บทที่ 651 สงครามหมาป่าเลือด
หมาป่าโลหิตตกตะลึงเล็กน้อยและกัดฟันของเขาทันทีก่อนที่จะแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว: “นายยังไม่รู้ว่านายจะเป็นหรือตาย ฉันบอกไม่ได้ว่านายโง่หรือนายกำลังหยิ่งอยู่กันแน่ ตอนนี้เป็นเวลาที่น่าจะหาทางเอาชีวิตรอดมากกว่าไหม”
หลินเฟิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง:”ได้โปรด”
”เงียบ!!”หมาป่าโลหิตโบกอุ้งเท้าหน้าอย่างแรง เพราะหลินเฟิงทำให้เขารู้สึกหมดความอดทนแล้ว
”เจ้าจอร์จนั้นมีปัญหาอะไรกันฉันจะฟ้องพ่อ และเขาจะต้องถูกลงโทษอย่างหนักสำหรับเรื่องแบบนี้!”
จอร์จเป็นชื่อสามัญของราชาแห่งวิญญาณ
แต่หลินเฟิงยังคงยืนยันในจุดประสงค์ของเขา:”มันเป็นธุระของนาย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉัน ตอนนี้ฉันแค่ต้องการให้นายช่วย ดังนั้นได้โปรดเถอะ … ”
ทันใดนั้นดวงตาของหมาป่าโลหิตก็ฉายแสงที่รุนแรงและพุ่งไปยังเข้าหาหลินเฟิงทันที
หลินเฟิงรีบหลบเสาแห่งแสงสีแดงนั้นพื้นตรงนั้นระเบิดออกมาเป็นหลุมลึกทันที
”นายกำลังทำอะไร?”หลินเฟิงถามดัง ๆ
ขนของหมาป่าโลหิตตั้งตั้งขึ้นเล็กน้อยซึ่งนั้นหมายความว่ามันกำลังโกรธ
ความดุร้ายนั้นทำให้หลินเฟิงด้วยน้ำเสียงจริงจัง:”นายเป็นเพื่อนที่แย่มาก อย่าให้ฉันต้องฆ่านายเลย!”
สำหรับหมาป่าโลหิตพฤติกรรมที่ไม่สมเหตุผลของหลินเฟิงนี้โกรธแค่นี้ยังน้อยไป :
”ฉันสุภาพกับนายมากพอแล้วแต่ถ้านายไม่อยากพูดคุยกันดี ๆ ก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนหละ! ”
หมาป่าโลหิตพ่นลมหายใจออกมาอย่างไร้ความปรานี:”ขึ้นอยู่ว่าแกต้องการจะทำอะไรกับฉัน”
ดวงตาของหลินเฟิงเต็มไปด้วยแสงที่ดุดันไม่แพ้กัน:”ลืมตาขึ้นมาดูดี ๆ !”
”มังกรดำคำราม!”
เกล็ดสีดำปรากฏขึ้นบนร่างกายของหลินเฟิงเมื่อลำแสงของพวกเขาปะทะเข้าด้วยกันจะได้ยินเสียงดังกึกก้อง
ใบหน้าของหลินเฟิงกลายเป็นความดุร้ายและลมหายใจของหมาป่าโลหิตก็แตกออก
สีหน้าของหมาป่าโลหิตเปลี่ยนไปทันที“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สี่แล้วยังงั้นเรอะ นี่คือพลังที่แท้จริงของนายอย่างงั้นรึ?”
หมาป่าโลหิตถามต่อทันทีว่า”เดี๋ยวก่อนนะ นายมีลมหายใจของมังกรที่แท้จริงอยู่บนร่างของนายได้อย่างไร นายเป็นใครกันแน่?”
เนื่องจากโลกถูกสร้างขึ้นโดยเทพเจ้ามังกรตระกูลมังกรที่แท้จริงจึงเป็นอันดับหนึ่งในตระกูลสัตว์วิญญาณตามธรรมชาติ และลมปราณของมังกรที่แท้จริงจะปราบปรามสัตว์วิญญาณอื่น ๆ ได้และส่งผลกับพวกมันไม่มากก็น้อย
”นายยังต้องการต่อสู้อยู่อีกไหม?”หลินเฟิงกล่าว
หมาป่าโลหิตกลับมามีสติอย่างรวดเร็วและพูดอย่างหยิ่งผยองว่า
”แม้ว่าจะมีพลังของมังกรที่แท้จริงแต่พวกมันก็ไม่ได้เป็นที่สักการะสำหรับเรา เท่าที่เรากังวลตราบใดที่มันไม่ใช่มังกรตัวจริงเสียงจริง ระดับราชามังกรมังกรละก็ไม่ต้องกล่าวถึงเลย! ”
”จะเป็นอย่างงั้นรึ?”หลินเฟิงแสดงรอยยิ้ม “ฉันรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของนายมีความไม่พอใจอยู่!”
“ถ้ามันอยากจะเอาชนะมากนัก งั้นฉันจะสนองมันเอง”
หลินเฟิงกระทืบเท้าของเขาและวิ่งไปหาหมาป่าโลหิตด้วยแรงผลักดันที่รุนแรงในเวลาเดียวกันเขาจับมือขวาของเขาและหอกทองคำก็ควบแน่นในมือของเขาทันที
ในพริบตาหอกในมือของเขาก็ลอยออกไปมากกว่าหนึ่งเมตรโดยทั้งหมดเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณมันพุ่งเขาหาจุดตายของหมาป่าหลายจุด
ทันใดเสียงแหลมคมก็พุ่งออกไปพร้อมกับหอกแห่งแสงเสียงนั้นดังอยู่นานหลายสิบวิ แสงวูบวาบมากมายสว่างวาปขึ้นราวกับการระดมยิงไปทั่วร่างของหมาป่าโลหิต
เสียงระเบิดที่ต่ำและกึกก้องดังขึ้นบ่อยครั้งควันหนาปกคลุมร่างของหมาป่าโลหิตทันที แต่ในไม่ช้าดวงตาสีแดงเลือดคู่หนึ่งก็สว่างขึ้นหลังม่านควัน ทันใดนั้นหมาป่าโลหิตก็พุ่งตัวฉีกกลุ่มควันออกมาพร้อมด้วยกรงเล็บอันแหลมคมพุ่งตรงไปที่หลินเฟิง
หลินเฟิงกระโดดไปด้านข้างอย่างรวดเร็วในขณะเดียวกันหอกยาวของเขาก็โบกสะบัดเป็นแนวโค้งที่แหลมคมสีทอง
และปฏิกิริยาของหมาป่าโลหิตเองก็รวดเร็วมากเช่นกันมันใช้กรงเล็บอันแหลมคมสีแดงสดสองอัน หักล้างการโจมตีด้วยคมแสงวิถีโค้งของเขา
โฮก!
เสียงคำรามของหมาป่าโลหิตดังก้องอยู่ในถ้ำเซลล์เม็ดเลือดรวมตัวกันในลำคอ จากนั้นเซลล์เม็ดเลือดก็แตกและกลายเป็นคลื่นแสงที่มีส่วนโค้งสีแดง พุ่งไปที่หลินเฟิงราวกับกระสุดโลหิต
”คลื่นแสงแห่งความมืด!”
หลินเฟิงเปิดปากของเขาและเงาของมังกรดำก็ปรากฏขึ้นข้างหลัง ในเวลาเดียวกันเขายังปล่อยคลื่นแสงที่มีส่วนโค้งสีดำออกมามากมาย
คลื่นแสงสีดำและสีแดงปะทะกันและเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงทันทีเสียงนั้นทำให้ทั้งถ้ำสั่นสะเทือน
หลินเฟิงและหมาป่าโลหิตถอยออกจากกันแต่หลินเฟิงก็หยุดลง การโจมตีครั้งต่อไปของหมาป่าโลหิตตามหลังเขามาติด ๆ
หัวใจของหลินเฟิงรู้สึกหวาดกลัวเขาเลือกที่จะวิ่งหนีไป
กรงเล็บสีแดงกวาดไปมาทิ้งรอยลึกสองรอยไว้ที่ผนังถ้ำ
หมาป่าโลหิตเริ่มไล่ล่าหลินเฟิงราวกกับแมวที่ไล่จับหนู
บางครั้งหลินเฟิงก็ต่อสู้กลับบ้างบางครั้งก็หลบหลีก
ดวงอาทิตย์สาดแสงลงมาในถ้ำราวกับโรงละครที่ตั้งอยู่กลางป่าทึบ
แต่นี่ไม่ใช่ป่าที่แวมไพร์อยู่เพราะแม้หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดหลินเฟิงก็ เขาก็ไม่ได้สูญเสียพลังวิญญาณในอัตราที่น่ากลัวดั่งเช่นครั้งที่แล้ว
“อย่าหนี!”หมาป่าโลหิตคำรามเพื่อไล่ตามหลินเฟิง กรงเล็บที่โบกสะบัดไปด้านหน้านั้นเพียงพอที่จะแยกเนื้อของสิ่งใดก็ได้ที่เข้ามาขวางทาง!
หลินเฟิงหันไปรอบๆ และปัดกรงเล็บของหมาป่าโลหิตออกด้วยปลายหอก
ในขณะนี้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ปิดเมื่อออกไปได้ในที่สุดเขาก็ไม่ต้องถูกกีดขวางอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะต่อสู้กับหมาป่าโลหิต
แต่นี่ก็เหมือนกันสำหรับหมาป่าโลหิตความเร็วของหมาป่าโลหิตนั้นรวดเร็วและดุดัน หลังจากปะทะกันไปสองสามรอบ เขาก็เร่งความเร็วขึ้นเพื่อที่จะกระแทกหลินเฟิงออกไป
หลินเฟิงชนต้นไม้ใหญ่และเห็นหมาป่าโลหิตพยายามจะไล่บี้มาเขากวาดหอกออกไปอีกครั้งและเห็นหมาป่ากำลังลอยตัวมาหาเขาอย่างบ้าคลั้ง ต้นไม้ใหญ่ข้าง ๆ หัวของเขาถูกตัดขาดเป็นสองส่วน เขารีบบินออกไปและฟาดฟันหมาป่าโลหิตเป็นการสวนกลับ
แต่มันก็ได้แค่นั้นหมาป่าโลหิตไม่บาดเจ็บอะไรเลย
หลังจากที่ถูกขับไล่ออกไปมันก็พุ่งออกมาเกือบจะอยู่ในที่เดิมและเริ่มการโจมตีอีกครั้ง
แต่ในเวลานี้หลินเฟิงมีระยะเวลาเพียงพอแล้วดังนั้นจึงได้รับการเลือกที่จะปะทะอย่างรวดเร็ว
การต่อสู้ได้เข้าสู่ฉากสำคัญแล้วทั้งสองฝ่ายมาพร้อมกับไม้เด็ดของตน ทักษะขนาดเล็กใหญ่ทุกชนิด ทั้งที่แข็งแกร่งและไม่แข็งแกร่ง สร้างหลุมที่มีขนาดแตกต่างกันมากมายบนพื้น
ความแข็งแกร่งของหมาป่าโลหิตและร่างกายที่แข็งแกร่งแม้แต่หลินเฟิงเองก็จัดการไม่ได้ง่าย ๆ
แต่โดยทั่วไปแล้วเขายังคงมีอำนาจเหนือกว่าเมื่อการต่อสู้เกิดขึ้นเขาทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนหมาป่าโลหิตมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บจากหมาป่าโลหิตเลย
เมื่อทั้งสองฝ่ายแยกจากกันอีกครั้งในที่สุดหมาป่าโลหิตก็หยุดการโจมตีชั่วคราว
เลือดเม็ดใหญ่ๆ หยดลงจากบาดแผล มันอ้าปากค้างเล็กน้อยโดยมีเพียงหลินเฟิงเท่านั้นที่อยู่ในสายตาของมัน
ความแข็งแกร่งของหลินเฟิงเหนือความคาดหมายไปมากแม้ว่าหลินเฟิงจะไม่สามารถเอาชนะมันได้แบบ 100 % ในคราวเดียว แต่มันก็รู้ว่าตอนนี้ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องของเวลาแล้ว
เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ยากลำบากเช่นนี้มันก็สูญเสียความปรารถนาที่จะต่อสู้โดยปราศจากความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งไป
เมื่อทิ้งความคิดไปชั่วขณะหนึ่งทั้งร่างกาย และแววตาของมันก็ผ่อนคลายลงทันที: “ลืมไปซะเถอะ อย่าทะเลาะเพราะเรื่องบ้า ๆ นั้นเลย”
”ยังไงซะเราก็ไม่มีความเกลียดชังกันความแค้นไม่จำเป็นต้องสู้ให้ถึงตาย”
”สำหรับกลุ่มโลหิตฉันเองก็พบปัญหาเหมือนกัน”
หลินเฟิงไม่คาดคิดว่าหมาป่าโลหิตจะยุติสงครามกระทันหันแบบนี้แต่เขาไม่ได้ผ่อนคลายลง
บทที่ 652 ไม่เชื่อฟัง
“ฉันเคยบอกนายแล้วว่าการจัดการกับแวมไพร์เป็นเรื่องของนาย ไม่ใช่เรื่องของฉัน”
”ฉันมาที่นี่เพื่อรับแก่นแท้แห่งสายเลือดของราชาหมาป่าโลหิตนายก็แค่ต้องบอกฉันมาว่าพ่อของนายอยู่ที่ไหนกันแน่”
หมาป่าโลหิตเห็นว่าหลินเฟิงยังคงยึดมั่นอยู่กับสิ่งนี้นั้นทำให้เขาโกรธ: “แกมันชั่วช้า จะเอาสิ่งที่พ่อของฉันครอบครองอยู่ไปได้อย่างไร ต่อให้แกไปพบพ่อของฉันจริง เขาก็ไม่ให้อย่างแน่นอน”
”ฉันขอเตือนไว้ก่อนเลยพ่อของฉันเกลียดมนุษย์มาก แม้ว่านายจะเป็นคนยังไง เขาฆ่านายอย่างแน่นอน!”
หลินเฟิงยังคงใบหน้าที่สงบนิ่งเอาไว้กล่าวว่า: “เรื่องนั้นฉันจะจัดการมันเองนายไม่ต้องกังวล”
”บอกฉันมาได้แล้วเขาอยู่ที่ไหน เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาของกันและกัน”
น้ำเสียงของหมาป่าโลหิตเต็มไปด้วยความระแวดระวัง:”ฉันบอกไม่ได้ว่าสิ่งที่เรียกว่าแก่นแท้แห่งสายเลือดนั้นสำคัญกับนายแค่ไหน หรือว่ามันเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น จริง ๆ แล้วนายจะไปรวบรวมคนอื่นมาล้อมจับเขาใช่ไหม”
หลินเฟิงส่ายหัว:”นายคิดมากเกินไป ฉันสาบานได้เลย ฉันมาที่นี่เพื่อเรื่องส่วนตัวเท่านั้น ในเวลาเดียวกันไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ฉันจะไม่บอกตำแหน่งของราชาหมาป่าโลหิตกับใคร ทั้งนัั้นไม่ต้องห่วง?”
หมาป่าโลหิตพูดโกรธเคืองไปว่า:”คำสาบานของมนุษย์เชื่อไม่ได้ เผ่าพันของนายมีเล่ห์เหลี่ยมอย่างมาก คำสาบานของนายจะไปมีประโยชน์อะไร”
“พ่อของฉันต้องการอยู่อย่างสันโดษเขาไม่อยากถูกมนุษย์คุกคามอีกต่อไปแล้ว”
“ตอนนี้เขากำลังฟื้นคืนพลังกลับมาถึงตอนนี้แล้วนายยังกล้าที่จะเข้าไปพบเขาอีกอย่างงั้นเหรอ”
”ไม่ว่ายังไงก็ตามฉันจะไม่เปิดเผยตำแหน่งของเขา!”
หลินเฟิงเงียบไปสักพักบางทีมนุษย์ก็ทำหลายสิ่งหลายหลายอย่างไปมากจริง ๆ
เขานิ่งไปพักหนึ่งแต่แล้วดวงตาของเขาก็คมขึ้นอีกครั้ง: “ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกแล้ว วิธีนี้เส้นทางนี้ เป็นหนทางเดียวที่จะช่วยเพื่อนของฉันให้ได้ ต่อให้นายไม่เชื่อใจฉัน แต่ฉันก็จะยืนยันว่าจะไม่เปิดเผยตำแหน่งพ่อของนายอย่างแน่นอน”
“เมื่อกี้ฉันพูดไปแล้วถ้านายยังไม่ยอมบอกอีก ฉันก็จะถามไปจนกว่านายจะพูดเท่านั้น!”
เมื่อรู้สึกถึงลมหายใจในร่างกายของหลินเฟิงหมาป่าโลหิตก็มีอารมณ์ที่รุนแรงขึ้นอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้นแล้วคำราม“ งั้นก็ลองดู!”
แม้ว่ามันจะไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งมากเกินไปกว่านี้แต่เนื่องจากหลินเฟิงกำลังฉีกหน้าเขา ในฐานะราชาหมาป่าโลหิตรุ่นใหม่ เขาจึงไม่สามารถหดตัวอยู่ในกระดองเหมือนเดิมได้อีกต่อไปแล้ว!
ขนแต่ละเส้นบนร่างกายของหมาป่าโลหิตเป็นเหมือนปลายเข็มที่แข็งแรงทั้งตัวของมันเปล่งแสงสีแดงฉานออกมาอย่างรุนแรง ดวงตาของมันมีกลิ่นอายของทะเลเลือดที่ปั่นป่วนราวกับปีศาจที่ออกมาจากนรก
และในเวลาเดียวกันลมหายใจที่รุนแรงก็กวาดฝุ่นกระจายออกไปจากถ้ำของมัน
นี่เหมือนกับการไต่ระดับเพื่อเพิ่มลมปราณรูม่านตาของหลินเฟิงแข็งตัวเล็กน้อย เขาได้แต่ถอยไปหนึ่งก้าวหนึงพร้อมกับรู้สึกตกใจ
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหมาป่าโลหิตกำลังจดจ่ออยู่กับพลังวิญญาณเช่นเดียวกับเขาเปรียบดั่งน้ำที่ไหลหลากจากทุกหนทุหแห่งมาบรรจบที่แม่น้ำสายเดียวในที่สุด
และในเวลานี้พลังงานที่ส่งออกมาได้ถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าแล้ว!
หมาป่าโลหิตดูดุร้ายขึ้นมาทันทีกรงเล็บของมันข่วนพื้นครั้งแล้วครั้งเล่าทิ้งร่องรอยไว้ลึกเอาไว้ตายผนังหิน
มังกรดำพูดด้วยความหวั่นดกรง:”นี่คือการระเบิดลำแสง ของหมาป่าโลหิต”
หลินเฟิงรีบถามกลับไป:”นายรู้ไหมว่าการเคลื่อนไหวต่อไปของมันคืออะไร?”
มังกรดำอธิบายว่า:”นี่คือพลังแห่งพรสวรรค์ของราชาหมาป่าโลหิต ทักษะนี้ทรงพลังมาก ถึงขนาดที่พลังแห่งจิตสังหา่รเพิ่มพูนขึ้นมาราวกับการก้าวกระโดด! ว่ากันว่าราชาหมาป่าโลหิตใช้ท่านี้เพื่อสังหารจ้าวแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าได้ ทั้ง ๆ ที่เขามีพลังเพียงขั้นที่แปดเท่านั้น”
”อะไรนะ?”ร่างกายของหลินเฟิงสั่นเล็กน้อย เขามองไปที่ดวงตาของหมาป่าโลหิต ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้นทันที
แม้ว่าเขาจะอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สองแต่เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่ามีช่องว่างของพลังอยู่มากแค่ไหน ระหว่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่แปด และดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เก้า เขาเองก็กลัวว่าเขามีวิธีที่รับมือกับหมาป่าตัวนี้ได้แต่ก็ไม่สามารถเติมเต็มช่องว่างความกังวลของเขาไปได้เลย!
ดังนั้นเขาจึงต้องระมัดระวังในการรับมือกับการเคลื่อนไหวนี้เพื่อหลีกเลี่ยงภัยอันตรายที่ถึงชีวิตของเขา เขาไม่สามารถจินตนาการถึงผลที่ตามเลย
ในตอนนี้มังกรดำกล่าวว่า:”แต่ถึงยังงั้นเคล็ดวิชานี้จะถูกใช้เมื่อจนตรอกจริง ๆ เท่านั้น หลังจากที่เขาใช้มันไปแล้ว หมาป่าโลหิตเองก็จะตกอยู่ในสภาพที่เหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก ตราบใดที่นายท่านสามารถต้านทานมันได้ เราจะชนะมันได้อย่างแน่นอน”
หลินเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นในใจพูดมันก็ง่าย แต่การทำมันไม่เหมือนกันหนะสิ!
เมื่อการแสดงออกของหลินเฟิงปรากฏขึ้นเล็กน้อยหมาป่าโลหิตก็ฉวยโอกาสนั้นคำรามและพ่นลำแสงที่แข็งแกร่งออกจากปากของเขา
เสียงระเบิดดังขึ้นก่อนที่จากนั้นเสียงที่อึกกะทึกจะดังตามมาทันใดนั้นลำแสงที่มีความกดอากาศสูงก็ปกคลุมไปทั่วทั้งป่า
ภายใต้อิทธิพลของแรงกดดันที่รุนแรงมากขึ้นการเลือกที่จะหลบหนีในเวลานี้ย่อมเท่ากับการทำลายตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ดังนั้นหลินเฟิงจึงกำหอกทมิฬของเขาแทงไปที่ลำแสงโดยตรง!
ทันทีที่ปลายของหอกและลำแสงปะทะกันจะได้ยินเสียงแหลมแสบแก้วหูในอากาศ สายลมพัดผ่านไปอย่างรุนแรง การปิดกั้นลำแสงลำแสงทำลายล้างนั้น ตามปกติแล้วมันจะระเบิดบนสิ่งกีดขวางทุกสิ่ง เมื่อมันปะทะกับพลังที่ใกล้เคียงกันกองไฟที่น่ากลัวราวกับปากยักษ์ก็ปรากฏขึ้นพร้อมที่จะกลืนกินหลินเฟิงไปทั้งตัว!
ผลกระทบของลำแสงระเบิดนั้นเกินกว่าที่ควรจะเป็นมากแม้ว่าหลินเฟิงจะมาถึงจุดที่ความแข็งของเขาเต็มที่ แล้ว แต่มันก็บังคับให้เขาถอยหลังออกไปสองถึงสามก้าวได้ แขนของเขาสั่นอย่างรุนแรง ฟันของเขากัดแน่นเหงื่อออกที่หน้าผาก
“อึก! … ”
หลินเฟิงส่งเสียงออกมาด้วยความทุกข์ทรมานในขณะที่หมาป่าโลหิตกำลังพ่นลำแสงเส้นเดิมออกมาไม่หยุดพร้อมกับเดินเข้าใกล้หลินเฟิงมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
หลินเฟิงรู้สึกว่าเขาไม่สามารถทนต่อไปได้ไม่ช้าก็เร็วเขาคงโดนเล่นงานอย่างแน่นอน
เขาส่งเสียงคำรามอย่างกะทันหันเขาเสี่ยงชีวิตโดยการเหวี่ยงหอกของเขาออกไปเพื่อเบนลำแสงไปในทิศทางอื่น
แต่ความต้านทานนั้นแข็งแกร่งเกินไปมากเพื่อที่จะฝ่าอุปสรรคนี้ไปให้ได้หลินเฟิงรู้ได้ทันทีว่าแม้แต่ไหล่ของเขาก็อาจจะหักด้วย!
ทั้งสองฝ่านกำลังสู้กันมาถึงทางตันของตนแล้วเห็นได้ชัดจากข้อมือที่ใกล้จะหักของหลินเฟิง ไม่มีใครยอมใครเลยในตอนนี้
อากาศที่ร้อนระอุก่อตัวขึ้นเนื่องจากการปะทะแม้แต่พื้นดินที่เหลือก็มีการบิดเบี้ยวเกิดขึ้นเล็กน้อย
”ย๊ากกกกกก!!!!”
ในเวลานี้เสียงของหลินเฟิงกลายเป็นเสียงคำรามที่แหบแห้งเขาจับด้ามหอกเอาไว้แน่น เขารักษาท่าทางในการตั้งหอกเอาไว้ กล้ามเนื้อทั่วร่างกายของเขาพองตัวอย่างรุนแรง เขากำลังจะเหวี่ยงลำแสงออกไปด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
มันวิเศษมากที่การทุ่มสุดตัวครั้งนี้เกิดผลจริงๆ !
”ฮะ”
ภายใต้พลังอันถึงขีดสุดของหลินเฟิงหอกของเขาก็ถูกง้างตามรุนแรงของการแกว่ง
ลำแสงระเบิดพุ่งเข้าไปในป่าด้านข้างทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ในนั้น
ในทิศทางนั้นป่าไม้ขนาดใหญ่ถูกทำลายมีหลุมขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นบนพื้นดินและไฟก็ลุกลามไปยังต้นไม้อื่นอย่างรวดเร็ว
”แฮกๆได้ผลแหะ…”
และเมื่อหลินเฟิงสามารถหายใจได้หมาป่าโลหิตก็คำรามและพุ่งไปด้วยแรงที่เหลืออยู่!
ดวงตาของหลินเฟิงนั้นรวดเร็วพอเขาจึงตวัดหอกของตัวเองไปหาเงาขนาดใหญ่: “เถาวัลปีศาจ จับมันไว้!”
ทันใดนั้นเงาของหลินเฟิงก็กระโดดออกมาจากร่างมันกลายเป็นเถาวัลย์แห่งเงาหลายเส้นผูกเข้ากับร่างของหมาป่าโลหิต
และเนื่องจากพลังของเถาวัลนั้นมีไม่มากพอมันจึงไม่สามารถสร้างห่วงรัดอีกฝ่ายได้สำเร็จ
แต่ในทางกลับกันหลินเฟิงสร้างสถานการณ์นั้นเพื่อให้มีเวลาได้คิด ตอนนี้อีกฝ่ายจะถ่ายโอนพลังเพือยิงลำแสงใส่เขาไม่ได้แล้วเพราะพลังวิญญาณถูกใช้ไปมากเช่นกัน
การเดิมพันนั้นคือการที่หลินเฟิงสามารถเบี่ยงเบนลำแสงแสงนั้นได้หรือไม่ และหมาป่าโลหิตนั้นรักษาพลังวิญญาณของการต่อสู้ได้ไม่มากอยู่แล้ว
โชคดีที่เขามองออก
เขาเดินไปหาหมาป่าโลหิตและสงบความกลัวที่แฝงอยู่ในใจและพูดออกไปว่า”ตอนนี้นายจะเอาด้วยแล้วรึยัง”