เขาส่งเสียงคำรามอย่างกะทันหันเขาเสี่ยงชีวิตโดยการเหวี่ยงหอกของเขาออกไปเพื่อเบนลำแสงไปในทิศทางอื่น
แต่ความต้านทานนั้นแข็งแกร่งเกินไปมากเพื่อที่จะฝ่าอุปสรรคนี้ไปให้ได้หลินเฟิงรู้ได้ทันทีว่าแม้แต่ไหล่ของเขาก็อาจจะหักด้วย!
ทั้งสองฝ่านกำลังสู้กันมาถึงทางตันของตนแล้วเห็นได้ชัดจากข้อมือที่ใกล้จะหักของหลินเฟิง ไม่มีใครยอมใครเลยในตอนนี้
อากาศที่ร้อนระอุก่อตัวขึ้นเนื่องจากการปะทะแม้แต่พื้นดินที่เหลือก็มีการบิดเบี้ยวเกิดขึ้นเล็กน้อย
”ย๊ากกกกกก!!!!”
ในเวลานี้เสียงของหลินเฟิงกลายเป็นเสียงคำรามที่แหบแห้งเขาจับด้ามหอกเอาไว้แน่น เขารักษาท่าทางในการตั้งหอกเอาไว้ กล้ามเนื้อทั่วร่างกายของเขาพองตัวอย่างรุนแรง เขากำลังจะเหวี่ยงลำแสงออกไปด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
มันวิเศษมากที่การทุ่มสุดตัวครั้งนี้เกิดผลจริงๆ !
”ฮะ”
ภายใต้พลังอันถึงขีดสุดของหลินเฟิงหอกของเขาก็ถูกง้างตามรุนแรงของการแกว่ง
ลำแสงระเบิดพุ่งเข้าไปในป่าด้านข้างทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ในนั้น
ในทิศทางนั้นป่าไม้ขนาดใหญ่ถูกทำลายมีหลุมขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นบนพื้นดินและไฟก็ลุกลามไปยังต้นไม้อื่นอย่างรวดเร็ว
”แฮกๆได้ผลแหะ…”
และเมื่อหลินเฟิงสามารถหายใจได้หมาป่าโลหิตก็คำรามและพุ่งไปด้วยแรงที่เหลืออยู่!
ดวงตาของหลินเฟิงนั้นรวดเร็วพอเขาจึงตวัดหอกของตัวเองไปหาเงาขนาดใหญ่: “เถาวัลปีศาจ จับมันไว้!”
ทันใดนั้นเงาของหลินเฟิงก็กระโดดออกมาจากร่างมันกลายเป็นเถาวัลย์แห่งเงาหลายเส้นผูกเข้ากับร่างของหมาป่าโลหิต
และเนื่องจากพลังของเถาวัลนั้นมีไม่มากพอมันจึงไม่สามารถสร้างห่วงรัดอีกฝ่ายได้สำเร็จ
แต่ในทางกลับกันหลินเฟิงสร้างสถานการณ์นั้นเพื่อให้มีเวลาได้คิด ตอนนี้อีกฝ่ายจะถ่ายโอนพลังเพือยิงลำแสงใส่เขาไม่ได้แล้วเพราะพลังวิญญาณถูกใช้ไปมากเช่นกัน
การเดิมพันนั้นคือการที่หลินเฟิงสามารถเบี่ยงเบนลำแสงแสงนั้นได้หรือไม่ และหมาป่าโลหิตนั้นรักษาพลังวิญญาณของการต่อสู้ได้ไม่มากอยู่แล้ว
โชคดีที่เขามองออก
เขาเดินไปหาหมาป่าโลหิตและสงบความกลัวที่แฝงอยู่ในใจและพูดออกไปว่า”ตอนนี้นายจะเอาด้วยแล้วรึยัง”
มากมาย แต่ยังเป็นคนรอบคอบมากอีกด้วยหมาป่าโลหิตจึงไม่กล้าทำอะไรตุกติก
ด้วยความช่วยเหลือของลูกแก้วมังกรในไม่ช้าหลินเฟิงก็ฟื้นพลังวิญญาณทั้งหมดได้ แล้วปล่อยให้หมาป่าโลหิตนำทางออกไปพบกับรังของราชาหมาป่าโลหิต
ภายใต้การนำทางของหมาป่าโลหิตหลินเฟิงข้ามน้ำข้ามทะเลจนมาถึงเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
และหลินเฟิงยังสังเกตเห็นว่าพื้นที่นี้เป็นเขตของตระกูลจ้าวทะเล
สภาพแวดล้อมบนเกาะคล้ายกับป่าที่ลูกของราชาหมาป่าโลหิตอาศัยอยู่มาก
มีภูเขาเตี้ยๆ อยู่กลางป่า และมีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ในผนังของภูเขา
หลินเฟิงถามกลับไป“ราชาหมาป่าโลหิตอยู่ในถ้ำนั้นอย่างงั้นเรอะ เรียกเขาออกมา”
เดิมทีหมาป่าโลหิตไม่มีพลังมากมายอะไรนักลำตัวของมันเจ็บแทบจะแนบกับพื้นตลอดเวลา ในเวลานี้มันเงยศีรษะขึ้นมา และพยายามหอนออกมาสองครั้ง
หลังจากนั้นหลินเฟิงก็รู้สึกถึงเสียงฝีเท้าที่ดังออกมาจากถ้ำ
แสงสีแดงเลือดสองดวงส่องสว่างในความมืดซึ่งเป็นดวงตาของราชาหมาป่าโลหิตอย่างแน่นอน ราชาหมาป่าโลหิตเดินออกจากถ้ำและเมื่อเห็นหลินเฟิงมันก็ตกตะลึง
ราชาหมาป่าโลหิตไม่แปลกใจเลยกับการปรากฏตัวของหมาป่าโลหิตที่ตัวใหญ่กว่ามากด้วยความสูง 67 เมตร
แต่เมื่อเห็นมนุษย์ที่สูงไม่ถึงสองเมตรมันกลับรู้สึกถึงแรงกดดัน
ใบหน้าของราชาแสดงถึงริ้วรอยแห่งวัยได้
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกได้ถึงพลังพิเศษของหลินเฟิงแม้ว่าหลินเฟิงจะสงบนิ่งราวกับน้ำทะเล
ในขณะนี้พลังนี้หนักแน่นราวกับภูเขาปะทะกับพลังแห่งไอเย็นของหลินเฟิงเมื่อถ้าทั้งสองปะทะกันมันจะต้องสร้างหายะนะที่รุนแรงกว่าการระเบิดของภูเขาไฟอย่างแน่นอน!
ดวงตาของราชาหมาป่าโลหิตนั้นค่อนข้างเงียบสงบนิ่งแต่ทันทีที่เขาเห็นท่าทางของหมาป่าโลหิตที่อิดโรย ความตกใจก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับความโกรธทันที
ออร่านั้นถูกเพิ่มสูงฉับพลันหลินเฟิงสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่ามีความกลัวก่อตัวขึ้นในจิดใจของเขา
หมาป่าสีเลือดที่นอนลงบนพื้นและร้องโหยหวนออกมา:”ท่านพ่อ ช่วยด้วย … ”
ราชาหมาป่าโลหิตตะโกนออกมาทันที:”ไอ้มนุษย์! เจ้าทำอะไรกับลูกชายของข้า!”
ระดับของการยับยั้งนี้ไม่สามารถใช้การควบคุมอารมณ์ตามปกติของราชาหมาป่าโลหิตได้หลินเฟิงต้องใช้พลังวิญญาณเพื่อระงับแรงกดดันของอีกฝ่าย
เขารีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า: “ราชาหมาป่าโลหิต ท่านอย่าเข้าใจผิด ข้ามาที่นี่เพื่อขอร้องอะไรบางอย่าง ไม่ได้มาเพื่อสร้างความบาดหมาง!”
”นอกจากนี้ข้ารับรองได้ว่าพลังวิญญาณของลูกชายท่านนั้นมีมากเกินไปข้าจึงต้องยังยั้งเอาไว้ แต่ข้าจะไม่ทำเกินกว่าเหตุอย่างแน่นอน!”
”หุบปาก!”ราชาหมาป่าโลหิตไม่ได้ตั้งใจที่จะฟังคำอธิบายของหลินเฟิงด้วยซ้ำ เขาพูดว่า “สิ่งที่แกทำมันมากเกินไปตั้งแต่ต้นแล้ว มนุษย์อย่างแกก้าวร้าวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!”
”วันนี้แกจะต้องตาย!ข้าอยากจะบอกให้แกรู้ว่าศักดิ์ศรีของหมาป่าโลหิตนั้นไม่สามารถถูกเหยียบย่ำโดยมนุษย์ได้!”
เมื่อเห็นว่าราชาหมาป่าโลหิตไม่พร้อมที่จะให้เหตุผลหลินเฟิงรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสื่อสารอย่างสันติในตอนนี้
แต่นี่เป็นความคาดหวังเดียวของเขาหากแก่นแท้แห่งโลหิตนั้น มอบให้กันได้ง่าย ๆ ราชาหมาป่าโลหิตคงจะใจดีเกินไปจริง ๆ
เขาถอนหายใจในใจจากนั้นก็ถือหอกในมือขึ้นและชี้ไปหมาป่าโลหิตด้านบน: “ข้าเองก็ไม่อยากทำแบบนี้ แต่เนื่องจากท่านบีบบั้งคับกันแบบนี้ สันติก็คงไม่ใช่ทางออก!”
ใบหน้าของราชาหมาป่าโลหิตตื่นตัวขึ้นทันทีพร้อมกับกลิ่นอายของพลังที่ระเบิดขึ้น แต่แล้วอะไรบางอย่างก็ทำให้เขาเริ่มตัวแข็ง : “นั้นแกจะทำอะไร!”
หลินเฟิงกล่าวด้วยใบหน้าที่เย็นชา:”ทีนีท่านช่วยใจเย็นลงได้แล้วหรือยัง แน่นอนถ้าว่าท่านไม่สามารถสงบสติอารมณ์ลง ข้าเองก็เหลือแควิธีนี้เท่านั้น”
“แกกล้าดียังไง! แกคิดว่าหลังจากนั้นแกจะรอดไปได้ยังงั้นเรอะ?”
ดวงตาของหลินเฟิงเต็มไปด้วยแสงสว่าง:”ท่านกล้าที่จะวางเดิมพันในครั้งนี้อย่างงั้นหรอ!”
ราชาหมาป่าโลหิตตกตะลึงหลินเฟิงจับจุดอ่อนของเขาได้ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากพอ แต่เขาก็ไม่มีความกล้าที่วางเดิมพันในการต่อสู้ครั้งนี้จริง ๆ
การเอาชีวิตของหลินเฟิงมาเดิมพันกับชีวิตของลูกชายของตน มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้บรรลุแล้วจะยอมให้เกิดขึ้นได้
เขาพยายามคุมให้ตัวเองใจเย็นลงและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาว่า “เอาหละ ตกลงข้าจะยอมคุยดี ๆ ”
”เจ้าบอกว่าเจ้ามีสิ่งที่ต้องการบางอย่าง อย่างงั้นรึ เจ้าต้องการอะไร”
หลินเฟิงอธิบายถึงจุดประสงค์ของเขาและตามด้วยชื่อของสิ่งที่เขาต้องการ แต่ราชาหมาป่าโลหิตก็โกรธอีกครั้งทันที: “เจ้าบ้าไปแล้วอย่างงั้นรึ!”
”ในเวลานั้นศาลศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามได้ปิดกั้นทางเลือกทั้งหมดของข้า เพื่อรักษาแก่นวิญญาณของข้าแล้ว ด้วยเหตุนี้ข้าจึงถูกบังคับให้มาอยู่ที่เกาะแห่งนี่เป็นเวลาหลายปีแล้ว ข้าต้องอยู่อย่างสันโดษและพักฟื้นพลังทั้งหมดคืนมา!”
“แต่ตอนนี้เจ้ากลับจะช่วงชิงแก่นแท้โลหิตที่เป็นพลังของข้าไปอีกยังงั้นหรือ?”
หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจคนที่ราชาหมาป่าโลหิตพูดถึงควรจะเป็นไป่ผู้เฒ่าเทียนคนนั้น เขาไม่คาดคิดเลยว่าราชาหมาป่าโลหิตจะมีความหลังแบบนั้นกับคนแบบนั้นได้
หลินเฟิงกล่าวว่า”มันเป็นความผิดมนุษย์ก็จริง แต่มันไม่ได้เกียวกับตัวของข้าจริงไหม”
“ข้าเองก็ไม่มีทางเลือกเช่นกันตราบใดที่พวกพ้องของข้าไม่ได้แก่นแท้โลหิตของท่าน เขาก็ไม่มีทางรอดอยู่เลย ดังนั้นโปรดเถอะท่านราชาหมาป่าโลหิตด้วยช่วยพวกพ้องของข้าด้วย”
ราชาหมาป่าโลหิตปฏิเสธอย่างโกรธเคือง:”หวังไว้สูงนักนะ!”
“ถ้าอย่าบีบบังคับข้าแบบนั้นเลย”แสงเหนือปลายหอกของหลินเฟิงส่องสว่างมากขึ้นเรื่อย ๆ
หมาป่าสีเลือดรู้สึกได้ถึงพลังจากปลายหอกนั้นเขาตึงพูดอย่างรีบร้อน: “ท่านพ่อ ท่านต้องใจเย็นลงก่อน… ”
ราชาแห่งหมาป่าโลหิตทรมานใจมากเขาปฏิเสธที่จะวางศักดิ์ศรีของตัวเองลง แต่เขาก็กลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับลูกของตน
เมื่อต่อสู้กับสิ่งที่อยู่ในหัวเป็นเวลานานในที่สุดราชาหมาป่าโลหิตก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บใจ “เดี๋ยวก่อน! ข้าจะทำสัญญากับเจ้า!”
บทที่ 654 ครึ่งก้าวของนักบุญผู้ยิ่งใหญ่
เมื่อเสียงของราชาหมาป่าโลหิตดังขึ้นหลินเฟิงก็ลดหอกลงแสงที่ปลายหอกของเขาก็หายไปอย่างช้า ๆ
เขามองไปที่ราชาหมาป่าโลหิตและยังมีความสงสัยเล็กน้อยบนใบหน้าของเขา:”ท่านต้องจริงจังนะ ข้าเองก็ไม่ชอบการตระบัดสัตย์”
เห็นได้ชัดว่าราชาหมาป่าโลหิตไม่เต็มใจแต่เขามองดูลูกชายที่น่าสมเพชของตน เขาก็พยักหน้ายืนยัน: “ข้าเองก็เป็นถึงราชา คำพูดของข้าย่อมมีน้ำหนักอย่างแน่นอน ข้าจะมอบแก่นแท้ให้กับเจ้าไปก่อน!”
”ถือเป็นเกียตรของข้า”หลินเฟิงกล่าวว่า ” คำพูดของท่านมีน้ำหนักมาก”
ราชาหมาป่าโลหิตถอยไปสองก้าวก่อนที่จะค่อยๆ หลับตาลงราวกับว่ากำลังเค้นพลังอะไรบางอย่างอยู่ หลินเฟิงก็ไม่กล้าที่จะละเลยแม้แต่น้อย พลังทางจิตวิญญาณของเขาได้มาบรรจบกันที่ปลายของหอก ตราบใดที่สถานการณ์นั้นผิดแปลกไป เขาสามารถสร้างภัยคุกคามต่อหมาป่าโลหิตได้ทันที
ราชาหมาป่าโลหิตจนดิ่งไปในโลกแห่งวิญญาณอยู่นานและแล้วเขาก็ลืมตาขึ้นทันใด สิ่งเล็ก ๆ เหมือนเพชรล่ำค่าสามชิ้น ลอยมาที่หลินเฟิง
หลินเฟิงชี้หอกออกไปย่างรวดเร็วแต่วัตถุสีแดงนั้นลอยเข้ามาด้วยความเร็วคงที่ไร้ภัยคุกคามใด ๆ
แก่นแท้โลหิตที่ลอยอยู่ในอากาศนั้นแต่ละชิ้นเป็นเหมือนอัญมณีที่ถูสกัดมาอย่างละเอียดอ่อน ซึ่งสีแดงเลือดนั้นเผยให้เห็นลมหายใจแบบเดียวกับราชาหมาป่าโลหิตปล่อยออกมา
หลินเฟิงไม่จำเป็นต้องยืนยันด้วยซ้ำนี้ต้องเป็นแก่นแท้โลหิตอย่างแน่นอน
เขาดีใจที่การเดินทางครั้งนี้ไม่เสียเปล่าด้วยการโบกมือของเขาเขาใส่แก่นแท้เลือดสามหยดก็เข้าไปในวงแหวนของเขา
”ข้าขอขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่านมากน้ำใจของท่านถ้ามีโอกาสข้าจะมาตอบแทนอย่างแน่นอน นี้คือสิ่งที่ข้าขอพูดจากก้นบึ้งของหัวใจ!”
แม้ว่าการสูญเสียแก่นแท้เลือดไปบางส่วนนั้นจะไม่ใช้การสูญเสียพลังทั้งหมดไปแต่จำนวนนี้ก็ไม่ได้เล็กน้อยเลยแม้จะว่าเขาจะเป็นราชาหมาป่าโลหิตก็ตาม ดังนั้นนี้ก็เป็นการเผยจุดอ่อนของตัวเองขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งหลังจากคอยสั่งสมพลังมาเป็นเวลานาน”
เสียงของราชาหมาป่ายังคงเต็มไปด้วยความเย็นชา”ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็นเจ้าอย่างมาเหยียบที่นี่อีก เพราะว่าครั้งหน้าเจ้าคงไม่ได้มาคนเดียวอย่างแน่นอนสินะ?”
หลินเฟิงรู้สึกหมดหนทางไปบ้างดูเหมือนว่าราชาหมาป่าโลหิตจะเกลียดชังมนุษย์จริง ๆ
แต่นี่ก็เป็นเรื่องปกติเช่นกันท้ายที่สุดหากมีคนพยายามเกาะติดตามคุณทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อที่จะได้รับบางสิ่งจากคุณ ใครมันจะยังคงประทับใจคน ๆ นั้นหละจริงไหม?
ราชาหมาป่าโลหิตมองไปที่ลูกของตนและพูดต่อ”ตอนนี้เจ้าได้สิ่งที่เจ้าต้องการแล้ว ปล่อยลูกชายของข้ามาสักทีได้ไหม”
หลังจากได้รับแก่นแท้เลือดแล้วหลินเฟิงก็ผ่อนคลายความระมัดระวังของเขาลงและพูดกับไป
”ได้เลยครับนั้นเป็นสิ่งที่เราตกลงกัน”
ด้วยเหตุนี้เขาจึงลดหอกลงและปล่อยให้หมาป่าโลหิตก็วิ่งเข้าไปหาผู้เป็นพ่อของตนทันที
แต่ในช่วงเวลานี้เขารู้สึกขึ้นผลกระทบอย่างรุนแรงเขา เขาตระหนักได้ถึงสิ่งที่ร้ายแรงที่กำลังจะตามมา
——หมาป่าโลหิตเป็นเงื่อนไขสำหรับชีวิตของเขา หากเขาคืนหมาป่าโลหิตให้ไปทั้ง ๆ แบบนั้นเขาก็ไม่มีหลักประกันแล้วหนะสิ!
ด้วยเหตุนี้เขาจึงใช้พลังวิญญาณดึงร่างของหมาป่าโลหิตกลับอย่างรวดเร็วแต่ราชาหมาป่าโลหิตจะไม่รู้ทันเขาได้อย่างไร? ในขณะเสียงที่ดังอึกะทึกก็ดังขึ้น พลังวิญญาณของหลินเฟิงถูกรบกันด้วยพลังวิญญาณที่ทรงพลังยิ่งกว่า
“ไม่!” เมื่อหมาป่าโลหิตหลุดจากการการควบคุมของเขาไปแล้ว ใบหน้าของหลินเฟิงก็ซีดราวกับกระดาษ
หมาป่าโลหิตกลับคืนสู่ราชาหมาป่าโลหิตแล้วหลินเฟิงเฝ้าดูราชาหมาป่าโลหิตด้วยความระมัดระวัง หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีหลังของเขาก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ราวกับว่ามีค้อนที่มองไม่เห็นขนาดใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้าใส่เขาหลินเฟิงรู้สึกว่าอากาศทั้งหมดถูกระงับไว้ไว้ได้อย่างไร ออร่าของราชาหมาป่าโลหิตเปลี่ยนไปชัดเจน พลังที่มืดมนแข็งแกร่งมาโดยเฉพาะตอนนี้เขาไม่ใช่ราชาผู้สูงศักดิ์แล้ว แต่เป็นสัตว์ร้ายที่ไม่มีใครเทียบได้!
”แกมีคำพูดสุดท้ายที่จะพูดหรือไม่”ดวงตาของราชาหมาป่าโลหิตเหมือนคุกที่ขังหลินเฟิงเอาไว้ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายอย่างแน่นอน แต่น้ำเสียงของราชาหมาป่าโลหิตนั้นดูจืดชืดเหมือนพูดเรื่องธรรมดามาก ๆ ออกมา
หัวใจของหลินเฟิงวูบลงทันทีเขากลืนน้ำลายเข้าไปเล็กน้อยกล่าวว่า “ท่านได้คำอธิบายของข้าไปแล้วใช่ไหม ข้าเองก็เรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน ไม่มีทางที่ข้าจะเล่นตุกติกอย่างแน่นอน ข้ายอมรับอย่างเต็มอกว่าเรื่องนี้มันมีความหมายจริง ๆ ข้าได้แต่หวังว่า ท่านจะปล่อยข้าไป! ”
ราชาหมาป่าโลหิตไม่ตอบเขาแต่เพียงแค่จ้องมองเขา ทันใดนั้นเองก็มีลมปั่นป่วนวิ่งวนไปทั่วทั้งเกาะ
หลินเฟิงระดมกำลังทั้งหมดเพื่อต่อต้านในชั่วอึดใจแต่เขาก็ยังถูกพลังให้ถอยกลับไปตั้งหลายก้าวและออร่าพลังของเขาก็กระจัดกระจายไปทั่ว
ในเวลานี้ราชาหมาป่าโลหิตกล่าวว่า”แกต้องการให้ข้ายกโทษให้สินะ ข้าบอกไปแล้ว! เจ้าต้องตายที่นี่ วันนี้!”
ราชาแห่งหมาป่าโลหิตกระทืบเท้าของเขาและปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมาอย่างไร้ขอบเขตทันใดนั้นลมหายใจก็ปกคลุมไปทั่วทั้งเกาะและป่า เสียงกรอบแกรบของกิ่งก้านและใบไม้ ดังขึ้นราวกับว่าพวกมันกำลังกำลังคุกเข่าให้ราชาแห่งปผืนป่า!
หัวใจของหลินเฟิงกำลังจะระเบิดออกมาแล้วร่างกายของเขาก็สั่น ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวกว่า ราวกับว่าเลือดบนใบหน้าของเขาหายไปหมดแล้วในเวลานี้
หลังจากได้สัมผัสกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกแห่งม่านพลังเขาก็ตระหนักว่ามันรู้สึกอย่างไรเมื่อถูกคุกคามด้วยพลังที่เหนือกว่า
แต่ความรู้สึกที่ถูกส่งออกมาจากร่างของราชาหมาป่าโลหิตนั้นได้ดึงเขากลับมีความรู้สึกแบบนั้นอีกครั้งหนึ่ง!
นั่นไม่ใช่ลมหายใจของพลังที่อยู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอนราชาหมาป่าโลหิตได้ก้าวผ่านพลังจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว พลังนั้นต้องเหนือกว่าระดับเก้าอย่างแน่นอน
”เหนือกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์!?!”
เมื่อรู้สึกได้ถึงคำนี้ตอนนี้หลินเฟิงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ราชาหมาป่าโลหิตขมวดคิ้วเล็กน้อย: “เจ้าอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ แค่ไม่รู้จักกับพลังที่เหนือกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นเรอะ”
ความคิดของหลินเฟิงว่างเปล่าเพราะความกลัวลมหายใจทำให้เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
แม้ว่าเขาจะมีวิธีการมากมายและพัฒนาความสามารถในการต่อสู้ไปแบบก้าวกระโดดแล้วก็ตามแต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะสู้กับทุกสิ่งได้
ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งเราก้าวสู่ระดับที่สูงขึ้นไปช่องว่างระหว่างอาณาจักรแต่ละระดับมันก็จะสูงขึ้นด้วย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสู้กับคนที่สู้กว่าระดับตนได้
ดังนั้นช่องว่างระหว่างเขากับราชาหมาป่าโลหิตเองก็เหมือนกับมนุษย์ที่ต้องการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดแม้ว่าเขาจะผ่านการต่อสู้ที่นองเลือดมา แต่ถ้าเขารับศึกนี้วิญญาณของเขาจะตายไป และเขาก็ไม่สามารถหลีกหนีชะตากรรมแห่งความพ่ายแพ้ได้เลย
หลินเฟิงไม่ต้องการจบชีวิตที่นี่ในที่สุดเขาก็ฟื้นคืนสติและรีบพูดว่า “อดีตผู้อาวุโส!”
”ท่านช่วยฟังคำอธิบายของข้าได้ไหมตอนนี้ข้าไร้หนทางแล้วจริง ๆ !”
”ตอนนี้หายนะครั้งใหญ่กำลังจะมาแล้วและกองกำลังแห่งความมืดกำลังใช้เพื่อนของข้าทำลายโลกของเรา เพื่อทำให้หายนะครั้งนี้ผ่านไปได้อย่างราบรื่น เพื่อประโยชน์ของโลกนี้แล้ว ข้าต้องช่วยสหายของข้ากลับมาสู่ความถูกต้องให้ได้!”
แต่ราชาหมาป่าโลหิตไม่ฟังอะไรในขณะนี้เขาพูดอย่างดื้อดึงว่า “ข้าไม่สนใจอะไรมากนักหรอก เอาสั้น ๆ นะ เจ้าทำร้ายลูกของข้า และยังกล้าที่จะขู่ข้าอีก”
”ด้วยสองเรื่องนี้เจ้าได้ปิดทางออกจากที่นี่ของเจ้าไปแล้ว!”
จิตใจของหลินเฟิงเต็มไปด้วยความคิดในการหาทางออกมามายแต่หลังจากความคิดนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นแต่แล้วเขาก็ไม่มีพบทางออก
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เรียกมังกรดำและเหล่าสัตว์วิญญาณของเขาออกมา