนั้นว่างเปล่าเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ได้อย่างไร ราชามังกรทั้งสองนั้นสามารถนำไปความเป็นไปได้หลายสิ่งหลายอย่าง
ลมหนาวทำให้ผิวหนังของเขาสะดุ้งและเขาก็อดไม่ได้ที่จะจามออกมา
ในเวลานี้เสียงอันไพเราะดังก้องอยู่บนท้องฟ้าหลินเฟิงเงยหน้าขึ้นและพบว่าประตูแห่งห่วงอวกาศถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์แล้ว
เขารีบตะโกนไปที่ด้านล่างนั้น:”ราชินีมังกร ท่านยังอยู่ที่นั่นหรือไม่ ประตูกำลังเปิดออกแล้ว”
มีเพียงสายลมและความเงียบเท่านั้นที่ตอบรับเขา
ใบหน้าของหลินเฟิงซีดและริมฝีปากของเขาสั่น
แม้แต่เรื่องนี้ก็อาจจะยากสำหรับราชินีมังกรอย่างงั้นหรือ?
ในขณะที่เขารู้สึกสิ้นหวังนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าพื้นน้ำแข็งที่เขากำลังเหยียบอยู่เกิดการสั่นไหวขึ้นเล็กน้อยจากนั้นตรงกลางของน้ำแข็งแล้วค่อย ๆ แตกออก
ร่างหนึ่งบินออกมาจากใต้พื้นน้ำแข็งและหยุดอยู่ตรงหน้าหลินเฟิง
เมื่อเห็นใบหน้าราชินีมังกรที่คุ้นเคยหลินเฟิงก็รู้สึกประหลาดใจ: “ผู้อาวุโส!”
”ไม่เป็นไรไปกันเถอะ”
จากนั้นพวกเขาก็บินเข้าไปที่ประตูแห่งห้วงอวกาศ
หลินเฟิงเดินตามเขาไปมีเพียงความรู้สึกแปลก ๆ ที่ดวงตาของเขา ก่อนที่จะเปลี่ยนไปอย่างฉับไว
พวกเขายืนอยู่ภายใต้ท้องทะเลอันไม่มีที่สิ้นสุดม่านพลังสีดำยังคงลอยอยู่เหนือท้องทะเลนั้นและไม่มีวี่แววว่าจะจางหายไป
หลินเฟิงมองไปที่ม่านพลังสีดำและถามว่า”ผมควรทำอย่างไรกับสิ่งนี้ พวกเขาคงไม่สามารถเก็บมันไว้ที่นี้ได้ตลอดเวลาใช่ไหม?”
ราชินีมังกรกล่าวว่า:”มันเป็นเพียงรอยแยกแห่งกาลเวลาเท่านั้น ข้าสามารถปิดผนึกมันได้”
หลังจากนั้นราชินีมังกรก็ใช้พลังวิญญาณของเธอเพื่อส่งคลื่นแสงสีฟ้าอ่อนไปยังม่านพลังสีดำ
หลินเฟิงรู้สึกว่าราชินีมังกรในเวลานี้มีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงไปแล้ว
หลังจากนั้นไม่นานม่านพลังสีดำก็บิดเบี้ยวและหายไปในที่สุด
แต่สำหรับราชินีมังกรแล้วการเคลื่อนไหวนี้ไม่สามารถต้านทานได้อย่างเห็นได้ชัดใบหน้าของเธอซีดลงอย่างรวดเร็ว ร่างบาง ๆ ของเธอนั้นอ่อนปวกเปียกก่อนที่จะลมล้มลง
หลินเฟิงรีบไปช่วย:”ผู้อาวุโส ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
พลังของราชินีมังกรนั้นอ่อนแอลงและสภาพร่างกายนั้นก็ไม่ได้ดีพร้อมนัก
ดูเหมือนว่าเธอจะใช้วิธีการคล้ายพลังของราชามังกรแห่งกาลเวลาเพื่อบังคับให้ต้องระเบิดพลังออกมา แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับวิธีที่ราชามังกรแห่งกาลเวลาใช้ ดังนั้นมันจึงไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตของเธอนัก
ราชินีมังกรนั้นดูอ่อนแอมากและใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
”ข้าสบายดีข้าจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่” เขาพูดเบา ๆ ออกมา
“ข้าปิดมันแล้วหลังจากนี้อย่าพึ่งมาหาข้า”
“นอกจากนี้เจ้าควรเตรียมความพร้อมสำหรับการทดสอบพลังนั้นภัยอันตรายในปราสาททองคำนั้นสูงกว่าที่เจ้าคาดคิดเอาไว้มาก เจ้าต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ”
หลินเฟิงพยักหน้าจากนั้นราชินีมังกรก็ไม่พูดอะไรอีกเขาหันหน้าออกไปที่ท้องฟ้าอันไร้ขอบเขต
หลินเฟิงยืนอยู่กลางสายลมของหัวใจที่ไร้อารมณ์ของราชินีมังกร
ท้ายที่สุดตอนแรกพวกเขาบุกกันเข้ามาสามคนแต่ตอนนี้เหมือนจะเหลือเพียงเขาคนเดียว
”ราชามังกรกาลเวลาการเสียสละของท่านจะไม่เปล่าประโยชน์” เขากำหมัดแน่นและคิดในใจ “ตราบใดที่ผมยังมีชีวิตอยู่ จะไม่มีใครต้องทนทุกข์แบบนี้อีก”
หลังจากนั้นหลินเฟิงก็กลับไปที่บ้านของเขาแม้ว่าการผนึกจะสิ้นสุดลงแล้วก็ตาม
แต่สำหรับหลินเฟิงแล้วเขาจะผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร?เป็นเวลาสองวันแล้ว ตราบใดที่เขานึกถึงฉากการเสียสละของราชามังกร อารมณ์ของเขาก็แปรปรวนอย่างมาก เขารู้สึกเพียงว่าหน้าอกของเขาร้อนรนจนไม่สามารถสงบลงได้
เขามองไปที่ปราสาททองคำที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าอย่างเงียบๆ ความกระตือรือร้นที่จะบุกเข้าไปให้เร็วที่สุดเอ่อล้นในจิตใจของเขา
ตอนนี้เขาต้องปรับปรุงความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างมากมิฉะนั้นแล้วด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ เมื่อภัยพิบัติแห่งวันโลกาวินาศมาถึง ไม่ต้องพูดถึงพระผู้ช่วยให้รอดเลย เขาอาจจะกู้โลกจากหายะนะไม่ได้ด้วยซ้ำ
เขารู้สึกหดหู่ใจแม้ว่ามู่ซินซินจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เธอก็รู้ด้วยสัญชาตญาณว่าหลินเฟิงต้องประสบกับสิ่งที่เลวร้ายมาแน่ ๆ
เธอไม่ได้ไถ่ถามอะไรมากแต่เธอคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ที่หลินเฟิงจะทำเช่นนี้ตลอดเวลา ดังนั้นเธอจึงส่งข้อเสนอให้หลินเฟิงในตอนเที่ยง
“วันนี้เราไปกินข้าวนอกบ้านกันไหม”
หลินเฟิงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะทำแบบนั้นจริงๆ ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธโดยตรง: “ฉันไม่อยากไปหนะ”
แต่มู่ซินซินก็อยากจะดึงเขาให้ไปแม้จะมีอารมณ์มาพัวพันด้วยเล็กน้อยก็ตาม
หลินเฟิงไม่ยอมแต่ลึก ๆ แล้วเขาก็ต้องการที่จะออกไปพักผ่อนเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วเขาจึงตกลงที่จะลงออกไปกินข้าวด้วย
แต่ตอนนี้สถานการณ์ภายนอกซับซ้อนมากดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น เขาจึงใช้ทักษะและพรสวรรค์ของเถาวัลย์ปีศาจ เพื่อเปลี่ยมร่างของเขากับมู่ซินซิน
ถึงยังงั้นดีกรีความหล่อสวยและแซ่บของพวกเขาก็ไม่ได้ลดลงไปเลย
แทนที่จะไปร้านอาหารโหย่วหยีร้านประจำหลินเฟิงไปที่โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงแทน
การตกแต่งของโรงแรมนี้หรูหรามากเป็นสถานที่ที่หลินเฟิงไม่กล้านึกถึงด้วยซ้ำในสมัยก่อน
พวกเขากำลังจะไปนั่งในห้องรับรองแต่ธุรกิจของโรงแรมกำลังเฟื่องฟูกห้องรับรองนั้นเต็ม จึงได้แค่นั่งกินในห้องโถงขนาดใหญ่ของโรงแรม
ไม่นานนักจานทั้งหมดก็มาเสิร์ฟถึงที่ตั้งแต่ ที-โบนสเต็ก คาเวียร์ ไปจนถึง ฟัวกราส์ อาหารที่เสิร์ฟเกือบทุกอย่างนั้นทำจากเชฟฝีมือดีระดับโลก
เขาเอาก็คิดในใจและกลัวว่าค่าใช้จ่ายในวันนี้มันจะทำให้ครอบครัวของเขาเสียรายได้ครึ่งของปีโดยเฉลี่ยได้สบาย ๆ เลย ถ้าเป็นเมื่อก่อน
มู่ซินซินกล่าวอย่างกระตือรือร้ว่า
“ดูสิ!การทำชีสนี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะ มันถูกหมักไว้ตั้งห้าปีแหนะ ก่อนที่จะเอามาทำอาหารแบบนี้ได้”
”และเจ้านี่ก็คือเนื้อแกะสับจากฟาร์มที่ฝรั่งเศสรสชาติละมุนลิ้นมาก!”
”เอาเถอะนายเห็นคาเวียร์นำเข้าจากญี่ปุ่นนี้ไหมหละ ฉันชอบมันมากเลยนะ”
……
เธอพูดจนแนะนำอาหารเกือบทั้งหมด
ไม่ใช่ว่าเธอพูดมากเกินไปความตั้งใจเดิมของเธอคือการทำให้หลินเฟิงมีลืมเรื่องที่ยึดติดเขาเอาไว้บ้าง แต่หลินเฟิงดูเหมือนจะไม่มีความกระหายใด ๆ เลยในมื้ออาหารครั้งนี้
ขณะที่มู่ซินซินกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรให้หลินเฟิงมีความสุขดีทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง
สองคนหันกลับไปมองมันเป็นเสียงจากผู้ชายตัวใหญ่ ที่ส่งเสียงดังเข้ามา
เดิมทีพวกเขาไม่ได้สนใจอะไรมากนักแต่ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องของผู้หญิงอยู่ด้านหลังนั้นด้วย
เมื่อมองย้อนกลับไปอีกครั้งพวกเขาพบว่ามีชายร่างใหญ่จับมือบริกรหญิงพร้อมรอยยิ้มไม่หวังดีบนใบหน้าของเขา
”เลิกงานแล้วมามีความสุขกับพวกเราหน่อยไหมหละ”
พนักงานเสิร์ฟแทบจะกลัวจนร้องไห้:”ท่านคะ ได้โปรดเคารพสถานที่ด้วย! ไม่งั้นดิฉันต้องแจ้งตำรวจนะคะ!”
แต่ชายร่างใหญ่ไม่เพียงแต่ทำเป็นไม่ได้ยินเท่านั้นแต่เขายังทวีความรุนแรงมากขึ้นด้วย
มู่ซินซินในฐานะที่เธอเป็นตำรวจแล้วโดยธรรมชาติเธอไม่สามารถทนกับเรื่องแบบนี้ได้ เธอจึงปรบมือเสียงดังทันที “เห้! หยุดเดี๋ยวนี้!”
ชายร่างใหญ่มองไปที่มู่วินซินและหลินเฟิงละคนตาของพวกเขาสว่างขึ้นและพวกเขาก็หัวเราะเยาะเย้ยขึ้น: “โอ้นังนั้นสวยกว่ายัยนี้อีก!”
มู่ซินซินทนไม่ได้กับสายตาอนาจารของพวกเขาเธอพูดว่า “ฉันเป็นตำรวจ! พวกแกควรหยุดดีกว่า!”
”ตำรวจ?”ชายร่างใหญ่หัวเราะ“ ฮ่าฮ่าฉันชอบตำรวจนะ โดยเฉพาะตำรวจสวย ๆ”
ชายคนนั้นหันหลังให้และตบก้นของตัวเอง:”มาเถอะสอนบทเรียนด้วยแส้ของเธอให้ฉันหน่อย!”
ทันทีที่คำพูดนั้นหลุดออกมาชายตัวโตก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที
มู่ซินซินทนไม่ได้ที่ถูกยุเธอรู้สึกอับอายและโกรธมาก เธอตั้งใจจะตบชายร่างใหญ่ด้วยกระแสงไฟที่มือของเธอ
“ผู้ใช้พลังอย่างงั้นรึ?”ทันทีที่ชายร่างใหญ่เห็น ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนสี ก่อนที่จะทุบมือลงบนโต๊ะอย่างแรง
ทันใดนั้นคลื่นก็แผ่กระจายออกมาทำให้มู่ซินซินไม่สามารถทนแรงกดดันนั้นได้ จนกระเด็นออกไป!
แต่ในไม่ช้าเธอก็ถูกจับไว้โดยหลินเฟิง: “เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา ให้ฉันจัดการดีกว่า… ”
บทที่ 638 ความรู้สึกครอบงำบนใบหน้า
เมื่อมองไปที่หลินเฟิงความรู้สึกแผ่วเบาในหัวใจของมู่ซินซินก็เต็มไปด้วยความปลอดภัย
เธอพยักหน้าและซ่อนตัวอยู่ข้างหลังหลินเฟิง
ผู้คนหลายคนหันมามองเหตุการทะเลาะวิวาทพร้อมๆ กัน ด้วยความสนใจ พร้อมกับกินแตงโมไปด้วย
ชายร่างใหญ่ที่ทำให้มู่ซินซินอับอายนั้นขมวดคิ้วและกล่าวว่า”แกเป็นใคร แกยังอยากจะออกไปจากร้านอย่างปลอดภัยอยู่ไหม?”
ปากของหลินเฟิงเอียงเล็กน้อยแม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะเบามาก แต่ก็เต็มไปด้วยความเอาแต่ใจ: “เธอคือผู้หญิงของฉัน ฉันควรจะรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ใบหน้าสวยๆ ของมู่ซินซินก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที หัวใจของเธอสั่นไหวเล็กน้อยเธอไม่คิดเลยว่าหลินเฟิงจะกล้าประกาศกล้าซะขนาดนี้
“ผู้หญิงของแก?”ชายตัวใหญ่มองไปที่หลินเฟิง
จากนั้นเขาก็เยาะเย้ย”โลกนี้มันเป็นแบบไหนกันนะ ผู้ชายอกสามศอกแท้ ๆ แบบเรา ทำไมถึงไม่มีผู้หญิงมาชอบ เอาแต่มองไอ้หน้าจืด หน้าขาวแบบนี้ อยู่ได้”
“ผอมกระหล่องแบบนี้นอนด้วยครั้งสองครั้งก็คงจะเบื่อแล้วมั้ง!?”
สีสันของมุกตลกนี้ทำให้ดึงดูดคนรอบข้างได้ มีเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นในกลุ่มของผู้ชม
ชายร่างใหญ่มองไปที่ผู้หญิงหน้าสวยด้วยความชื่นชมยินดีบนใบหน้าของเขา ขณะที่เขานั่งนั่งอยู่บนเก้าอี้พิเศษคล้ายกับบัลลังก์พร้อมกับพูดต่อไปว่า: “ความงามแบบนี้คู่ควรกับฉันเท่านั้น”
ชายคนนั้นลุกขึ้นยืนเมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เขาเพิ่งทำไป เขาน่าจะเป็นคนที่มีอำนาจอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ชายคนนั้นสูงกว่าหลินเฟิงเกือบจะครึ่งตัวเขาเข้ามาใกล้และมองไปที่หลินเฟิงจากตำแหน่งที่สูงกว่าราวกับเขาจะบดขยี้หลินเฟิงด้วยแรงกดดัน
อย่างไรก็ตามสีหน้าของหลินเฟิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลยเขายืนเผชิญหน้ากับชายตัวใหญ่เท่าภูเขาแต่เขาถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “พี่ชายชื่ออะไรหละ?”
ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา:“ฉันชื่อหยวนหู นายบอกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนของนายใช่ไหม ฉันจะบอกนายอย่างเป็นทางการว่า ฉันชอบผู้หญิงคนนี้นายจะให้ฉันยืมไปเล่นด้วยสักสองวันได้ไหม แล้วฉันจะคืนให้ ว่ายังไงนายมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ”
เมื่อเขาพูดอย่างจงใจขนาดนี้ก็เพื่อสร้างแรงกดดันทางจิตใจต่ออีกฝ่าย
ดวงตาของหลินเฟิงหรี่ลงเล็กน้อยและกล่าวด้วยรอยยิ้มแข็งๆ “ถ้าฉันไม่ให้ยืมล่ะ?”
“ฮึบ!”หยวนหูกระทืบเท้าและลมหายใจที่รุนแรงก็กระจายไปรอบ ๆ โต๊ะของผู้ชมเองก็สั่นสะเทือน ฝูงชนค่อย ๆ ถอยห่างออกไปสองก้าว
น้ำเสียงของมู่ซินซินมีความแปลกใจเล็กน้อย:”ระดับ SS รึ?”
ไม่น่าแปลกใจที่พลังเช่นนี้สามารถทำให้เธอเสียหลักได้
หยวนหูยิ้มอย่างพึงพอใจ:”ใช่แล้ว ฉันอยู่ในคลาส SS แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่ดุร้ายอะไร”
”เธอคือความสวยงามที่ฉันตามหาไปกับฉันดีกว่า ถ้าเธอได้เห็นเรือนร่างของฉัน เธอจะเห็นถึงความสุขที่แท้จริง จนเธอคาดไม่ถึงได้แน่นอน”
หลินเฟิงส่ายหัวและพูดติดตลกด้วยรอยยิ้ม:”พลังของนายดูแรงมากเลยนะ ฉันคิดว่าพลังของนายเข้าสู่ระดับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าและซะอีก”
”ที่แท้ก็แค่ระดับSS คิดว่าพลังระดับแกมีค่าให้มองจริง ๆ เหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้หยวนหูก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยแต่เขาก็พยายามสำรวจความแข็งแกร่งของหลินเฟิงอย่างละเอียดแล้ว แต่ก็ไม่พบว่าหลินเฟิงมีความแข็งแกร่งมากกว่าระดับ S แต่อย่างใด นั้นยังคงทำให้เขารู้สึกสบายใจได้
ว่าแล้วเขาก็พูดอย่างเย็นชาว่า”หยุดแกล้งทำเป็นเก่งได้แล้ว แกอยากกลายร่างเป็นขยะแบบไหนกันหละ แกกล้าพูดแบบนี้ แกพกความมันใจไว้มากขนาดไหนกันเชียว”
”เอาจริงๆ นะ วันนี้ออกมาข้างนอกทั้งทีฉันไม่ได้อยากฆ่าคนสักหน่อย”
“แต่ถ้าแกยืนกรานที่จะยั่วโมโหฉันล่ะก็ … ” เขายื่นฝ่ามือกระแทกลงไปบนโต๊ะอย่างแรง “จุดจบของแก จะเป็นแบบนี้!”
ทันทีที่คำพูดของหยวนหูจบตกโต๊ะกลมตัวใหญ่ก็พังทลายลงไม่เหลือชิ้นดี จานชามตกลงไปบนพื้น ผู้สังเกตการณ์หลายคนเริมตัวสั้นไปตาม ๆ กัน
และชายร่างใหญ่ที่ติดตามหยวนหู่ก็ตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า“พลังของพี่ใหญช่างทรงพลังจริง ๆ !”
หยวนหูเอียงศีรษะมองไปที่นิ้วของเขาเช่นเดียวกับมือปืนที่ยิงกระสุนออกมาจากกระบอก ก่อนที่จะพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ตอนนี้แกคงเข้าใจสิ่งที่ฉันพยายามจะสื่อหรือยัง”
หลินเฟิงเริ่มหัวเราะ:”การขู่ของแก แกยังทำได้แค่นี้เองเรอะ?”
เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงไม่แคร์อะไรเลยหยวนหู่ก็โกรธจนฟิวแทบขาด “แกอยากจะสู้จริง ๆ สินะ?”
”ไม่มีใครที่สู้กับฉันแล้วรอดชีวิตไปได้เลย!”
คนที่มากับหยวนหูพยายามพูดแนะนำหลินเฟิงกลับมา
:
”อย่าพยายามทำตัวกล้าหาญอวดสาวเลยพ่อหนุ่มเขาคนนี้ของจริง!”
”ใช่ๆ แค่ผู้หญิงคนเดียวชีวิตสำคัญกว่าอยู่แล้ว ตราบใดที่นายยังเห็นค่าชีวิตอยู่ นายเอาโอกาสนี้ไปหาความโรแมนติกที่อื่นเถอะ”
”หนีไปเร็วถ้าเขาเคืองจริง ๆ แล้ว ไม่มีใครหยุดเขาได้แล้วนะ!”
หลินเฟิงมองไปที่คนพวกนั้นและกล่าวว่า”อย่าคิดว่าฉันไร้ประโยชน์เหมือนไอ้หมอนั้นสิ”
ใบหน้าของผู้คนรอบตัวเขาเปลี่ยนไปทันทีและจากนั้นความผิดหวังก็ปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา
“เห้ออุส่าเตือนแล้วแท้ ๆ แต่ก็นะ”
“ขี้เก็กแบบนี้ตาย ๆ ไปเถอะ!”
”ไม่พูดมากแล้วจะอยู่หรือตายก็เรื่องของแกเลย”
ฝูงชนรอบๆ เริ่มกลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง หยวนหูดัดข้อนิ้วของเขาส่งเสียงกร็อบแกร็กออกมา: “ฉันไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี แต่เนื่องจากแกอยากตายมากนัก ฉันก็จะปล่อยให้แกได้สิ่งที่แกต้องการสักหน่อยแล้ว!”
ลูกน้องของเขาเข้าใจความหมายนั้นดีพวกเขาค่อย ๆ เข้าไปล้อมรอบหลินเฟิงทีละคน
ใบหน้าของหลินเฟิงไม่เปลี่ยนไปเลยแววตาของเขายังคงไม่แยแสอะไร
แต่ในเวลานี้มู่ซินซินจับมือของเขาเอาไว้แน่นและพูดว่า”ไปกันเถอะ!”
แล้วพวกเขาก็ต้องรีบออกไป
แต่ชายร่างใหญ่หยุดพวกเขาเอาไว้และพูดด้วยรอยยิ้มว่า”กลัวยังงั้นเรอะ”
หยวนหูสูดอากาศ:”ดูสิแม้แต่แฟนของแก ยังคิดว่าแกทำไม่ได้เลย แกก็ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเหรอ?”
หลินเฟิงค่อยๆ จับมือของมู่ซินซินเป็นสัญญาณให้เธอปล่อยออก ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เย็นชาจาง ๆ “ฉันว่าแกน่าจะคิดผิดไปนะ”
”เหตุผลที่ซินซินต้องการพาฉันออกไปไม่ใช่เพื่อปกป้องฉัน แต่เพื่อปกป้องพวกแกต่างหาก!”
ทันใดนั้นเสียงของหลินเฟิงก็ดังขึ้นทันใดนั้นลมหายใจที่รุนแรงก็แพร่ออกมา
ยกเว้นหยวนหูคนเดียวคนอื่น ๆ ต่างก็ถอยออกจากแรงกดดันนี้
ใบหน้าของหยวนหู่นั้นดูมืดมนมากขึ้น:”แกใจแข็งมากสินะ แกต้องการท้าทายฉันใช่ไหม”
”แต่แกมันเป็นแค่ระดับS ในสายตาคนอื่นแกอาจจะดูเหมือนหมาล่าเนื้อ แต่สำหรับฉันแกคือมด!”
”เนื่องจากแกรนหาที่ตายขนาดนี้แล้ววันนี้ฉันจะให้แกได้เห็นความแตกต่างระหว่างระดับ S กับระดับ SS เอง!”
เมื่อนั้นแขนของหยวนหู่ก็กลายเป็นสีน้ำเงินจากนั้นเขากัดฟันแน่นและปล่อยพลังออกไปทางหลินเฟิง
แต่ในไม่ช้าสายลมที่รุนแรงก็ปกคลุมร่างของเขา โดยที่ไม่ทันที่จะได้ตอบสนองใด ๆ ช่วงท้องของเขาก็ถูกระดมยิงอย่างหนัก
หมัดของหลินเฟิงพุ่งเข้าใส่ท้องของเขาราวกับขีปนาวุธซึ่งเกือบจะทะลุท้องของเขาอยู่แล้ว!
”อ๊าก… ” หยวนหู่เบิกตากว้างและปิดหน้าท้องของเขา เขาแทบหายใจไม่ออกไปชั่วขณะ
ใบหน้าของหลินเฟิงเต็มไปด้วยความเฉยเมยและการต่อยอีกครั้งก็ทำให้หยวนหูล้มลงไปกับพื้น
ในทันใดนั้นเท้าของเขาก็ยกขึ้นสูงและเหยียบที่ด้านหลังหัวของหยวนหู่อย่างไร้ความปราณี
ในเวลานั้นคลื่นพลังสั่นสะเทือนออกมาร่างกายของหยวนหู่ก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรงใบหน้าของเขาเป็นศูนย์กลางของพื้นที่แตกออก การกระจายออกไปนั้นเหมือนรอยแตกของกระจกที่ถูกยิงไม่มีผิด
หลินเฟิงที่มีอำนาจของกษัตริย์อยู่ในมือเสียงอันเยือกเย็นดูเหมือนเสียงจากถ้ำเย็นหมื่นปี
”มาบอกฉันมาสิว่าระดับSS ขของนายมันมีอะไรดีนัก”