บทที่ 655 การไล่ล่า
เมื่อเห็นว่าลมหายใจของหลินเฟิงนั้นมีพลังที่ต่างจากเดิมราชาแห่งหมาป่าโลหิตก็พูดด้วยเสียงที่นิ่งเรียบเฉย “เจ้ามีวิธีเฉพาะในการฝึกฝนสินะ?”
”ข้าไม่รู้หรอกว่าวิธีนั้นมันคือออะไรแต่เจ้าก็คนไขว้ขว้ามันด้วยตนเอง”
ราชาหมาป่าโลหิตกล่าวไปพรางระหว่างที่ร่างกายของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในไม่ช้าเขาก็กลายเป็นชายชราที่สวมเสื้อคลุมสีเลือด พร้อมกับผมสีแดง
ใบหน้าของชายชรานั้นเคร่งขรึมมากคิ้วของเขาแสดงความโกรธอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นเขาก็พูดว่า “ถ้าเจ้าไม่ขัดขืน เจ้าอาจจะได้หลับสบาย”
นอกเหนือจากความสูงส่งของราชามังกรแล้วสัตว์วิญญาณเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ก็สามารถจุติเป็นร่างสมบรูณ์ได้หลังจากก้าวผ่านดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ไปแล้ว
หลินเฟิงทำให้จิตใจของเขาให้มั่นคงและพยายามมองไปที่ราชาหมาป่าโลหิตก่อนที่จะเริ่มพูดว่า “ท่านจะไม่ปล่อยข้าไปจริง ๆ อย่างงั้นเหรอ?”
ราชาหมาป่าโลหิตไม่ตอบด้วยคลื่นพลังที่ยิ่งใหญ่ กลิ่นของไอเลือดบินโชยไปหาหลินเฟิง หัวใจของหลินเฟิงถูกเติมเต็มไปด้วยความกลัว เขายกมือขึ้นมาปัดป้องสายลมนั้น แต่ร่างของเขาก็กระเด็นไปโดนลำต้นของต้นไม้ ซึ่งทำให้ใบไม้ร่วงหล่นลงมามากมาย
พลังวิญญาณซึ่งใกล้จะถึงจุดล่มสลายนั้นก็กระจายออกหลินเฟิงรู้สึกเพียงว่าพลังวิญญาณนั้นวิ่งเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก จากนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากและหางตาของเขา
ราชาหมาป่าโลหิตตอบคำถามของหลินเฟิง:”เจ้าไม่ต้องถามมาก เจ้ากลายเป็นคนบาปในสายตาของข้าแล้ว ข้าเกลียดมนุษย์ ้เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าหลบหนีไปได้ยังงั้นหรอ?”
“ตอนที่ข้าถูกบีบบังคับและถูกรุกรานโดยพวกมนุษย์พวกมันก็ไม่ได้มีความสงสารในเผาพันธุ์ของข้าเลยแม้แต่น้อย ใยข้าถึงต้องอดกลั้นกับกับสิ่งที่เจ้าทำไปด้วย?”
หลินเฟิงเอามือปิดหน้าอกของเขาก่อนที่จะยืนขึ้นเขาใช้ลูกแก้วมังกรในการควบคุมลมหายใจอย่างเงียบ ๆ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนจากความซีด กลายเป็นเป็นสีแดงก่ำ
ดูเหมือนว่าอคติของราชาหมาป่าโลหิตที่มีต่อมนุษย์นั้นลึกซึ้งเกินไปมากและการกระทำของเขาทำให้ความเกลียดชังของราชาหมาป่าโลหิตกลับคืนมาอย่างไม่ต้องสงสัย
เขาเองก็กลัวว่านี้จะเป็นเพียงจินตนาการเท่านั้นที่การพูดแก้ปัญหาผ่านการปรึกษาหารือจะได้ผล ดังนั้นเขาจึงหาวิธีอื่นต่อไปแทนที่จะใช้คำพูดที่สิ้นเปลือง และถูกบีบให้จนมุมอย่างซ้ำ ๆ
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เขาก็ได้แต่ร้องไห้ในใจ“ มังกรคุนหลากสีออกมา!”
เมื่อสิ้นเสียงเรียกขานปีกหลากสีก็แผ่ออกไปด้านหลังของเขาแสงและฝุ่นประกายก็ตกลงมาทีรอบตัวจนกลายเป็นหมอกหลากสี
ดวงตาของราชาหมาป่าโลหิตฉายแววประหลาดใจ:”มังกรหลากสี เจ้าครอบครองมันอยู่ด้วย?”
”สัตว์วิญญาณที่เพิ่งรวมตัวกับเจ้าควรจะเป็นมังกรดำดวงตาสีทองแต่ตอนนี้มีกลับกลายเป็นมังกรหลากสี เจ้ากำลังจะทำอะไรกันแน่?”
และเมื่อเห็นหลินเฟิงไม่ตอบราชาหมาป่าโลหิตก็พูดว่า: “เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบ ข้าไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว”
“แต่สิ่งที่ทำให้ข้างงงวยก็คือ ถ้าเจ้ายังต้องการต่อต้านพลังของข้า ต่อให้เป็นมังกรร่างสมบรูณเจ้าก็เทียบข้าไม่ได้อยู่ดี เจ้าจะใช้พลังของสัตว์วิญญาณทั้งสองตัวพร้อมกันสินะ?”
หลินเฟิงกล่าวว่า:”ข้ารู้ว่าข้าไม่สามารถเอาชนะท่านได้ ไม่ว่าข้าจะใช้สัตว์วิญญาณแบบไหนผลสุดท้ายก็เหมือนกัน”
”แต่… ” ดวงตาของเขามองเข้าไปลึกซึ้งกว่านั้น และทันใดนั้นปีกของเขาก็บินขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับเสียงโครมคราม “แต่ข้ายังวิ่งหนีได้อยู่!”
นี่เป็นวิธีเดียวที่หลินเฟิงคิดออกแม้ว่าความเร็วของมังกรหลากสี จะไม่ได้อยู่ในอันดับแรก ๆ ในเหล่าสัตว์วิญญาณ แต่ก็สูงเข้าขั้นอยู่พอสมควร ดังนั้นเขาจะเปลี่ยนไปใช้มังกรหลากสีเพื่อที่จะเร่งความเร็วให้ได้มากที่สุด
หลินเฟิงกลายเป็นลำแสงยาวออกไปฝุ่นหลากสีจากปีกของเขาก่อให้เกิดถนนสีรุ้งหลากสีด้านหลัง มันดูสวยงามมากราวกับสายรุ้งในยามหลังฝน
เขาพุ่งตัวออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้เขาแทบรอไม่ไหวที่จะเปลี่ยนตัวเองกลับไปสู่โหมดต่อสู้ เขารู้สึกว่าเขาไม่เคยใช้ความเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยตั้งแต่เขากลายได้พลังมา
มันยากสำหรับเขาที่จะเปิดมองไปด้านหน้า
เขาคิดว่าตัวเองกำลังเข้าใกล้ขีดจำกัดแล้วแต่ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังสนั่นก็ไล่หลังเขามา เสียงนั้นใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อมองย้อนกลับไปเขาแทบจะหายใจไม่ออก
ราชาหมาป่าโลหิต!เขาตามทันความเร็วของหลินเฟิง!
ความเร็วของราชาหมาป่าโลหิตเร็วกว่าเขามากร่างของเขาเป็นเหมือนดาวตกสีแดงฉาน แรงกระแทกของลมแรงมากจนหลินเฟิงรู้สึกได้ ความกดอากาศที่เกิดจากเขาทำให้น้ำทะเลไหลออกจากกันจนกลายเป็นร่องน้ำ น้ำที่กระเซ็นทั้งสองด้านนั้นสูงประมานสามหรือสี่เมตร!
”พระเจ้า!”หลินเฟิงร้องในใจ“มังกรหลากสีเจ้ายังเร็วกว่านี้ได้หรือไม่?”
มังกรคุนหลากสีพูดด้วยความลำบากใจ:”นี่คือความเร็วที่เร็วที่สุดของข้าแล้ว!”
หลินเฟิงอดไม่ได้ที่จะดุกลับไปว่า:”เจ้าต้องพยายามให้มากกว้านี้ เขาเป็นหมาป่านะ ตามปกติแล้วมังกรต้องเร็วกว่าสิ!”
มังกรคุนหลากสีกล่าวว่า“ข้าบรรลุสู่งดินแดนแห่งสวรรค์แล้วก็จริงแต่ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายก็สำคัญเช่นกัน! ไม่ใช่แปลกความแข็งแกร่งของราชาหมาป่าโลหิตจะมีมากกว่าพวกเรา”
แน่นอนว่าหลินเฟิงเข้าใจความจริงข้อนี้แต่ตอนนี้สถานการณ์เร่งด่วนมากเขาก็สูญเสียความตั้งใจไปด้วย
เขายังคงพุ่งตัวออกไปอย่างหนักหน่วงเท่าที่จะทำได้และแม้จะได้รับการเสริมพลังจิตไปแล้ว แม้แต่ร่างกายของเขาก็ยังรู้สึกชาจากแรงปะทะกับอากาศ
”ระวัง!”
ในเวลานี้มังกรหลากสีก็นึกขึ้นได้
หลินเฟิงรู้สึกได้ถึงกระแสลมที่น่ากลัวกำลังเขามาหาเขาเขาจึงรีบรีบหลบ กระสุนแห่งแสงพุ่งผ่านเขาไปและกระทบกับทะเล
ในพริบตาเดียวก็มีมีแสงพลุมากมายพุ่งมาจากด้านหลัง
”บ้าเอ้ย!”หลินเฟิงตะโกนและรีบหลบไป
ในพื้นทะเลไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขานักแรงระเบิดของลำแสงสีแดงนั้นได้ทำให้น้ำที่กระจายออกกลายเเป็นพายุฝน หลินเฟิงจึงต้องหนีต่อไปด้วยความตื่นตระหนก แต่เขาก็โดนแรงพลักของลำแสงโดยไม่ได้ตั้งใจ
”บ้าเอ้ย!”
หลินเฟิงกระอักเลือดออกมาและพลังของสัตว์วิญญาณก็ถูกบังคับยกเลิกทันที
เขาหันหลังกลับอย่างกะทันหันจากนั้นตัวเขาก็แข็งจนแทบหายใจไม่ออก
มือของราชาหมาป่าโลหิตเป็นเหมือนคีมที่คีบรอบคอของเขาดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยแสงสีเลือดที่ดุร้าย
“วิ่งต่อไปสิทำไมไม่วิ่งต่อ”
ความรู้สึกถึงความตายที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นส่งผลกระทบต่อหัวใจของหลินเฟิง ถูกกระตุ้นด้วยความปรารถนาที่จะอยู่รอด หลินเฟิงยกมือขึ้นและพ่นคลื่นแสงออกมาหลายครั้งใส่ใบหน้าของราชาหมาป่าโลหิต
แต่ราชาหมาป่าโลหิตไม่แม้แต่จะหลบเขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
คิ้วของราชาหมาป่าโลหิตนั้นขมวดกันเป็นรอยย่นเขาบีบคอของหลินเฟิงอแรงขึ้นทันที หลินเฟิงไม่สามารถหลุดออกมาจากมือของราชาหมาป่าโลหิตได้ เขาเริ่มหมดหนทางแล้ว
หลินเฟิงค่อยๆ สูญเสียความแข็งแกร่งลง ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวและสติของเขาก็ค่อย ๆ หมดสติลง
ฉันกำลังจะตายแล้วเหรอ?
ฉันไม่ไม่ดีแล้วแน่ๆ !
“หลินเฟิง!”
หลินเฟิงที่ค่อยๆ จมดิ่งอยู่ภายใต้ความมืด แต่เขาก็ได้ตื่นขึ้นด้วยเสียงเรียกอย่างกะทันหัน
ภายใต้ร่างของราชาหมาป่าโลหิตน้ำทะเลพุ่งออกมาเหมือนปืนยักษ์และพุ่งตรงไปที่ราชาหมาป่าโลหิตทันที
ราชาหมาป่าโลหิตที่จ้องมองไปที่ใบหน้าของหลินเฟิงที่กำลังจะขาดใจก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่กำลังเข้ามา เขาโยนหลินเฟิงออกไปโดยไม่รู้ตัว ฝ่ามือของเขาปิดกั้นสายน้ำที่กระทบเข้ามา
หลินเฟิงลอยขึ้นไปในอากาศร่างที่อ่อนแอของเขาถูกจับเอาไว้ได้
จากนั้นเสียงที่เร่งรีบและคุ้นเคยก็ดังเข้าไปหูของเขา: “เป็นยังไงบ้างสบายดีไหม”
บทที่ 656 เสี่ยวไช ปะทะ ราชาหมาป่าโลหิต
มีกลิ่นหอมอ่อนๆ อยู่รอบตัวเขา เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย หลินเฟิงก็เริ่มเคลื่อนไหวและทรงตัวกลางอากาศเองทันที สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ: “เสี่ยวไช?”
ใช่เธอคือราชินีแห่งท้องทะเลที่ช่วยเขาไว้!
หลังจากไม่ได้เจอกันมานานสิ่งที่เป็นมรดกชิ้นเล็ก ๆ แขวนอยู่ที่คอของเธอ แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเธอจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่ภาพลักษณ์โดยรวมนั้นแตกต่างจากเจ้าหญิงองค์ก่อนที่เขาเจอมากพอตัวเลยทีเดียว
ด้วยผมยาวสลวยของเธอเธอดูมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าครั้งก่อนที่เจอกันมาก ศักดิ์ศรีที่เธอมีในตอนนี้เหมาะสมกับฐานะราชินีแห่งท้องทะเลแล้ว
แต่บางทีอาจเป็นเพราะเหตุผลอะไรบางอย่างเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเฟิง ดวงตาของเธอยังคงมีคลื่นลมในฤดูใบไม้ร่วงจาง ๆ ออกมาให้ได้สัมผัส เช่นเดียวกับหญิงสาวที่มองเห็นคนรักในฝันของเธอ
มือของเสี่ยวไชกดลงบนไหล่ของหลินเฟิงด้วยแสงสว่างสีฟ้าจางๆ บนมือของเธอ หลินเฟิงรู้สึกถึงความอบอุ่นทันที ความรู้สึกที่อิทโรยของเขาบรรเทาขึ้นมามาก และพลังทางจิตวิญญาณของเขาก็กลับสู่ความเสถียรอีกครั้งหนึ่ง
”ดีขึ้นมากไหม?”ถาม เสี่ยวไชถาม
”เยี่ยมไปเลย.”หลินเฟิงพยักหน้าแล้วถามว่า “ทำไมเธอถึงมาที่นี่ได้หละ?”
“ตอนนี้ฉันเป็นราชินีแห่งท้องทะเลแล้ว ฉันจะไม่รู้การเคลื่อนไหวของทะเลได้อย่างไรหละ” เธอตอบอย่างสบาย ๆ
“แต่ตอนแรกฉันไม่รู้เลยว่านันเป็นนาย นายทำให้ฉันกลัวจริง ๆ แล้วนะ”
เธอมองไปที่ราชาหมาป่าโลหิตมีน้ำค้างแข็งกระจายอยู่บนใบหน้า: “ชายคนนั้นเป็นใคร ทำไมเขาถึงโจมตีนายได้หละ?”
“เขาคือราชาแห่งหมาป่าโลหิต”หลินเฟิงกล่าว
“ราชาหมาป่าโลหิต?”เมื่อรู้ตัวตนของชายชราผมแดงคนนั้น เสี่ยวไชก็รู้สึกประหลาดใจมาก “ ราชาหมาป่าโลหิตหรอ เขาไม่ได้แสดงร่างมนุษย์มาหลายปีแล้วนะ นายไปทำอะไรของนาย เขาถึงไล่ฆ่านายแบบนี้?”
หลินเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นและถอนหายใจ:”ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้นหรอก มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย ฉันจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังนะถ้าฉันมีโอกาส”
เมื่อมองไปที่การปรากฏตัวของหน้าใหม่ราชาหมาป่าโลหิตก็ถามอย่างมืดมน: “เจ้าเป็นใคร กล้าช่วยเหลือคนที่ข้ากำลังล่าอยู่อย่างงั้นรึ?”
”นี่เป็นเรื่องของข้ากับเจ้ามนุษย์นั้นข้าขอแนะนำให้เจ้าอย่ามาเข้าไปยุ่งไม่เข้าเรื่อง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับตัวของเจ้าเอง”
ใบหน้าของเสี่ยวไชเย็นชามากขึ้นทันทีรังสีของจักรพรรดินีชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ : “ข้าเป็นราชินีแห่งท้องทะเล เจ้าตั้งใจจะต่อสู้กับข้าในถิ่นของข้าอย่างงั้นเรอะ?”
ใบหน้าของราชาหมาป่าโลหิตเปลี่ยนไปเล็กน้อย:”ราชินีแห่งท้องทะเลรึ เธอไม่เห็นเหมือนราชินีแห่งท้องทะเลที่ข้ารู้จักเลย!”
“เหอะ!ราชินีองค์ใหม่อย่างงั้นหรือ?”
เสี่ยวไชพยักหน้า:”ไม่ผิดแน่นอน ข้านี้แหละคือราชินีแห่งท้องทะเลคนใหม่ ผู้นำแห่งทั้งสี่ตระกูลแห่งท้องทะเล ทุกคนเชื่อฟังคำสั่งของข้าเป็นอย่างดี”
”มนุษย์คนนี้เป็นคนที่สำคัญที่ช่วยเหลือข้าเมื่อนานมาแล้วข้าหวังว่าท่านราชาหมาป่าโลหิต จะเห็นแก่หน้าของข้าและปล่อยเขาไป”
”สรุปเจ้ายังต้องการที่จะปกป้องเขาสินะ?”ใบหน้าของราชาหมาป่าโลหิตจริงจังมากขึ้น “ชายคนนี้ไม่เพียง แต่ทำร้ายลูกชายของข้าเท่านั้น แต่ยังขู่ข้าด้วยเขาเอาแก่นแท้โลหิตจากข้าไปถึงสามหยด ตอนนี้เจ้าต้องการให้ข้าปล่อยเขาไปอย่างงัน้รึ? ถ้าเป็นแบบนั้นศักดิ์ศรีของข้าในฐานะราชาหมาป่าโลหิตคืออะไร?”
เสี่ยวไชและมองหน้าอีกฝ่ายด้วยท่าทีที่ดุดัน: “ข้าไม่สนใจเรื่องราวอะไรแบบนั้น ข้ารู้แค่ว่าข้าติดหนี้ชายคนนี้ และข้าไม่สามารถปล่อยให้เขาถูกฆ่าได้”
“ถ้าวันนี้ท่านราชาหมาป่าโลหิตอยากจะทำอะไรกับเขาก็ต้องผ่านข้าไปก่อน”
คิ้วของหลินเฟิงขมวดเล็กน้อยและพูดเบาๆ อย่างรวดเร็ว: “อย่าไปทำให้เขาโกรธมากนักหละ”
ฉันรู้ว่าเธอกำลังช่วยฉันอยู่แต่ราชาหมาป่าโลหิตนั้นแข็งแกร่งมาก เธอไม่สามารถจัดการกับเขาได้หรอ พวกเราควรหนีไปให้ไกลที่สุดจะดีกว่านะ!”
หลินเฟิงรู้ว่าเสี่ยวไชชอบพอกับเขามากและเขาก็รู้อยู่แกใจด้วยว่าเสี่ยวไชเป็นคนที่น่าหลงใหลมาก แม้ว่าเขาต้องการให้เสี่ยวไชสู้แต่เธอก็ไม่น่าจะทำอะไรให้อีกฝ่ายได้
เขาไม่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ถ้าเสี่ยวไชมีเป็นอะไรไปเขาจะต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่นอน
เสี่ยวไชส่ายหัวและพูดว่า”ฉันหนะแตกต่างจากเมื่อก่อนนี้มากนะ ตอนนี้นายอาจจะไม่เชื่อฉันก็ได้แต่คอยดูเถอะ”
ในขณะที่พูดคุยกันเบาๆ เสี่ยวไชก็ได้ปลดปล่อยพลังวิญญาณของเธอออกมา ทันใดนั้นหลินเฟิงก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาถูกดึงเข้าไปในกลิ่นอายของพลังวิญญาณนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจทันที ขนของเขาลุกขึ้นไปทั้งแขน
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้า?”เขาร้องออกมาว่า “เป็นไปได้ยังไง ทำไมเธอถึง… ”
เสี่ยวไชกล่าวว่า:”มันเป็นพลังที่ได้รับการสืบทอดต่อมา ฉันได้ส่วนหนึ่งของพลังนั้นมา ฉันจึงมาถึงอาณาจักรนี้ได้ยังไงหละ”
หลินเฟิงแอบแลบลิ้นของเขาด้วยความอิจฉาเล็กๆ มรดกนี้ทรงพลังจริง ๆ เสี่ยวไชไม่ได้มีความแข็งแกร่งระดับนี้มาตั้งแต่ได้รับพลังอย่างแน่นอน เธอต้องฝึกนานแค่ไหนแล้วนะ? เธอกำลังจะก้าวไปยังดินแดนที่สูงกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นเหรอ?
และถึงกระนั้นพลังแห่งการสืบทอดก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการพัฒนาของเธอ
ถ้าร่วมพลังทั้งหมดนี้แล้วความแข็งแกร่งของเสี่ยวไชก็จะสามารถต่อต้านกับราชาหมาป่าโลหิตได้?
เมื่อรู้สึกถึงลมหายใจนั้นราชาหมาป่าโลหิตก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา แน่นอนเขาไม่กลัวผู้ที่พึ่งก้าวมาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าใหม่ ๆ อย่างแน่นอน เพราะเสี่ยวไชเด็กมากเข้าจึงมั่นใจในเรื่องนั้นดี
เขาถามเสีย่วไชอีกครั้ง”เจ้าคิดจะหยุดข้าจริง ๆ เหรอ?”
“ถ้าเจ้าเป็นราชินีแห่งท้องทะเลข้าจะให้โอกาสเจ้าตัดสินอีกสักครั้ง!”
ราชาหมาป่าโลหิตปล่อยลมปราณออกมาเป็นระยะเวลาหนึ่งนั้นทำให้เขารู้สึกแปลกใจอีกครั้งหนึ่ง
สูงกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์?
รายละเอียดเล็กๆ นี้ถูกเก็บรวบรวมโดยหลินเฟิง ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกประหลาดใจมากขึ้นไปอีก
พลังของเสี่ยวไชก้าวไปถึงระดับนั้นแล้วดินแดนนักบุญ แต่มันก็ยังมีช่องว่างที่ใหญ่มากระหว่างนักบุญและ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์
แต่มันก็ยังยากเกินไปอยู่ดีแม้ว่าความหวังจะเพิ่มมากขึ้นแต่เธอก็ไม่น่าจะสามารถเอาชนะได้อีกฝ่ายได้อยู่ดี
หลินเฟิงจึงกระซิบอีกครั้ง:”ลืมไปเถอะ เธอรีบหนีออกไปจากที่นี่เเถอะ”
”เขาเป็นพวกอารมณ์รุนแรงถ้าเธอไม่ไปตอนนี้ เธอเองก็จะติดร่างแหไปด้วยแล้วนะ!”
คำพูดของหลินเฟิงทำให้เสี่ยวไชรู้สึกว่าเธอยังคงมีความสำคัญต่อหลินเฟิงอยู่มากในขณะนี้เธอยิ้มให้หลินเฟิงและกล่าวว่า “ไม่เป็นไรแม้ว่าเขาจะเป็นนักบุญที่มีอายุขัยมากแล้ว แต่ฉันสามารถรับมือกับเขาได้!”
ราชาหมาป่าโลหิตได้ยินคำพูดที่มีสีสันเล็กน้อยจากนั้นเขาก็ส่งเสียงครวญครางออกมา: “นังเด็กเมื่อวานซืน ดูถูกความสามารถของข้าเกินไปแล้ว!”
“พึงเป็นราชินีแห่งท้องทะเลได้ไม่นานก็อยากจะสละราชสมบัติแล้วอย่างงั้นรึ?”
พูดจบราชาหมาป่าเลือดก็ฉวยโอกาสด้วยการโจมตีระยะไกล
“หึระวังปากของเจ้าบ้านะไอพวกฟอสซิล!”เสีย่วไชเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจหลังจากพูดประโยคนี้ออกมา เธอรีบปัดป้องการโจมตีแล้วพุ่งเข้าใส่หาราชาหมาป่าโลหิตทันที
แสงสีแดงและสีน้ำเงินหนึ่งดวงปะทะกันอย่างต่อเนื่องกลางอากาศการปะทะกันระหว่างพลังวิญญาณระดับสูงทำเกิดลมแรงและเกิดน้ำวน
มีเสียงของฟ้าร้องและคำรามบนท้องฟ้าหากท้องฟ้าไม่แจ่มใสแบบนี้ ใครมาเห็นก็ต้องคิดว่าพายุที่กำลังจะมาถึงอย่างแน่นอน
หลินเฟิงถอยห่างออกไปไกลกว่าหนึ่งร้อยเมตรเขาเพ่งมองไปที่ราชาหมาป่าโลหิตระหว่างการปะทะ
แม้แต่ในระยะนี้เขายังรู้สึกได้ถึงลมแห่งพลังวิญญาณที่เข้ามาปะทะใบหน้าของเขา และในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกระแทกที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ
มันน่ากลัวมากสำหรับการต่อสู้กันของสองปรมาจารย์ระดับนี้ที่ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของหลินเฟิงเขาเกรงว่าถ้าเขาเข้าไปยุ่งเขาคงจะแหลกเป็นชิ้น ๆ อย่างแน่นอน
และถึงตอนนี้ทั้งสองฝ่ายก็กำลังทดสอบพลังของอีกฝ่ายอยู่
ท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่ใช่ความบาดหมางที่รุนแรงของทั้งสองคน แต่ตัวตนของทั้งสองฝ่ายก็ไม่ธรรมดา ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นราชาหมาป่าโลหิตหรือเสี่ยวไชเอง พวกเขาต่างก็ระมัดระวังตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากการต่อสู้ผ่านไปหนึ่งรอบทั้งสองฝ่ายก็แยกจากกันอย่างกะทันหัน
ราชาแห่งหมาป่าโลหิตมองไปที่เสี่ยวไชด้วยความประหลาดใจและพูดอย่างช้า ๆ “เจ้าไม่ได้อยู่ในศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าอย่างแน่นอน มันผิดปกติมากเกินไปแล้ว … ”