บทที่ 659 คำแนะนำของเสี่ยวหยาง
เสี่ยวหยางยังคงไม่พูดแต่ลมหายใจกลับแข็งแกร่งขึ้น
เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเพียงการขัดขวางอีกฝ่าย
เป้าหมายของผู้นำก็ใกล้สำเร็จแล้วเขาจึงมองไปที่เสี่ยวหยาง พร้อมกับหัวใจที่เต็มไปด้วยความแค้น
เสี่ยวหยางเป็นสัตว์ประหลาดแบบไหนกันแน่!มันเร็วเกินไปที่จะพัฒนาพลังมาสู่อาณาจักรนี้! ถ้าเขาสามารถมีพลังได้สักครึ่งหนึงของเสี่ยวหยางหละก็ความแข็งแกร่งของเขาต้องไปไกลเลยจุดสูงสุดไปแล้วอย่างแน่นอน
หัวหน้าใหญ่ทำจิตใจให้มั่นคงและจัดการกับอารมณ์ไม่เป็นระเบียบเขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง”ท่านต้องการปกป้องเธอจริง ๆ ใช่ไหม”
เสี่ยวหยางเผชิญหน้ากับเขาในความเงียบดูเหมือนว่าจะมีเปลวไฟที่มองไม่เห็นบางอย่างลุกโชนอยู่ในอากาศ
ครู่ต่อมาหมัดที่กำแน่นของหัวหน้าใหญ่ก็คลายออกและทันใดนั้นเขาก็หัวเราะ:”อย่าทำให้เสียบรรยากาศเลย ท่านเป็นถึงบุตรของพระเจ้าเลยนะ ไม่มีหน้าที่อย่างอื่นให้ทำรึไง?”
“ฉันปล่อยผู้หญิงคนนี้ให้ก็ได้ปล่อยให้ท่านจัดการด้วยมือของท่านเอง”
เขาได้ทำการแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างแล้วเมื่อต้องเทียบกับความเป็นศัตรูกับเสี่ยวหยางแล้ว เขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ด้วยเหตุนี้ผู้นำสูงสุดจึงตรงไปที่เสี่ยวหยางและในไม่ช้าเขาก็หายไปในความมืดด้านหลัง
เสี่ยวหยางเดินมาหามู่ซินซินและด้วยคลื่นมือของเขา เขาก็ได้ทำลายผนึกพลังของผู้นำไป และมู่ซินซินก็ล้มลงกับพื้นอย่างไรพันทนาการ
เสี่ยวหยางไม่ได้ช่วยเธอลุกขึ้นมาแต่เพียงพูดเบา ๆ ว่า: “มากับฉัน”
”เดี๋ยวก่อน”มู่ซินซินนั่งยองบนพื้น ปิดหน้าอกของเธอและใบหน้าของเธอสั่นไหวเล็กน้อย “ นายยังคงเป็นเสี่ยวหยางฉันรู้ใช่ไหม?”
”เสี่ยวหยางนายเข้าใจเขาผิดไป หลินเฟิงไม่ใช่อย่างที่นายคิด! นายทิ้งช่วงเวลานั้นไปได้แล้ว หลินเฟิงรู้สึกหดหู่มากมาจนถึงตอนนี้ เขาคงคิดถึงเรื่องของนายตลอด เขาเป็นห่วงนายมากนะนายรู้ไหม”
”นายควรกลับไปได้แล้วไปกับฉันดีกว่า ตราบใดที่เราสามารถพูดคุยกันได้ ความขัดแย้งใดที่ไม่สามารถแก้ไขได้ก็จะหายไป”
”พันธมิตรแห่งความมืดนี้ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะกับนายเลย หากนายยังอยู่กับพวกเขา นี้จะเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ไม่ช้าก็เร็ว โลกทั้งใบอาจจะสูญสิ้นก็เป็นได้”
เสี่ยวหยางหันกลับมาและพูดว่า”หยุดพูดได้แล้ว!”
เมื่อเห็นว่าท่าทีของเสี่ยวหยางนั้นเย็นชามากมู่ซินซินก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอลุกขึ้นยืนและพยายามจะพูดต่อ:
”เสี่ยวหยางนายเป็นเด็กดีและนิสัยเรียบง่ายแต่เป็นเพราะความเรียบง่ายนี้ นายจะถูกพวกเขาหลอกเอานะ!”
“นายลองคิดดูสิตั้งแต่นายรู้จักหลินเฟิง เขาเคยทำอะไรผิดต่อนายจริง ๆ จัง ๆ หรือเปล่า เขาถือว่านายเป็นพี่เป็นน้องของเขาเองเสมอ”
“ดังนั้นเสี่ยวหยางนายควรสงบสติอารมณ์สักหน่อยนะ หากนายทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันก็มีแต่จะสร้างความเจ็บปวดให้กับทุกคนนะ!”
“นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรแห่งความมืดและเทียนกงเองก็แย่มาก ท้ายที่สุดแล้วนายต้องการต่อสู้กับหลินเฟิงนะรู้ไหม?”
เมื่อมู่ซินซินพูดด้วยอารมณ์ที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจเสี่ยวหยางเองก็ทรมานมากเช่นกัน หางตาของเขากระตุกเล็กน้อย
ขณะที่มู่ซินซินพยายามเกลี่ยกล้อมเขาไม่หยุดเสี่ยวหยางก็รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ
ปีศาจกินหัวใจเกิดอาการบ้าคลั่งขึ้น และกำหนดอารมณ์ของเขาในที่สุด เขาก็อดไม่ได้ที่จะคำรามออกมา:
”พอได้แล้ว!”
ลมหายใจของพลังจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็กลืนกินความรู้สึกของมู่ซินซินไป
ด้วยความสำเร็จนี้ความคิดต่าง ๆ ของมู่ซินซินแทบสลายหายไปในทันที
มู่ซินซินตกใจและขยับริมฝีปากแต่เธอก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
แต่เสี่ยวหยางก็ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงเช่นกันความดุร้ายบนใบหน้าของเขาสลายไปอย่างรวดเร็ว
“ฉันจะพาเธอกลับ”เสี่ยวหยางไม่สนใจว่ามู่ซินซินจะพูดอะไรต่อเขาเดินนำไปอย่างสงบเงียบ
ระหว่างทางกลับนั้นมู่ซินซินไม่ได้พูดอะไรกับเสี่ยวหยางอีกเลย
แค่เห็นรูปลักษณ์ของเสียวหยางในตอนนี้เธอก็อาจไม่สามารถพูดอะไรได้แล้ว
“ไปซะ”เมื่อมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน เสี่ยวหยางก็หยุด
มู่ซินซินถามอย่างไม่แน่ใจ“ในเมื่อมาที่นี่แล้ว นายจะไม่เข้าไปเยี่ยมเขาหน่อยหรือ?”
”หลินเฟิงเองก็กำลังรอนายอยู่ในนั่นนะนายสามารถจบปัญหาทั้งหมดได้ ก็แค่เดินเข้าไปเท่านั้นเอง!”
เสี่ยวหยางมองไปที่หมู่บ้านดวงอาทิตย์ส่องแสนอันอบอุ่นเข้ามาในตอนที่มันกำลังจะลับฟ้าไป
แต่มันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ในไม่ช้าแสงก็ถูกความมืดกลืนกินไป
เขากำลังจะเดินจากไปแต่ในขณะนั้นร่างกายของเขาก็ไปไหนไม่ได้ เขารีบหันกลับไปที่หมู่บ้านโดยไม่รู้ตัว
กลางท้องฟ้าที่ใกล้จะสิ้นแสงหลินเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้น!
ใบหน้าของเสี่ยวหยางกระตุกเล็กน้อยหลินเฟิงก้มหน้าและพูดอย่างด้วยความตื่นเต้น “เสี่ยวหยางนั้นนายจริง ๆ ด้วย!”
จากนั้นเขาก็เห็นมู่ซินซินและอดไม่ได้ที่จะตะลึง:”ซินซิน? เธออยู่กับเขาได้อย่างไร?”
มู่ซินซินพูดอย่างรวดเร็ว:”เป็นเพราะพันธมิตรแห่งความมืด พวกเขาจับฉันไป เสี่ยวหยางช่วยฉันเอาไว้”
”เป็นพันธมิตรมืดจริงๆ ด้วย!” ใบหน้าของหลินเฟิงแสดงถึงความโกรธออกมา แต่ในไม่ช้าเขาก็หันมามองเสี่ยวหยางอย่างเคร่งขรึม: “เสี่ยวหยาง นายช่วยซินซินไว้ใช่ไหม นั่นหมายความว่านายยังคงห่วงใยพวกเราอยู่สินะ?”
”ฉันผิดเองฉันยอมรับมันมาโดยตลอด ฉันไม่ควรมองข้ามความรู้สึกของนายแบบนั้น ถึงตอนนี้ ในเวลานี้ ณ ที่แห่งนี้ ฉันขอโทษ ฉันขอโทษนายจากใจจริง!”
”ฉันขอให้นายยกโทษให้กับฉันนะกลับไปสู่สิ่งที่พวกเราควรจะเป็น” เขากล่าว
เมื่อมองไปที่ใบหน้าของหลินเฟิงหัวใจของเสี่ยวหยางราวกับคลื่นทะเลที่เต็มไปด้วยมรสุม ใบหน้าของเขาก็แสดงความสับสนราวกับเด็กน้อยที่หลงทาง
ตอนนี้เขาเป็นบุตรแห่งพระเจ้าของพันธมิตรแห่งความมืดเขามีพลังแห่งชีวิตและความตาย ไม่มีใครกล้ารุกรานขอบเขตของเขา
แต่ต่อหน้าหลินเฟิงเขาไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองปลีกตัวออกไปอย่างเด็ดเดี่ยวได้ง่ายๆ เลย
ในเวลานี้ปีศาจกินใจก็เริ่มมีบทบาทอีกครั้งหลินเฟิงหายไปจากภาพของเขา และปรากฏขึ้นในใจของเขาแทน
ความหึงหวงเริ่มกระทบจิตใจของเขาเขาพูดด้วยใบหน้าเย็นชา “อย่าพูดให้เปลืองน้ำลายเลย ฉันไม่ได้เป็นสมาชิกของเทียนกงอีกต่อไปแล้ว ฉันคือบุตรแห่งพระเจ้า”
หลินเฟิงรีบและพูดด้วยเสียงที่ดัง“เสี่ยวหยาง! อย่าทำแบบนี้เลย”
“ตอนนี้พันธมิตรแห่งความมืดมีกำลังวางแผนครั้งใหญ่อยู่ และนั้นเป็นอันตรายต่อคนทั้งโลกอย่างแน่นอน! นายอย่าไปให้พวกเขาหยิบยืมพลังเลย”
เสี่ยวกล่าวกลับไปว่า:”ฉันรู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร และได้เห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาแล้ว ถึงยังงั้นก็ไม่มีอะไรที่ฉันสนใจอยู่ดี โลกจะเป็นยังไงก็ช่าง”
”ฉันไม่มีความทรงจำก่อนหน้านั้นฉันก็เป็นแค่สิ่งแปลกปลอมสำหรับโลกนี้ โลกใบนี้จะเป็นยังไงมันไม่สำคัญสำหรับฉัน”
“อย่าพูดอะไรอีก ฉันไม่ฟังแล้ว”
หลินเฟิงกล่าวอย่างรีบร้อนอีกครั้ง:”ไม่! ฉันรู้ว่านายไม่ได้เป็นคนแบบนั้น นายกำลังถูกควบคุมอยู่”
“เพราะปีศาจกินใจตัวนั้น!พลังของมันส่งผลต่ออารมณ์และการตัดสินของนาย นายถึงเปลี่ยนไปได้อย่างง่ายดายแบบนี้ยังไงหละ!”
เสี่ยวหยางตกอยู่ในความสงสัยในช่วงเวลาสั้นๆ อันที่จริงเขาก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน เขาจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ ได้อย่างไร?
แต่ในไม่ช้าเขาก็กลับมาเฉยเมยอีกครั้งหนึ่ง”ความคิดของฉันก็ต้องเป็นของฉัน จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร ไม่เกี่ยวอะไรกับแมลงปีศาจบ้าบออะไรนั้นหรอก”
จากนั้นเขาก็หันกลับไปอีกครั้ง:”ฉันไปหละ”
พูดจบเขาก็ไม่ได้คิดมากอีกต่อไปเขารีบบินจากไปทันที
เมื่อมองไปที่ร่างของเสี่ยวหยางที่หายไปดวงตาของหลินเฟิงก็สับสนก่อน จากนั้นก็มั่นคงยิ่งขึ้น
ดูเหมือนว่าอิทธิพลของปีศาจหัวใจนั้นจะไม่ธรรมดาจริงๆทุกอย่างถูดบีบให้เร็วขึ้น เขาไม่มีเวลาพูดถึงเรื่องของแก่นแท้แห่งเลือดด้วยซ้ำไป ครั้งต่อไปเมื่อเสี่ยวไชคลายพลังของเปลือกหอยนั้นแล้ว เขาจะต้องเปลี่ยน เสี่ยวหยางให้กลับไปเป็นแบบที่เคยเป็นให้ได้เลย!
”ไปกันเถอะ.”หลินเฟิงกล่าวและหันไปที่หมู่บ้านของเขา
บทที่ 660 การประชุมของกลุ่มหลิน
เช้าวันรุ่งขึ้นพร้อมกับดวงอาทิตย์ที่กำลังผ่านขอบฟ้าไปแขกคนสำคัญทั้งสามคนมาที่หลินกรุ๊ป
หลังจากได้รับแจ้งจากหวังหานหลินเฟิงก็เดินไปที่ประตูทางเขาทันทีเพื่อทักทายพวกเขา
เพื่อให้ดูดีและเหมาะสมเขายังเปลี่ยนชุดของวันนี้ให้เป็นสูทแบบพิเศษ ผู้คนที่มองเห็นจะมองไปที่โลโก้ดูมีพลังข้างหลังของเขา
และในด้านหลังของเขาก็มีผู้ติดตามนั้นคือผู้นำแห่งนิกายจือหยวนและปรมาจารย์ปิงหยวนจง
แน่นอนว่าทั้งสามคนที่สามารถสามารถดึงดูดความสนใจได้มากอีกฝ่ายที่เขาจะไปเจอนั้นก็คือผู้เฒ่าทั้งสามของกลุ่มศาลศักดิ์สิทธิ์
”ไม่มีใครอื่นหลินเฟิงนั่นเอง” ที่หัวหน้ากลุ่มคือผู้เฒ่าไป๋หัวเราะและกอดหลินเฟิงหนึ่งที
และหลินเฟิงก็รีบตอบกลับไปว่า:”ไม่กล้ารบกวนท่านผู้เฒ่าหรอกครับ ท่านยังคงจำชื่อของผมได้ ผมก็เป็นเกียรติมากแล้ว”
เฒ่าเคราขาวลูบเคราของตนและพูดด้วยรอยยิ้ม: “ไม่ ไม่ ไม่ ตอนนี้เทียนกงเองก็ดีมาก เติบโตขึ้นไปเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว”
”ในฐานะผู้นำของเทียนกงพวกเราขอทำความเคารพท่าน เดี๋ยวคนอื่นกล่าวได้ว่าพวกเราไม่นับถือกลุ่มศาลศักดิ์สิทธิ์ พวกเราเคารพกลุ่มอำนาจเก่าแก่อยู่แล้วครับ”
หลินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม:”ท่านผู้เฒ่าไป๋ คำพูดของพวกท่านมีน้ำหนักมากและผมเองก็ของมีส่วนช่วยเล็กๆ น้อย ๆ ในการเตรียมรับมือกับหายนะอันยิ่งใหญ่ เมื่อเทียบกับพลังอันยิ่งใหญ่ของผู้อาวุโสทั้งสามแล้ว หวังว่าพลังของพวกเราเองจะมีส่วนช่วยพวกท่านได้บ้างไม่มากก็น้อย”
“พวกเราไม่ได้เจอกันมาประมาณสองสามวันแล้วมั้งแต่เหมือนนายพูดได้ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ นะ ตอนนี้นายดูเหมือนนายใหญ่ในวังจริง ๆ แล้วรู้ตัวไหม”
”เอาล่ะฉันจะไม่พูดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ พูดตรง ๆ นะ นายอยากให้เราทำอะไรอย่างงั้นรึ”
“เรื่องแบบนี้เราจะมาพูดข้างนอกแบบนี่ได้ยังไง”หลินเฟิงออกนอกเส้นทางไป และทำท่าทางชี้นิ้วเข้าไปในตัวอาคาร “ได้โปรดเข้าไปคุยรายละเอียดกันข้างในเถอะครับ”
หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็เดินเข้าไปในอาคารประชุมพร้อมกับนั่งอยู่ในห้องประชุม และจิบชาชั้นดีจากไอหมอกไปด้วย
ผู้เฒ่ามู่ถามอีกครั้งหนึ่ง”มีอะไรสำคัญขนาดนั้นรึ เจ้าสำนักหลินใช้เวลามากขนาดนี้ในการเดินทางมาหาพวกเรา ช่วยเล่ารายละเอียดให้ฟังได้ไหม”
หลินเฟิงพยักหน้า:”มันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และมันเกี่ยวข้องกับพันธมิตรแห่งความมืดโดยตรงเลยหละครับ”
ทันทีที่พูดเช่นนี้แล้วการแสดงออกของผู้นำและกลุ่มนักบุญทั้งสามก็จริงจังมากขึ้นทันที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายตาของปรมาจารย์ทั้งสองที่เดินตามมานั้นจู่ ๆ ก็กลายเป็นความขมขื่นที่แทบจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
”พันธมิตรแห่งความมืดหรอเกิดอะไรขึ้น”
หลินเฟิงกล่าวว่า”ผมรู้จุดประสงค์ของพวกเขาแล้ว การสังหารหมู่ที่เกิดขึ่นโดยฝีมือของพันธมิตรทั่วทุกหนทุกแห่ง”
ทันใดนั้นสายตาของปรมาจารย์ทั้งสองก็ดูสง่างามมากขึ้น:”จุดประสงค์อย่างงั้นรึมันคืออะไร?”
ท้ายที่สุดแล้วกลุ่มของพวกเขาก็ถูกทำลายไปกว่าครึ่งด้วยมือของกลุ่มสหพันแห่งความมืดที่ร่วมพลังกันจนกลายเป็นกลุ่มพัทมิตรแห่งความลับพวกเขาจึงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ
หลินเฟิงจิบชาไปหลังจากหยุดไปชั่วขณะ ดวงตาของเขาก็ปกคลุมไปด้วยความหายมากมาย แม้ว่าแต่ละคำที่พูดออกมาจะเป็นเสียงที่ต่ำมาก แต่ก็มีผลกระทบอย่างรุนแรง: “กลุ่มพันธมิตรแห่งความมืด ตั้งใจจะช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ”
ปัง
เสียงของหลินเฟิงเพิ่งลดลงผู้นำทั้งสองที่ตามหลินเฟิงมาก็ทุบโต๊ะและลุกขึ้นยืนทันที
ในเวลาเดียวกันถ้วยน้ำชาของพวกเขาก็แตกออกพร้อมกันและน้ำชาก็ล้นออกมาบนโต๊ะ
ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้สิ่งที่หลินเฟิงพูดนั้นน่าตกใจจริงๆ
ร่างกายของปรมาจารย์ปิงหยวนจงสั่นสะท้านเล็กน้อยร่างกายของเขาก็ถูกล้อมรอบด้วยอากาศที่เย็น
ทันทีที่อารมณ์ขึ้นอุณหภูมิในห้องโถงทั้งหมดลดลงหลายองศา
มือของนักบุณทั้งสามปล่อยไอทำลายความหนาวเย็นเหล่านั้นออกไป: “ทั้งสองคนใจเย็น ๆ หน่อยสิ เราต้องเสียชาดี ๆ ไปตั้งสองถ้วยเลยนะ”
เจ้านิกายทั้งสองรู้ตัวว่าพวกเขาทำตัวเสียมารยาทไปแล้วจึงรีบกล่าวขอโทษจากนั้นก็ค่อย ๆ นั่งลง
ผู้เฒ่ามู่มองไปที่หลินเฟิงและกล่าวว่า”ท่านหลิน ท่านหมายความว่าอย่างไร ข้าบอกเจ้าได้เลยนะว่านั้นมันฟังดูไร้สาระสิ้นดี”
หลินเฟิงกล่าวเสริมว่า:”ถ้าไม่มีแหล่งข้อมูล ผมคงกล้ายืนยันแบบนั้นหรอก แม้ว่าผมจะไม่ชอบพันธมิตรแห่งความลับพวกนั้น ผมก็จะไม่หยิบเหตุผลไร้สาระออกมาอย่างแน่นอน”
“เรื่องมันเป็นเช่นนี้ครับ… ” หลินเฟิงกล่าวอีกครั้ง
และในระหว่างการบรรยายของหลินเฟิงการแสดงออกของปรมาจารย์และเหล่านักบุญ ก็มีความประหลาดใจในครั้งแรกจากนั้นพวกเขาก็จริงจังมากเรื่อย ๆ
ผู้นำของปิงหยวนจงไม่สามารถทำอะไรได้แม้ว่าเขาจะไม่ได้โกรธจนพลังมือไปแบบครั้งแรก แต่เขาก็พูดอย่างขมขื่น: “มีเรื่องแบบนี้จริง ๆ รึ! คนพวกนั้นไม่ได้ต่างกับสัตว์เดรัจฉานเลย! ในท้ายที่สุดแล้วความเป็นธรรมจะปรากฏขึ้นอย่างแน่นอน”
นักบุญทั้งสามรวมรวมสมาธิปกติพวกเขาจะดูเหมือนคนชราทั่วไป แต่คราวนี้คิ้วของพวกเขาดูนุ่มลึกมากจนยากที่จะหยั่งถึง
ครู่ต่อมาชายชรากล่าวว่า”นี่เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ไปแล้วสินะ … ”
“เพราะเรื่องนี้สำคัญเกินไปมากผมจึงรวบรวมทุกคนมาที่นี่เพื่อถามความคิดเห็นของทุกคน” หลินเฟิงถาม
”พวกเราควรทำอย่างไรเกี่ยวกับพันธมิตรแห่งลับนี้ดีหละครับ”
ทั้งสามคนมองหน้ากันและสบตากันจากนั้นชายชราเคราขาวก็ถอนหายใจ: “ทำเป็นไม่รู้ก่อนดีกว่าตอนนี้”
หลินเฟิงไม่ได้เปิดปากเพื่อถามแต่เจ้าของนิกายทั้งสองคนก่อนไม่สามารถเก็บคำถามไว้ในใจได้:
”ทำไมหรือท่านนักบุญ”
“พันธมิตรลับทำลายตระกูลของพวกเราและตอนนี้เขายังช่วยเหลือปีศาจจากต่างแดนอีกพวกเราควรเร่งมือจัดการพวกเขาก่อนดีกว่าไหมก่อนที่ปัญหาจะบานปลายไปมากกว่านี้!”
ผู้เฒ่ากล่าวด้วยความจริงจัง:”ฉันยังคงต้องบอกให้ทั้งสองคนแรกใจเย็น ๆ ลงก่อน อย่าให้ใจสับสนด้วยความโกรธ”
”มันยากที่จะบอกได้ว่าข่าวนั้นเป็นจริงแท้มากมายขนาดไหนถ้าเราไม่มีหลักฐาน พวกเราจะโจมตีพวกเขามั่ว ๆ ได้อย่างไร”
“ยิ่งไปกว่านั้นพลังของพันธมิตรแห่งความลับก็ยังห่างไกลจากกลุ่มปกติมาก ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องมีมากกว่าที่พวกเราเห็นอย่างผิวเผินแน่นอน ถ้าเราเริ่มทำสงครามกับสิ่งนี้จะมีหลายชีวิตและหลายสิ่งต้องมาเกี่ยวพันแน่นอน ซึ่งนั้นมันมากเกินไป ทางพวกเราเองกลัวว่าก่อนเกิดภัยพิบัติจะมาถึง พวกเราจะไม่พร้อมรับมือกับมัน”
”ดังนั้นเราควรเก็บไว้เป็นความลับก่อนดีกว่าในตอนนี้พวกเราควรเฝ้ามองระยะยาวดีกว่าและเพิ่มพูนกำลังกลับมาโดยเฉพาะพวกท่านทั้งสองไม่ใช่หรือ?”
เมื่อฟังคำอธิบายของผู้อาวุโสทั้งสามแล้วผู้นำทั้งสองก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพวกเขาก็เงียบไป
หลินเฟิงพยักหน้า:”ผมเห็นด้วยกับมุมมองของท่านทั้งสาม ตอนนี้มันเร็วเกินไปที่จะดำเนินการ ในตอนนี้ดีที่สุดแล้วที่จะทำแบบนี้ คอยสังเกตุการณ์ดูสักพัก เพื่อไม่ให้หลงกลพวกเขาและสร้างปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น”
เขาหยุดและเปลี่ยนหัวข้อ:”แต่ผมมีคำถามในใจมาตลอด ผมสงสัยว่าพวกท่านจะตอบให้ผมได้ไหม”
โดยไม่รอให้ผู้อาวุโสทั้งสามพูดเขาก็พูดกับตัวเองว่า”ผมคิดว่ามันแปลกมาก แม้ว่าพวกเขาจะช่วยปีศาจจากนอกโลกเอาไว้ แต่ทำไมพันธมิตรแห่งความลับถึงเลือกที่จะต่อสู้กับกองกำลังต่าง ๆ แบบนั้นด้วย?”
“ปีศาจนอกโลกนั้น ไม่ใช่การดำรงอยู่อย่างเรียบง่าย ต้องมีพลังจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากมาย แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญและเทียบเคียงได้กับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ ไม่ต้องพูดถึงความแข็งแกร่งเลย แม้แต่นิกายฮัวหยุนจงและกลุ่มของทั้งสอง ถูกปราบไปนั้นเท่ากับว่าความแข็งแกร่งของปีศาจนอกโลกจะสูงกว่านั้นแล้ว”
“ทำไมพวกเขาไม่นอนลงจิบน้ำชาและรอจนกว่าหายนะจะเกิดขึ้นหละ”
หลินเฟิงถามคำถามนี้ออกมาและปล่อยให้ห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบ
จากนั้นผู้เฒ่าไป๋ก็พูดเบาๆ ว่า “ฉันไม่คาดคิดมาก่อนว่านายจะรู้อะไรเกี่ยวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากขนาดนี้ด้วย มันวิเศษมาก”
หลินเฟิงกล่าวว่า”นี้เป็นเพียงสิ่งที่ผมรู้ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ผู้อาวุโสทั้งสามช่วยตอบคำถามของผมได้ไหมครับ”
ชายชราทั้งสามเงียบอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นมองไปที่เจ้าของนิกายทั้งสอง:”พวกท่านทั้งสองลองชี้แจงให้เขากระจ่างทีสิ”
ปรมาจารย์ทั้งสองมองหน้ากันและพยักหน้า:“เนื่องจากหัวหน้าวังหลินรู้เรื่องเหนือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วงั้นตอนนี้ก็พอที่จะพูดมันออกไป ท่านเป็นคนพูดน่าจะได้กว่านะ”
”ตกลง.”หลังจากได้รับอนุญาตแล้วผู้เฒ่าไป๋ก็มองเข้าไปในดวงตาของหลินเฟิง
“ปรมาจารย์หลิน นายอาจจะคิดว่ากู้พลังทั้งหมดได้แล้วใช่ไหม?”
“แต่เนื่องจากนายรู้สิ่งที่อยู่เหนือดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว นายก็ควรเข้าใจว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นเทียบอะไรไม่ได้เลยท่ามกลางภัยพิบัติในสมัยโบราณ ผู้ครอบครองพลังแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์สามารถตายได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว”
”ถ้าปรมาจารย์ทั้งสองนิกายนี้เป็นตัวแทนของความแข็งแกร่งสูงสุดในตอนนั้นฉันต้องขอพูดเลยตามตรงและด้วยความเคารพ ถ้าในตอนนั้นพวกเขามีพลังแค่นี้จริง ๆ พวกเขาไม่สามารถดำรงอยู่ได้จนถึงปัจจุบันได้อย่างแน่นอน”
หลินเฟิงดูเหมือนจะเข้าใจ:”นั้นหมายถึง … ”
”ใช่แล้ว”ชายเคราขาวเน้นน้ำเสียงของเขา ดวงตาของเขาดูเหมือนจะยิงลำแสงออกมา ” ในปัจจุบันกองกำลังแห่งการฟื้นฟูเป็นเพียงการฟื้นฟูความแข็งแกร่งเพียงผิวเผินของพวกเขาเท่านั้น ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพวกเขายังไม่ถึงเวลาที่จะฟื้นกลับมาด้วยซ้ำ! ”